สวัสดีครับ
ไม่เคยตั้งกระทู้มาก่อน เลยขอเปิดแบบคนขายเครื่องกรองน้ำละกัน
คือผมเคยได้มีโอกาศไปเรียน ป.ตรี ที่อินเดียมาสาขาคอมพิวเตอร์
เมืองที่ผมไปอยู่นั้นก็ไม่ได้เป็นเมืองที่พัฒนาที่สุดในประเทศ
ซึ่งก็มีโมเม้นไฟดับบ้างอะไรบ้าง เพราะไม่เหมือนอย่างประเทศไทยที่มีไฟฟ้าใช้กันอย่างล้นเหลือ
เมืองที่ผมอยู่และอีกเกือบๆทุกเมืองทั่วประเทศ จะมีช่วงเวลาประจำวันที่มีการดับไฟทั้งเมือง (เหลือแค่เฉพาะตึกที่จำเป็นอย่างเช่นโรงพยาบาล)
เพื่อลดปริมาณการใช้ไฟฟ้าของทั้งเมืองลง
ตัวเมืองนั้นก็ครึ่งกันดาล และมีอีกหลายๆปัจจัยที่จะทำให้คนขวัญอ่อนขนลุกซู่ซ่าขึ้นได้เรื่อยๆ
ตัวผมเองตั้งแต่เกิดมาก็ยังไม่เคยเห็นผีเลยนะครับ แต่มีหลายๆเหตุการณ์ที่พอจะสรุปได้ว่าเป็นเรื่องเหนือธรรมชาติ
ก่อนไปอินเดีย ที่บ้านก็สั่งสอนไว้ว่า "จะไปนอนไหนอะก็ไหว้พระสวดมนต์นะลูก ไหว้เจ้าท่งเจ้าที่ เผื่อเราไปทำอะไรที่เขาไม่พอใจ เพราะเราไม่รู้ประเพณีเค้า"
ผมเองก็ไม่ใช่คนที่ชอบสวดมนต์เท่าไหร่หรอกครับ ยายก็พาเข้าวัดตั้งแต่เด็ก ไอเราก็จำได้แค่ อาราหังสัมมาสัมพุทโธ อะไรซักอย่างอะ แต่ก็นะ นะโมสามจบเอาสบายใจ
แล้วผมก็อยู่ไปปีกว่า จนผมได้โอกาศย้ายหอไปอยู่หอแบบที่เค้าเช่าบ้านแล้วปล่อยห้องเค้า ทำข้าวเช้าเย็นให้เรากิน คนส่วนใหญ่ก็อยู่ห้องรวม 2-4 คนแต่ผมเป็นชาวต่างชาติคนเดียวของหอ เค้าก็เลยให้ผมอยู่คนเดียว ห้องเล็กๆ ประตู้ไม้แบบหนักๆ โดยเฉพาะหน้าหนาวประตูนี่แทบจะเปิดไม่ได้เลยเพราะมันแน่น
เป็นบ้านไม้ที่อายุประมาณ50-57ปี ส่วนห้องของผมอยู่ติดลานหน้าบ้าน และเป็นบ้านที่ยอดเนินเขา ลมพัดเข้าห้องผมแรงตลอด
จนมีอยู่ช่วงหนึ่ง ช่วงวันหยุดของที่นั่นทุกคนก็จะจับกลุ่มกันนั่งกินเหล้าเล่นไพ่กันอยู่ตลอด แต่วันนั้นอากาศเย็นมากทุกคนเลยเลิกกันเร็ว
แล้วผมก็เข้านอน มีคนเคยบอกผมว่าถ้าจะสร้างบ้าน อย่างสร้างห้องให้ประตู 2บานหรือประตูกับหน้าต่างนั้นทะลุผ่านถึงกันเพราะอะไรซักอย่างเนี่ยแหละ
ผมก็ไม่เคยคิดอะไรจริงจัง จนวันนั้นเป็นวันที่ลมแรงมากและไฟก็ดับทำให้ภายในตัวบ้านนั้นมืดสนิท แต่เป็นวันที่พระจันสว่างมาก
จนผมสามารถเห็นเงาของต้นไม้จากด้านนอกบนผ้าม่านของผมได้ ด้วยความที่ผมหันหัวเตียงออกจากหน้าต่าง
ผมจึงนอนมองม่านอยู่ ลมก็แรงจนกระจกสั่น แถมมีเงาของต้นไม้ที่เครื่องไหวอย่างรุนแรง ซึ่งผมเองก็รู้สึกสยิวๆอยู่เรื่อยในคืนนั้น
แล้วในบ้านไม้ก็จะมีเพื่อนที่วิ่งอยู่ชั้นสอง ที่สะเทือนไปทั้งบ้านเป็นเสียงส้นเท้ากระทบแผ่นไม้ ตึงๆๆๆอยู่เรื่อยๆทั้งวันทั้งคืน แต่ก็ไม่เคยคิดรำคาญ
แต่ห้องข้างล่างมีอยู่ไม่กี่ห้อง และห้องผมนั้นเป็นห้องแรกของทางเดินไปยังห้องอื่นๆ
คืนนั้นเป็นคืนที่ผมนอนไม่หลับ เพราะเสียงของคนที่วิ่งอยู่ชั้นบน รวมทั้งลมที่ตีหน้าต่าง และบรรยากาศรวมๆกันที่น่ากลัว
แต่มันก็ไม่ใช่คืนแรก แต่เป็นคืนเดียวที่ผมจะไม่มีวันลืม
เดี๋ยวผมมาต่อนะครับ ต้องพาแฟนไปแลกสแตมป์เซเว่นก่อน ตอนเย็นๆมาต่อ
