สวัสดีครับทุกคน
ปกติผมเป็นคนทำงานหัวฟู ๆ ที่พอหาเวลาว่างได้ ก็จะหนีไปตกปลาเงียบ ๆ คนเดียว
มันเป็นกิจกรรมเดียวที่ทำให้หัวโล่งได้แบบแท้จริง
วันนั้นเป็นบ่ายวันเสาร์
ผมตั้งใจไปบ่อประจำที่ค่อนข้างไกลหน่อย อยู่ชานเมือง
บ่อที่คนชอบไปกันจะอยู่อีกฝั่ง แต่ผมดันชอบมุมเงียบ ๆ ตรงท้ายบ่อ
เพราะตรงนั้นร่มดี ลมเย็น และเสียงน้ำกระทบกอหญ้ามันสบายหูมาก
🌤️ ถึงบ่อแล้ว… โล่งเหมือนเป็นพื้นที่ของผมคนเดียว
พอวางของเสร็จ ผมหย่อนเบ็ดแล้วนั่งพิงเก้าอี้พกพา
ลมพัดมาช้า ๆ จนเสื้อยืดสะบัด
กลิ่นน้ำ กลิ่นดิน กลิ่นหญ้า ชัดจนรู้สึกว่าร่างกายมันผ่อนคลายแบบอัตโนมัติ
ปลาตอดบ้าง ไม่ตอดบ้าง
แต่ก็ถือว่าชิลตามแบบคนชอบตกปลาทุกคนแหละครับ
นั่งไปสักพัก มีเสียงอะไร จ๋อม ลงน้ำอยู่ตรงมุมด้านซ้าย
ผมคิดว่าปลาใหญ่กระโดด
เลยตั้งใจรอเผื่อได้ตัวดี ๆ
แต่พอหันไปมอง… มันไม่มีวงน้ำกระเพื่อมเลยแม้แต่นิดเดียว
🌫️ หมอกบาง ๆ และเสียงฝีเท้าบนดินร่วน
ฟ้ายิ่งเย็น หมอกบาง ๆ เริ่มลอยข้ามผิวน้ำแบบที่ไม่ค่อยเจอในบ่อแบบนี้
ผมนั่งมองเพลิน ๆ จนเผลอหลับตา
แล้วจู่ ๆ ได้ยินเสียงเหมือนมีคนเหยียบดินร่วนอยู่ด้านหลัง
กรอบ… กรุบ… กรับ…
เสียงนั้นใกล้มากครับ
ใกล้จนคิดว่าต้องเป็นใครสักคนที่เดินผ่านหลังผมแน่ ๆ
ผมหันไปดู—
ไม่มีใคร
มีแต่ลานดินเปล่า ๆ กับเงาของต้นไม้สองสามต้นแกว่งตามลม
🎣 ปลากินเหยื่อแบบแรงผิดปกติ
กำลังคิดว่าอาจคิดมาก
เบ็ดผมก็ดึงลงแบบแรงจนคันไม้แทบหลุดมือ
ผมรีบจับและกระตุกสวน
“ฟึ่บ!”
แรงดึงมันหนักกว่าปกติ
หนักแบบเหมือนลากอะไรใหญ่กว่าไหล่ผมสองเท่า
สายเอ็นตึง ปี๊ด จนเหมือนจะขาด
ผมยืนสู้อยู่นานจนเหงื่อซึมทั้งหน้าผาก
สักพักแรงตึงมันก็หายไปเฉย ๆ
เหมือนสิ่งที่ติดสาย “ดำน้ำลง” และหายไปอย่างตั้งใจ
ผมนั่งหอบ แล้วพอจะรีเช็กเหยื่อ
ผมถึงเห็นว่า… เหยื่อผมหายไปหมด
แต่ตะขอยังอยู่
ไม่มีรอยฟัน
ไม่มีรอยขาด
เหมือนมีใคร “แกะเหยื่อออกด้วยมือ”
ผมนิ่งไปเลยครับตอนนั้น
🧍♂️ มีคนยืนอยู่ตรงกอหญ้าข้างบ่อ… แต่พอขยี้ตาอีกทีหายไป
ผมกำลังจะหย่อนเบ็ดใหม่
แต่หางตาเห็นเหมือนมีคนยืนอยู่หลังแนวกอหญ้าข้างบ่อ
ตัวสูง ผอมมาก
ยืนเฉย ๆ
ไม่ไหวติงแม้แต่นิดเดียว
ผมรีบหันไปมองตรง ๆ —
ไม่มีใคร
กอหญ้าสูง ๆ นั้นนิ่งสนิทเหมือนไม่เคยมีอะไรอยู่เลย
ตอนนั้นผมเริ่มรู้สึกว่าสถานที่นี้มัน “เงียบเกินไป”
แม้แต่เสียงโซ่เหล็กของบ่อ หรือเสียงนก ก็ไม่มี
เหมือนทั้งบ่อกำลังฟังอะไรอยู่
🚶♂️ ตัดสินใจเก็บของ… แต่กลับเจอคนถามจากด้านหลัง
ผมเริ่มไม่ค่อยโอเคแล้ว
เลยคิดว่าเก็บของกลับดีกว่า
ตอนกำลังเก็บตะกร้า มีเสียงผู้ชายทุ้ม ๆ ดังมาข้างหลังผมแบบใกล้มาก
