
...เป็นอีกครั้งที่ฉันต้องเดินทางด้วยรถไฟ จุดหมายปลายทางในครั้งนี้คือสุดทางรางหมอนสายตะวันออกเฉียงเหนือ(ใต้) ที่สถานีรถไฟอุบลราชธานี ครั้งนี้ฉันตั้งใจมาก่อนเดินทางว่าฉันอยากเก็บเรื่องราวและบรรยากาศของสถานีรถไฟแบบดั้งเดิมเอาไว้ในความทรงจำ ก่อนสถานีรถไฟเหล่านี้จะเลือนหายและเปลี่ยนแปลงไปตามการพัฒนาของประเทศ...ฉันเฝ้าหาข้อมูลสถานีระหว่างทางว่ามีสถานีใดบ้างที่ยังมีรูปแบบสถานีเดิม ๆ ไม่เปลี่ยนแปลงจากอดีตมากนัก และฉันก็สะดุดกับสถานีเล็ก ๆ ซึ่งเป็นสถานีแรกของเส้นทางสายนี้เมื่อเข้าเขตจังหวัดอุบลราชธานี “สถานีรถไฟห้วยขยุง”

...แค่ชื่อก็แปลก ยิ่งไปถึงก็ยิ่งแปลกใจ สถานีรถไฟที่นี่สะกดชื่อว่า “ห้วยขยุง” ขณะที่สถานที่ต่าง ๆ โดยรอบไม่ว่าจะเป็น อบต. วัด โรงเรียน ใช้ “ห้วยขะยุง” สอบถามเจ้าหน้าที่ก็บอกว่า สถานีแห่งนี้ใช้สะกดว่า “ขยุง” มาตั้งแต่เริ่มตั้งสถานีในช่วงการก่อสร้างทางรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือ เกิดขึ้นพร้อม ๆ กับชุมชนห้วยขะยุง ที่มีประวัติความเป็นมาเกิดจากผู้คนที่มาก่อสร้างทางรถไฟจากศรีสะเกษมายังอุบลราชธานี ตั้งแต่ พ.ศ.2470 ซึ่งเขาก็ไม่ทราบว่าทำไมถึงเขียนสะกดต่างกัน โดยมีที่มาจากชื่อลำห้วยขะยุง ลำห้วยที่เกิดจากการรวมตัวกันของลำน้ำสายต่าง ๆ ที่ไหลจากเทือกเขาพนมดงรัก อำเภอขุนหาญ จังหวัดศรีสะเกษ

....เสน่ห์ของสถานีรถไฟแห่งนี้คือตัวอาคารไม้เล็ก ๆ ชั้นเดียว ทาสีครีม ตัดเส้นเสาอาคารขอบหน้าต่างประตูด้วยสีน้ำตาล พื้นไม้ขัดเป็นมัน สะอาดสะอ้าน ที่หน้าต่างมีผ้าม่านสีเขียวอ่อน พริ้วไหวเล็กน้อยยามต้องลม ....
....ช่องขายตั๋วยังมีลักษณะเป็นไม้ระแนงไขว้กันเจาะเป็นช่องโค้งไว้สำหรับขายตั๋ว เหนือช่องขายตั๋วเป็นภาพพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฉันหยุดมองนิ่งราวกับต้องมนต์สะกด ภาพที่เห็นตรงหน้าเหมือนฉันกำลังเดินทางหลุดข้ามผ่านอุโมงค์แห่งกาลเวลากลับไปในอดีต รอยยิ้มของพนักงานประจำสถานีที่ยื่นหน้าออกมาจากช่องหน้าต่างเพื่อทักทาย คือเสน่ห์ที่ 2 ที่พบเห็น เป็นเสน่ห์ที่เกิดจากมิตรภาพที่หยิบยื่นให้ผู้มาเยือนจากต่างถิ่นอย่างฉัน...

