PART 1 : ดนตรีคือทั้งหมดของชีวิต
พูดถึงในแง่ของดนตรีสำหรับผู้ชายที่ชื่อ ฮิวโก้ คอนเสิร์ตที่เพิ่งแสดงจบไปเมื่อวันที่ 10 – 11 ตุลาคมที่ผ่านมาดูจะเป็นเรื่องที่ผมสนใจมากที่สุดว่าการแสดงครั้งนั้นถือเป็นความสำเร็จสูงสุดของเขาแล้วหรือเปล่า การทำเพลงมาแล้ว 15 ปีในวงการเพลงได้ให้อะไรกับเขาบ้าง นักดนตรีใช่อาชีพหลักของเขาหรือไม่ คำถามเหล่านี้วนอยู่ในหัวผมจนเหมือนฮิวโก้อาจจะรู้ตัวว่าผมต้องการถามอะไรจากเขาจึงเอ่ยถามผมว่า “คุยเรื่องคอนเสิร์ตเราก่อนเลยก็ได้นะ”
รู้สึกอย่างไรบ้างกับคอนเสิร์ต Under City Light ที่เพิ่งจบไป
เรารู้สึกว่าไม่อยากให้ขั้นตอนการทำคอนเสิร์ตนี้มันจบไปนะ มันเป็นความรู้สึกที่ทั้งดีใจว่าผ่านมาได้แล้วและก็ผ่านไปด้วยดี แต่อีกมุมหนึ่งก็ใจหายว่า จบแล้วเราจะทำอย่างไรกับชีวิตต่อดี เพราะเมื่อเราตั้งเป้าหมายอะไรไว้แล้ว พอทำได้ มันก็จะมีความรู้สึกโล่ง ๆ เกิดขึ้น แต่เป็นความโล่งที่ว่างเปล่ามาก ๆ ต้องใช้เวลาสักพักใหญ่เพื่อหาภารกิจใหม่ หาเหยื่อใหม่กันต่อไป
เรื่องบัตรคอนเสิร์ตที่ Sold out จนต้องเพิ่มรอบการแสดงอีกรอบ รู้สึกยังไงบ้าง
เรื่องการ sold out มันเกิดจากความเล็กของสถานที่ก่อนเลย มันเป็นสิ่งที่เราไม่ได้โม้กับคนดูว่ามัน sold out นะ เราคิดมาตลอดว่ามันน่าจะเป็นไปได้ เลยจองสถานที่เผื่อไว้อีกวันแล้ว ตัวของสถานที่มันไม่สามารถจุคนได้เกินพันคนแน่นอน เราไม่ชอบทำอะไรเว่อร์ ๆ ชอบทำอะไรเล็ก ๆ เอาให้สวย ๆ ดีกว่า พอดูจากกระแสที่มันเกิดขึ้น การจัดคอนเสิร์ตสองรอบมันจึงกลายเป็นเรื่องที่น่าจะพอดีตัวสำหรับเรา ซึ่งผมดีใจมาก ๆ นะ มันก็สบายใจอยู่แล้วที่บัตรขายหมดไม่ว่าจะกี่รอบก็ตาม ดูผลตอบรับหลังคอนเสิร์ตก็รู้อยู่แล้วว่าคนมาดูงานของเราค่อนข้างเยอะจริง ๆ อย่างน้อยแค่เพื่อนคุณภรรยาก็ครึ่งฮอลล์แล้วครับ (หัวเราะ)
คาดหวังอะไรจากการจัดคอนเสิร์ต Under City Light
คอนเสิร์ตครั้งนี้เรื่อง Art direction กับทุกอย่างมันเป็นธีมเดียวกันอยู่แล้ว ตั้งแต่ปกอัลบั้มไปจนถึงการเริ่มทำงานกับทีม Lullaby Entertainment คอนเสิร์ตนี้จึงเหมือนเป็นแค่บทสุดท้ายของอัลบั้มนี้เท่านั้นเอง มันเป็นการถ่ายทอดธีมของความแตกต่างระหว่างเมือง ชนบท ธรรมชาติและสิ่งที่มนุษย์สร้าง โดยเล่าเรื่องผ่านเครื่องดนตรีไฟฟ้ากับเครื่องดนตรีอะคูสติก การคาดหวังสำหรับเรามันจึงไม่มีมากเท่าไหร่ เป้าหมายหลัก ๆ ของเราแค่ต้องการเล่นทุกเพลงในอัลบั้มใหม่ มันไม่ใช่คอนเสิร์ตของฮิวโก้ที่จะจัดทุกปี ปีละครั้งแล้วก็มารวบยอดเล่นแต่เพลงฮิต ๆ มันเป็นแค่การนำเสนอเพลงใหม่ ๆ เหล่านี้ในมิติใหม่ของเราเท่านั้นเอง
การรวมตัวของนักดนตรีเบื้องหลังชุด Dream Team
