เราเพิ่งกลับมาจาก Jirisan (จีรีซาน) ค่ะ
คนเกาหลีบอกเราว่า Seoraksan ที่ว่าสวยแล้ว Jirisan สวยกว่า
ขนาดเราไปช้า ใบไม้ร่วงเกือบหมดแล้ว ฝนฟ้าก็ไม่เป็นใจ
ก็ยังต้องยอมรับว่าสวยจริงๆ
ก่อนไปเราพยายามหาข้อมูลแต่ก็เหมือนเคย ข้อมูลมีน้อยมาก ขนาดเวบนอกยังไม่ค่อยละเอียดเลยค่ะ เราก็ลองเสี่ยงไปแบบมั่วๆ
ในเมื่อฝ่าฟันไปถึงแล้วเลยนำมารีวิวเผื่อใครอยากตามรอย
สำหรับอุทยานแห่งชาติ Jirisan รอบนี้เราเลือกเดินเส้น Nogodan นะคะ
เริ่มต้นที่เมือง Gurye (กูแร) ถ้ามาด้วยรถบัสก็ซื้อตั๋วรถเมล์ต่อไปที่ทางขึ้นได้เลย
ถ้ามาด้วยรถไฟ อาจจะต้องนั่งรถเมล์มาที่สถานีรถบัสอีกต่อนึง
รถเมล์สายที่เราขึ้นจะผ่านทางขึ้น 2 จุด
1.วัด Hwaomsa (ฮวาออมซา) ในเวบนอกส่วนใหญ่นิยมมาขึ้นที่นี่ ก่อนขึ้นจะแวะไหว้พระขอพรให้เดินได้ทนเดินได้นานก่อนก็ได้ ..ไม่ว่ากันค่ะ
ถ้าเริ่มต้นจากที่นี่ ระยะทางคือ 7 กิโล ใช้เวลาเดินประมาณ 4 ชั่วโมง ทางค่อนข้างดี (ป้ายเค้าว่างั้น) แต่ต้องไต่ความสูงขึ้นไปพอสมควร
ช่วงใบไม้เปลี่ยนสีระหว่างทางคงจะสวยมาก แต่ตอนที่เราไปใบไม้ร่วงเกือบหมดแล้ว เลยเลือกนั่งรถไปเริ่มใกล้ๆยอดเลยดีกว่า
2.Sungsamje (ซังซัมเจ) รถจะไต่เขาขึ้นมาส่งค่อนข้างสูงแล้ว ระยะทางจากจุดนี้แค่ 3.2 กิโล และไม่ต้องไต่ความสูงมาก ใช้เวลาไปกลับแค่ 2 ชั่วโมงค่ะ
แล้วแต่ว่าเราจะเลือกเริ่มต้นที่จุดไหน ซื้อตั๋วที่เค้าน์เตอร์ในสถานีรถได้เลย
รอบรถ Gurye - Sungsamje
3:50 / 6:00 / 8:40 / 10:20 / 11:40 / 13:40 / 15:40
/ 17:40
จาก Gurye ถึง Sungsamje ใช้เวลาประมาณ 40 นาที ค่ารถ 4,500W
จาก Gurye ถึง Hwaomsa ไม่แน่ใจเรื่องค่ารถนะคะ แต่ใช้เวลาแค่ 10 นาทีค่ะ
เราเลือกเริ่มต้นที่ Sungsamje เพราะสภาพร่างกายสะบักสะบอมมาจากการไต่ Ulsanbavi ที่ซอรักซานมาแล้ว
ค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานคนละ 1,600W
ก่อนเดินขึ้นควรเข้าห้องน้ำให้เรียบร้อยนะคะ ระหว่างทางไม่มีห้องน้ำ
ไม่มีจุดให้เติมน้ำดื่มด้วยค่ะ ควรเตรียมไปให้พอ ..แต่เดินแค่ 2 ชม ก็ถึงค่ะ ^ ^
