นิยายออนไลน์ รูมเมทร้ายกับยัยน่ารัก บทที่ 13

บทที่ 13 แล้วฝากด้วยนะคะ ติดตามอ่านย้อนหลังตามลิ้งค์ข้างล่างค่า
บทที่ 1 http://pantip.com/topic/34309672
บทที่ 2 http://pantip.com/topic/34312776
บทที่ 3 http://pantip.com/topic/34318241
บทที่ 4 http://pantip.com/topic/34324517
บทที่ 5 http://pantip.com/topic/34331346
บทที่ 6 http://pantip.com/topic/34340038
บทที่ 7 http://pantip.com/topic/34349167
บทที่ 8 http://pantip.com/topic/34361425
บทที่ 9 http://pantip.com/topic/34366412
บทที่ 10 http://pantip.com/topic/34375149
บทที่ 11 http://pantip.com/topic/34381076
บทที่ 12 http://pantip.com/topic/34391357
-----------------------------------------------------------

บทที่ 13: อย่าทำอย่างนี้

        “พีทลุกได้แล้ว เช้าแล้ว”

        “อืมม..” ร่ายใหญ่ยังคงไม่ขยับเพียงแต่ส่งเสียงออกมาเท่านั้น

        “ถ้านายไม่ลุก วันนี้นายได้ไปทำงานสายแน่” ฉันยังคงพูดกับพีทพร้อมกับเขย่าแขน

        จริงๆ วันนี้วันเสาร์นะ ฉันน่ะไม่มีงานหรอก แต่เค้าเนี่ยสิเห็นบอกว่ามีลูกค้านัดไว้ นี่ก็ยังไม่ลุกอีก อย่างว่านะฉันก็ยังไม่รู้เลยว่าหลับไปเมื่อไหร่ จำได้ว่าเราทั้งคู่ดูหนังกันอยู่ก่อนที่จะล้มตัวลงนอนด้วยกันที่โซฟา ตื่นมาอีกทีก็เช้าแล้วเนี่ย

        “นายยย ลุกกกกก” ฉันเขย่าแขนพีทแรงขึ้น

        ‘หมับ’ แล้วแขนนายนั่นก็กลับมาจับฉัน เอาล่ะมาอีกล่ะ ฉันไม่ตกใจแล้ว

        “เลิกหื่นอิตาพีทไม่งั้นจะไปไม่ทันนะ”

        “เค้าไม่ไป ตัวเองมอร์นิ่ง คิสเค้าก่อนนนน” ตาพีททำท่าดิ้นๆ แล้วพูดเสียงสะดีดสะดิ้งออกมา

        โอ๊ยจะอ้วก

        ‘จุ๊บ’ ฉันขี้เกียจที่จะเถียงด้วยจึงทำตามเค้าไป ส่วนตาพีทพอฉันจุ๊บเสร็จก็ยิ้มหวาน และลุกขึ้นเดินเข้าห้องน้ำไป นี่ฉันมีแฟน หรือกำลังมีลูกเนี่ย


        ฉันเริ่มจัดการเก็บกวาดห้องหลังจากที่เค้าเข้าห้องนอนไปแต่งตัวได้สักพัก เดี๋ยวนี้นายนี่ดีหน่อยนะมีการล้างจานเก็บด้วย น่ารักดีจัง

        “เกี๊ยว~” พูดยังไม่ทันขาดคำ เสียงพีทก็ดังขึ้นอีกแล้ว ตอนนี้เค้าเดินออกมายืนอยู่หน้าประตูคงเตรียมตัวจะไปแล้วล่ะ

        “อะไรอีก” ฉันพูดพร้อมกับเดินไปหานายนั่นที่หน้าประตู

        “เหมือนเดิมนะ” เค้าพูดออกมา

        ‘จุ๊บ’ ฉันเขย่งตัวขึ้นไปจูบที่แก้มเค้า ก่อนออกจากห้องต้องทำตัวเด็กอย่างงี้ใส่ทุกทีสิน่า

        “ไปได้แล้ว” ฉันพูดพลางดันเค้าออกจากห้องไป ตานั่นก็ยิ้มน้อยๆ และจากไปแต่โดยดี

        เอาล่ะไปสักที ฉันจะได้เก็บห้องอย่างสบายใจ เอาเป็นว่าวันนี้จะใจดีเก็บห้องให้นายพีทด้วยแล้วกัน


