ชะลอมใบนั้น

กระทู้สนทนา
“ไปกับแม่ นี่ใกล้จะเปิดเทอมแล้ว” แม่บอกสั้น ๆ และผมรู้แค่นั้น เราก็ขึ้นรถจากราชบุรีไปบ้านน้าที่อยู่สุพรรณ ผมนอนหลับแล้วตื่นอยู่หลายเที่ยวกว่าจะถึงที่หมาย บ้านของน้องสาวแม่นั้นอยู่ไม่ไกลจากตลาดประจำอำเภอดอนเจดีย์ ถ้าเทียบกับบ้านผม ที่นี่มีความเป็นเมืองและทันสมัยกว่ามากมาย น้าทำอาชีพรับปลาสลิดจากบางบ่อมาขายที่สุพรรณ เราไปถึงบ่ายมากแล้ว ที่บ้านน้าเต็มไปด้วยแผงตากปลา อุปกรณ์ป้องกันแมลง นก หนู เหมือนพวกมันจะวางอยู่ทั่วบริเวณไปหมด
วันนั้นน้าและแฟนน้าพาผมกับแม่ไปกินข้าวเย็นที่ตลาดหน้าอำเภอ ผู้คนคึกคักตั้งแต่เย็นจนค่ำ“ไหว้ท่านซะ เอ็งจะได้แข็งแรง ไม่ขี้โรค” แม่ให้ผมยกมื้อไหว้อนุสรณ์สถานดอนเจดีย์ ที่เป็นรูปปั้นสมเด็จพระนเรศวรทรงช้างศึกเอาชนะศัตรู เมื่อเรานั่งรถสามล้อผ่านไป เราไม่มีโอกาสได้แวะเพราะมืดเสียก่อน คืนนั้นก่อนผมจะหลับ ได้ยินแต่แม่กับน้องสาวคุยกันเรื่องลงทุนค้าขาย กับเรื่องการเก็บการออมเงิน
รุ่งเช้าผมก็ยังได้ยินแม่กับน้าถกเถียงกันด้วยน้ำเสียงดังอยู่หลายนาที ทั้งคู่เถียงกันมาแต่เมื่อคืนหรือตื่นมาถกเถียงกันแต่เช้ามืดผมก็ไม่รู้ เสียงเงียบลงเมื่อน้าเขยยกชะลอมใบใหญ่มาให้แม่ ในชะลอมใบนั้นอัดแน่นไปด้วยปลาสลิดเค็มหลายกิโลกรัม ปลาช่อนแดดเดียวที่ห่อใส่ใบตองอีกสองห่อใหญ่ทับซ้อนลงไปจนโป่ง
ผมคิดว่าร่างระหงของหญิงที่จูงมือผมในชุดชุดเสื้อยืดกางเกงบอลด้วยมือซ้าย ไหล่ขวาสะพายกระเป๋าผ้าใบลายยี่ห้อน้ำอัดลม คงไม่สะดุดสายตาของใครที่สถานีบ.ข.ส.ดอนเจดีย์หรอก ถ้ามือขวาแม่ไม่ได้หิ้วชะลอมใบใหญ่นั้นมาด้วย รถโดยสารคันยาวเต็มตั้งแต่ออกจากสถานีและแทบจะไม่มีใครลงเลยมีแต่ผู้คนขึ้นมาตลอดทุกสถานีที่จอด แม่ค้าวัยรุ่นที่ขึ้นมาขายแห้วต้มกลิ่นหอมกับกระจับต้มรูปเขาควายสีดำร้องขึ้นมาด้วยเสียงอันดังว่า
“มีหนูตายบนรถรึไง โซเฟอร์”
สิ้นเสียงทุกคนบนรถเหมือนจะสิ้นสุดการอดทนกับกลิ่นนั้น ทุกคนพยายามมองหาที่มาของกลิ่นอย่างเปิดเผย แม่ค้าขายของเร่ตามตลาดนัดสองคนที่นั่งอยู่เบาะหลัง ทำชี้มือชี้ไม้มาที่แม่และผม จากนั้นสายตาแทบจะทุกคู่บนรถก็มองมาที่เราสองคน และเราเหมือนตกเป็นผู้ก่อการร้ายแห่งรถคันนี้ ทุกสายตาบอกความหยามเหยียดที่สุด
สายแดดเริ่มแรงขึ้นกลิ่นของปลาเค็มก็กระจายไปทั้งรถ กลิ่นนั้นดูจะทวีคูณเมื่อใครสักคนทำท่ารังเกียจอย่าง ปิดจมูก ทำท่าขย้อนในลำคอ หรือควักยาดม ยาหอม มาแก้ไขดับกลิ่นของมันมากยิ่งขึ้น ผมเงยหน้ามองก็เห็นหน้าลุงป้าน้าอาแต่ละคนทำสีหน้าแปลก ๆ ทำจมูกย่นบ้าง ทำปากแบะบ้าง
