สวัสดีค่ะ...สืบเนื่องจากกระทู้เก่าเราโพสต์ไว้นานหลายเดือนแล้วกระทู้เลยหายไปไกลมาก เลยตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาใหม่นะคะ แนะนำให้กลับไปอ่าน 9 เรื่องแรกของกระทู้เก่าก่อน เพราะเรื่องจะลำดับเหตุการณ์ตามอายุค่ะเวลาอ่านจะได้ไม่สับสน
(ลิ้งค์กระทู้เก่า
http://pantip.com/topic/33722931 )
เหมือนเดิมนะคะเราจะเล่าเป็นเรื่องๆไปให้จบในตอนเดียวจะได้ไม่ค้าง ทุกเรื่องยืนยันว่าไม่ได้แต่งขึ้น หากอ่านเเล้ววนไปวนมาขออภัยด้วยนะคะ เพราะเราเรียบเรียงประโยคไม่เก่ง 😊
เริ่มเลยนะคะ...............
เรื่องที่ 10 : อุบัติเหตุครั้งนั้น...ทำให้ฉันเจอวิญญาณมากขึ้น!!!
(เหตุเกิดที่ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี)
คือหลังจากที่เราเจอผีเด็กกุมารไปตอนยังเด็กมาก สมัยประถมที่เห็นแบบชัดๆเราก็ไม่เจออะไรอีกเลยนะคะ อาจจะมีแวปๆหางตามั่งแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจ จนมาถึงช่วงมัธยมต้นค่ะ เราเรียนโรงเรียนชายล้วน ช่วงนั้นยังแอ๊บแมนอยู่ 555 คบเพื่อนผู้ชายซ่าๆทุกคน คือเด็กต่างจังหวัดอะค่ะ ทุกคนต้องมีมอเตอร์ไซด์ วันนั้นจำได้เลยมีวิชาสุขศึกษา ครูประจำวิชาโหดมากแล้วเรากับเพื่อนในกลุ่มไม่ได้ส่งการบ้าน เลยพากันโดดเรียน ขับรถมอเตอร์ไซต์กันมา 2 คัน คันเราซ้อน 3 เรานั่งกลาง ส่วนอีกคันซ้อน 2 ก็ขับกันมาไม่ได้เร็วมากนะคะ น่าจะ 60-70 ถนนใหญ่ ช่วงขับมาถึงโค้งท่าผา (โค้งท่าผาเป็นโค้งในตำนานค่ะ คนพื้นที่จะรู้ดีว่ามีอุบัติเหตุบ่อย) ข้างทางตรงช่วงโค้งพอดิบพอดีทางซ้ายมือจะมีศาลใหญ่ๆใต้ต้นไทร และมีผ้าสามสีผูกอยู่ดูขลังชวนขนลุกทุกครั้งที่ผ่าน ทุกครั้งที่ผ่านตรงนั้นรถทุกคนส่วนมากจะบีบแตรเหมือนเป็นการบอกกล่าวตามมารยาทคนไทยหลายๆคนที่ทำกัน คือช่วงถึงโค้งปกติเราจะคิดในใจเสมอว่าขอผ่านทางหน่อยอะไรประมานนี้ เป็นคนไม่ชอบบีบเเตรเพราะกลัวรถข้างหน้าตกใจ ช่วงที่ผ่านโค้งตอนนั้นเพื่อนเรามันตะโกนด่าเล่นกัน