ประสบการณ์เรียนนอก อยู่หอบ้านไม้ ไม่ได้เห็นกับตา แต่น่ากลัวกว่าหลายกะโหลก
ไม่เคยตั้งกระทู้มาก่อน เลยขอเปิดแบบคนขายเครื่องกรองน้ำละกัน
คือผมเคยได้มีโอกาศไปเรียน ป.ตรี ที่อินเดียมาสาขาคอมพิวเตอร์
เมืองที่ผมไปอยู่นั้นก็ไม่ได้เป็นเมืองที่พัฒนาที่สุดในประเทศ
ซึ่งก็มีโมเม้นไฟดับบ้างอะไรบ้าง เพราะไม่เหมือนอย่างประเทศไทยที่มีไฟฟ้าใช้กันอย่างล้นเหลือ
เมืองที่ผมอยู่และอีกเกือบๆทุกเมืองทั่วประเทศ จะมีช่วงเวลาประจำวันที่มีการดับไฟทั้งเมือง (เหลือแค่เฉพาะตึกที่จำเป็นอย่างเช่นโรงพยาบาล)
เพื่อลดปริมาณการใช้ไฟฟ้าของทั้งเมืองลง
ตัวเมืองนั้นก็ครึ่งกันดาล และมีอีกหลายๆปัจจัยที่จะทำให้คนขวัญอ่อนขนลุกซู่ซ่าขึ้นได้เรื่อยๆ
ตัวผมเองตั้งแต่เกิดมาก็ยังไม่เคยเห็นผีเลยนะครับ แต่มีหลายๆเหตุการณ์ที่พอจะสรุปได้ว่าเป็นเรื่องเหนือธรรมชาติ
ก่อนไปอินเดีย ที่บ้านก็สั่งสอนไว้ว่า "จะไปนอนไหนอะก็ไหว้พระสวดมนต์นะลูก ไหว้เจ้าท่งเจ้าที่ เผื่อเราไปทำอะไรที่เขาไม่พอใจ เพราะเราไม่รู้ประเพณีเค้า"
ผมเองก็ไม่ใช่คนที่ชอบสวดมนต์เท่าไหร่หรอกครับ ยายก็พาเข้าวัดตั้งแต่เด็ก ไอเราก็จำได้แค่ อาราหังสัมมาสัมพุทโธ อะไรซักอย่างอะ แต่ก็นะ นะโมสามจบเอาสบายใจ
แล้วผมก็อยู่ไปปีกว่า จนผมได้โอกาศย้ายหอไปอยู่หอแบบที่เค้าเช่าบ้านแล้วปล่อยห้องเค้า ทำข้าวเช้าเย็นให้เรากิน คนส่วนใหญ่ก็อยู่ห้องรวม 2-4 คนแต่ผมเป็นชาวต่างชาติคนเดียวของหอ เค้าก็เลยให้ผมอยู่คนเดียว ห้องเล็กๆ ประตู้ไม้แบบหนักๆ โดยเฉพาะหน้าหนาวประตูนี่แทบจะเปิดไม่ได้เลยเพราะมันแน่น
เป็นบ้านไม้ที่อายุประมาณ50-57ปี ส่วนห้องของผมอยู่ติดลานหน้าบ้าน และเป็นบ้านที่ยอดเนินเขา ลมพัดเข้าห้องผมแรงตลอด
จนมีอยู่ช่วงหนึ่ง ช่วงวันหยุดของที่นั่นทุกคนก็จะจับกลุ่มกันนั่งกินเหล้าเล่นไพ่กันอยู่ตลอด แต่วันนั้นอากาศเย็นมากทุกคนเลยเลิกกันเร็ว
แล้วผมก็เข้านอน มีคนเคยบอกผมว่าถ้าจะสร้างบ้าน อย่างสร้างห้องให้ประตู 2บานหรือประตูกับหน้าต่างนั้นทะลุผ่านถึงกันเพราะอะไรซักอย่างเนี่ยแหละ
ผมก็ไม่เคยคิดอะไรจริงจัง จนวันนั้นเป็นวันที่ลมแรงมากและไฟก็ดับทำให้ภายในตัวบ้านนั้นมืดสนิท แต่เป็นวันที่พระจันสว่างมาก
จนผมสามารถเห็นเงาของต้นไม้จากด้านนอกบนผ้าม่านของผมได้ ด้วยความที่ผมหันหัวเตียงออกจากหน้าต่าง
ผมจึงนอนมองม่านอยู่ ลมก็แรงจนกระจกสั่น แถมมีเงาของต้นไม้ที่เครื่องไหวอย่างรุนแรง ซึ่งผมเองก็รู้สึกสยิวๆอยู่เรื่อยในคืนนั้น
แล้วในบ้านไม้ก็จะมีเพื่อนที่วิ่งอยู่ชั้นสอง ที่สะเทือนไปทั้งบ้านเป็นเสียงส้นเท้ากระทบแผ่นไม้ ตึงๆๆๆอยู่เรื่อยๆทั้งวันทั้งคืน แต่ก็ไม่เคยคิดรำคาญ
แต่ห้องข้างล่างมีอยู่ไม่กี่ห้อง และห้องผมนั้นเป็นห้องแรกของทางเดินไปยังห้องอื่นๆ
คืนนั้นเป็นคืนที่ผมนอนไม่หลับ เพราะเสียงของคนที่วิ่งอยู่ชั้นบน รวมทั้งลมที่ตีหน้าต่าง และบรรยากาศรวมๆกันที่น่ากลัว
แต่มันก็ไม่ใช่คืนแรก แต่เป็นคืนเดียวที่ผมจะไม่มีวันลืม
เดี๋ยวผมมาต่อนะครับ ต้องพาแฟนไปแลกสแตมป์เซเว่นก่อน ตอนเย็นๆมาต่อ