เริ่มจากผมทำงานกับคุณเจ - มณฑล จิรา ครับช่วงที่ทำงานด้วยกันมันเป็นช่วงคาบเกี่ยวระหว่างการเดินทางกลับมาจากเมืองนอกของผมพอดี แล้วเขาก็ได้มาดูคอนเสิร์ตครั้งแรกของผมที่โรงละครอักษรา เธียเตอร์ มันคงเป็นจังหวะที่เราอยู่ประเทศเดียวกันในช่วงที่เหมาะสม เพราะก่อนหน้านั้น เราสองคนก็รู้จักกันมาก่อนจากการเล่นละครเรื่อง “ลูกผู้ชายหัวใจเพชร” หลังจากนั้นคุณเจก็ไปเรียนต่อเมืองนอก ไปเป็นพวก sound engineer, producer หาประสบการณ์ในการทำงานโหมดของเสียงเพลงก็ว่าได้ นี่ยังไม่รวมการเป็น music director ให้คนนู้น คนนี้เต็มไปหมด ส่วนตัวผมก็ไปเรียนในทางของผมด้วยเหมือนกัน พอประจวบเหมาะจังหวะที่ได้มาเจอกันในไทยแล้วผมเริ่มงานอัลบั้มใหม่ เขาก็ชวนไปดูห้องอัดบันทึกเสียงกัน ไปกับวงฝรั่งที่มาเมืองไทยในตอนนั้นเลย ภายหลังเมื่อต้องแยกย้ายกันไปกับวงฝรั่ง เจแนะนำให้ผมรู้จักกับมือกลองชื่อ คุณต๊อบ อยู่วง Artfloor ต๊อบเป็นมือกลองที่เจร่วมทำงานด้วยกันมานานแล้ว ต๊อบก็มาเล่นกับผมประมาณสองปีแล้วครับ ส่วนฝั่งของมือเบสก็ได้พี่เอ็ด มือเบสคนสุดท้ายของวงสิบล้อมาเล่นให้ เป็นเพื่อนเก่าที่รู้จักกันมานาน คุณเอ็ดเป็นนักดนตรีที่น่ารักมากในช่วงที่ผมเข้ามาทำวงดนตรีใหม่ ๆ เขามีมิตรภาพที่ดี พร้อมแจมและร้องเพลงกับเราได้ตลอดเวลา ฝั่งของมือกีต้าร์ก็จะเป็นเบิร์ด Desktop Error คนนี้ผมรู้จักจากทางปาล์มมี่เป็นคนแนะนำให้รู้จัก ผมได้ยินชื่อวง Desktop Error มานานแล้ว เลยลองชวนเขามาแจม ๆ กันดู ส่วนอีกคนที่จะขาดไม่ได้เลยก็คือ คุณเอก วง Zero Hero มือกีต้าร์อีกคนหนึ่ง วง Zero Hero เป็นเหมือนตัวต่อจากวงสิบล้อมาก ๆ เป็นวงที่จะพาร็อคบ้านนอกไปสู่คนเมืองได้ ผมเชื่อว่าเขาเป็นคนสืบทอดอารมณ์แมน ๆ ของร็อคแมน ๆ บ้าน ๆ ได้ก็เลยชวนมาเล่นกัน โดยช่วงที่ผมไปเมืองนอก เอก วง Zero Hero และใหม่ วงสิบล้อ เป็นคนก่อตั้งงาน Rock N Roll Come Back อีกด้วย เป็นคนที่ทำให้เทศกาลรวมไปถึงองค์ดนตรีเล็ก ๆ ของเราเติบโตขึ้น ผมจึงถือว่าทุกคนที่ผ่านเข้ามาในวงผมล้วนแล้วแต่เป็นส่วนหนึ่งในองค์กรของผมทั้งสิ้น
เวลามีคอนเสิร์ตปาล์มมี่ต้องมีฮิวโก้ คอนเสิร์ตฮิวโก้ต้องมีปาล์มมี่
ผมว่าเราอยู่ในยุคที่ต้องช่วย ๆ กันมั้ง ผมกับปาล์มมี่จริง ๆ แล้วก็เหมือนเพิ่งได้มาทำงานด้วยกันพักหลังนี่แหละ คือการที่ศิลปินนักร้องเดี่ยวสองคนมาอยู่ด้วยกันได้ มันต้องมีความคล้ายกันและก็ต้องแตกต่างในเวลาเดียวกันนะ ปาล์มมี่คือนักร้องที่โทนเสียงน่าฟัง แล้วเขามีความซีเรียสในการร้องเพลงอ่ะ ผมชอบคนซีเรียสมาก ชอบคนที่เอาตาย เอาจริงใส่ใจกับงาน เพราะถ้าไม่ใส่ใจในสิ่งที่เราทำแล้วจะไปใส่ใจอะไรได้อีก ผมชอบความเด็ดเดี่ยวของเขาด้วย บางทีเขาสามารถตัดสินใจได้ดีกว่าผมอีก ทำตัวแมนกว่าผมด้วย ผมค่อนข้างนับถือเขามากนะ เพราะฉะนั้นแล้วมันก็ไม่แปลกที่ผมจะไปร่วมงานคอนเสิร์ตเขาและเขาก็มาร่วมงานคอนเสิร์ตของผม มันไม่ใช่การบังคับ เขาไม่ต้องมาคอนเสิร์ตผมก็ยังได้เลย แต่มันเป็นความรู้สึกที่ให้เกียรติในการทำงานด้วยกันมากกว่า ผมรู้สึกโอเคที่มีเขาอยู่บนเวทีคอนเสิร์ตของผมทุกครั้ง
