ถึงคนที่ยังรู้สึกว่า ชีวิต ยังหาความมั่นคงไม่ได้
ที่มาพูดแบบนี้ ไม่ได้จะให้รู้สึกแย่ ใจเสีย หรือ หมดกำลังใจ แต่กำลังจะบอกความจริง ของชีวิตสังคมเมืองให้ฟังว่า ไอความมั่นคงที่ว่ามันหาไม่ได้หรอก อย่างกรณี มนุษย์เงินเดือน ซึ่งคนพวกนี้ ก็มักจะมีความคิดว่า การทำอยู่ในองค์กร นานๆ คือ การมีชีวิตที่มั่งคง เนื่องจาก หากทำจนเกษียณ ก็อาจจะได้เป็นที่ปรึกษา แต่พอฟังแบบนี้แล้วก็ ชวนให้สะกิดใจไม่น้อย
เนื่องจากในความเป็นจริงนั้น หลังจากที่เรียนจบ ได้งานอะไรก็ต้องทำไว้ก่อน เหตุผลก็เพื่อสร้างโปรโฟล์ แต่ก็อีกนั่นแหล่ะ หลายๆคนก็ไม่ได้โปรไฟล์อะไรที่ดีเลย บ้างก็อาศัยเรียน ม ดัง รุ่นพี่รุ่นน้องแนะนำ (ฝากเข้า) บ้างก็ใช้เส้น บ้างก็กระซวก กระสน เป็นหลายปี กว่าจะได้งานสักที บ้างก็เปลี่ยนงานหลายที่ เงินเดือนถึงจะเพิ่มขึ้นจากเดิม แต่ก็มีส่วนน้อย ที่เบื่อหน่ายมนุษย์เงินเดือน แต่เขามีทางเลือกที่ดีกว่า ก็คือ กลับไปช่วยที่บ้านทำธุรกิจ ส่วนคนที่สร้างประวัติการทำงานไม่หรูหรา ก็จะมีผลกระทบต่อการสมัคตในครั้งต่อๆไป เช่น อาจจะโดนถามว่า อายุขนาดนี้ ทำที่เดิมตั้งนานทำไมถึงออก อายุขนาดนี้ยังเปลี่ยนงานอีกหรอ หรือ ไม่คิดจะปักหลักสักที่กับบริษัทสักเห็นหรอ แล้วพวกที่ทำที่เดิมไปเรื่อยๆ ก็มีอยู่จำนวนนึงเท่านั้น ที่ทำอยู่ที่เดิม ไปเรื่อยๆ เพราะไม่รู้จะไปไหน และ ไม่อยากหาใหม่ เพราะคิดว่ามั่นคงแล้ว แต่สุดท้ายคนพวกนี้ก็ติดกัปดักมนุษย์เงินเดือนแล้วนั่นเอง เพราะจะต้องเอาแรงกายใจไปแลก หมดสิทธิ์ที่จะคิดเรื่องความฝัง passion อะไรทั้งสิ้น เพราะห่วงถึงการยังมีกินมีใช้ต่างๆนั่นเอง และก็คงจะไม่มีเวลาไปทำอย่างอื่น เพราะองค์กรหลายที่มักจะมีวัฒนธรรม อยู่เกินห้าโมงเย็น กลับสองสามทุ่ม ได้อย่างดีก็ เงินสามพันจากประกันสังคม
ส่วนมนุษย์เงินเดือน ที่บ้าดีเดือดหน่อย ก็จะพยายามที่จออกมาใช้ชีวิตอย่างที่ใจปรารถนา แต่ทั้งนี้ ก็ต้องมีจังหวะ ทุน (ทุนสะสมแบ่งเก็บจากมนุษย์เงินเดือนนั่นแหล่ะซึ่งก็ไม่ได้มาก) และ คนให้โอกาส เข้ามาประกอบกัน ถึงจะมีชีวิตที่ไม่เหมือนเดิมได้ และขอทีอย่าพูดถึงวัยรุ่นพันล้าน เพราะพวกนั้นต้นทุนเขาไม่ได้ศูนย์