สบถคำหยาบกันตอนผ่านศาล เราคิดในใจแล้วว่ามาพูดอะไรกันตอนผ่านหน้าศาลวะ กำลังจะยื่นมือไปตบไหล่เพื่อนคนขับให้มันเงียบ แต่ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก พ้นศาลมาได้นิดเดียวรถเพื่อนเราอีกคันที่ตีคู่มาก็ขับแซงมาปาดหน้าคันเรา แต่มันแซงไม่พ้นแฮนรถคันเราเลยไปเกี่ยวกันกับรถเพื่อนพากันเทกระจาดทั้งสองคัน ล้มแบบไถลไกลมากตอนนั้นทุกอย่างมืดไปหมด เราลืมตาขึ้นมาเห็นเพื่อนไถลไปข้างหน้า2คนพร้อมกับรถ คนที่ขับรถเราไถลเข้าข้างทาง อีกคนนึงที่ซ้อนหลังสุดเค้าสะพายเป้นักเรียนก็เลยนอนเอาเป้ขรูดกับพื้นถนน ส่วนเรานั่งกลางเจ็บหนักสุดเพราะเบี่ยงตัวหนีไม่ได้เลย เราไถลมาทางศาล ตอนนั้นเราหลับตาปี๋คิดถึงหน้าพ่อหน้าแม่คิดถึงคุณยาย ในใจภาวนาขอให้รอดด้วยเถอะ ยังไม่อยากตาย เราทำทุกอย่างทุกทางเพื่อจะหยุดตัวเอง เราใช้มือทั้งสองข้างกดลงที่พื้นแต่มันไม่ยอมหยุด ฝ่ามือก็ยังกดพื้นรูดไปเรื่อยๆ ตอนนั้นมือชาแต่ไม่รู้สึกเจ็บ ขณะนั้นเรายังหลับตาอยู่หันไปเห็นรถสิบแปดล้อรางๆขับมาทางข้างหลังเรา เราคิดว่าเบรคไม่ทันก็ตายแค่นั้น เรายังคงกดฝ่ามือไปที่พื้นแรงมากและยังคงหลับตาภาวนา ตอนนั้นเป็นเวลาเพียงไม่กี่วิ แต่รู้สึกทุกอย่างมันถาโถมเข้ามาเยอะเหลือเกิน พอตัวเราหยุดเราลืมตาขึ้นช้าๆ ภาพที่เห็นคือเรานอนอยู่หน้ารถบรรทุกห่างกันไปไม่ถึงคืบ โชคดีมากที่คนขับเค้าไม่ได้ขับมาเร็ว เรายืนขึ้นมองไปที่เพื่อน ทุกคนปลอดภัยดีมีเพียงแผลถลอกที่เเขนและขาไม่มีใครเจ็บสาหัส เราก็โล่งอก ตอนนั้นรถติดมากเพราะคันที่ตามหลังมาทุกคนตกใจกันหมด เราวิ่งเข้าไปหาเพื่อนนึกขึ้นได้ว่า ใช้มือเบรคถนนไปเมื่อกี้ เลยยกมือขึ้นมาดู หนังมืออ่อนๆมันถลกออกไปหมด เลือดแดงมากแต่ไม่เยอะ เลยบิดกระจกมอไซด์มาส่อง คุณพระ....