นักดนตรีเบื้องหลังสัญชาติไทยชุดนี้กับนักดนตรีชาวต่างชาติที่เคยร่วมงาน มีความแตกต่างกันมากน้อยแค่ไหน
ต่างกันนะ เริ่มที่วงคนไทยก่อน ทุกคนในวงนี้ ถ้าไม่มีผม พวกเขาก็เป็นศิลปินของเขาเองอยู่ดี มันจะต่างกันกับวง back up จากเมืองนอกโดยสิ้นเชิง ฝั่งนั้นจะเป็นเหมือนมือปืนรับจ้างเล่นดนตรีซะมากกว่า อาชีพของพวกเขาคือ การเล่นดนตรี เล่นดนตรีของใครก็ได้ ที่ไหนก็ได้ มันจะเป็นคนละอารมณ์กัน เพราะฉะนั้นเรื่องของความเคร่งครัด ความโหดของฝีมือ แรงกดดันต่าง ๆ นักดนตรีฝั่งเมืองนอกพวกนี้มันจะโหดกว่า Broadway มันก็เล่นได้ พวกนี้จะเป็นยอดฝีมือ แต่ฝั่งของคนไทยจะมีความเป็นศิลปะมากกว่า เจตนาที่บริสุทธิ์กว่า มันก็แตกต่างกันออกไปนะ
การกลับมาเริ่มทำเพลงที่ประเทศไทยมีคนมาชวนไปเข้าค่ายบ้างมั้ย
ผมเป็นคนที่ไม่ค่อยมีใครชวนไปทำอะไรเท่าไหร่นะ เพิ่งจะมีระยะหลัง ตอนกลับมาไทย ผมมุ่งจะทำงานกับ Lullaby Entertainment ต่อก็เลยโดยไม่สนใจอะไร เพราะตัวผมพึงพอใจกับงานคอนเสิร์ตที่โรงละครอักษรา เธียเตอร์มาก ๆ ผมมองว่าขั้นตอนการทำงานทั้งหมด สุดท้ายแล้วมันเป็นกำไรสำหรับเราอยู่ดี ต่อให้ร่วมงานกับใครก็ตาม ไม่เห็นจะต้องทำตามสูตรค่ายเพลงหรือค่ายยักษ์ใหญ่อะไรเลย อีกคนที่มีส่วนในการทำเพลงของผมครั้งนี้ก็คือพี่โคอิชิ (โคอิชิ ชิมิสุ ค่าย SO:

N Dry Flower) พี่คนนี้เป็นสิ่งสำคัญสำหรับวงการเพลงไทยที่ต้องมีคนแบบนี้อยู่ในวงการบ้านเรา ยกตัวอย่างง่าย ๆ การให้โอกาสวง Desktop Error ได้เกิดขึ้นในเมืองไทย ถึงเพลงของพวกเขา มันจะเป็นอะไรที่คนไม่ได้ฟังกันเยอะ แต่มันก็จำเป็นนะ เพราะถ้าเกิดวงการเพลงบ้านเรามีแต่คนทำอะไรซ้ำซาก สุดท้ายมันก็จะไม่มีการพัฒนาเกิดขึ้น การพัฒนามันควรจะมาจากทางอื่น ๆ บ้าง โดยเฉพาะทางที่ผิดเพี้ยนจากเพลงกระแสหลัก
เพลงของคุณจัดอยู่ในหมวดไหน เพลงกระแสหลักหรือเพลงอินดี้
มันไม่ใช่หน้าที่ของผมที่จะระบุว่าแนวเพลงของผมมันอยู่ตรงไหน หน้าที่ผมจบลงตั้งแต่เมื่อเพลงมันออกไปแล้ว ใครจะเอาไปไว้ตรงไหน บอกว่าแนวเพลงของผมอะไร จะคิดอะไรก็เชิญเลย ผมเลิกมานั่งระบุแล้วว่าใครควรจะมาเป็นแฟนเพลงผมหรือเป็นลูกค้า ผู้สนับสนุนผม ทุกคนเป็นตัวของตัวเองหมดแล้วเดี๋ยวนี้ เพราะฉะนั้นใครจะทำอะไร คิดยังไงก็เอาตามที่สบายใจกันเลย
แก่นที่แท้จริงหรือเรื่องเล่าที่ต้องการจะบอกในอัลบั้มชุด Deep In The Long Grass
แน่นอน อัลบั้มนี้มันคือจังหวะชีวิตของผมที่แตกต่างออกไปจากอัลบั้มชุดที่แล้วประมาณหนึ่ง ผมเติบโตขึ้นกว่าเก่ามาก มันจึงไม่ค่อยมีเพลงรักล่อแหลม อกหักหรืออะไรแบบนั้นอยู่ในอัลบั้มของผม มันจะมีแต่เรื่องที่เกิดขึ้นรอบ ๆ ตัวผม จากเพื่อน จากคนที่รู้จัก เป็นมุมมองของเขาบ้าง ของผมบ้าง ในพาร์ทของเนื้อร้องมันน่าจะโตกว่าหลาย ๆ อย่างที่ทำมาก่อนหน้านี้มาก
