เรากล้าพูดว่าเทียบเท่าภูระดึง3 รอบ (แบบไม่รวมหลังแป ขึ้นแล้วลงเลย) เพราะเคยขึ้นภูกระดึงมาแล้วยังไม่ลำบากเท่านี้
เพราะการขึ้นแดจองปงนั้นไม่ใช่การขึ้นไปตรงๆเหมือนภูกระดึง ที่ขึ้นไปทีเดียว 5 กิโล แล้วไปต่อทางราบที่หลังแปอีก 5 กิโล (เคยไปขึ้นตอนงานวิ่งขึ้นภูกระดึง ชิลๆ 2 ชั่วโมงถึง ยังไปผาหล่มสักต่อสบายๆ) แต่ต้องข้ามผ่านเขาหลายลูกกว่าจะไปถึงได้ ภูเขาบ้านเค้าไม่เหมือนบ้านเรา ลองดูตัวอย่าง
เราไม่เคยปีนเขาที่เกาหลีมาก่อน มาก็มาซอรัคซานเลย ตอนวางแผนขึ้นนั้น พอถามแฟนว่าเราจะไปเส้นไหนดี แฟนบอกว่าแล้วแต่เรา แต่ควรจะไปยอดเขาสูงสุดนะ ไปแดจังปง เราก็อือออ ไม่ได้แย้งอะไร แต่คิดว่าแฟนเข้าใจผิดคิดว่า ยอดที่คนไทยขึ้นเยอะๆต่อจากเคเบิลคาร์นั้นคือแดจองปง จริงๆไม่ใช่ฮะ ยอดนั้นมันอยู่เชิงเขานิดเดียว
เลยวางแผนขึ้นผ่านเวบไซต์ที่แนะนำเป็น Yangpok course (Yangpok Course (6km / 3hrs 50min)
Sogongwon – Waseondae – Biseondae – Gwimyeonam – Yangpok Shelter) แต่คอร์สนี้ไปไม่ถึงแดจองปง เราเลยเชื่อมคอร์สนี้เข้าไปต่อกับทางลงคือ ครึ่งทางของ Oseak course (Daecheongbong Peak (Osaek) Course (10km / 8hrs)
Osaek – Seorak Falls – Daecheongbong Peak – Seorak Falls – Osaek) ตอนวางแผนนั้นก็ไม่คิดว่ายาก คำนวณแล้วราวๆ 15 กิโล คิดเอาเอง โพสถามในพันทิบนี้ก็มีคนมาตอบพร้อมแผนที่ที่ชัดขึ้นว่า จะราวๆ 17 กิโล โอเค 17 กิโล แฟนก็บอกว่า โอเค ไหว
เค้าใช้สีในการแสดงถึงความยากของทาง สีเขียวคือ ทางราบ สีส้มคือ เริ่มต้องไต่ละ สีม่วงคือ ชันแล้ว สีดำคือ ชันนรก จบนะ
วันก่อนขึ้นเอาแผนที่จากที่โรงแรมมาวาดใหม่ดู ในแผนที่บอก 17 กิโล ใช้เวลา 11 ชั่วโมง แต่ไม่หวั่นละ มาถึงนี่ เตรียมเสบียงเพราะเค้าบอกไม่มีอาหาร แต่เราไม่คิดว่าจะไม่มีน้ำเลยตลอดทาง นั่นเป็นข้อผิดพลาดอย่างหนึ่งของเรา มีน้ำขึ้นไปแค่คนละ 600 ml เราเอาเป้ซาโลมอนไปแต่ดันลืมเอา bladder ไปจากเมืองไทย เอาน้ำขวดยัดไปแทนแล้วกัน ตอนก่อนขึ้นไม่คิดว่าจะพลาดมากเท่าไหร่ แต่ตอนที่น้ำหมดแล้วไม่มีให้กินนั้น นึกถึง bladder 1.5 ลิตรขึ้นมาทันที นี่ถ้าเพื่อนแกงค์วิ่งเทรลรู้ คงด่าประณามไปอีกนาน (จริงๆอันตรายนะคะ ขาดน้ำ แต่ว่า เราสองคนผ่านการวิ่งเทรลมาบ้างแล้ว ร่างกายทนไหว)