        ฉันทำความสะอาดส่วนที่เป็นห้องของฉัน และส่วนกลางจนเรียบร้อย แล้วจึงมุ่งหน้าไปที่ห้องนายนั่น นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่จะเข้าไปเก็บของในห้องพีท ตื่นเต้นเหมือนกันแฮะ


        อื้อหื้อ~ นี่ไม่คิดจะเก็บเสื้อผ้าที่ใส่เมื่อกี้หน่อยเหรอเนี่ยทิ้งไว้บนพื้นงี้เลย ว่าแล้วฉันก็เก็บของใช้ของเค้าให้เข้าที่อย่างรวดเร็ว แล้วจึงหันกลับมาปัดที่นอน ตอนนั้นเองฉันจึงเหลือบไปเห็นกระเป๋าสตางค์ของเค้าวางอยู่บนที่นอน

        อ้าวตายแล้ว! นายนั่นลืมกระเป๋าสตางค์เหรอเนี่ย อืม..เก็บห้องเสร็จแล้วเอาไปให้ที่ทำงานดีกว่า จะได้ดูนายนั่นเวลาทำงานด้วย อ่า..นี่ฉันกลายเป็นผู้หญิงฟรุ้งฟริ้งตั้งแต่เมื่อไหร่เนี้ย ^^


        เวลา 10.00 น..

        ฉันพบนามบัตรของเค้าในกระเป๋าสตางค์ ขอโทษนะพีทที่ค้นกระเป๋า แต่ก็ทำให้รู้ว่านายนั่นแอบเก็บภาพฉันในกระเป๋าเหมือนกันนะ ฮิฮิ

        ฉันตัดสินใจเดินทางมาตามที่อยู่ที่นามบัตรของเค้าระบุไว้ ตอนนี้ก็ใกล้จะไปถึงที่ที่เค้าทำงานแล้วล่ะ ตานั่นต้องตื่นเต้นมากแน่ๆ ที่เห็นหน้าฉันในที่ทำงานของเค้า

        ฉันลงจากรถ และมองไปที่ฟิตเนสที่อยู่ตรงส่วนหน้าของห้างสรรพสินค้าชื่อดัง นี่เหรอที่ที่เค้าทำงาน เงินเดือนคงจะเยอะพอตัวเลยทีเดียวนะตานี่ แถมมีลูกค้าเรียกสอนส่วนตัววันเสาร์ด้วย ว่าแล้วเข้าไปเลยดีกว่า

        “ขอโทษนะคะ ไม่ทราบว่าเป็นสมาชิกกับที่นี่รึเปล่าคะ” เสียงของพนักงานหน้าเคาเตอร์ดังขึ้นก่อนที่ฉันจะเดินเข้าไปลึกกว่านั้น

        “เอ่อ..พอดีว่าเพื่อนฉันเค้าทำงานที่นี่ค่ะ แล้วฉันเอากระเป๋าสตางค์มาให้เค้า” ฉันพูดพลางชูกระเป๋าให้พนักงานคนนั้นดู

        “ไม่ทราบว่าเพื่อนคุณชื่ออะไรคะ” พนักงานคนนั้นถามต่อ

        “เอ่อออ..” ฉันรีบเปิดกระเป๋าดู ก่อนที่จะพูดต่อ

        “ภัทร กิจชัยเจริญไพศาล คือ..พีทน่ะค่ะ” ฉันเงยหน้ามองพนักงานหลังจากพูดจบ

        ตอนนี้พนักงานคนนั้นดูหน้าตาตื่นๆ ก่อนที่จะพูดออกมา

        “คุณพีทเหรอคะ คือตอนนี้คุณเค้ากำลังดูแลแขก VIP อยู่ค่ะ”

        “ไม่เป็นไรค่ะ คือแค่จะเอามาให้ จะให้นั่งรอที่ไหนก่อนก็ได้ค่ะ” ฉันพูดพร้อมกับยิ้มให้พนักงานคนนั้น ซึ่งเธอก็ดูเคารพฉันแปลกๆ ก่อนที่จะมีพนักงานอีกคนพาฉันไปนั่งรอที่ห้องนั่งพักส่วนของลูกค้า VIP ว้าวว~ ดีจังมีบาร์ซะด้วยในนี้


