สวัสดีครับ เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ชาวพันทิปทุกคนนนนน ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนเลยว่า กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกของผม ถ้ามีสิ่งผิดพลาดประการใดต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับบบบ
กระทู้นี้เป็นกระทู้ที่เกี่ยวกับการเดินทางของเด็กมหาลัยอย่างพวกเราที่ได้โจทย์มาว่า “Low Price High Experience” นั่นก็คือการเดินทางที่ ใช้เงินน้อย แต่เต็มไปด้วยประสบการณ์แต่ที่พีคที่สุดนั่นก็คือ เป็นชีวิตเด็กปี 4! ที่มีโปรเจคท่วมหัว แต่ยังเอาตัวไม่รอดดดดด เลยทำให้ผมกับเพื่อนๆ อีก 12 คน ใช้โอกาสนี้แหละหนีจากวงจรชีวิตของเด็กมหาลัย ออกไป Backpack Trip เพื่อเป็นการพักผ่อนจาก Project Crisis ด้วยยยย ฟินกันไปสิ
การผจญภัยของพวกเราในครั้งนี้เริ่มเดินทางวันที่ 22 ตุลาคม ถึงวันที่ 26 ตุลาคม 2558 และสถานที่ที่เราเลือกจะไปในครั้งนี้นั่นก็คือ ช้างมั๊ย ....... ตึงงงงงง!! เชียงใหม่เจ้า
วันที่ 1 First day
เที่ยงวันที่ 22 เวลา ประมาน 11.30 เป็นเวลารวมพลที่มหาวิทยาลัยเนื่องจากยังมีเรียนอยู่ในช่วงเช้า หลังจากที่เราเรียนเสร็จในตอนเช้า เราก็ดิ่งตรงไปยัง สถานีรถไฟหัวลำโพงงงงงง เพื่อขึ้นรถไฟฟรีไปยัง เชียงใหม่ ย้ำนะครับว่า รถไฟฟรี!!!!
รถไฟเริ่มเคลื่อนออกจากสถานี เวลา 13.45 เป๊ะ! ตามกำหนดการ นี่คือจุดเริ่มต้นของการเดินทางไปเชียงใหม่ของพวกเรา ด้วยขบวนรถไฟ 109
ต้องบอกก่อนเลยว่านี่เป็นการนั่งรถไฟฟรีครั้งแรกของเพื่อนหลายคนในกลุ่ม และเป็นการนั่งรถไฟที่ไกลที่สุดในชีวิตของพวกเราเลย เมื่อใกล้เวลารถไฟออกเดินทางพวกเราก็ขึ้นไปตามหาที่นั่งกันตามในตั๋วเลยครับ เดินไปสามโบกี้ แต่เอ๊ะ!ทำไมเลขที่นั่งในตั๋วมีคนนั่งหมดแล้วล่ะ
พวกเราไม่รู้จะทำยังไงก็เลยต้องแยกกันไปนั่งตัวโน้นทีตัวนี้ทีพอมีเจ้าของที่มา เราก็ต้องย้ายไปนั่งที่ว่างอื่น ซึ่งจริงๆแล้วจากตั๋วที่พวกเราจองจะได้เลขที่นั่งเรียงกันทุกคน ทำไมผมไม่ไปขอนั่งตามเลขที่เค้านั่งของผมนะหรออ
เพราะเค้าเป็นฝรั่งไงนายตรวจตั๋วบอกว่าให้เขานั่งไปก่อนนะเขาเป็นชาวต่างชาติเขาลงแค่อยุธยาเอง เพื่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยพวกเรายอมครับ


ในระหว่างทางก็จะมี พ่อค้า-แม่ค้าขึ้นรถไฟมาขายของเรื่อยๆ เช่น ข้าวกล่อง น้ำ ข้าวเหนียวหมูปิ้ง ลูกชิ้น ไส้กรอก ชา กาแฟ ยาดม ยาหม่อง เรียกได้ว่ามีแทบทุกอย่างให้ได้เลือกซื้อ ไม่มีหิวกันเลยทีเดียว
ผมคิดว่านี่แหละ คือเสน่ห์ของการเดินทางด้วยรถไฟ เมื่อรถไฟผ่านไปยังจังหวัดหนึ่ง สินค้าหรืออาหาร ต่างๆก็จะแปรเปลี่ยนไปตามพื้นที่นั้นๆ ซึ่งการเดินทางแบบอื่นเช่นรถทัวร์หรือเครื่องบินไม่ได้เห็นอะไรแบบนี้แน่นอน แล้วก็ยังได้มิตรภาพใหม่ๆเพิ่มมาอีกด้วยนะ ผมได้รู้จักกับสองพี่น้องสาวสวยจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มา Backpack ที่เชียงใหม่กันสองคนตามภาษาพี่น้อง