หน้าเราแถบนึงหนังช่วงแก้มหลุดไปเหลือแต่เนื้อใสๆสีชมพู มีเลือดติดนิดหน่อย ฟันหน้าแตก2ซี่ คือเราเจ็บหนักสุดยืนเช็คสภาพตัวเองสักพัก ก็รีบพากันขึ้นมอไซด์กันไปที่อนามัย เพราะไม่อยากอยู่ที่ถนนนานกลัวมีคนแจ้งตำรวจ เดี๋ยวเรื่องไปถึงโรงเรียนจะซวยกลายเป็นเรื่องใหญ่ ขับมาถึงอนามัยแถวนั้นพี่ๆอนามัยก็แค่ล้างแผลให้เรา แต่เค้าให้ขับไปที่โรงบาลเอง เหตุผลคือกลัวแผลติดเชื้อเพราะมีเศษหินกรวดติดอยู่ที่แผล ช่วงระหว่างทางที่มาโรงพยาบาลรู้สึกตึงแผลมากและเจ็บๆชาๆสลับกันไป ถึงโรงพยาบาลพี่ๆพยาบาลก็ล้างแผลให้เสร็จสรรพ เราก็โทรตามแม่ให้มารับกลับบ้าน ตอนนั้นเฉพาะเราหยุดเรียนเกือบสองอาทิตย์....และช่วงที่หยุดอยู่บ้านเป็นจุดเริ่มต้นของเหตุการณ์ทั้งหมด
ช่วงที่เราอยู่บ้านถ้าไม่เล่นคอมก็จะนอนหลับ มีอยู่วันนึงเป็นวันที่พีคมากทุกอย่างมันประเดประดังถาโถมเข้ามาแบบตั้งตัวไม่ทันเหมือนจะเป็นโรคประสาทหวาดระแวงไปสักพัก คือวันนั้นเป็นช่วงเวลาเย็นๆกำลังโพล้เพล้เรานั่งเล่นเกมส์ The Sims อยู่ในห้อง รู้สึกวูบๆที่ด้านหลัง หนาวๆครั่นเนื้อครั่นตัวแปลกๆ คล้ายๆจะไม่สบายเหนื่อยๆหวิวๆ เลยคิดว่าปิดคอมดีกว่าจะลงไปหาแม่ข้างล่าง ปิดคอมเสร็จช่วงระหว่างบิดลูกบิดประตูด้านในห้อง ประตูเปิดแง้มมาได้ประมาน 4-5 นิ้ว พอที่จะมองลอดออกไปข้างนอก สายตาเราจ้องอยู่ที่ลูกบิด สิ่งที่เห็นคืออีกฟากของลูกบิดมีมือขาวซีด ขาวแบบกระดาษA4 จับลูกบิกอยู่อีกฟากแต่เราไม่เห็นตัวเค้านะ เห็นแค่มือ จังหวะนั้นจะดันประตูกลับก็ไม่ได้ เพราะบิดมากำลังจะก้าวขาพอดี เลยเปิดไปเลยแบบอัตโนมัติคือมันประชิดตัวมาก เปิดไปก็ไม่มีอะไรช่วงที่กำลังจะปิดประตูกลับเราก็ไม่กล้าหันมามองว่ามือยังอยู่มั้ย เราผลักประตูสุดแรงแล้วรีบวิ่งจั้มลงบันไดไปชั้นล่างโดยไม่หันกลับมามองข้างบนอีกเลย ลงมาข้างล่างก็ไม่ได้เล่าให้ใครฟังได้แค่นั่งคิดว่าสิ่งที่เห็นคืออะไรวะ ? ถามตัวเองซ้ำๆว่าเราไม่ได้ตาฝาดไปใช่มั้ย ภาพท่อนมือซีดยังคงติดตา....
นี่คือห้องและลูกบิกประตูที่เกิดเหตุค่ะ ตอนที่เปิดวันนั้นแง้มมาประมานนี้เลยค่ะ เห็นมือพอดีมืออูมๆนิ้วเรียวขาวๆซีดๆเดาว่าน่าจะมือผู้หญิง....