        “ขอโทษนะครับ ผมขอเลี้ยงเครื่องดื่มคุณได้ไหม” ขณะที่ฉันนั่งอยู่ตรงนั้น จู่ๆ ก็มีหนุ่มหน้าตาดีที่อยู่ในชุดออกกำลังกาย เหมือนว่าเค้าเพิ่งจะออกกำลังกายเสร็จได้เดินเข้ามาคุยกับฉัน

        “ไม่เป็นไรดีกว่าค่ะ” ฉันหันไปยิ้มพร้อมกับปฏิเสธชายคนนั้นไป

        เค้ายังคงตื้อฉันอยู่อย่างนั้น โอ๊ยรำคาญญญ..เมื่อไหร่พีทจะมาสักทีนะ

        แล้วในขณะนั้นเองที่ฉันกำลังปฏิเสธหนุ่มคนนั้นอยู่ ฉันก็เห็นพีทเดินเข้ามาที่อีกด้านหนึ่งในห้องนี้ แต่เค้าไม่ได้เข้ามาแค่คนเดียว แขนอีกข้างเค้าถูกเกาะเกี่ยวด้วยผู้หญิงหุ่นสะบึมคนนึง ตอนนี้ฉันไม่ได้ฟังอีตาคนที่เค้ามาตื้อฉันแล้ว แต่กลับตั้งใจฟังบทสนทนาของทั้ง 2 ที่เค้าไม่ได้สังเกตว่าฉันก็อยู่ในห้องพักนี่ด้วยเช่นกัน

        “ทำตามสัญญาจริงๆ ด้วยขอบคุณที่มาเทรนให้กับเหมียวนะคะทั้งๆ ที่เป็นวันหยุดคุณแท้ๆ” ผู้หญิงคนนั้นพูดขึ้นเมื่อพวกเค้านั่งลงที่โซฟาตรงมุมนั้น

        “ยินดีครับต้องขอบคุณเหมียวเหมือนกันนะที่ให้ผมค้างด้วยคืนนั้น” นายพีทยิ้มอย่างเจ้าเลห์ใส่ยัยผู้หญิงหุ่นสะบึม
ค้างอะไรเค้าไปค้างกันตอนไหน นี่เค้ายังเป็นเหมือนเดิมเหรอเนี่ย ที่เค้าทำดีกับฉันนี่..มันหมายความว่ายังไงกันแน่ แล้วที่เราเป็น..แฟนกันตอนนี้ล่ะ

        “ยินดีเช่นกันค่ะ พีทก็รู้ว่าเหมียวไม่เคยปฏิเสธพีทอยู่แล้ว” เธอพูดพลางใช้นิ้วของเธอเขี่ยที่หน้าอกของพีทไปมาอย่างยั่วยวน

        “พอเถอะ ขนลุกหมดละ..แล้ว เกี๊ยว..” นายพีทกำลังตอบผู้หญิงที่ชื่อเหมียวนั่น แต่กลับหันมาเจอฉัน ที่ตอนนี้เดินเข้าไปใกล้เค้าทั้ง 2 แล้ว

        “อืม ฉันเอง..นายลืมกระเป๋าสตางค์ไว้ ฉันเป็นห่วงเลยเอามาให้” ฉันพูดโดยที่ไม่ได้มองหน้าเค้า ตอนนี้ตาฉันกำลังแดงกร่ำ เพราะพยายามกลั้นน้ำตาอยู่

        “เธอมานานรึยัง” เค้าถามต่อพร้อมกับพยายามเชยคางฉัน แต่ฉันเบือนหน้าหนี

        “ฉันมากับเพื่อนน่ะ ไปก่อนนะ” ฉันหันหลังกลับ แล้วเดินไปหานายขี้ตื้อคนนั้นทันที ก่อนที่จะกระซิบเค้า

        “คุณคะช่วยพาฉันออกไปข้างนอกที” เค้าทำท่าทีตื่นๆ เล็กน้อยก่อนที่จะจูงมือฉันเดินออกไป

        “เดี๋ยว! เธอกำลัง..” พีทวิ่งเค้ามาดึงแขนฉันเอาไว้พร้อมกับพูด แต่ฉันก็สะบัดแขนเค้าออก และวิ่งหนีออกมาทันทีที่จะฟังจบ

        ฉันยังไม่อยากฟังอะไรตอนนี้..


        ที่ทำงาน..

