สวัสดีคับ .. ผมอยากรบกวนขอความเห็น ว่า เหตุการณ์แบบนี้ ผมควรทำอย่างไรดี
เดือนธันวา'56 ผมได้ทำการประมูลซื้อที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง จากกรมบังคับคดีมา
ซึ่งที่ดินผืนนี้ มีสิ่งปลูกสร้างเป็นบ้านบังกะโล และโรงไม้โครงเหล็กหลังคาสูง มีเนื้อที่ประมาณ 12 ไร่
ที่ดินผืนนี้ ผมยังไม่ได้มีโครงการจะทำอะไร เพียงแต่ซื้อไว้ เพราะเป็นสมบัติเก่าของปู่ผม
(ซึ่งญาติพี่น้องฝั่งพ่อ ไม่ได้มีความต้องการที่ดินผืนนี้ ครอบครัวผมจึงซื้อขึ้นมาเอง)
ญาติของผม ซึ่งทำนากุ้งอยู่ใกล้ๆ ที่ดินนี้ และ คนงาน มาอาศัยอยู่ในบ้านพักในพื้นที่
ทางครอบครัวผม รับทราบและ ไม่ได้ติดใจอะไรในการขอมาพักในพื้นที่นี้
เพราะถือว่ามีคนช่วยมาดูบ้างก็ยังดี
อีกทั้งเค้าจัดการตั้งหม้อแปลงไฟขนาดใหญ่ และจ่ายค่าไฟเอง
แต่ตอนนี้มันมีปัญหาเกิดขึ้น เพราะผมบังเอิญขับรถไปดูสวนยาง ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กัน
(ผมอยู่อีกจังหวัดนึง ไกลกันประมาณ 80 กม. ซึ่งนานๆ จะขับรถไปดูซักครั้ง)
ปรากฎว่า ที่ดินนี้มีคนมาเช่าเพื่อวางไว้ฟืน โดยที่ผมไม่ทราบเรื่องมาก่อนเลย
จึงไปสอบถามผู้เช่า กลายเป็นว่า เค้าทำสัญญาเช่ากับญาติผม จ่ายเงินล่วงหน้าให้กับญาติ
มาแล้ว 3 เดือน เดือนนี้เป็นเดือนที่ 2 ที่มาเช่า
ผมจึงได้ติดต่อญาติคนนั้น ถามเรื่องการเช่า และค่าเช่าที่ ที่เก็บมา
ญาติก็ตอบกลับมาว่า ค่าเช่าที่เค้าเก็บมา เค้าเอาไปเป็นค่าใช้จ่ายในการรื้อโรงไม้โครงเหล็กนั้นออกไป
เพราะกลัวว่าหลังคาที่ผุๆ จะหล่นลงมาทับหม้อแปลงที่เค้าติดตั้งไว้
ผมบอกเค้าไปว่า ผมไม่เคยทราบเรื่องการรื้อถอน และไม่เคยต้องการรื้อถอนโรงงานหลังนั้นเลย
การที่เค้าจะรื้อ มันก็ไม่ควรจะมาเก็บเงินกับผม เพราะเค้าเป็นคนต้องการรื้อถอนเอง
อีกอย่าง ผมก็ให้เค้าอาศัยในพื้นที่นี้ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายอะไรแล้ว
ค่าเช่าที่ได้มา มันก็ควรเป็นของครอบครัวผมซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินไม่ใช่เหรอ???
ตอนนี้มีปัญหากัน ซึ่งเค้าไม่ยอม เค้าต้องการให้ผมจ่ายค่ารื้อถอนโรงงาน (ที่ผมไม่ต้องการรื้อ)
ซึ่ง มูลค่าที่เค้ามา ย้อนเรียกเก็บกับผม มันเป็นตัวเงินมากกว่าค่าเช่าที่ ที่เค้าเรียกเก็บมาอีก
ผมงง .. ผมสับสน ว่า แบบนี้ถูกต้องแล้วเหรอ ผมควรทำยังไงกับญาติคนนี้ดี
มันถูกต้องแล้วเหรอ ที่ญาติคนนี้ ทำแบบนี้...