คุณไพสัตน์ แสนร่มเย็น ผู้ช่วยนายสถานีรถไฟหัวยขยุง ยิ้มแย้มทักทายพร้อมตอบข้อซักถามให้คนช่างสงสัย ที่คอยเก็บภาพไปทั่วบริเวณอย่างฉัน ด้วยใบหน้าที่เต็มเปี่ยมด้วยมิตรภาพ และแล้วฉันก็มาสนใจกับเจ้าเครื่องมือประจำสถานีที่ดูขรึมขลัง มีพลังดึงดูดให้เข้าไปสอบถามด้วยความสนใจ ถ้อยคำที่พี่ไพสันต์ อธิบายเครื่องมือทำงานแต่ละเครื่องไม่ว่าจะเป็น “ดวงตรา ทางสะดวก” หรือจะเป็น “มือคันกลับสัญญานประจำที่” ที่ยังคงทำหน้าที่สร้างความปลอดภัยในการเดินทางบนรางหมอนที่ผ่านสถานีรถไฟแห่งนี้มาตั้งแต่อดีตกาล และยังคงใช้อยู่ในปัจจุบันเป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ที่ซ่อนอยู่ในสถานีเล็ก ๆ แห่งนี้...

ถัดจากสถานีห้วยขยุงไปไม่ไกล หากเดินย้อนกลับไปทางจังหวัดศรีสะเกษ ไปตามรางหมอนระยะทางเกือบ 800 เมตร จะมีสะพานรถไฟที่ทอดข้าม ห้วยขะยุง ระหว่างทางจะมีป้ายแสดงการแบ่งเขตจังหวัดระหว่างอุบลราชธานีกับศรีสะเกษ โอวววว...นี่ฉันเดินเท้าตามรางหมอนข้ามเขตจังหวัดเลยหรือนี่....

ฉันรีบก้าวเท้าเดินต่อไปตามรางเพื่อไปยังสะพานรถไฟ เพือชื่นชมความสวยงามของเส้นสายลายเหล็ก และภาพของเงาสะพานรถไฟที่ตกลงบนผืนน้ำห้วยขะยุง

ฉันเหลือบมองดูเวลาบนจอโทรศัพท์ อีกไม่นานจะถึงเวลาที่มีรถไฟเคลื่อนผ่านสะพานเข้าไปยังสถานีห้วยขยุง และแล้วฉันก็ไม่ผิดหวัง ฉันมานั่งรอใต้ร่มไม้ข้างสะพานได้สักพัก เสียงหวูดรถไฟดังแว่วใกล้เข้ามา มือของฉันถือกล้องไว้ตาเล็งไปที่ช่องมองภาพอย่างไม่ละสายตา จนกระทั่งรถไฟก็ได้วิ่งผ่านสะพานเสียงดังเกรียวกราว มือของฉันกดชัตเตอร์อย่างเร็วเพื่อให้ได้ภาพที่ประทับใจกลับไป....