        ฉันไม่มีที่ไป คิดได้ที่เดียวที่ไม่ใช่คอนโดนายพีท.. ก็คงที่นี่ล่ะที่ทำงาน..ทุกคนในบริษัทมีกุญแจ เพราะพวกเรากลับดึกกันบ่อยมาก และบางครั้งก็ต้องมาทำงานวันเสาร์ด้วย ทำให้ที่นี้ก็เหมือนบ้านอีกที่หนึ่งเลยก็ว่าได้

        ฉันเดินเข้าไปด้านใน แต่แปลกๆ นะไฟเปิดด้วย หรือว่าจะมีคนมาทำงานวันนี้ ฉันจึงเดินเข้าไปที่ห้องทำงานของทีมดีไซน์ ภาพที่เห็นทำให้ฉันแปลกใจมาก เพราะเพื่อนฉันที่หายไปหลายสัปดาห์ ตอนนี้กลับนอนคว้ำหน้าอยู่ที่โซฟาในห้องทำงาน กรกลับมาแล้ว! ฉันลืมเรื่องเศร้าไปชั่วขณะหนึ่ง แล้วก็วิ่งเข้าไปนอนทับนายกรที่อยู่บนโซฟานั่น

        “โอ๊ย! ใครวะ” กรตะโกนขึ้นมาก่อนที่จะจับพลิกตัวฉันไปอยู่ด้านล่าง ก็แรงผู้ชายล่ะนะตอนนี้เค้ามาคร่อมฉันอีกที

        “ไอ้กร เจ็บนะเนี่ย ออกไปจากตัวฉันได้แล้วววว” ฉันพูดพลางผลักเค้าล้มลงไปข้างโซฟา

        “เจ็บเหรอเจ็บตรงไหน” เค้าลุกขึ้นมา และจับแขนข้างที่เค้าดึงฉันเมื่อครู่มาพลิกซ้ายขวา เพื่อดูร่องรอยการทำร้าย

        ฉันดึงแขนออกจากมือเค้าก่อนที่จะเขกหมัดไปที่หัวของกรทีนึง

        “หายตัวไปไหนไม่บอกเพื่อน นี่แหน่ะ” ตอนนี้กรกุมหัวตัวเองก่อนที่จะดึงผมฉัน และพูด

        “แล้วแกจะทำไม แล้วมาที่นี่ทำไมเนี้ยยย”

        “โอ้ยยย..ไอ้บ้าเจ็บนะเว้ย ฮึก ฮึก ฮือออออ” ฉันร้องไห้ออกมาไม่ใช่เพราะเค้าดึงผมหรอก แต่พอนึกเรื่องที่ทำให้ฉันมาที่นี่ นึกถึงอีตาพีท ก็เอาอีกแล้วอ่อนแออีกแล้ว

        “อะไรวะเจ็บเหรอ ขอโทษไอ้เกี๊ยว..” เค้าพูดพร้อมกับปล่อยผมของฉัน และเอื้อมมือมาลูบหัวฉันแทน

        “เปล่าหรอกแก ช่างเห๊อะ” ฉันตอบเค้าไป ซึ่งกรมองหน้าฉันอย่างเคร่งเครียดขณะที่ฉันกำลังเช็ดน้ำตา แล้วเค้าจึงพูดขึ้น

        “เรื่องพีทใช่ไหม” เมื่อเค้าพูดจบเค้าก็เข้ามากอดฉัน ฉันไม่ได้ร้องไห้ต่อ เพราะไม่อยากเสียน้ำตาให้พีทอีกแล้ว ฉันได้แต่มองหน้ากร และพูดความจริงออกไป

        “ช่างเถอะแกทั้งหมดฉันผิดเองที่ไปรักเค้า ที่ยอมเป็นแฟนกับเค้าง่ายๆ สุดท้ายนายนั่นก็เหมือนเดิม..” ฉันพูดถึงตรงนี้หน้าตาของกรก็ดูเศร้าลงแปลกๆ ฉันจึงตัดสินใจเปลี่ยนเรื่อง และพูดต่อ

        “เอ่อ..คุยเรื่องของแกดีกว่า ฉันอยากรู้เรื่องสาวของแกมากกว่า จะได้ไม่ต้องคุยเรื่องพีทด้วย” ฉันพูดพลางผลักเค้าออก และยิ้มให้เค้า

        “นี่แกเข้มแข็งขึ้นแล้วเหรอเนี้ย ว้าว..ซูปเปอร์เกี๊ยวว” เค้าพูดพลางโยกหัวฉัน แต่แววตานั้นเต็มไปด้วยความเศร้า