กระบวนการทำงานที่ไทยกับต่างประเทศแตกต่างกันมากน้อยแค่ไหน
มันไม่ต่างกันมาก เพราะกระบวนการอัลบั้มที่แล้วกับอัลบั้มนี้ โปรดิวเซอร์ก็คนเดิมคือ Dave McCracken วงที่ผมใช้อัดอัลบั้มก็เป็นวงที่ผมทัวร์อเมริกาด้วยกัน ส่วนคนไทยจริง ๆ ก็มีแค่ผมกับคุณเจ - มณฑล สองคนนี่แหละ นอกนั้นเป็นคนอเมริกัน คนอังกฤษกันหมด ฉะนั้นแล้วในฐานะลูกครึ่งอย่างผมก็ไม่สามารถเป็นตัวแทนตอบได้ว่าฝั่งไหนดีกว่ากัน เพราะผมไม่ค่อยคิดเชิงชาตินิยมสักเท่าไหร่ แค่เพลงเสร็จมันก็โอเคแล้วแหละสำหรับผม
รู้สึกอย่างไรบ้างในมุมมองของคนฟังเพลงคุณที่ชอบบอกว่า ทำไมคุณร้องเพลงฝรั่ง ทำไมไม่ร้องเพลงไทยเยอะ ๆ
ตัวเรายังไม่เคยเจอใครมาพูดแบบนี้ให้ได้ยินนะ เพราะว่าไปเล่นทีไร คนที่เขามาดูก็รู้ว่า ผมทำอะไรอยู่ มันถึงเวลาแล้วที่คนฟังเพลงต้องเข้าใจในสิ่งที่เราทำ ถ้าเป็นเมื่อ 15 ปีที่แล้วก็อาจจะเป็นอีกเรื่อง ณ เวลานี้โลกมันเปลี่ยนไปแล้ว คนฟังเพลงเขาก็รู้อยู่แล้วว่า เขากำลังมาดูใคร ลูกค้าที่จ้างเรามาเล่นก็รู้ว่าเขาจ้างใครอยู่ รู้ว่าผมทำอะไรมา เพราะฉะนั้นผมแทบจะไม่เจอใครมาบอกสิ่งเหล่านี้กับผมเลย มันเป็นสิทธิของผมที่จะเล่นอะไรก็ได้ตามที่ผมรู้สึกว่าเหมาะสม คุณจ้างมาแล้วคุณก็ต้องรับได้ ผมไม่ได้เอาปืนจ่อหัวคุณให้จ้างผมหรือให้คุณมาดูซะหน่อย คนที่อยากมาดูก็มาเอง มันเป็นแบบนี้ ปีหน้ามันอาจจะเป็นเพลงไทยก็ได้ ต้องไว้ใจในตัวผม ถ้าไม่ไว้ใจก็ไม่ต้องจ้าง ผมไม่ซีเรียสอยู่แล้ว สำหรับใครที่บอกผมร้องแต่เพลงฝรั่ง ปีหน้าเดี๋ยวเจอกัน ได้ฟังเพลงไทยจากผมแน่นอน ตอนนี้กำลังทำอยู่ เริ่มสะสมกันแล้ว เชื่อใจผมได้ฟังแน่นอน
ทำทุกอย่างในวงการเพลงมาหมดแล้ว อยากทำค่ายเพลงบ้างไหม
ไม่ทำอ่ะ (หัวเราะ) ผมไม่รู้จะทำทำไม ผมไม่ได้ถนัดธุรกิจ ผมทำมันต้องเจ๊งแน่ ๆ ขนาดคนที่เก่ง เขายังเจ๊งเลย ค่ายเพลงดี ๆ ยังอยู่กันไม่ได้ แล้วผมเป็นใครมันจะไปรอดได้อย่างไร ผมไม่เชี่ยวชาญด้านนี้เลยนะ
มองวงการเพลงบ้านเราเป็นยังไง
สำหรับผม สุขภาพคนดนตรีน่าจะดีนะ ถึงแม้ในฝั่งธุรกิจอาจจะไม่ได้ดีกว่าวงการเพลงสมัยก่อนก็ตาม แต่ว่าความหลากหลายมันมีมากขึ้น ยกตัวอย่างวง Yellow Fang ก็สามารถอยู่ร่วมเวทีเดียวกันกับปาล์มมี่ได้แล้ว มันเป็นอะไรที่หลากหลายดี มีทั้งวงประหลาด ๆ เกิดขึ้นมากมาย รวมไปถึงการทำงาน Rock n Roll Come Back ของเราด้วยที่มันทำให้ได้เจอกับอีกซีกโลกของวงการเพลงไทย ซึ่งสมัยก่อนมันแทบจะไม่มีเลย ไม่มีสิทธิได้แสดงผลงานเลยสำหรับวงท้องถิ่น สมัยนี้แค่มีอุปกรณ์เล่นดนตรีก็นำไปพัฒนารสนิยมตัวเองในการเล่นดนตรีได้แล้ว ซึ่งมันก็ไม่จำเป็นต้องรวยนะ แค่มีไฟในการทำเพลงก็พอแล้ว สำหรับผมรู้สึกว่าเด็กรุ่นนี้มีความเป็นปัญญาชนมากขึ้นในเชิงดนตรี
วงดนตรีไทยหน้าใหม่ ๆ ที่ฟังอยู่ในตอนนี้