ว่ากันว่า Nogodan course เป็นเส้นที่เดินสบายที่สุด ทางค่อนข้างดี เด็กหรือคนแก่ก็ยังมาเดินได้ (ป้ายเค้าว่างั้น)
แต่เราก็ไม่ค่อยสบายเท่าไหร่เพราะต้องแบกเป้น้ำหนักกว่า 6 กิโลขึ้นไปด้วย เนื่องจากเราจองที่พักไว้ที่ Nogodan Shelter ค่ะ
และเอาจริงๆก็เป็นทางเดินไต่ระดับขึ้นไปล้วนๆ แทบจะไม่เจอทางราบเลย เดินๆไปก็เหนื่อยอยู่ดี (ไหนว่าสบายที่สุดแล้ว)
ซึ่งทางเดินจะมีให้เลือกแบบทางสั้นต้องไต่บันไดไม้ บันไดหินที่ชันหน่อยแต่ใช้เวลาน้อยกว่า กับทางราบที่ค่อยๆชัน แต่ระยะทางไกลกว่า ใช้เวลาเยอะกว่า ถนัดแบบไหนก็เอาแบบนั้น
พอขึ้นไปถึง Shelter จะมีห้องน้ำ จุดพักซื้อน้ำซื้อขนม หรือกดกาแฟอุ่นๆจากตู้มาดื่มก็ได้ค่ะ
พักกันซักนิดก็ได้เวลาเดินขึ้น Nogodan pass กันแล้ว
การเดินขึ้นยอด Nogodan จะมีรอบเวลาให้ขึ้นด้วยนะคะ เย็นเกินไปเค้าก็ไม่ให้ขึ้น ซึ่งรอบเวลาน่าจะเปลี่ยนไปตามฤดูกาล
ดังนั้นต้องคำนวณเวลาเดินทาง + ตะกายขึ้นเขา + พักเหนื่อยดีๆค่ะ
เราเห็นหลายๆคนอุตส่าห์เดินขึ้นมาจนถึง shelter แล้ว แต่ไม่ได้เดินขึ้นยอด ยังเสียดายแทน
..วิวข้างบนแจ่มมากค่ะ ห้ามพลาด
ขากลับเดินลงสบายๆ ไม่ถึงชั่วโมงก็ลงมาถึง Sungsamje รอรถเมล์ที่เดิมเลย
รอบรถขากลับ Sungsamje - Gurye
4:20 / 6:30 / 9:40 / 11:20 / 12:40 / 13:40 / 14:40 / 16:40 / 18:20
ราคา 4,500W เหมือนเดิม แต่คราวนี้จ่ายเงินตอนลงจากรถค่ะ
จากนั้นจะเดินทางต่อไปที่อื่นหรือกลับเข้าโซลก็ตามสะดวก
:Nogodan shelter
การจองที่พักหรือ Shelter บนอุทยานแห่งชาติทำได้ยากเหมือนเดิม เพราะเป็นภาษาเกาหลีล้วนและต้องใช้หมายเลขโทรศัพท์เพื่อยืนยันการจอง
นอกจากนั้น คนเกาหลีก็นิยมมาเดินขึ้นเขาเช่นกัน ดังนั้นในฤดูท่องเที่ยวหรือ peak season โดยเฉพาะวันศุกร์ - เสาร์ จะจองได้ยากมาก
เราขอให้เจ้าของที่พักที่ Jeonju ช่วยจองให้ และโชคดีที่ขึ้นวันอาทิตย์เลยยังพอมีที่ว่าง
ค่าธรรมเนียมในการพัก Peak Seaon ราคา 11,000W สำหรับที่พักแบบ dorm และ 8,000W สำหรับห้องรวม(นอนพื้น/เราไม่มีรูปค่ะ)
มีผ้าห่มให้เช่าผืนละ 2,000W แนะนำว่าเช่า 2 ผืนเลยค่ะ ปูนอนผืนนึง ห่มผืนนึง