....
...ถึงตอนนี้ฉันค้นพบเสน่ห์ของสถานีรถไฟห้วยขยุงเพิ่มขึ้นอีกอย่างหนึ่งแล้วล่ะ...
“...แรมทางบนรางหมอน เที่ยวสัญจรเมืองอุบล
“ห้วยขยุง”งามน่ายล เชิญทุกคนมาเยี่ยมชม
สถานีแสนคลาสสิค มีทั้งมิตรอภิรมย์
เสน่ห์ล้ำแสนงามสม น่าชื่นชมรถไฟไทย...”
ขอขอบคุณ :
1. สมาคมภาพถ่ายแห่งประเทศไทย และการรถไฟแห่งประทศไทย ที่มอบโอกาสให้เข้าร่วม กิจกรรมดี ๆ “คนถ่ายภาพท่องเที่ยวเล่าเรื่องความประทับใจกับการรถไฟ” (สายกรุงเทพฯ – อุบลราชธานี)
2. เจ้าหน้าที่สถานีรถไฟห้วยขยุง ที่มอบประสบการณ์ดี ๆ และเรื่องราวที่น่าประทับใจ ตลอดจนมิตรภาพอันแสนอบอุ่น
3. เพื่อนร่วมเดินทางทุกท่าน ที่ทำให้การเดินทางครั้งนี้มีความหมายมากขึ้น
[CR] "ห้วยขยุง” สถานีเล็ก ๆ ที่เต็มเปี่ยมด้วยเสน่ห์และมิตรภาพบนรางหมอน
...เป็นอีกครั้งที่ฉันต้องเดินทางด้วยรถไฟ จุดหมายปลายทางในครั้งนี้คือสุดทางรางหมอนสายตะวันออกเฉียงเหนือ(ใต้) ที่สถานีรถไฟอุบลราชธานี ครั้งนี้ฉันตั้งใจมาก่อนเดินทางว่าฉันอยากเก็บเรื่องราวและบรรยากาศของสถานีรถไฟแบบดั้งเดิมเอาไว้ในความทรงจำ ก่อนสถานีรถไฟเหล่านี้จะเลือนหายและเปลี่ยนแปลงไปตามการพัฒนาของประเทศ...ฉันเฝ้าหาข้อมูลสถานีระหว่างทางว่ามีสถานีใดบ้างที่ยังมีรูปแบบสถานีเดิม ๆ ไม่เปลี่ยนแปลงจากอดีตมากนัก และฉันก็สะดุดกับสถานีเล็ก ๆ ซึ่งเป็นสถานีแรกของเส้นทางสายนี้เมื่อเข้าเขตจังหวัดอุบลราชธานี “สถานีรถไฟห้วยขยุง”
...แค่ชื่อก็แปลก ยิ่งไปถึงก็ยิ่งแปลกใจ สถานีรถไฟที่นี่สะกดชื่อว่า “ห้วยขยุง” ขณะที่สถานที่ต่าง ๆ โดยรอบไม่ว่าจะเป็น อบต. วัด โรงเรียน ใช้ “ห้วยขะยุง” สอบถามเจ้าหน้าที่ก็บอกว่า สถานีแห่งนี้ใช้สะกดว่า “ขยุง” มาตั้งแต่เริ่มตั้งสถานีในช่วงการก่อสร้างทางรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือ เกิดขึ้นพร้อม ๆ กับชุมชนห้วยขะยุง ที่มีประวัติความเป็นมาเกิดจากผู้คนที่มาก่อสร้างทางรถไฟจากศรีสะเกษมายังอุบลราชธานี ตั้งแต่ พ.ศ.2470 ซึ่งเขาก็ไม่ทราบว่าทำไมถึงเขียนสะกดต่างกัน โดยมีที่มาจากชื่อลำห้วยขะยุง ลำห้วยที่เกิดจากการรวมตัวกันของลำน้ำสายต่าง ๆ ที่ไหลจากเทือกเขาพนมดงรัก อำเภอขุนหาญ จังหวัดศรีสะเกษ
....เสน่ห์ของสถานีรถไฟแห่งนี้คือตัวอาคารไม้เล็ก ๆ ชั้นเดียว ทาสีครีม ตัดเส้นเสาอาคารขอบหน้าต่างประตูด้วยสีน้ำตาล พื้นไม้ขัดเป็นมัน สะอาดสะอ้าน ที่หน้าต่างมีผ้าม่านสีเขียวอ่อน พริ้วไหวเล็กน้อยยามต้องลม ....