เย็นนั้นเรานั่งอยู่ข้างล่างนานมากไม่ยอมขึ้นห้องด้วยหลายๆเหตุผล รู้ตัวอีกทีแม่กับน้องก็ขึ้นไปนอนกันหมดเเล้ว เหลือเพียงแต่เรานั่งอยู่คนเดียว ตอนนั้นเริ่มคิดแล้วว่าจะขึ้นห้องยังไงวะ เพราะก่อนขึ้นบ้านแม่สั่งไว้เสมอว่าให้ปิดไฟชั้นล่างให้หมดถ้าไม่ปิด เช้ามาก็จะโดนแม่สวดยับ เลยกลั้นใจปิดไฟชั้นล่างทุกดวง เปิดไฟฉายจากมือถือแล้ววิ่งแบบความเร็วแสงขึ้นบันได ชั้นบนที่หน้าห้องมีไฟดวงเล็กๆเปิดรอไว้ที่หน้าห้อง เราวิ่งขึ้นบันไดมาได้ 10 กว่าขั้น มาถึงชั้นพักเท้า ตาก็เหลือบขึ้นไปมองหน้าประตูที่เกิดเหตุ...ว่างเปล่า...ใจชื้นขึ้นเยอะที่ไม่เห็นอะไร แต่!!! ยังไม่ทันได้คิดอะไรต่อ ก็เหลือบไปเห็นอีกฝั่งของประตูหน้าห้อง ตรงมุมราวบันได... เป็นร่างของเด็กผู้ชาย ไม่รู้ว่าใส่เสื้อผ้ามั้ย แต่ตัวขาวซีด โปร่งแสงนิดๆนั่งก้มหน้าชันเข่า เหมือนว่าเค้ากำลังนั่งคิดอะไรอยู่ เราสัมผัสได้ถึงความโศกเศร้าเสียใจ

ตรงลูกศรชี้คือที่เห็นเค้านั่งอยู่ค่ะ ส่วนห้องที่เราจะเข้าคือประตูทางซ้ายฝั่งตรงข้ามลูกศร
เวลานั้นคิดแบบรวดเร็วว่ายังไงก็ต้องเข้าห้องไปหาแม่ให้ได้เพราะถ้าจะลงไปชั้นล่างคืนนี้คงเป็นโรคประสาทตายก่อน เลยกลั้นใจวิ่งผ่านร่างนั้นเข้าห้องนอนไป เข้ามาในห้องตัวเราสั่นมาก ไม่พูดไม่จารีบปูผ้านอนข้างๆเตียงแม่เลย เช้ามาไข้ขึ้นหนาวสั่นแม่มาเช็ดตัวให้ก็เลยเล่าให้แม่ฟังทั้งหมด ตอนแรกแม่ก็ว่าเราเพ้อเจ้อ หลังๆเห็นบ่อยๆเข้าก็เริ่มเพิ่มเปอร์เซ็นความเชื่อมากขึ้น ช่วงที่เกิดเหตุเราอยู่ม.2 หลังจากเหตุการณ์นั้นเราก็เลยดร็อปเรียนด้วยเหตุผลบางอย่าง...(บอกไม่ได้)
สิ่งที่ทำให้แม่เราเชื่อว่าเราเห็นผีจริงๆก็คงเพราะ หลังจากนั้นแม่เราเล่าให้ป้าเราฟังว่าเราไปเจออะไรแบบนี้มา ป้าเลยบอกให้ลองคุยกับหมอดูเอา เป็นหมอดูตาบอดแก่ๆ แกดูดวงจากวันเกิดทางโทรศัพท์ ต้องนัดร่วงหน้าเป็นปี ค่าดู 200 บาท คนต่อคิวกันยาวมาก แม่เรานัดคิวได้ก็โทรคุยกับเค้าบอกวันเกิดนั่นนี่ ยังไม่ได้ทันพูดอะไรหมอดูก็ทักแม่เราว่าลูกคนนี้มีสัมผัสพิเศษนะ สามารถเห็นในสิ่งที่เราไม่เห็นได้ถ้าเค้าบอกว่า เค้าเห็นวิญญาณ เค้าไม่ได้โกหกเค้าไม่ได้บ้าแต่เค้าเห็นจริงๆ เพียงเเค่เราสัมผัสไม่ได้ แล้วอีกอย่างคือช่วงนั้นเราบอกแม่เราว่าเราปวดท้องบ่อยมากเป็นๆหายๆ แม่เลยถามหมอดูว่าสุขภาพเราเป็นยังงัยบ้าง หมอดูบอกว่าเรามีปัญหาเกี่ยวกับลำไส้ ปวดท้องบ่อยให้กินผลไม้เยอะ ๆ กินอาหารดีๆรักษาสุขภาพ ซึ่งมันตรงกับที่เราบอกแม่ไว้ ตอนนั้นแม่เราเลยปักใจเชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์
(ต่อจากกระทู้เก่า)***ประสบการณ์หลอนตั้งแต่เด็กจนปัจุบัน***(เรื่องจริงล้านเปอร์เซ็นต์) Part 2
(ลิ้งค์กระทู้เก่า http://pantip.com/topic/33722931 )
เหมือนเดิมนะคะเราจะเล่าเป็นเรื่องๆไปให้จบในตอนเดียวจะได้ไม่ค้าง ทุกเรื่องยืนยันว่าไม่ได้แต่งขึ้น หากอ่านเเล้ววนไปวนมาขออภัยด้วยนะคะ เพราะเราเรียบเรียงประโยคไม่เก่ง 😊
เริ่มเลยนะคะ...............