“ตกได้ตัวใหญ่ไหมวันนี้…”
น้ำเสียงแหบลึก ฟังแล้วรู้สึกเย็นสันหลังวาบ
ผมหันขวับ—
ไม่มีใครเลยแม้แต่เงา
ทั้งพื้นที่โล่ง
มีแค่ผม
กับลมที่พัดเหมือนแรงขึ้นทีละนิด
🧳 เดินกลับรถ… แล้วมองย้อนกลับไปอีกที
ตอนเดินกลับขึ้นลานดินเพื่อไปที่รถ
ผมรู้สึกเหมือนมีคน “เดินตามหลังแบบช้า ๆ”
แต่พอผมหยุด
เสียงก็หยุด
เดินอีก
เสียงก็มาอีก
กรุบ… กรับ… กรุบ…
ผมไม่หัน
ไม่สน
เดินเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้จนถึงรถ
พอจะเปิดประตู ผมเผลอมองกลับไปที่บ่อหนึ่งครั้ง
ตรงกอหญ้าที่ผมเห็นเงาคนนั้น
มีเงาดำสูง ๆ ยืนอยู่จริง
แต่พอผมกะพริบตา—
มันหายไปทันทีเหมือนสลายไปกับหมอก
ผมขึ้นรถ สตาร์ท แล้วเหยียบออกมาจากที่นั่นแบบไม่มองกระจกหลังแม้แต่วินาทีเดียว
🔚 หลังจากนั้น… ผมไม่เคยนั่งตกปลามุมเดิมอีกเลย
ผมยังชอบตกปลาเหมือนเดิม
แต่ผมไม่เคยไปท้ายบ่อคนนั้นอีก
ผมไม่รู้ว่าที่ผมเจอคือคน
เงา
หรืออะไรที่อยู่ตรงนั้นตั้งแต่แรกแล้ว
แต่สิ่งหนึ่งที่ผมรู้แน่ ๆ คือ…
พื้นที่ที่เงียบเกินไป… มักเต็มไปด้วยสิ่งที่เราไม่เห็น
ไปตกปลาคนเดียว… แล้วผมได้เจออะไรบางอย่างตรงริมบ่อ
ปกติผมเป็นคนทำงานหัวฟู ๆ ที่พอหาเวลาว่างได้ ก็จะหนีไปตกปลาเงียบ ๆ คนเดียว
มันเป็นกิจกรรมเดียวที่ทำให้หัวโล่งได้แบบแท้จริง
วันนั้นเป็นบ่ายวันเสาร์
ผมตั้งใจไปบ่อประจำที่ค่อนข้างไกลหน่อย อยู่ชานเมือง
บ่อที่คนชอบไปกันจะอยู่อีกฝั่ง แต่ผมดันชอบมุมเงียบ ๆ ตรงท้ายบ่อ
เพราะตรงนั้นร่มดี ลมเย็น และเสียงน้ำกระทบกอหญ้ามันสบายหูมาก
🌤️ ถึงบ่อแล้ว… โล่งเหมือนเป็นพื้นที่ของผมคนเดียว
พอวางของเสร็จ ผมหย่อนเบ็ดแล้วนั่งพิงเก้าอี้พกพา
ลมพัดมาช้า ๆ จนเสื้อยืดสะบัด
กลิ่นน้ำ กลิ่นดิน กลิ่นหญ้า ชัดจนรู้สึกว่าร่างกายมันผ่อนคลายแบบอัตโนมัติ
ปลาตอดบ้าง ไม่ตอดบ้าง
แต่ก็ถือว่าชิลตามแบบคนชอบตกปลาทุกคนแหละครับ
นั่งไปสักพัก มีเสียงอะไร จ๋อม ลงน้ำอยู่ตรงมุมด้านซ้าย
ผมคิดว่าปลาใหญ่กระโดด
เลยตั้งใจรอเผื่อได้ตัวดี ๆ
แต่พอหันไปมอง… มันไม่มีวงน้ำกระเพื่อมเลยแม้แต่นิดเดียว
🌫️ หมอกบาง ๆ และเสียงฝีเท้าบนดินร่วน
ฟ้ายิ่งเย็น หมอกบาง ๆ เริ่มลอยข้ามผิวน้ำแบบที่ไม่ค่อยเจอในบ่อแบบนี้
ผมนั่งมองเพลิน ๆ จนเผลอหลับตา
แล้วจู่ ๆ ได้ยินเสียงเหมือนมีคนเหยียบดินร่วนอยู่ด้านหลัง
กรอบ… กรุบ… กรับ…
เสียงนั้นใกล้มากครับ
ใกล้จนคิดว่าต้องเป็นใครสักคนที่เดินผ่านหลังผมแน่ ๆ
ผมหันไปดู—
ไม่มีใคร
มีแต่ลานดินเปล่า ๆ กับเงาของต้นไม้สองสามต้นแกว่งตามลม
🎣 ปลากินเหยื่อแบบแรงผิดปกติ
กำลังคิดว่าอาจคิดมาก
เบ็ดผมก็ดึงลงแบบแรงจนคันไม้แทบหลุดมือ
ผมรีบจับและกระตุกสวน
“ฟึ่บ!”