และได้เห็นถึงมิตรภาพของคุณลุงคุณป้าเพื่อนร่วมทางที่แบ่งขนมให้ผมทานทั้งๆที่ไม่ได้รู้จักกันมาก่อนเลย เป็นอะไรที่ประทับใจมากเลยครับผม
[CR] เชียงใหม่
กระทู้นี้เป็นกระทู้ที่เกี่ยวกับการเดินทางของเด็กมหาลัยอย่างพวกเราที่ได้โจทย์มาว่า “Low Price High Experience” นั่นก็คือการเดินทางที่ ใช้เงินน้อย แต่เต็มไปด้วยประสบการณ์แต่ที่พีคที่สุดนั่นก็คือ เป็นชีวิตเด็กปี 4! ที่มีโปรเจคท่วมหัว แต่ยังเอาตัวไม่รอดดดดด เลยทำให้ผมกับเพื่อนๆ อีก 12 คน ใช้โอกาสนี้แหละหนีจากวงจรชีวิตของเด็กมหาลัย ออกไป Backpack Trip เพื่อเป็นการพักผ่อนจาก Project Crisis ด้วยยยย ฟินกันไปสิ
การผจญภัยของพวกเราในครั้งนี้เริ่มเดินทางวันที่ 22 ตุลาคม ถึงวันที่ 26 ตุลาคม 2558 และสถานที่ที่เราเลือกจะไปในครั้งนี้นั่นก็คือ ช้างมั๊ย ....... ตึงงงงงง!! เชียงใหม่เจ้า
วันที่ 1 First day
เที่ยงวันที่ 22 เวลา ประมาน 11.30 เป็นเวลารวมพลที่มหาวิทยาลัยเนื่องจากยังมีเรียนอยู่ในช่วงเช้า หลังจากที่เราเรียนเสร็จในตอนเช้า เราก็ดิ่งตรงไปยัง สถานีรถไฟหัวลำโพงงงงงง เพื่อขึ้นรถไฟฟรีไปยัง เชียงใหม่ ย้ำนะครับว่า รถไฟฟรี!!!!
รถไฟเริ่มเคลื่อนออกจากสถานี เวลา 13.45 เป๊ะ! ตามกำหนดการ นี่คือจุดเริ่มต้นของการเดินทางไปเชียงใหม่ของพวกเรา ด้วยขบวนรถไฟ 109
ต้องบอกก่อนเลยว่านี่เป็นการนั่งรถไฟฟรีครั้งแรกของเพื่อนหลายคนในกลุ่ม และเป็นการนั่งรถไฟที่ไกลที่สุดในชีวิตของพวกเราเลย เมื่อใกล้เวลารถไฟออกเดินทางพวกเราก็ขึ้นไปตามหาที่นั่งกันตามในตั๋วเลยครับ เดินไปสามโบกี้ แต่เอ๊ะ!ทำไมเลขที่นั่งในตั๋วมีคนนั่งหมดแล้วล่ะ
พวกเราไม่รู้จะทำยังไงก็เลยต้องแยกกันไปนั่งตัวโน้นทีตัวนี้ทีพอมีเจ้าของที่มา เราก็ต้องย้ายไปนั่งที่ว่างอื่น ซึ่งจริงๆแล้วจากตั๋วที่พวกเราจองจะได้เลขที่นั่งเรียงกันทุกคน ทำไมผมไม่ไปขอนั่งตามเลขที่เค้านั่งของผมนะหรออ
เพราะเค้าเป็นฝรั่งไงนายตรวจตั๋วบอกว่าให้เขานั่งไปก่อนนะเขาเป็นชาวต่างชาติเขาลงแค่อยุธยาเอง เพื่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยพวกเรายอมครับ
ในระหว่างทางก็จะมี พ่อค้า-แม่ค้าขึ้นรถไฟมาขายของเรื่อยๆ เช่น ข้าวกล่อง น้ำ ข้าวเหนียวหมูปิ้ง ลูกชิ้น ไส้กรอก ชา กาแฟ ยาดม ยาหม่อง เรียกได้ว่ามีแทบทุกอย่างให้ได้เลือกซื้อ ไม่มีหิวกันเลยทีเดียว
ผมคิดว่านี่แหละ คือเสน่ห์ของการเดินทางด้วยรถไฟ เมื่อรถไฟผ่านไปยังจังหวัดหนึ่ง สินค้าหรืออาหาร ต่างๆก็จะแปรเปลี่ยนไปตามพื้นที่นั้นๆ ซึ่งการเดินทางแบบอื่นเช่นรถทัวร์หรือเครื่องบินไม่ได้เห็นอะไรแบบนี้แน่นอน แล้วก็ยังได้มิตรภาพใหม่ๆเพิ่มมาอีกด้วยนะ ผมได้รู้จักกับสองพี่น้องสาวสวยจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มา Backpack ที่เชียงใหม่กันสองคนตามภาษาพี่น้อง
และได้เห็นถึงมิตรภาพของคุณลุงคุณป้าเพื่อนร่วมทางที่แบ่งขนมให้ผมทานทั้งๆที่ไม่ได้รู้จักกันมาก่อนเลย เป็นอะไรที่ประทับใจมากเลยครับผม