ฟังเราฟังทุกแนวเพลงเลย Desktop Error, Yena ผมก็ชอบ Monomania วงนี้ก็เล่นสดดี สหายสายลมโปรเจกต์ของเบิร์ดก็ดี แต่เอาเข้าจริง ๆ แล้วผมเป็นแฟนเพลงตัวจริงของ Silly Fools, คาราบาว เลยนะ ดนตรีลูกทุ่ง หมอลำ ลูกกรุง พวกนี้ผมก็ฟังหมด ชอบมากด้วย
Hugo: Nature Experience
พูดถึงในแง่ของดนตรีสำหรับผู้ชายที่ชื่อ ฮิวโก้ คอนเสิร์ตที่เพิ่งแสดงจบไปเมื่อวันที่ 10 – 11 ตุลาคมที่ผ่านมาดูจะเป็นเรื่องที่ผมสนใจมากที่สุดว่าการแสดงครั้งนั้นถือเป็นความสำเร็จสูงสุดของเขาแล้วหรือเปล่า การทำเพลงมาแล้ว 15 ปีในวงการเพลงได้ให้อะไรกับเขาบ้าง นักดนตรีใช่อาชีพหลักของเขาหรือไม่ คำถามเหล่านี้วนอยู่ในหัวผมจนเหมือนฮิวโก้อาจจะรู้ตัวว่าผมต้องการถามอะไรจากเขาจึงเอ่ยถามผมว่า “คุยเรื่องคอนเสิร์ตเราก่อนเลยก็ได้นะ”
รู้สึกอย่างไรบ้างกับคอนเสิร์ต Under City Light ที่เพิ่งจบไป
เรารู้สึกว่าไม่อยากให้ขั้นตอนการทำคอนเสิร์ตนี้มันจบไปนะ มันเป็นความรู้สึกที่ทั้งดีใจว่าผ่านมาได้แล้วและก็ผ่านไปด้วยดี แต่อีกมุมหนึ่งก็ใจหายว่า จบแล้วเราจะทำอย่างไรกับชีวิตต่อดี เพราะเมื่อเราตั้งเป้าหมายอะไรไว้แล้ว พอทำได้ มันก็จะมีความรู้สึกโล่ง ๆ เกิดขึ้น แต่เป็นความโล่งที่ว่างเปล่ามาก ๆ ต้องใช้เวลาสักพักใหญ่เพื่อหาภารกิจใหม่ หาเหยื่อใหม่กันต่อไป
เรื่องบัตรคอนเสิร์ตที่ Sold out จนต้องเพิ่มรอบการแสดงอีกรอบ รู้สึกยังไงบ้าง
เรื่องการ sold out มันเกิดจากความเล็กของสถานที่ก่อนเลย มันเป็นสิ่งที่เราไม่ได้โม้กับคนดูว่ามัน sold out นะ เราคิดมาตลอดว่ามันน่าจะเป็นไปได้ เลยจองสถานที่เผื่อไว้อีกวันแล้ว ตัวของสถานที่มันไม่สามารถจุคนได้เกินพันคนแน่นอน เราไม่ชอบทำอะไรเว่อร์ ๆ ชอบทำอะไรเล็ก ๆ เอาให้สวย ๆ ดีกว่า พอดูจากกระแสที่มันเกิดขึ้น การจัดคอนเสิร์ตสองรอบมันจึงกลายเป็นเรื่องที่น่าจะพอดีตัวสำหรับเรา ซึ่งผมดีใจมาก ๆ นะ มันก็สบายใจอยู่แล้วที่บัตรขายหมดไม่ว่าจะกี่รอบก็ตาม ดูผลตอบรับหลังคอนเสิร์ตก็รู้อยู่แล้วว่าคนมาดูงานของเราค่อนข้างเยอะจริง ๆ อย่างน้อยแค่เพื่อนคุณภรรยาก็ครึ่งฮอลล์แล้วครับ (หัวเราะ)
คาดหวังอะไรจากการจัดคอนเสิร์ต Under City Light
คอนเสิร์ตครั้งนี้เรื่อง Art direction กับทุกอย่างมันเป็นธีมเดียวกันอยู่แล้ว ตั้งแต่ปกอัลบั้มไปจนถึงการเริ่มทำงานกับทีม Lullaby Entertainment คอนเสิร์ตนี้จึงเหมือนเป็นแค่บทสุดท้ายของอัลบั้มนี้เท่านั้นเอง มันเป็นการถ่ายทอดธีมของความแตกต่างระหว่างเมือง ชนบท ธรรมชาติและสิ่งที่มนุษย์สร้าง โดยเล่าเรื่องผ่านเครื่องดนตรีไฟฟ้ากับเครื่องดนตรีอะคูสติก การคาดหวังสำหรับเรามันจึงไม่มีมากเท่าไหร่ เป้าหมายหลัก ๆ ของเราแค่ต้องการเล่นทุกเพลงในอัลบั้มใหม่ มันไม่ใช่คอนเสิร์ตของฮิวโก้ที่จะจัดทุกปี ปีละครั้งแล้วก็มารวบยอดเล่นแต่เพลงฮิต ๆ มันเป็นแค่การนำเสนอเพลงใหม่ ๆ เหล่านี้ในมิติใหม่ของเราเท่านั้นเอง