“บอกพี่สาวแล้วว่าให้เอาไว้ข้างล่างก็ไม่ยอม” คนเก็บตั๋วเดินพูดแบบนี้ขณะที่เดินเบียดผู้คนผ่านผมกับแม่ที่นั่งอยู่ที่นั่งแบบนี้มาสามรอบแล้ว แม่ลุกขึ้นยืนในรอบที่สาม
“อย่ามาทำสนิมสร้อย ไอ้หนู เป็นลูกผู้ชายต้องอดทน”
แม่ดุผมด้วยน้ำเสียงดังอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน ผมงงกับท่าทีของแม่ที่จู่ ก็ เอ็ดผมแบบนี้
“ทำหน้าซีดไปได้ ความจนมันขมขื่นโว้ย มั่งมีเป็นเศรษฐีก็ไปนั่งรถทัวร์แอร์เย็น ๆ แล้วล่ะ”
ผมไม่รู้ว่าแม่ว่าผมหรือเปล่าเพราะผมไม่เคยนั่งรถทัวร์ แต่รู้ว่าแม่พูดไปด้วยน้ำเสียงสั่นและสายตาจ้องมาที่ผมเท่านั้น
ไม่มีรอบที่สี่ของการมาบ่นเรื่องกลิ่น หรือทุกคนชินกับกลิ่นอันน่าเวียนหัวนั้นไปแล้ว ผมเหลียวมองไม่มีใครปิดจมูก ทำท่าขย้อนในลำคอ หรือควักยาดม ยาหอม มาดมอีก
...
เมื่อก้าวเท้าลงมาจากรถบ.ข.ส.สีส้มคันยาว พ่อผมมาจอดรถเครื่องคอยอยู่ปากทางเข้าบ้านแล้ว
“ได้ไหมเอี้ยง”
พ่อตะโกนถามแม่ทันที่ที่เห็นร่างระหงคุ้นตานั้นลงมาจากรถพร้อมข้าวของพะรุงพะรัง
“ห่วงแต่เงินแท้พ่อ เบื่อไอ้พวกเทวดาบนรถคันเมื่อกี้จะตายชัก หนอยแน่ เอะอะจะเป็นลม ไม่แข็งแรงซะเลย”
สิ้นคำแม่แผดเสียง พ่อแทบจะถลาเข้ามารับชะลอมใบใหญ่นั้นจากมือของแม่
“ขนอะไรมา โถ ปลาเค็ม ปลาแห้ง บ้านเราเยอะแยะ” พ่อว่าทำปากเบ้
“กำขี้ดีกว่ากำตด”
“เลยยึดของที่บ้านน้องแก้วมา”
“คิดเป็นค่าดอกไงได้มาสี่ ยังค้างตั้งสี่ร้อยจะพอซื้อชุดลูกเสือให้เจ้าสุรพลหรือเปล่าไม่รู้”
แม่ไม่จับมือผมแล้วเพราะทางลูกรังแถวบ้าน นาน ๆ จะมีรถวิ่งผ่านไปมาสักคัน ผมแหงนมองหน้าแม่ เห็นรอยยิ้มแรกของแม่
...
เงินแปดร้อยบาทที่แม่ไปทวงวันนั้น ยังไม่เท่าเท่ากับราคาปลาสลิดตัวโตและปลาช่อนแดดเดียวที่ผมซื้อมาฝากแม่กับพ่อวันนี้เลย
“สลิดกับไอ้ช่อนโลละกี่สิบล่ะเนี่ย” แม่ถาม
“โถโลล่ะกี่สิบ แม่รู้แล้วจะกินไม่ลง” พ่อหัวเราะเสียงดัง แม่ทำหน้างอก่อนสวนกลับไปว่า
“คนขี้เหนียวนะพ่อเวลากิน กินลงทั้งนั้นแหละ”
ผมยิ้มเมื่อเห็นแม่ทำจมูกย่น กลิ่นอดีตนั้นลอยมาเข้าจมูกอีกหน
...........................................................................................
CR ภาพจาก http://marketing3chuk.lnwshop.com/
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่