แรงดึงมันหนักกว่าปกติ
หนักแบบเหมือนลากอะไรใหญ่กว่าไหล่ผมสองเท่า
สายเอ็นตึง ปี๊ด จนเหมือนจะขาด
ผมยืนสู้อยู่นานจนเหงื่อซึมทั้งหน้าผาก
สักพักแรงตึงมันก็หายไปเฉย ๆ
เหมือนสิ่งที่ติดสาย “ดำน้ำลง” และหายไปอย่างตั้งใจ
ผมนั่งหอบ แล้วพอจะรีเช็กเหยื่อ
ผมถึงเห็นว่า… เหยื่อผมหายไปหมด
แต่ตะขอยังอยู่
ไม่มีรอยฟัน
ไม่มีรอยขาด
เหมือนมีใคร “แกะเหยื่อออกด้วยมือ”
ผมนิ่งไปเลยครับตอนนั้น
🧍♂️ มีคนยืนอยู่ตรงกอหญ้าข้างบ่อ… แต่พอขยี้ตาอีกทีหายไป
ผมกำลังจะหย่อนเบ็ดใหม่
แต่หางตาเห็นเหมือนมีคนยืนอยู่หลังแนวกอหญ้าข้างบ่อ
ตัวสูง ผอมมาก
ยืนเฉย ๆ
ไม่ไหวติงแม้แต่นิดเดียว
ผมรีบหันไปมองตรง ๆ —
ไม่มีใคร
กอหญ้าสูง ๆ นั้นนิ่งสนิทเหมือนไม่เคยมีอะไรอยู่เลย
ตอนนั้นผมเริ่มรู้สึกว่าสถานที่นี้มัน “เงียบเกินไป”
แม้แต่เสียงโซ่เหล็กของบ่อ หรือเสียงนก ก็ไม่มี
เหมือนทั้งบ่อกำลังฟังอะไรอยู่
🚶♂️ ตัดสินใจเก็บของ… แต่กลับเจอคนถามจากด้านหลัง
ผมเริ่มไม่ค่อยโอเคแล้ว
เลยคิดว่าเก็บของกลับดีกว่า
ตอนกำลังเก็บตะกร้า มีเสียงผู้ชายทุ้ม ๆ ดังมาข้างหลังผมแบบใกล้มาก
“ตกได้ตัวใหญ่ไหมวันนี้…”
น้ำเสียงแหบลึก ฟังแล้วรู้สึกเย็นสันหลังวาบ
ผมหันขวับ—
ไม่มีใครเลยแม้แต่เงา
ทั้งพื้นที่โล่ง
มีแค่ผม
กับลมที่พัดเหมือนแรงขึ้นทีละนิด
🧳 เดินกลับรถ… แล้วมองย้อนกลับไปอีกที
ตอนเดินกลับขึ้นลานดินเพื่อไปที่รถ
ผมรู้สึกเหมือนมีคน “เดินตามหลังแบบช้า ๆ”
แต่พอผมหยุด
เสียงก็หยุด
เดินอีก
เสียงก็มาอีก
กรุบ… กรับ… กรุบ…
ผมไม่หัน
ไม่สน
เดินเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้จนถึงรถ
พอจะเปิดประตู ผมเผลอมองกลับไปที่บ่อหนึ่งครั้ง
ตรงกอหญ้าที่ผมเห็นเงาคนนั้น
มีเงาดำสูง ๆ ยืนอยู่จริง
แต่พอผมกะพริบตา—
มันหายไปทันทีเหมือนสลายไปกับหมอก
ผมขึ้นรถ สตาร์ท แล้วเหยียบออกมาจากที่นั่นแบบไม่มองกระจกหลังแม้แต่วินาทีเดียว
🔚 หลังจากนั้น… ผมไม่เคยนั่งตกปลามุมเดิมอีกเลย
ผมยังชอบตกปลาเหมือนเดิม
แต่ผมไม่เคยไปท้ายบ่อคนนั้นอีก
ผมไม่รู้ว่าที่ผมเจอคือคน
เงา
หรืออะไรที่อยู่ตรงนั้นตั้งแต่แรกแล้ว
แต่สิ่งหนึ่งที่ผมรู้แน่ ๆ คือ…
พื้นที่ที่เงียบเกินไป… มักเต็มไปด้วยสิ่งที่เราไม่เห็น