การรวมตัวของนักดนตรีเบื้องหลังชุด Dream Team
เริ่มจากผมทำงานกับคุณเจ - มณฑล จิรา ครับช่วงที่ทำงานด้วยกันมันเป็นช่วงคาบเกี่ยวระหว่างการเดินทางกลับมาจากเมืองนอกของผมพอดี แล้วเขาก็ได้มาดูคอนเสิร์ตครั้งแรกของผมที่โรงละครอักษรา เธียเตอร์ มันคงเป็นจังหวะที่เราอยู่ประเทศเดียวกันในช่วงที่เหมาะสม เพราะก่อนหน้านั้น เราสองคนก็รู้จักกันมาก่อนจากการเล่นละครเรื่อง “ลูกผู้ชายหัวใจเพชร” หลังจากนั้นคุณเจก็ไปเรียนต่อเมืองนอก ไปเป็นพวก sound engineer, producer หาประสบการณ์ในการทำงานโหมดของเสียงเพลงก็ว่าได้ นี่ยังไม่รวมการเป็น music director ให้คนนู้น คนนี้เต็มไปหมด ส่วนตัวผมก็ไปเรียนในทางของผมด้วยเหมือนกัน พอประจวบเหมาะจังหวะที่ได้มาเจอกันในไทยแล้วผมเริ่มงานอัลบั้มใหม่ เขาก็ชวนไปดูห้องอัดบันทึกเสียงกัน ไปกับวงฝรั่งที่มาเมืองไทยในตอนนั้นเลย ภายหลังเมื่อต้องแยกย้ายกันไปกับวงฝรั่ง เจแนะนำให้ผมรู้จักกับมือกลองชื่อ คุณต๊อบ อยู่วง Artfloor ต๊อบเป็นมือกลองที่เจร่วมทำงานด้วยกันมานานแล้ว ต๊อบก็มาเล่นกับผมประมาณสองปีแล้วครับ ส่วนฝั่งของมือเบสก็ได้พี่เอ็ด มือเบสคนสุดท้ายของวงสิบล้อมาเล่นให้ เป็นเพื่อนเก่าที่รู้จักกันมานาน คุณเอ็ดเป็นนักดนตรีที่น่ารักมากในช่วงที่ผมเข้ามาทำวงดนตรีใหม่ ๆ เขามีมิตรภาพที่ดี พร้อมแจมและร้องเพลงกับเราได้ตลอดเวลา ฝั่งของมือกีต้าร์ก็จะเป็นเบิร์ด Desktop Error คนนี้ผมรู้จักจากทางปาล์มมี่เป็นคนแนะนำให้รู้จัก ผมได้ยินชื่อวง Desktop Error มานานแล้ว เลยลองชวนเขามาแจม ๆ กันดู ส่วนอีกคนที่จะขาดไม่ได้เลยก็คือ คุณเอก วง Zero Hero มือกีต้าร์อีกคนหนึ่ง วง Zero Hero เป็นเหมือนตัวต่อจากวงสิบล้อมาก ๆ เป็นวงที่จะพาร็อคบ้านนอกไปสู่คนเมืองได้ ผมเชื่อว่าเขาเป็นคนสืบทอดอารมณ์แมน ๆ ของร็อคแมน ๆ บ้าน ๆ ได้ก็เลยชวนมาเล่นกัน โดยช่วงที่ผมไปเมืองนอก เอก วง Zero Hero และใหม่ วงสิบล้อ เป็นคนก่อตั้งงาน Rock N Roll Come Back อีกด้วย เป็นคนที่ทำให้เทศกาลรวมไปถึงองค์ดนตรีเล็ก ๆ ของเราเติบโตขึ้น ผมจึงถือว่าทุกคนที่ผ่านเข้ามาในวงผมล้วนแล้วแต่เป็นส่วนหนึ่งในองค์กรของผมทั้งสิ้น
เวลามีคอนเสิร์ตปาล์มมี่ต้องมีฮิวโก้ คอนเสิร์ตฮิวโก้ต้องมีปาล์มมี่
ผมว่าเราอยู่ในยุคที่ต้องช่วย ๆ กันมั้ง ผมกับปาล์มมี่จริง ๆ แล้วก็เหมือนเพิ่งได้มาทำงานด้วยกันพักหลังนี่แหละ คือการที่ศิลปินนักร้องเดี่ยวสองคนมาอยู่ด้วยกันได้ มันต้องมีความคล้ายกันและก็ต้องแตกต่างในเวลาเดียวกันนะ ปาล์มมี่คือนักร้องที่โทนเสียงน่าฟัง แล้วเขามีความซีเรียสในการร้องเพลงอ่ะ ผมชอบคนซีเรียสมาก ชอบคนที่เอาตาย เอาจริงใส่ใจกับงาน เพราะถ้าไม่ใส่ใจในสิ่งที่เราทำแล้วจะไปใส่ใจอะไรได้อีก ผมชอบความเด็ดเดี่ยวของเขาด้วย บางทีเขาสามารถตัดสินใจได้ดีกว่าผมอีก ทำตัวแมนกว่าผมด้วย ผมค่อนข้างนับถือเขามากนะ เพราะฉะนั้นแล้วมันก็ไม่แปลกที่ผมจะไปร่วมงานคอนเสิร์ตเขาและเขาก็มาร่วมงานคอนเสิร์ตของผม มันไม่ใช่การบังคับ เขาไม่ต้องมาคอนเสิร์ตผมก็ยังได้เลย แต่มันเป็นความรู้สึกที่ให้เกียรติในการทำงานด้วยกันมากกว่า ผมรู้สึกโอเคที่มีเขาอยู่บนเวทีคอนเสิร์ตของผมทุกครั้ง