เช้านั้นก่อนออกถามจนท.โรงแรมว่าเราจะลงที่Oseak แล้วจะกลับโรงแรมมายังไง นางทำตาโต แล้วบอกว่า อย่างแฟนเราน่าจะขึ้นได้ แต่อย่างเราไม่น่าจะไหว เลยกล่าวว่า จบมา 3 ฮาร์ฟแล้วคิดว่าน่าจะไหวนะคะ
ขาขึ้นก็ขึ้นทางหลักของซอรัคซาน จ่ายค่าผ่านทางไปคนละ 3,500 วอน เชิงเขาซอรัคซานปลายตุลานั้นกำลังสวยเลย ใบไม้เปลี่ยนสี กำลังร่วง
ช่วงแรกนั้นคนยังเยอะอยู่มาก โดยเฉพาะคนไทยตรงโซนถึงวัด พอเลยวัดมาแล้วคนก็ยังเยอะอยู่ แต่เป็นคนเกาหลี ช่วงนี้ยังชิล ถ่ายรูปเรื่อยเปื่อยเพราะว่าสวยจริงๆ
พอผ่านจุดพักจุดแรก Biseondae จุดนั้นก็ยังมีน้ำ มีอาหารขายอยู่เลยนะ เราเลยคิดว่า เดี๋ยวจุดพักที่ 2 ก็คงมีเหมือนกัน คิดเอาเองว่าเหมือนภูกระดึง เราก็เดินมุ่งหน้าขึ้นไปที่จุดพักถัดไป ระหว่างทางก็หยุดดูแผนที่เพราะไม่มั่นใจว่ามาถูกทางแน่หรือเปล่า คุณลุงเกาหลีผ่านมา ถามว่าจะไปไหน พอบอกว่าไปแดจองปง นางบอกว่า อีก 7 กิโลนะ แล้วหันมามองหน้าเรา ทำหน้าไม่เชื่อว่านางคนนี้จะไปได้ แต่ไม่ได้พูดอะไร
เราเดินจนมาถึง Yangpok Shelter 7 กิโลผ่านไป ใช้เวลา 3 ชั่วโมง ยังชิลมาก ร่าเริงอยู่ เที่ยงพอดี เลยพักกินข้าวที่นี่แป๊บเดียว เพราะเราห่วงว่าจะลงมาไม่ทันรถบัสที่หมด 6 โมงเย็น หายนะเริ่มมาเยือน เมื่อพบว่าจุดพักนี้ไม่มีอาหารและน้ำขาย ไม่มี fountain ให้เติมน้ำด้วย ทั้งๆที่เกาหลีจะมี fountain ให้เติมน้ำเยอะมากๆ แฟนเข้าห้องน้ำ เราไม่ได้เข้าและไม่ได้เข้าจนลงจากเขา เลยไม่ได้รับรู้ถึงความสยองของห้องน้ำที่จุดพักแต่ละจุด มารู้ตอนลงมาแล้ว เพราะไปบ่นกับแฟนว่า ทำไมเค้าไม่มีน้ำให้เติมทั้งๆที่มีห้องน้ำนี่นา แฟนบอกว่า อ้าว ไม่ได้เข้าเหรอ ห้องน้ำมันไม่มีน้ำนะ มันคือส้วมหลุมดีๆนี่เอง ขอกดปุ่มสยองตรงนี้ ดีนะที่ไม่มีน้ำในร่างเหลือให้ผจญประสบการณ์ส้วมหลุมในเกาหลี
คุณแฟนขอไม่ออกสื่อ