Nogodan Shelter ในเอกสารบอกว่าเป็น shelter ที่ดีที่สุด เพราะรถขึ้นไปถึงได้ มีไฟฟ้าให้ใช้ มีห้องน้ำชักโครก
ส่วนของตึกนอนก็ดูสะอาดทันสมัย มีแม้กระทั่ง wifi
ในส่วนของ dorm มีแค่บล๊อกนอนเรียบๆ ไม่มีเบาะให้นะคะ แยกห้องชายหญิง
กลางคืนไม่ต้องห่วงว่าจะหนาว เพราะมีฮีทเตอร์ อุ่นจนเกือบร้อน
ถ้าจะนอนให้สบาย ที่อุดหูและผ้าปิดตาช่วยได้มาก เผื่อมีคนนอนกรน ไฟในห้องจะเปิดถึง 3 ทุ่ม
แต่กว่า Shelter จะเปิดให้เข้าได้ก็ต้องรอถึง 6 โมงเย็น
การพักที่ Shelter ต้องเตรียมอาหารไปเองนะคะ แนะนำว่าควรเป็นอาหารที่กินง่ายๆ เราแบกข้าวห่อสาหร่ายกับไข่ต้มแบบแกะเปลือกแล้วขึ้นไป ..ก็สะดวกดี
แต่ถ้าขยันแบกจะเอาหม้อเอาเตาขึ้นไปทำกิน เค้าก็มีห้องครัวให้เป็นสัดส่วน มีน้ำให้ใช้(มีแต่น้ำเย็น)
ก๊อกน้ำที่เห็นดื่มได้ เราก็เห็นเค้าเปิดน้ำจากก๊อกนี่แหล่ะไปดื่มกัน
แอบเม้าท์ว่าคนเกาหลีจัดเต็มมากค่ะ เอาหม้อเอาเตาขึ้นไปต้มแกง บางครอบครัวเอากะทะไปย่างหมูกันเลยทีเดียว
ห้องน้ำมีด้านนอกที่เดียวค่ะ ถ้าปวดเข้าห้องน้ำตอนดึกๆก็ต้องทนหนาวเดินฝ่าอากาศไปหน่อย
ห้องอาบน้ำไม่มีให้ เรื่องอาบน้ำไม่ต้องพูดถึง ตอนที่เราไปอุณหภูมิตอนเย็นประมาณ 10 องศา
..เตรียมทิชชู่เปียกไปเช็ดตัวดีกว่าค่ะ ในอาคารที่พักมีห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ (Fitting room)
มีตู้ล็อกเกอร์ให้ น่าจะใช้เหรียญหยอด แต่เราก็ไม่ได้ลอง
ข้างบนมีตู้กาแฟ โกโก้แบบอัตโนมัติให้กด หนาวๆแบบนี้กาแฟอุ่นๆแก้วละ 500W ช่วยได้เยอะ
เจ้าหน้าที่พอสื่อสารภาษาอังกฤษได้ แต่ป้ายต่างๆมีแต่ภาษาเกาหลีล้วนค่ะ ต้องอาศัยสังเกตเอาเอง
เท่าที่เห็นคร่าวๆคือเรื่องอาหาร เค้าจะกินกันที่ห้องครัวเท่านั้นนะคะ ทั้งอาหารและขนม ไม่มีการเอาไปกินในห้องนอน
ส่วนใหญ่คนที่มาพักจะเตรียมเดินขึ้นเขาเพื่อไปดูพระอาทิตย์ขึ้น หรือเดินทางต่อไปแถวตะวันนออกของอุทยาน
เพราะงั้นเค้าจะตื่นกันเร็วมากค่ะ ตี 3 กว่าๆนี่ตื่นกันเกือบหมดละ
เราลุกมา 6 โมงครึ่ง เหลืออยู่ไม่กี่คน
ลองสังเกตดูนะคะ หน้าห้องผู้ชายเค้าจะมีล๊อกไม้ที่ให้เอาผ้าห่มไปคืน แล้วก็กลับได้เลยค่ะ
..เที่ยวกันให้สนุกนะคะ