นักดนตรีเบื้องหลังสัญชาติไทยชุดนี้กับนักดนตรีชาวต่างชาติที่เคยร่วมงาน มีความแตกต่างกันมากน้อยแค่ไหน
ต่างกันนะ เริ่มที่วงคนไทยก่อน ทุกคนในวงนี้ ถ้าไม่มีผม พวกเขาก็เป็นศิลปินของเขาเองอยู่ดี มันจะต่างกันกับวง back up จากเมืองนอกโดยสิ้นเชิง ฝั่งนั้นจะเป็นเหมือนมือปืนรับจ้างเล่นดนตรีซะมากกว่า อาชีพของพวกเขาคือ การเล่นดนตรี เล่นดนตรีของใครก็ได้ ที่ไหนก็ได้ มันจะเป็นคนละอารมณ์กัน เพราะฉะนั้นเรื่องของความเคร่งครัด ความโหดของฝีมือ แรงกดดันต่าง ๆ นักดนตรีฝั่งเมืองนอกพวกนี้มันจะโหดกว่า Broadway มันก็เล่นได้ พวกนี้จะเป็นยอดฝีมือ แต่ฝั่งของคนไทยจะมีความเป็นศิลปะมากกว่า เจตนาที่บริสุทธิ์กว่า มันก็แตกต่างกันออกไปนะ
การกลับมาเริ่มทำเพลงที่ประเทศไทยมีคนมาชวนไปเข้าค่ายบ้างมั้ย
ผมเป็นคนที่ไม่ค่อยมีใครชวนไปทำอะไรเท่าไหร่นะ เพิ่งจะมีระยะหลัง ตอนกลับมาไทย ผมมุ่งจะทำงานกับ Lullaby Entertainment ต่อก็เลยโดยไม่สนใจอะไร เพราะตัวผมพึงพอใจกับงานคอนเสิร์ตที่โรงละครอักษรา เธียเตอร์มาก ๆ ผมมองว่าขั้นตอนการทำงานทั้งหมด สุดท้ายแล้วมันเป็นกำไรสำหรับเราอยู่ดี ต่อให้ร่วมงานกับใครก็ตาม ไม่เห็นจะต้องทำตามสูตรค่ายเพลงหรือค่ายยักษ์ใหญ่อะไรเลย อีกคนที่มีส่วนในการทำเพลงของผมครั้งนี้ก็คือพี่โคอิชิ (โคอิชิ ชิมิสุ ค่าย SO:
เพลงของคุณจัดอยู่ในหมวดไหน เพลงกระแสหลักหรือเพลงอินดี้
มันไม่ใช่หน้าที่ของผมที่จะระบุว่าแนวเพลงของผมมันอยู่ตรงไหน หน้าที่ผมจบลงตั้งแต่เมื่อเพลงมันออกไปแล้ว ใครจะเอาไปไว้ตรงไหน บอกว่าแนวเพลงของผมอะไร จะคิดอะไรก็เชิญเลย ผมเลิกมานั่งระบุแล้วว่าใครควรจะมาเป็นแฟนเพลงผมหรือเป็นลูกค้า ผู้สนับสนุนผม ทุกคนเป็นตัวของตัวเองหมดแล้วเดี๋ยวนี้ เพราะฉะนั้นใครจะทำอะไร คิดยังไงก็เอาตามที่สบายใจกันเลย
แก่นที่แท้จริงหรือเรื่องเล่าที่ต้องการจะบอกในอัลบั้มชุด Deep In The Long Grass
แน่นอน อัลบั้มนี้มันคือจังหวะชีวิตของผมที่แตกต่างออกไปจากอัลบั้มชุดที่แล้วประมาณหนึ่ง ผมเติบโตขึ้นกว่าเก่ามาก มันจึงไม่ค่อยมีเพลงรักล่อแหลม อกหักหรืออะไรแบบนั้นอยู่ในอัลบั้มของผม มันจะมีแต่เรื่องที่เกิดขึ้นรอบ ๆ ตัวผม จากเพื่อน จากคนที่รู้จัก เป็นมุมมองของเขาบ้าง ของผมบ้าง ในพาร์ทของเนื้อร้องมันน่าจะโตกว่าหลาย ๆ อย่างที่ทำมาก่อนหน้านี้มาก
กระบวนการทำงานที่ไทยกับต่างประเทศแตกต่างกันมากน้อยแค่ไหน