พอถึง Yangpok มันก็คือจุดสิ้นสุดของ Yangpok course ที่เราเห็นเค้าแนะนำแต่แรก การเดินต่อจาก Yangpok นั้นจะเปลี่ยนระดับความยากไปขั้นสูงสุด ผ่านจาก Yangpok ไปก็ไปต่อแต่ทางเริ่มยากขึ้นแล้ว เปลี่ยนจากสีส้มเป็นสีม่วงซึ่งแปลว่าชันเพราะมันคือปีนยอดแรกขึ้นไป ยอดนี้ตอนแรกว่าสาหัส แต่ก็ยังฟีลกู้ดว่า เออ สนุกดึตรงนี้ประมาณ 2 กิโลไปถึงจุดพัก Haiungak shelter เริ่มร้อนเพราะเป็นช่วงเที่ยง ทำเวลาไป 1 ชั่วโมง ด้วยความหวังว่าHaiungakจะมีน้ำให้เติม แต่ก็ไม่มีจ้า
เลยไม่รู้จะพักทำไม ไปต่อกันดีกว่า บ่ายโมงแล้วยังไปไม่ถึงยอดเลย เดี๋ยวลงไม่ทัน เลยยาวๆต่อไปเพื่อไป shelter ถัดไป ตอนนี้ทั้งร้อนทั้งหิวน้ำ แต่ต้องประหยัดน้ำมากๆ แถมทางยังกลายเป็นสีดำ คือชันมากระดับมืออาชีพมาปีน ปีนยอดนี้ทาง Jungcheongbong shelterแล้วก็รู้สึกว่า ถ้ามีทางลงตรงนี้ลงไปแล้ว แดจัมปงอะไรไม่สนแล้ว แฟนก็คอยบอกว่าอีก 400เมตรๆ แต่ 400 เมตรพี่ไม่ถึงสักที ไม่ผ่านเส้นสีดำสักที ตรงนี้เป็น 2 กิโลที่ทรมานมากๆ บ่นๆๆและพยายามหาทางอื่นลง 555
แต่กลับตัวก็ไม่ได้ เพราะถ้าจะลงคือลงทางเดิม ซึ่งไม่ล่ะ บาย มุ่งหน้าไปลง Oseak ซึ่งทางนั้นแค่ 5 กิโล (แต่สีม่วงทั้งเส้น) ดีกว่า ขอไปตายเอาดาบหน้า ดังนั้นเลยต้องเดินต่อไป และแฟนก็บอกนั่นไง ถึงยอดแล้ว
แต่ยอดนี้ไม่ใช่แดจองปงฮะ หลอกกันนี่นา
อย่างไรก็ตาม วิวก็สวยมาก
เดินต่อจากยอดนี้ไปที่ Jungcheongbong shelter แล้วก็คิดว่านี่คงสุดละ แต่ไม่ใช่ฮะ ต่อจากยอดนี้ ขึ้นไปอีก ปีนขึ้นไปจนเห็นหลังคา shelterอยู่ลิบๆ ตรงนี้บอกแฟนว่า ถ้าถึง shelter หน้าแล้วมีทางลงไป Oseak แบบไม่ต้องขึ้นแดจัมปงก็ลงเหอะ อีก600 เมตรขึ้นไปอีกก็ไม่ไหวจะเคลียร์
นี่แทบจะ 90 องศา พี่ต้องใช้มือปีน
แต่ป้ายบอกว่า จะไปลง Oseak ก็ต้องผ่านแดจัมปง ดังนั้นเลยเป็นไฟล์ทยังคับ แมทนี้ต้องเอาให้ถึงให้จบ
มาถึงยอดนี้คิดว่ามันใช่แล้ว ถ่ายรูปเลย ปรากฏยังไม่ใช่อีก
แต่วิวก็สวยแสนคุ้ม (ตอนนั้นไม่มีเวลาชื่นชมมาก ถ่ายๆแล้วรีบไป พอลงมาถึงได้รู้สึกว่า มันสวยจริง)
ปีนขึ้นไปแล้วปีนลงมา เพื่อจะพบว่า มันคือยอดถัดไปต่างหากล่ะ เชอะ
ลูกนี้แน่นอนไม่หลอกกันแล้ว
ในที่สุดพี่ก็ถึง อยากจะร้องไห้
ขี้เกียจต่อคิวถ่ายรูปกับป้าย เลยเซลฟี่แค่นี้แหละ แล้วรีบลงดีกว่า เดี๋ยวมืดมาถึงยอดนี้ใช้เวลาไป 5 ชั่วโมงครึ่ง เร็วกว่าเวลาที่คนปกติใช้กันชั่วโมงครึ่ง