เรื่องที่ 10 : อุบัติเหตุครั้งนั้น...ทำให้ฉันเจอวิญญาณมากขึ้น!!!
(เหตุเกิดที่ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี)
คือหลังจากที่เราเจอผีเด็กกุมารไปตอนยังเด็กมาก สมัยประถมที่เห็นแบบชัดๆเราก็ไม่เจออะไรอีกเลยนะคะ อาจจะมีแวปๆหางตามั่งแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจ จนมาถึงช่วงมัธยมต้นค่ะ เราเรียนโรงเรียนชายล้วน ช่วงนั้นยังแอ๊บแมนอยู่ 555 คบเพื่อนผู้ชายซ่าๆทุกคน คือเด็กต่างจังหวัดอะค่ะ ทุกคนต้องมีมอเตอร์ไซด์ วันนั้นจำได้เลยมีวิชาสุขศึกษา ครูประจำวิชาโหดมากแล้วเรากับเพื่อนในกลุ่มไม่ได้ส่งการบ้าน เลยพากันโดดเรียน ขับรถมอเตอร์ไซต์กันมา 2 คัน คันเราซ้อน 3 เรานั่งกลาง ส่วนอีกคันซ้อน 2 ก็ขับกันมาไม่ได้เร็วมากนะคะ น่าจะ 60-70 ถนนใหญ่ ช่วงขับมาถึงโค้งท่าผา (โค้งท่าผาเป็นโค้งในตำนานค่ะ คนพื้นที่จะรู้ดีว่ามีอุบัติเหตุบ่อย) ข้างทางตรงช่วงโค้งพอดิบพอดีทางซ้ายมือจะมีศาลใหญ่ๆใต้ต้นไทร และมีผ้าสามสีผูกอยู่ดูขลังชวนขนลุกทุกครั้งที่ผ่าน ทุกครั้งที่ผ่านตรงนั้นรถทุกคนส่วนมากจะบีบแตรเหมือนเป็นการบอกกล่าวตามมารยาทคนไทยหลายๆคนที่ทำกัน คือช่วงถึงโค้งปกติเราจะคิดในใจเสมอว่าขอผ่านทางหน่อยอะไรประมานนี้ เป็นคนไม่ชอบบีบเเตรเพราะกลัวรถข้างหน้าตกใจ ช่วงที่ผ่านโค้งตอนนั้นเพื่อนเรามันตะโกนด่าเล่นกัน สบถคำหยาบกันตอนผ่านศาล เราคิดในใจแล้วว่ามาพูดอะไรกันตอนผ่านหน้าศาลวะ กำลังจะยื่นมือไปตบไหล่เพื่อนคนขับให้มันเงียบ แต่ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก พ้นศาลมาได้นิดเดียวรถเพื่อนเราอีกคันที่ตีคู่มาก็ขับแซงมาปาดหน้าคันเรา แต่มันแซงไม่พ้นแฮนรถคันเราเลยไปเกี่ยวกันกับรถเพื่อนพากันเทกระจาดทั้งสองคัน