[CR] Jirisan เกาหลีใต้
คนเกาหลีบอกเราว่า Seoraksan ที่ว่าสวยแล้ว Jirisan สวยกว่า
ขนาดเราไปช้า ใบไม้ร่วงเกือบหมดแล้ว ฝนฟ้าก็ไม่เป็นใจ
ก็ยังต้องยอมรับว่าสวยจริงๆ
ก่อนไปเราพยายามหาข้อมูลแต่ก็เหมือนเคย ข้อมูลมีน้อยมาก ขนาดเวบนอกยังไม่ค่อยละเอียดเลยค่ะ เราก็ลองเสี่ยงไปแบบมั่วๆ
ในเมื่อฝ่าฟันไปถึงแล้วเลยนำมารีวิวเผื่อใครอยากตามรอย
สำหรับอุทยานแห่งชาติ Jirisan รอบนี้เราเลือกเดินเส้น Nogodan นะคะ
เริ่มต้นที่เมือง Gurye (กูแร) ถ้ามาด้วยรถบัสก็ซื้อตั๋วรถเมล์ต่อไปที่ทางขึ้นได้เลย
ถ้ามาด้วยรถไฟ อาจจะต้องนั่งรถเมล์มาที่สถานีรถบัสอีกต่อนึง
รถเมล์สายที่เราขึ้นจะผ่านทางขึ้น 2 จุด
1.วัด Hwaomsa (ฮวาออมซา) ในเวบนอกส่วนใหญ่นิยมมาขึ้นที่นี่ ก่อนขึ้นจะแวะไหว้พระขอพรให้เดินได้ทนเดินได้นานก่อนก็ได้ ..ไม่ว่ากันค่ะ
ถ้าเริ่มต้นจากที่นี่ ระยะทางคือ 7 กิโล ใช้เวลาเดินประมาณ 4 ชั่วโมง ทางค่อนข้างดี (ป้ายเค้าว่างั้น) แต่ต้องไต่ความสูงขึ้นไปพอสมควร
ช่วงใบไม้เปลี่ยนสีระหว่างทางคงจะสวยมาก แต่ตอนที่เราไปใบไม้ร่วงเกือบหมดแล้ว เลยเลือกนั่งรถไปเริ่มใกล้ๆยอดเลยดีกว่า
2.Sungsamje (ซังซัมเจ) รถจะไต่เขาขึ้นมาส่งค่อนข้างสูงแล้ว ระยะทางจากจุดนี้แค่ 3.2 กิโล และไม่ต้องไต่ความสูงมาก ใช้เวลาไปกลับแค่ 2 ชั่วโมงค่ะ
แล้วแต่ว่าเราจะเลือกเริ่มต้นที่จุดไหน ซื้อตั๋วที่เค้าน์เตอร์ในสถานีรถได้เลย
รอบรถ Gurye - Sungsamje
3:50 / 6:00 / 8:40 / 10:20 / 11:40 / 13:40 / 15:40
/ 17:40
จาก Gurye ถึง Sungsamje ใช้เวลาประมาณ 40 นาที ค่ารถ 4,500W
จาก Gurye ถึง Hwaomsa ไม่แน่ใจเรื่องค่ารถนะคะ แต่ใช้เวลาแค่ 10 นาทีค่ะ
เราเลือกเริ่มต้นที่ Sungsamje เพราะสภาพร่างกายสะบักสะบอมมาจากการไต่ Ulsanbavi ที่ซอรักซานมาแล้ว
ค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานคนละ 1,600W
ก่อนเดินขึ้นควรเข้าห้องน้ำให้เรียบร้อยนะคะ ระหว่างทางไม่มีห้องน้ำ
ไม่มีจุดให้เติมน้ำดื่มด้วยค่ะ ควรเตรียมไปให้พอ ..แต่เดินแค่ 2 ชม ก็ถึงค่ะ ^ ^