ขาลงOseak 2 กิโลแรกลั้ลลามาก เพราะคิดว่าได้ลงแล้วดีใจจังเลย ลงพรวดๆมาเลย แต่พอ 3 กิโลหลังนี่ชักจะยังไง ทำไมทางมันยากงี้เนี่ย คือ จริงๆทั้งเส้น Oseak เนี่ยเป็นทางสีม่วง อันจะทำให้เป็นทางชันตลอด 5 กิโล แฟนบอกก็ลองคิดดูว่า 5 กิโลแต่ไปถึง1,700 เมตร จะไม่ชันยังไงไหว เหมือนปีนลงภูกระดึงลูกครึ่งลงมาทีเดียว แต่มันไม่ใช่แบบนั้น อย่างที่บอกคือ มันเป็นเขาหลายลูกติดกัน จะปีนลงก็ไม่ใช่สักแต่ลงๆ แต่มันทั้งปีนขึ้นปีนลงมาตลอดทางเหมือนกัน 3 กิโลท้ายนี่แฟนยังแอบบ่นว่า โกงระยะทางกันปะเนี่ย 2 กิโลแรกเราลงมาไม่ถึงชั่วโมง 3 กิโลหลังนี่เกือบ 2 ชั่วโมง
เส้นนี้ไม่มีshelterให้พักด้วย ยาวๆลงมาเลย มีห้องน้ำให้เข้าระหว่างทางจุดเดียวแต่มีเก้าอี้ให้พักเป็นระยะ ทางลงนี่เราจำได้ว่าเราหยุดพักแค่ครั้งเดียวไม่ถึง 5 นาทีเพราะหยุดนานไม่ดี ขาจะบวมแล้วประสิทธิภาพจะลด จริงๆตลอดเส้นทางที่เดินมานี่แทบไม่ได้พักเลยจริงๆ เดินตลอด
ประตู Oseak อยู่ด้านหน้าแล้วววว
ลงมาถึงข้างล่างตอนเห็นประตูOseakนั้นดีใจมาก ถลาไปที่ตู้กดน้ำ กดน้ำออกมากินอย่างด่วน เพราะน้ำหมดตั้งแต่ยังไม่ถึงยอดแดจองปงเลย แฟนก็ยกน้ำส่วนของเค้าให้เรากินหมดเลย ซึ้งใจมาก เป็นทั้งคนแบกน้ำ อาหาร กล้อง เสื้อคลุมขึ้นไปให้แล้วยังต้องยกน้ำส่วนของเค้าให้เรากินอีก เค้าถึงได้มีคำพูดที่ว่า ถ้าอยากพิสูจน์รักแท้ให้ลองขึ้นภูกระดึงด้วยกันดู แต่ใครอยากให้ชัวร์ มาพิสูจน์ที่ซอรัคซานสิ ลูกหาบก็ไม่มี จุดพักก็ไม่มี
สรุปแล้วเราใช้เวลาขึ้น 5 ชั่วโมงครึ่ง 11 กิโล แล้วก็ลงอีก 2 ชั่วโมงครึ่ง 5 กิโล ใช้เวลาไป 8 ชั่วโมงในการเดินขึ้นเขาลงเขาตลอด แทบไม่ได้พัก ลงมาก็ต้องเดินต่ออีก 1 กิโลไปขึ้นรถบัสที่เทอร์มินอลของOseakกลับเข้าไปที่ sokcho ด้วย บัสเทอร์มินอลเค้าก็คือร้านขายของดีๆนี่เอง ใครจะไปรู้ว่าเป็นบัสเทอร์มินอลเนี่ย ถ้าแฟนไม่พูดเกาหลีพอได้บ้าง คงตกรถเป็นแน่แท้ รถหมดประมาณ 6 โมงเย็นนะคะ ใครลงมาทาง Oseak ต้องระวังให้ดี