....ช่องขายตั๋วยังมีลักษณะเป็นไม้ระแนงไขว้กันเจาะเป็นช่องโค้งไว้สำหรับขายตั๋ว เหนือช่องขายตั๋วเป็นภาพพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฉันหยุดมองนิ่งราวกับต้องมนต์สะกด ภาพที่เห็นตรงหน้าเหมือนฉันกำลังเดินทางหลุดข้ามผ่านอุโมงค์แห่งกาลเวลากลับไปในอดีต รอยยิ้มของพนักงานประจำสถานีที่ยื่นหน้าออกมาจากช่องหน้าต่างเพื่อทักทาย คือเสน่ห์ที่ 2 ที่พบเห็น เป็นเสน่ห์ที่เกิดจากมิตรภาพที่หยิบยื่นให้ผู้มาเยือนจากต่างถิ่นอย่างฉัน...
คุณไพสัตน์ แสนร่มเย็น ผู้ช่วยนายสถานีรถไฟหัวยขยุง ยิ้มแย้มทักทายพร้อมตอบข้อซักถามให้คนช่างสงสัย ที่คอยเก็บภาพไปทั่วบริเวณอย่างฉัน ด้วยใบหน้าที่เต็มเปี่ยมด้วยมิตรภาพ และแล้วฉันก็มาสนใจกับเจ้าเครื่องมือประจำสถานีที่ดูขรึมขลัง มีพลังดึงดูดให้เข้าไปสอบถามด้วยความสนใจ ถ้อยคำที่พี่ไพสันต์ อธิบายเครื่องมือทำงานแต่ละเครื่องไม่ว่าจะเป็น “ดวงตรา ทางสะดวก” หรือจะเป็น “มือคันกลับสัญญานประจำที่” ที่ยังคงทำหน้าที่สร้างความปลอดภัยในการเดินทางบนรางหมอนที่ผ่านสถานีรถไฟแห่งนี้มาตั้งแต่อดีตกาล และยังคงใช้อยู่ในปัจจุบันเป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ที่ซ่อนอยู่ในสถานีเล็ก ๆ แห่งนี้...
ถัดจากสถานีห้วยขยุงไปไม่ไกล หากเดินย้อนกลับไปทางจังหวัดศรีสะเกษ ไปตามรางหมอนระยะทางเกือบ 800 เมตร จะมีสะพานรถไฟที่ทอดข้าม ห้วยขะยุง ระหว่างทางจะมีป้ายแสดงการแบ่งเขตจังหวัดระหว่างอุบลราชธานีกับศรีสะเกษ โอวววว...นี่ฉันเดินเท้าตามรางหมอนข้ามเขตจังหวัดเลยหรือนี่....
ฉันรีบก้าวเท้าเดินต่อไปตามรางเพื่อไปยังสะพานรถไฟ เพือชื่นชมความสวยงามของเส้นสายลายเหล็ก และภาพของเงาสะพานรถไฟที่ตกลงบนผืนน้ำห้วยขะยุง
ฉันเหลือบมองดูเวลาบนจอโทรศัพท์ อีกไม่นานจะถึงเวลาที่มีรถไฟเคลื่อนผ่านสะพานเข้าไปยังสถานีห้วยขยุง และแล้วฉันก็ไม่ผิดหวัง ฉันมานั่งรอใต้ร่มไม้ข้างสะพานได้สักพัก เสียงหวูดรถไฟดังแว่วใกล้เข้ามา มือของฉันถือกล้องไว้ตาเล็งไปที่ช่องมองภาพอย่างไม่ละสายตา จนกระทั่งรถไฟก็ได้วิ่งผ่านสะพานเสียงดังเกรียวกราว มือของฉันกดชัตเตอร์อย่างเร็วเพื่อให้ได้ภาพที่ประทับใจกลับไป....
....
...ถึงตอนนี้ฉันค้นพบเสน่ห์ของสถานีรถไฟห้วยขยุงเพิ่มขึ้นอีกอย่างหนึ่งแล้วล่ะ...
“...แรมทางบนรางหมอน เที่ยวสัญจรเมืองอุบล
“ห้วยขยุง”งามน่ายล เชิญทุกคนมาเยี่ยมชม
สถานีแสนคลาสสิค มีทั้งมิตรอภิรมย์
เสน่ห์ล้ำแสนงามสม น่าชื่นชมรถไฟไทย...”
ขอขอบคุณ :
1. สมาคมภาพถ่ายแห่งประเทศไทย และการรถไฟแห่งประทศไทย ที่มอบโอกาสให้เข้าร่วม กิจกรรมดี ๆ “คนถ่ายภาพท่องเที่ยวเล่าเรื่องความประทับใจกับการรถไฟ” (สายกรุงเทพฯ – อุบลราชธานี)
2. เจ้าหน้าที่สถานีรถไฟห้วยขยุง ที่มอบประสบการณ์ดี ๆ และเรื่องราวที่น่าประทับใจ ตลอดจนมิตรภาพอันแสนอบอุ่น
3. เพื่อนร่วมเดินทางทุกท่าน ที่ทำให้การเดินทางครั้งนี้มีความหมายมากขึ้น