ว่ากันว่า Nogodan course เป็นเส้นที่เดินสบายที่สุด ทางค่อนข้างดี เด็กหรือคนแก่ก็ยังมาเดินได้ (ป้ายเค้าว่างั้น)
แต่เราก็ไม่ค่อยสบายเท่าไหร่เพราะต้องแบกเป้น้ำหนักกว่า 6 กิโลขึ้นไปด้วย เนื่องจากเราจองที่พักไว้ที่ Nogodan Shelter ค่ะ
และเอาจริงๆก็เป็นทางเดินไต่ระดับขึ้นไปล้วนๆ แทบจะไม่เจอทางราบเลย เดินๆไปก็เหนื่อยอยู่ดี (ไหนว่าสบายที่สุดแล้ว)
ซึ่งทางเดินจะมีให้เลือกแบบทางสั้นต้องไต่บันไดไม้ บันไดหินที่ชันหน่อยแต่ใช้เวลาน้อยกว่า กับทางราบที่ค่อยๆชัน แต่ระยะทางไกลกว่า ใช้เวลาเยอะกว่า ถนัดแบบไหนก็เอาแบบนั้น
พอขึ้นไปถึง Shelter จะมีห้องน้ำ จุดพักซื้อน้ำซื้อขนม หรือกดกาแฟอุ่นๆจากตู้มาดื่มก็ได้ค่ะ
พักกันซักนิดก็ได้เวลาเดินขึ้น Nogodan pass กันแล้ว
การเดินขึ้นยอด Nogodan จะมีรอบเวลาให้ขึ้นด้วยนะคะ เย็นเกินไปเค้าก็ไม่ให้ขึ้น ซึ่งรอบเวลาน่าจะเปลี่ยนไปตามฤดูกาล
ดังนั้นต้องคำนวณเวลาเดินทาง + ตะกายขึ้นเขา + พักเหนื่อยดีๆค่ะ
เราเห็นหลายๆคนอุตส่าห์เดินขึ้นมาจนถึง shelter แล้ว แต่ไม่ได้เดินขึ้นยอด ยังเสียดายแทน
..วิวข้างบนแจ่มมากค่ะ ห้ามพลาด
ขากลับเดินลงสบายๆ ไม่ถึงชั่วโมงก็ลงมาถึง Sungsamje รอรถเมล์ที่เดิมเลย
รอบรถขากลับ Sungsamje - Gurye
4:20 / 6:30 / 9:40 / 11:20 / 12:40 / 13:40 / 14:40 / 16:40 / 18:20
ราคา 4,500W เหมือนเดิม แต่คราวนี้จ่ายเงินตอนลงจากรถค่ะ
จากนั้นจะเดินทางต่อไปที่อื่นหรือกลับเข้าโซลก็ตามสะดวก
:Nogodan shelter
การจองที่พักหรือ Shelter บนอุทยานแห่งชาติทำได้ยากเหมือนเดิม เพราะเป็นภาษาเกาหลีล้วนและต้องใช้หมายเลขโทรศัพท์เพื่อยืนยันการจอง
นอกจากนั้น คนเกาหลีก็นิยมมาเดินขึ้นเขาเช่นกัน ดังนั้นในฤดูท่องเที่ยวหรือ peak season โดยเฉพาะวันศุกร์ - เสาร์ จะจองได้ยากมาก
เราขอให้เจ้าของที่พักที่ Jeonju ช่วยจองให้ และโชคดีที่ขึ้นวันอาทิตย์เลยยังพอมีที่ว่าง
ค่าธรรมเนียมในการพัก Peak Seaon ราคา 11,000W สำหรับที่พักแบบ dorm และ 8,000W สำหรับห้องรวม(นอนพื้น/เราไม่มีรูปค่ะ)
มีผ้าห่มให้เช่าผืนละ 2,000W แนะนำว่าเช่า 2 ผืนเลยค่ะ ปูนอนผืนนึง ห่มผืนนึง