มันไม่ต่างกันมาก เพราะกระบวนการอัลบั้มที่แล้วกับอัลบั้มนี้ โปรดิวเซอร์ก็คนเดิมคือ Dave McCracken วงที่ผมใช้อัดอัลบั้มก็เป็นวงที่ผมทัวร์อเมริกาด้วยกัน ส่วนคนไทยจริง ๆ ก็มีแค่ผมกับคุณเจ - มณฑล สองคนนี่แหละ นอกนั้นเป็นคนอเมริกัน คนอังกฤษกันหมด ฉะนั้นแล้วในฐานะลูกครึ่งอย่างผมก็ไม่สามารถเป็นตัวแทนตอบได้ว่าฝั่งไหนดีกว่ากัน เพราะผมไม่ค่อยคิดเชิงชาตินิยมสักเท่าไหร่ แค่เพลงเสร็จมันก็โอเคแล้วแหละสำหรับผม
รู้สึกอย่างไรบ้างในมุมมองของคนฟังเพลงคุณที่ชอบบอกว่า ทำไมคุณร้องเพลงฝรั่ง ทำไมไม่ร้องเพลงไทยเยอะ ๆ
ตัวเรายังไม่เคยเจอใครมาพูดแบบนี้ให้ได้ยินนะ เพราะว่าไปเล่นทีไร คนที่เขามาดูก็รู้ว่า ผมทำอะไรอยู่ มันถึงเวลาแล้วที่คนฟังเพลงต้องเข้าใจในสิ่งที่เราทำ ถ้าเป็นเมื่อ 15 ปีที่แล้วก็อาจจะเป็นอีกเรื่อง ณ เวลานี้โลกมันเปลี่ยนไปแล้ว คนฟังเพลงเขาก็รู้อยู่แล้วว่า เขากำลังมาดูใคร ลูกค้าที่จ้างเรามาเล่นก็รู้ว่าเขาจ้างใครอยู่ รู้ว่าผมทำอะไรมา เพราะฉะนั้นผมแทบจะไม่เจอใครมาบอกสิ่งเหล่านี้กับผมเลย มันเป็นสิทธิของผมที่จะเล่นอะไรก็ได้ตามที่ผมรู้สึกว่าเหมาะสม คุณจ้างมาแล้วคุณก็ต้องรับได้ ผมไม่ได้เอาปืนจ่อหัวคุณให้จ้างผมหรือให้คุณมาดูซะหน่อย คนที่อยากมาดูก็มาเอง มันเป็นแบบนี้ ปีหน้ามันอาจจะเป็นเพลงไทยก็ได้ ต้องไว้ใจในตัวผม ถ้าไม่ไว้ใจก็ไม่ต้องจ้าง ผมไม่ซีเรียสอยู่แล้ว สำหรับใครที่บอกผมร้องแต่เพลงฝรั่ง ปีหน้าเดี๋ยวเจอกัน ได้ฟังเพลงไทยจากผมแน่นอน ตอนนี้กำลังทำอยู่ เริ่มสะสมกันแล้ว เชื่อใจผมได้ฟังแน่นอน
ทำทุกอย่างในวงการเพลงมาหมดแล้ว อยากทำค่ายเพลงบ้างไหม
ไม่ทำอ่ะ (หัวเราะ) ผมไม่รู้จะทำทำไม ผมไม่ได้ถนัดธุรกิจ ผมทำมันต้องเจ๊งแน่ ๆ ขนาดคนที่เก่ง เขายังเจ๊งเลย ค่ายเพลงดี ๆ ยังอยู่กันไม่ได้ แล้วผมเป็นใครมันจะไปรอดได้อย่างไร ผมไม่เชี่ยวชาญด้านนี้เลยนะ
มองวงการเพลงบ้านเราเป็นยังไง
สำหรับผม สุขภาพคนดนตรีน่าจะดีนะ ถึงแม้ในฝั่งธุรกิจอาจจะไม่ได้ดีกว่าวงการเพลงสมัยก่อนก็ตาม แต่ว่าความหลากหลายมันมีมากขึ้น ยกตัวอย่างวง Yellow Fang ก็สามารถอยู่ร่วมเวทีเดียวกันกับปาล์มมี่ได้แล้ว มันเป็นอะไรที่หลากหลายดี มีทั้งวงประหลาด ๆ เกิดขึ้นมากมาย รวมไปถึงการทำงาน Rock n Roll Come Back ของเราด้วยที่มันทำให้ได้เจอกับอีกซีกโลกของวงการเพลงไทย ซึ่งสมัยก่อนมันแทบจะไม่มีเลย ไม่มีสิทธิได้แสดงผลงานเลยสำหรับวงท้องถิ่น สมัยนี้แค่มีอุปกรณ์เล่นดนตรีก็นำไปพัฒนารสนิยมตัวเองในการเล่นดนตรีได้แล้ว ซึ่งมันก็ไม่จำเป็นต้องรวยนะ แค่มีไฟในการทำเพลงก็พอแล้ว สำหรับผมรู้สึกว่าเด็กรุ่นนี้มีความเป็นปัญญาชนมากขึ้นในเชิงดนตรี
วงดนตรีไทยหน้าใหม่ ๆ ที่ฟังอยู่ในตอนนี้
ฟังเราฟังทุกแนวเพลงเลย Desktop Error, Yena ผมก็ชอบ Monomania วงนี้ก็เล่นสดดี สหายสายลมโปรเจกต์ของเบิร์ดก็ดี แต่เอาเข้าจริง ๆ แล้วผมเป็นแฟนเพลงตัวจริงของ Silly Fools, คาราบาว เลยนะ ดนตรีลูกทุ่ง หมอลำ ลูกกรุง พวกนี้ผมก็ฟังหมด ชอบมากด้วย