ล้มแบบไถลไกลมากตอนนั้นทุกอย่างมืดไปหมด เราลืมตาขึ้นมาเห็นเพื่อนไถลไปข้างหน้า2คนพร้อมกับรถ คนที่ขับรถเราไถลเข้าข้างทาง อีกคนนึงที่ซ้อนหลังสุดเค้าสะพายเป้นักเรียนก็เลยนอนเอาเป้ขรูดกับพื้นถนน ส่วนเรานั่งกลางเจ็บหนักสุดเพราะเบี่ยงตัวหนีไม่ได้เลย เราไถลมาทางศาล ตอนนั้นเราหลับตาปี๋คิดถึงหน้าพ่อหน้าแม่คิดถึงคุณยาย ในใจภาวนาขอให้รอดด้วยเถอะ ยังไม่อยากตาย เราทำทุกอย่างทุกทางเพื่อจะหยุดตัวเอง เราใช้มือทั้งสองข้างกดลงที่พื้นแต่มันไม่ยอมหยุด ฝ่ามือก็ยังกดพื้นรูดไปเรื่อยๆ ตอนนั้นมือชาแต่ไม่รู้สึกเจ็บ ขณะนั้นเรายังหลับตาอยู่หันไปเห็นรถสิบแปดล้อรางๆขับมาทางข้างหลังเรา เราคิดว่าเบรคไม่ทันก็ตายแค่นั้น เรายังคงกดฝ่ามือไปที่พื้นแรงมากและยังคงหลับตาภาวนา ตอนนั้นเป็นเวลาเพียงไม่กี่วิ แต่รู้สึกทุกอย่างมันถาโถมเข้ามาเยอะเหลือเกิน พอตัวเราหยุดเราลืมตาขึ้นช้าๆ ภาพที่เห็นคือเรานอนอยู่หน้ารถบรรทุกห่างกันไปไม่ถึงคืบ โชคดีมากที่คนขับเค้าไม่ได้ขับมาเร็ว เรายืนขึ้นมองไปที่เพื่อน ทุกคนปลอดภัยดีมีเพียงแผลถลอกที่เเขนและขาไม่มีใครเจ็บสาหัส เราก็โล่งอก ตอนนั้นรถติดมากเพราะคันที่ตามหลังมาทุกคนตกใจกันหมด เราวิ่งเข้าไปหาเพื่อนนึกขึ้นได้ว่า ใช้มือเบรคถนนไปเมื่อกี้ เลยยกมือขึ้นมาดู หนังมืออ่อนๆมันถลกออกไปหมด เลือดแดงมากแต่ไม่เยอะ เลยบิดกระจกมอไซด์มาส่อง คุณพระ....หน้าเราแถบนึงหนังช่วงแก้มหลุดไปเหลือแต่เนื้อใสๆสีชมพู มีเลือดติดนิดหน่อย ฟันหน้าแตก2ซี่ คือเราเจ็บหนักสุดยืนเช็คสภาพตัวเองสักพัก ก็รีบพากันขึ้นมอไซด์กันไปที่อนามัย เพราะไม่อยากอยู่ที่ถนนนานกลัวมีคนแจ้งตำรวจ เดี๋ยวเรื่องไปถึงโรงเรียนจะซวยกลายเป็นเรื่องใหญ่ ขับมาถึงอนามัยแถวนั้นพี่ๆอนามัยก็แค่ล้างแผลให้เรา แต่เค้าให้ขับไปที่โรงบาลเอง