Nogodan Shelter ในเอกสารบอกว่าเป็น shelter ที่ดีที่สุด เพราะรถขึ้นไปถึงได้ มีไฟฟ้าให้ใช้ มีห้องน้ำชักโครก
ส่วนของตึกนอนก็ดูสะอาดทันสมัย มีแม้กระทั่ง wifi
ในส่วนของ dorm มีแค่บล๊อกนอนเรียบๆ ไม่มีเบาะให้นะคะ แยกห้องชายหญิง
กลางคืนไม่ต้องห่วงว่าจะหนาว เพราะมีฮีทเตอร์ อุ่นจนเกือบร้อน
ถ้าจะนอนให้สบาย ที่อุดหูและผ้าปิดตาช่วยได้มาก เผื่อมีคนนอนกรน ไฟในห้องจะเปิดถึง 3 ทุ่ม
แต่กว่า Shelter จะเปิดให้เข้าได้ก็ต้องรอถึง 6 โมงเย็น
การพักที่ Shelter ต้องเตรียมอาหารไปเองนะคะ แนะนำว่าควรเป็นอาหารที่กินง่ายๆ เราแบกข้าวห่อสาหร่ายกับไข่ต้มแบบแกะเปลือกแล้วขึ้นไป ..ก็สะดวกดี
แต่ถ้าขยันแบกจะเอาหม้อเอาเตาขึ้นไปทำกิน เค้าก็มีห้องครัวให้เป็นสัดส่วน มีน้ำให้ใช้(มีแต่น้ำเย็น)
ก๊อกน้ำที่เห็นดื่มได้ เราก็เห็นเค้าเปิดน้ำจากก๊อกนี่แหล่ะไปดื่มกัน
แอบเม้าท์ว่าคนเกาหลีจัดเต็มมากค่ะ เอาหม้อเอาเตาขึ้นไปต้มแกง บางครอบครัวเอากะทะไปย่างหมูกันเลยทีเดียว
ห้องน้ำมีด้านนอกที่เดียวค่ะ ถ้าปวดเข้าห้องน้ำตอนดึกๆก็ต้องทนหนาวเดินฝ่าอากาศไปหน่อย
ห้องอาบน้ำไม่มีให้ เรื่องอาบน้ำไม่ต้องพูดถึง ตอนที่เราไปอุณหภูมิตอนเย็นประมาณ 10 องศา
..เตรียมทิชชู่เปียกไปเช็ดตัวดีกว่าค่ะ ในอาคารที่พักมีห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ (Fitting room)
มีตู้ล็อกเกอร์ให้ น่าจะใช้เหรียญหยอด แต่เราก็ไม่ได้ลอง
ข้างบนมีตู้กาแฟ โกโก้แบบอัตโนมัติให้กด หนาวๆแบบนี้กาแฟอุ่นๆแก้วละ 500W ช่วยได้เยอะ
เจ้าหน้าที่พอสื่อสารภาษาอังกฤษได้ แต่ป้ายต่างๆมีแต่ภาษาเกาหลีล้วนค่ะ ต้องอาศัยสังเกตเอาเอง
เท่าที่เห็นคร่าวๆคือเรื่องอาหาร เค้าจะกินกันที่ห้องครัวเท่านั้นนะคะ ทั้งอาหารและขนม ไม่มีการเอาไปกินในห้องนอน
ส่วนใหญ่คนที่มาพักจะเตรียมเดินขึ้นเขาเพื่อไปดูพระอาทิตย์ขึ้น หรือเดินทางต่อไปแถวตะวันนออกของอุทยาน
เพราะงั้นเค้าจะตื่นกันเร็วมากค่ะ ตี 3 กว่าๆนี่ตื่นกันเกือบหมดละ
เราลุกมา 6 โมงครึ่ง เหลืออยู่ไม่กี่คน
ลองสังเกตดูนะคะ หน้าห้องผู้ชายเค้าจะมีล๊อกไม้ที่ให้เอาผ้าห่มไปคืน แล้วก็กลับได้เลยค่ะ
..เที่ยวกันให้สนุกนะคะ