คนเกาหลีนี่เค้าฮิตกีฬาปีนเขากันมาก แล้วทุกคนก็ต้องแต่งตัวเหมือนกัน คือ เสื้อกันลมกับกางเกงปีนเขา หมวกปีนเขา เป้ใบใหญ่ๆ เราแต่งตัวแบบนี้เป็นตัวประหลาดมากๆ แต่นี่คือชุดวิ่งเทรลแบบครึ่งท่อนแล้วนะ เราเห็นฝรั่งปีนก็ใส่กางเกงขาสั้นเสื้อยืดปีนเขากัน ซึ่งเราว่ามันแล้วแต่วัฒนธรรมในการแต่งตัวเพื่อปีนเขา แต่การที่คนหมู่มากในเกาหลีแต่งตัวเหมือนกันหมด มันก็ทำให้ตัวเราดูประหลาดมากในสายตาเค้าเหมือนกัน
ใครที่อยากขึ้นไปพิชิตแดจองปงก็แนะนำให้ฟิตร่างกายดีๆ แล้วเตรียมตัวให้พร้อม ทั้งน้ำ อาหาร เสื้อคลุม ครีมกันแดด รองเท้า เหนื่อยก็จริง แต่ลงมาแล้วเหมือนชีวิตได้พิชิตอะไรสักอย่างมันเป็นความฟินและภูมิใจในตัวเองมากๆนะคะ
[CR] ไปซอรัคซานแบบธรรมดามันไม่ใช่ ไปทั้งทีปีนให้ถึงยอดสูงสุด Daecheongbong กันไปเร้ยยย
เพราะการขึ้นแดจองปงนั้นไม่ใช่การขึ้นไปตรงๆเหมือนภูกระดึง ที่ขึ้นไปทีเดียว 5 กิโล แล้วไปต่อทางราบที่หลังแปอีก 5 กิโล (เคยไปขึ้นตอนงานวิ่งขึ้นภูกระดึง ชิลๆ 2 ชั่วโมงถึง ยังไปผาหล่มสักต่อสบายๆ) แต่ต้องข้ามผ่านเขาหลายลูกกว่าจะไปถึงได้ ภูเขาบ้านเค้าไม่เหมือนบ้านเรา ลองดูตัวอย่าง
เราไม่เคยปีนเขาที่เกาหลีมาก่อน มาก็มาซอรัคซานเลย ตอนวางแผนขึ้นนั้น พอถามแฟนว่าเราจะไปเส้นไหนดี แฟนบอกว่าแล้วแต่เรา แต่ควรจะไปยอดเขาสูงสุดนะ ไปแดจังปง เราก็อือออ ไม่ได้แย้งอะไร แต่คิดว่าแฟนเข้าใจผิดคิดว่า ยอดที่คนไทยขึ้นเยอะๆต่อจากเคเบิลคาร์นั้นคือแดจองปง จริงๆไม่ใช่ฮะ ยอดนั้นมันอยู่เชิงเขานิดเดียว
เลยวางแผนขึ้นผ่านเวบไซต์ที่แนะนำเป็น Yangpok course (Yangpok Course (6km / 3hrs 50min)
Sogongwon – Waseondae – Biseondae – Gwimyeonam – Yangpok Shelter) แต่คอร์สนี้ไปไม่ถึงแดจองปง เราเลยเชื่อมคอร์สนี้เข้าไปต่อกับทางลงคือ ครึ่งทางของ Oseak course (Daecheongbong Peak (Osaek) Course (10km / 8hrs)
Osaek – Seorak Falls – Daecheongbong Peak – Seorak Falls – Osaek) ตอนวางแผนนั้นก็ไม่คิดว่ายาก คำนวณแล้วราวๆ 15 กิโล คิดเอาเอง โพสถามในพันทิบนี้ก็มีคนมาตอบพร้อมแผนที่ที่ชัดขึ้นว่า จะราวๆ 17 กิโล โอเค 17 กิโล แฟนก็บอกว่า โอเค ไหว
เค้าใช้สีในการแสดงถึงความยากของทาง สีเขียวคือ ทางราบ สีส้มคือ เริ่มต้องไต่ละ สีม่วงคือ ชันแล้ว สีดำคือ ชันนรก จบนะ