        “เออดิ ก็เพื่อนหายต้องอยู่คนเดียวให้ได้นิ” ฉันเช็ดน้ำตา และทำหน้ากวนประสาทใส่กร แล้วก็พูดต่อ

        “เอาเรื่องสาวแกล่ะ เล่าเลยๆๆๆ อย่าทำเป็นเงียบ พอถึงเรื่องตัว..” ฉันยังแซวเค้าไม่ทันจบตาของกรก็เริ่มแดงขึ้น เค้ากำหมัดแน่น ก่อนที่จะพูด

        “แกอยากให้ฉันพูดเรื่องสาวของฉันจริงเหรอ” กรถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง นี่มันทำให้ฉันเริ่มไม่อยากฟังแล้วล่ะเพื่อน

        “ถ้าแกไม่โอเค ไม่ต้องเล่าให้ฉันฟังก็ได้เพื่อนน..” ฉันยังพูดไม่ทันจบเค้าก็พูดต่อทันที

        “บางครั้งฉันก็โกรธที่เธอไม่หันมามองฉันบ้างเลย” เธอ นี่กรหมายถึง เธอคนนั้นใช่ไหม ชักงง

        “ฉันโมโหที่พีทดูแลเธอไม่ดี” เค้ายังคงพูดต่อ แต่นี่เริ่มไม่ถูกต้องแล้ว

        “เอาเรื่องของนายดีกว่า กร” ฉันจับมือ และพูดปรามเค้า ก็อยู่ๆ มาวกคุยเรื่องของฉันได้ยังไง เค้าดูโกรธมากหลังจากที่ฉันพูด เหมือนฉันพูดอะไรผิด

        “เนี่ยแหละเรื่องของฉัน!” เค้าตะโกนออกมาเสียงดัง ตอนนี้ฉันเริ่มปะติดปะต่อเรื่องได้บ้างแล้ว แต่ฉันก็รอให้กรพูดมันออกมาให้หมด

        “เธอไม่เคยรู้เลยเหรอไง ตั้งแต่วันแรกแล้ว วันแรกที่ฉันเจอเธอ ยิ่งนานวันฉันยิ่งหยุดคิดถึงเธอไม่ได้ ฉันเคยคิดว่าถ้าฉันหายไปสักพัก หยุดเห็นหน้าเธอ หยุดคิดถึงเธอ ทุกอย่างคงจะดีกว่านี้”

        กรพูดพลางใช้มือทั้ง 2 ข้างจับแขนฉันเอาไว้ สายตาเค้าจ้องฉันไม่ล่ะไปไหนเลย

        “แต่ฉันหยุดไม่ได้ ไม่ว่าที่ไหนเมื่อไหร่ก็เป็นเธอคนแรกที่เข้ามาในหัวของฉัน ฉันไปเที่ยวอย่างสติแตก อดทนอย่างมากที่จะไม่กลับมาหาเธอตั้งแต่ 2 วันแรก แล้วเมื่อกลับมา..ก็เป็นเธออีก ที่ฉันเจอคนแรก..ทั้งหมดที่ฉันพยายามไป..ฉันทำไปเพื่ออะไร ฉันไม่ได้ต้องการให้เธอรู้สึกผิด..แต่แค่อยากบอกให้เธอรู้บ้าง เพราะทั้งหมด..ฉันผิดเอง”

        เมื่อสิ้นสุดคำพูดกรก็ทิ้งตัวลงไปนั่งที่โซฟา ฉันอึ้งกับทุกอย่างที่เค้าพูดออกมามาก ฉันยืนมองเค้าอยู่สักพัก แล้วจึงตัดสินใจ..

        ‘หมับ’

        ฉันทิ้งตัวเข้าไปกอดกรที่นั่งอยู่บนโซฟานั่น นี่ตัวฉันทำให้เพื่อนที่ฉันรักรู้สึกเสียใจมากมายขนาดนี้เลยเหรอ กรเป็นคนเดียวที่คอยฟังเรื่องราวของฉัน เมื่อฉันเสียใจเรื่องพีท กรคือที่ระบายของฉัน ฉันรู้สึกเสียใจที่ไม่ได้เข้าใจกรเลยแม้แต่น้อย ถ้าเทียบแล้วใจฉันที่เจ็บคงไม่เท่ากับกร ที่ต้องคอยเก็บอาการ และฟังเรื่องของฉันด้วยซ้ำ นี่ฉันทำอะไรลงไป..
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่