เหตุผลคือกลัวแผลติดเชื้อเพราะมีเศษหินกรวดติดอยู่ที่แผล ช่วงระหว่างทางที่มาโรงพยาบาลรู้สึกตึงแผลมากและเจ็บๆชาๆสลับกันไป ถึงโรงพยาบาลพี่ๆพยาบาลก็ล้างแผลให้เสร็จสรรพ เราก็โทรตามแม่ให้มารับกลับบ้าน ตอนนั้นเฉพาะเราหยุดเรียนเกือบสองอาทิตย์....และช่วงที่หยุดอยู่บ้านเป็นจุดเริ่มต้นของเหตุการณ์ทั้งหมด
ช่วงที่เราอยู่บ้านถ้าไม่เล่นคอมก็จะนอนหลับ มีอยู่วันนึงเป็นวันที่พีคมากทุกอย่างมันประเดประดังถาโถมเข้ามาแบบตั้งตัวไม่ทันเหมือนจะเป็นโรคประสาทหวาดระแวงไปสักพัก คือวันนั้นเป็นช่วงเวลาเย็นๆกำลังโพล้เพล้เรานั่งเล่นเกมส์ The Sims อยู่ในห้อง รู้สึกวูบๆที่ด้านหลัง หนาวๆครั่นเนื้อครั่นตัวแปลกๆ คล้ายๆจะไม่สบายเหนื่อยๆหวิวๆ เลยคิดว่าปิดคอมดีกว่าจะลงไปหาแม่ข้างล่าง ปิดคอมเสร็จช่วงระหว่างบิดลูกบิดประตูด้านในห้อง ประตูเปิดแง้มมาได้ประมาน 4-5 นิ้ว พอที่จะมองลอดออกไปข้างนอก สายตาเราจ้องอยู่ที่ลูกบิด สิ่งที่เห็นคืออีกฟากของลูกบิดมีมือขาวซีด ขาวแบบกระดาษA4 จับลูกบิกอยู่อีกฟากแต่เราไม่เห็นตัวเค้านะ เห็นแค่มือ จังหวะนั้นจะดันประตูกลับก็ไม่ได้ เพราะบิดมากำลังจะก้าวขาพอดี เลยเปิดไปเลยแบบอัตโนมัติคือมันประชิดตัวมาก เปิดไปก็ไม่มีอะไรช่วงที่กำลังจะปิดประตูกลับเราก็ไม่กล้าหันมามองว่ามือยังอยู่มั้ย เราผลักประตูสุดแรงแล้วรีบวิ่งจั้มลงบันไดไปชั้นล่างโดยไม่หันกลับมามองข้างบนอีกเลย ลงมาข้างล่างก็ไม่ได้เล่าให้ใครฟังได้แค่นั่งคิดว่าสิ่งที่เห็นคืออะไรวะ ? ถามตัวเองซ้ำๆว่าเราไม่ได้ตาฝาดไปใช่มั้ย ภาพท่อนมือซีดยังคงติดตา....
นี่คือห้องและลูกบิกประตูที่เกิดเหตุค่ะ ตอนที่เปิดวันนั้นแง้มมาประมานนี้เลยค่ะ เห็นมือพอดีมืออูมๆนิ้วเรียวขาวๆซีดๆเดาว่าน่าจะมือผู้หญิง....