หรือ มีวิธีการไหน ที่ควรพูด ควรจัดการกับเรื่องแบบนี้
ผมควรทำยังไง .. กับญาติคนนี้ดี ปิดตายอมเค้า หรือ สู้เพื่อเรียกสิทธิ์ของตัวเองกลับมา
เดือนธันวา'56 ผมได้ทำการประมูลซื้อที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง จากกรมบังคับคดีมา
ซึ่งที่ดินผืนนี้ มีสิ่งปลูกสร้างเป็นบ้านบังกะโล และโรงไม้โครงเหล็กหลังคาสูง มีเนื้อที่ประมาณ 12 ไร่
ที่ดินผืนนี้ ผมยังไม่ได้มีโครงการจะทำอะไร เพียงแต่ซื้อไว้ เพราะเป็นสมบัติเก่าของปู่ผม
(ซึ่งญาติพี่น้องฝั่งพ่อ ไม่ได้มีความต้องการที่ดินผืนนี้ ครอบครัวผมจึงซื้อขึ้นมาเอง)
ญาติของผม ซึ่งทำนากุ้งอยู่ใกล้ๆ ที่ดินนี้ และ คนงาน มาอาศัยอยู่ในบ้านพักในพื้นที่
ทางครอบครัวผม รับทราบและ ไม่ได้ติดใจอะไรในการขอมาพักในพื้นที่นี้
เพราะถือว่ามีคนช่วยมาดูบ้างก็ยังดี
อีกทั้งเค้าจัดการตั้งหม้อแปลงไฟขนาดใหญ่ และจ่ายค่าไฟเอง
แต่ตอนนี้มันมีปัญหาเกิดขึ้น เพราะผมบังเอิญขับรถไปดูสวนยาง ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กัน
(ผมอยู่อีกจังหวัดนึง ไกลกันประมาณ 80 กม. ซึ่งนานๆ จะขับรถไปดูซักครั้ง)
ปรากฎว่า ที่ดินนี้มีคนมาเช่าเพื่อวางไว้ฟืน โดยที่ผมไม่ทราบเรื่องมาก่อนเลย
จึงไปสอบถามผู้เช่า กลายเป็นว่า เค้าทำสัญญาเช่ากับญาติผม จ่ายเงินล่วงหน้าให้กับญาติ
มาแล้ว 3 เดือน เดือนนี้เป็นเดือนที่ 2 ที่มาเช่า
ผมจึงได้ติดต่อญาติคนนั้น ถามเรื่องการเช่า และค่าเช่าที่ ที่เก็บมา
ญาติก็ตอบกลับมาว่า ค่าเช่าที่เค้าเก็บมา เค้าเอาไปเป็นค่าใช้จ่ายในการรื้อโรงไม้โครงเหล็กนั้นออกไป
เพราะกลัวว่าหลังคาที่ผุๆ จะหล่นลงมาทับหม้อแปลงที่เค้าติดตั้งไว้
ผมบอกเค้าไปว่า ผมไม่เคยทราบเรื่องการรื้อถอน และไม่เคยต้องการรื้อถอนโรงงานหลังนั้นเลย
การที่เค้าจะรื้อ มันก็ไม่ควรจะมาเก็บเงินกับผม เพราะเค้าเป็นคนต้องการรื้อถอนเอง
อีกอย่าง ผมก็ให้เค้าอาศัยในพื้นที่นี้ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายอะไรแล้ว
ค่าเช่าที่ได้มา มันก็ควรเป็นของครอบครัวผมซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินไม่ใช่เหรอ???
ตอนนี้มีปัญหากัน ซึ่งเค้าไม่ยอม เค้าต้องการให้ผมจ่ายค่ารื้อถอนโรงงาน (ที่ผมไม่ต้องการรื้อ)
ซึ่ง มูลค่าที่เค้ามา ย้อนเรียกเก็บกับผม มันเป็นตัวเงินมากกว่าค่าเช่าที่ ที่เค้าเรียกเก็บมาอีก
ผมงง .. ผมสับสน ว่า แบบนี้ถูกต้องแล้วเหรอ ผมควรทำยังไงกับญาติคนนี้ดี
มันถูกต้องแล้วเหรอ ที่ญาติคนนี้ ทำแบบนี้...
หรือ มีวิธีการไหน ที่ควรพูด ควรจัดการกับเรื่องแบบนี้