ส่วนพวกที่สอบราชการได้ นี่ก็มนุษย์เงินเดือนเหมือนกัน แต่ก็มีจำนวนน้อยท่สอบติด แล้วการสอบพวกนี้ก็ต้องติดตามว่าที่ไหนเปิดสอบ แล้วก็ต้องพยายามสอบให้ได้ เงินเดือนอาจจะน้อยไม่พอกิน แต่ระยะยาวดีกว่ามนุษย์เงินเดือนเอกชนแน่นอน ถ้าทำไป 25 ปี ถึงจะได้เงินบำนวญ ไหนจะสิทธิ์รักษาฟรี รพ รัฐอีก เจ็บป่วยทีอาจจะหมดตัวได้ทำเล่นไป
ยังไงคนที่ยังหาความมั่นคงให้ชีวิตไม่ได้ ก็ขอให้อดทน ได้งานอะไรก็ต้องทำไปก่อน ให้มีกินมีใช้ แต่ถ้ายังหาไม่ได้ก็ต้องพยายามให้ได้สักที่ งานเล็กน้อยอะไรทำไป สะสมทุน สะสมเงินเก็บไว้ฉุกเฉิน แล้วก็พยายามสะสมความรู้ เพื่อหาทางออกให้ชีวิตในเร็ววัน แล้วก็อย่าไปเปรียบเทียบกับลุกคนรวย เพราะคนเรามันไม่เหมือนกัน ลองถ้าคนพวกนี้มาเป็นแบบเราสิ อาจจะทำอะไรไม่ได้เลยก็ได้
สำหรับใครที่สนใจ ข้อคิด หรือ ทำความเข้าใจความจริงต่างๆ
เข้ามา อ่าน และ พูดคุยกันได้ทีนี่ (ย้ำขอคนที่ต้องการทำความเข้าใจสิ่งต่างๆตามจริง)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://www.facebook.com/masterzhun/
ถึงคนที่ยังรู้สึกว่า ชีวิต ยังหาความมั่นคงไม่ได้
ที่มาพูดแบบนี้ ไม่ได้จะให้รู้สึกแย่ ใจเสีย หรือ หมดกำลังใจ แต่กำลังจะบอกความจริง ของชีวิตสังคมเมืองให้ฟังว่า ไอความมั่นคงที่ว่ามันหาไม่ได้หรอก อย่างกรณี มนุษย์เงินเดือน ซึ่งคนพวกนี้ ก็มักจะมีความคิดว่า การทำอยู่ในองค์กร นานๆ คือ การมีชีวิตที่มั่งคง เนื่องจาก หากทำจนเกษียณ ก็อาจจะได้เป็นที่ปรึกษา แต่พอฟังแบบนี้แล้วก็ ชวนให้สะกิดใจไม่น้อย
เนื่องจากในความเป็นจริงนั้น หลังจากที่เรียนจบ ได้งานอะไรก็ต้องทำไว้ก่อน เหตุผลก็เพื่อสร้างโปรโฟล์ แต่ก็อีกนั่นแหล่ะ หลายๆคนก็ไม่ได้โปรไฟล์อะไรที่ดีเลย บ้างก็อาศัยเรียน ม ดัง รุ่นพี่รุ่นน้องแนะนำ (ฝากเข้า) บ้างก็ใช้เส้น บ้างก็กระซวก กระสน เป็นหลายปี กว่าจะได้งานสักที บ้างก็เปลี่ยนงานหลายที่ เงินเดือนถึงจะเพิ่มขึ้นจากเดิม แต่ก็มีส่วนน้อย ที่เบื่อหน่ายมนุษย์เงินเดือน แต่เขามีทางเลือกที่ดีกว่า ก็คือ กลับไปช่วยที่บ้านทำธุรกิจ ส่วนคนที่สร้างประวัติการทำงานไม่หรูหรา