เย็นนั้นเรานั่งอยู่ข้างล่างนานมากไม่ยอมขึ้นห้องด้วยหลายๆเหตุผล รู้ตัวอีกทีแม่กับน้องก็ขึ้นไปนอนกันหมดเเล้ว เหลือเพียงแต่เรานั่งอยู่คนเดียว ตอนนั้นเริ่มคิดแล้วว่าจะขึ้นห้องยังไงวะ เพราะก่อนขึ้นบ้านแม่สั่งไว้เสมอว่าให้ปิดไฟชั้นล่างให้หมดถ้าไม่ปิด เช้ามาก็จะโดนแม่สวดยับ เลยกลั้นใจปิดไฟชั้นล่างทุกดวง เปิดไฟฉายจากมือถือแล้ววิ่งแบบความเร็วแสงขึ้นบันได ชั้นบนที่หน้าห้องมีไฟดวงเล็กๆเปิดรอไว้ที่หน้าห้อง เราวิ่งขึ้นบันไดมาได้ 10 กว่าขั้น มาถึงชั้นพักเท้า ตาก็เหลือบขึ้นไปมองหน้าประตูที่เกิดเหตุ...ว่างเปล่า...ใจชื้นขึ้นเยอะที่ไม่เห็นอะไร แต่!!! ยังไม่ทันได้คิดอะไรต่อ ก็เหลือบไปเห็นอีกฝั่งของประตูหน้าห้อง ตรงมุมราวบันได... เป็นร่างของเด็กผู้ชาย ไม่รู้ว่าใส่เสื้อผ้ามั้ย แต่ตัวขาวซีด โปร่งแสงนิดๆนั่งก้มหน้าชันเข่า เหมือนว่าเค้ากำลังนั่งคิดอะไรอยู่ เราสัมผัสได้ถึงความโศกเศร้าเสียใจ
ตรงลูกศรชี้คือที่เห็นเค้านั่งอยู่ค่ะ ส่วนห้องที่เราจะเข้าคือประตูทางซ้ายฝั่งตรงข้ามลูกศร
เวลานั้นคิดแบบรวดเร็วว่ายังไงก็ต้องเข้าห้องไปหาแม่ให้ได้เพราะถ้าจะลงไปชั้นล่างคืนนี้คงเป็นโรคประสาทตายก่อน เลยกลั้นใจวิ่งผ่านร่างนั้นเข้าห้องนอนไป เข้ามาในห้องตัวเราสั่นมาก ไม่พูดไม่จารีบปูผ้านอนข้างๆเตียงแม่เลย เช้ามาไข้ขึ้นหนาวสั่นแม่มาเช็ดตัวให้ก็เลยเล่าให้แม่ฟังทั้งหมด ตอนแรกแม่ก็ว่าเราเพ้อเจ้อ หลังๆเห็นบ่อยๆเข้าก็เริ่มเพิ่มเปอร์เซ็นความเชื่อมากขึ้น ช่วงที่เกิดเหตุเราอยู่ม.2 หลังจากเหตุการณ์นั้นเราก็เลยดร็อปเรียนด้วยเหตุผลบางอย่าง...(บอกไม่ได้)
สิ่งที่ทำให้แม่เราเชื่อว่าเราเห็นผีจริงๆก็คงเพราะ หลังจากนั้นแม่เราเล่าให้ป้าเราฟังว่าเราไปเจออะไรแบบนี้มา ป้าเลยบอกให้ลองคุยกับหมอดูเอา เป็นหมอดูตาบอดแก่ๆ แกดูดวงจากวันเกิดทางโทรศัพท์ ต้องนัดร่วงหน้าเป็นปี ค่าดู 200 บาท คนต่อคิวกันยาวมาก แม่เรานัดคิวได้ก็โทรคุยกับเค้าบอกวันเกิดนั่นนี่ ยังไม่ได้ทันพูดอะไรหมอดูก็ทักแม่เราว่าลูกคนนี้มีสัมผัสพิเศษนะ สามารถเห็นในสิ่งที่เราไม่เห็นได้ถ้าเค้าบอกว่า เค้าเห็นวิญญาณ เค้าไม่ได้โกหกเค้าไม่ได้บ้าแต่เค้าเห็นจริงๆ เพียงเเค่เราสัมผัสไม่ได้ แล้วอีกอย่างคือช่วงนั้นเราบอกแม่เราว่าเราปวดท้องบ่อยมากเป็นๆหายๆ แม่เลยถามหมอดูว่าสุขภาพเราเป็นยังงัยบ้าง หมอดูบอกว่าเรามีปัญหาเกี่ยวกับลำไส้ ปวดท้องบ่อยให้กินผลไม้เยอะ ๆ กินอาหารดีๆรักษาสุขภาพ ซึ่งมันตรงกับที่เราบอกแม่ไว้ ตอนนั้นแม่เราเลยปักใจเชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์