ก็จะมีผลกระทบต่อการสมัคตในครั้งต่อๆไป เช่น อาจจะโดนถามว่า อายุขนาดนี้ ทำที่เดิมตั้งนานทำไมถึงออก อายุขนาดนี้ยังเปลี่ยนงานอีกหรอ หรือ ไม่คิดจะปักหลักสักที่กับบริษัทสักเห็นหรอ แล้วพวกที่ทำที่เดิมไปเรื่อยๆ ก็มีอยู่จำนวนนึงเท่านั้น ที่ทำอยู่ที่เดิม ไปเรื่อยๆ เพราะไม่รู้จะไปไหน และ ไม่อยากหาใหม่ เพราะคิดว่ามั่นคงแล้ว แต่สุดท้ายคนพวกนี้ก็ติดกัปดักมนุษย์เงินเดือนแล้วนั่นเอง เพราะจะต้องเอาแรงกายใจไปแลก หมดสิทธิ์ที่จะคิดเรื่องความฝัง passion อะไรทั้งสิ้น เพราะห่วงถึงการยังมีกินมีใช้ต่างๆนั่นเอง และก็คงจะไม่มีเวลาไปทำอย่างอื่น เพราะองค์กรหลายที่มักจะมีวัฒนธรรม อยู่เกินห้าโมงเย็น กลับสองสามทุ่ม ได้อย่างดีก็ เงินสามพันจากประกันสังคม
ส่วนมนุษย์เงินเดือน ที่บ้าดีเดือดหน่อย ก็จะพยายามที่จออกมาใช้ชีวิตอย่างที่ใจปรารถนา แต่ทั้งนี้ ก็ต้องมีจังหวะ ทุน (ทุนสะสมแบ่งเก็บจากมนุษย์เงินเดือนนั่นแหล่ะซึ่งก็ไม่ได้มาก) และ คนให้โอกาส เข้ามาประกอบกัน ถึงจะมีชีวิตที่ไม่เหมือนเดิมได้ และขอทีอย่าพูดถึงวัยรุ่นพันล้าน เพราะพวกนั้นต้นทุนเขาไม่ได้ศูนย์
ส่วนพวกที่สอบราชการได้ นี่ก็มนุษย์เงินเดือนเหมือนกัน แต่ก็มีจำนวนน้อยท่สอบติด แล้วการสอบพวกนี้ก็ต้องติดตามว่าที่ไหนเปิดสอบ แล้วก็ต้องพยายามสอบให้ได้ เงินเดือนอาจจะน้อยไม่พอกิน แต่ระยะยาวดีกว่ามนุษย์เงินเดือนเอกชนแน่นอน ถ้าทำไป 25 ปี ถึงจะได้เงินบำนวญ ไหนจะสิทธิ์รักษาฟรี รพ รัฐอีก เจ็บป่วยทีอาจจะหมดตัวได้ทำเล่นไป
ยังไงคนที่ยังหาความมั่นคงให้ชีวิตไม่ได้ ก็ขอให้อดทน ได้งานอะไรก็ต้องทำไปก่อน ให้มีกินมีใช้ แต่ถ้ายังหาไม่ได้ก็ต้องพยายามให้ได้สักที่ งานเล็กน้อยอะไรทำไป สะสมทุน สะสมเงินเก็บไว้ฉุกเฉิน แล้วก็พยายามสะสมความรู้ เพื่อหาทางออกให้ชีวิตในเร็ววัน แล้วก็อย่าไปเปรียบเทียบกับลุกคนรวย เพราะคนเรามันไม่เหมือนกัน ลองถ้าคนพวกนี้มาเป็นแบบเราสิ อาจจะทำอะไรไม่ได้เลยก็ได้
สำหรับใครที่สนใจ ข้อคิด หรือ ทำความเข้าใจความจริงต่างๆ
เข้ามา อ่าน และ พูดคุยกันได้ทีนี่ (ย้ำขอคนที่ต้องการทำความเข้าใจสิ่งต่างๆตามจริง)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้