วันก่อนขึ้นเอาแผนที่จากที่โรงแรมมาวาดใหม่ดู ในแผนที่บอก 17 กิโล ใช้เวลา 11 ชั่วโมง แต่ไม่หวั่นละ มาถึงนี่ เตรียมเสบียงเพราะเค้าบอกไม่มีอาหาร แต่เราไม่คิดว่าจะไม่มีน้ำเลยตลอดทาง นั่นเป็นข้อผิดพลาดอย่างหนึ่งของเรา มีน้ำขึ้นไปแค่คนละ 600 ml เราเอาเป้ซาโลมอนไปแต่ดันลืมเอา bladder ไปจากเมืองไทย เอาน้ำขวดยัดไปแทนแล้วกัน ตอนก่อนขึ้นไม่คิดว่าจะพลาดมากเท่าไหร่ แต่ตอนที่น้ำหมดแล้วไม่มีให้กินนั้น นึกถึง bladder 1.5 ลิตรขึ้นมาทันที นี่ถ้าเพื่อนแกงค์วิ่งเทรลรู้ คงด่าประณามไปอีกนาน (จริงๆอันตรายนะคะ ขาดน้ำ แต่ว่า เราสองคนผ่านการวิ่งเทรลมาบ้างแล้ว ร่างกายทนไหว)
เช้านั้นก่อนออกถามจนท.โรงแรมว่าเราจะลงที่Oseak แล้วจะกลับโรงแรมมายังไง นางทำตาโต แล้วบอกว่า อย่างแฟนเราน่าจะขึ้นได้ แต่อย่างเราไม่น่าจะไหว เลยกล่าวว่า จบมา 3 ฮาร์ฟแล้วคิดว่าน่าจะไหวนะคะ
ขาขึ้นก็ขึ้นทางหลักของซอรัคซาน จ่ายค่าผ่านทางไปคนละ 3,500 วอน เชิงเขาซอรัคซานปลายตุลานั้นกำลังสวยเลย ใบไม้เปลี่ยนสี กำลังร่วง
ช่วงแรกนั้นคนยังเยอะอยู่มาก โดยเฉพาะคนไทยตรงโซนถึงวัด พอเลยวัดมาแล้วคนก็ยังเยอะอยู่ แต่เป็นคนเกาหลี ช่วงนี้ยังชิล ถ่ายรูปเรื่อยเปื่อยเพราะว่าสวยจริงๆ
พอผ่านจุดพักจุดแรก Biseondae จุดนั้นก็ยังมีน้ำ มีอาหารขายอยู่เลยนะ เราเลยคิดว่า เดี๋ยวจุดพักที่ 2 ก็คงมีเหมือนกัน คิดเอาเองว่าเหมือนภูกระดึง เราก็เดินมุ่งหน้าขึ้นไปที่จุดพักถัดไป ระหว่างทางก็หยุดดูแผนที่เพราะไม่มั่นใจว่ามาถูกทางแน่หรือเปล่า คุณลุงเกาหลีผ่านมา ถามว่าจะไปไหน พอบอกว่าไปแดจองปง นางบอกว่า อีก 7 กิโลนะ แล้วหันมามองหน้าเรา ทำหน้าไม่เชื่อว่านางคนนี้จะไปได้ แต่ไม่ได้พูดอะไร
เราเดินจนมาถึง Yangpok Shelter 7 กิโลผ่านไป ใช้เวลา 3 ชั่วโมง ยังชิลมาก ร่าเริงอยู่ เที่ยงพอดี เลยพักกินข้าวที่นี่แป๊บเดียว เพราะเราห่วงว่าจะลงมาไม่ทันรถบัสที่หมด 6 โมงเย็น หายนะเริ่มมาเยือน เมื่อพบว่าจุดพักนี้ไม่มีอาหารและน้ำขาย ไม่มี fountain ให้เติมน้ำด้วย ทั้งๆที่เกาหลีจะมี fountain ให้เติมน้ำเยอะมากๆ แฟนเข้าห้องน้ำ เราไม่ได้เข้าและไม่ได้เข้าจนลงจากเขา เลยไม่ได้รับรู้ถึงความสยองของห้องน้ำที่จุดพักแต่ละจุด มารู้ตอนลงมาแล้ว เพราะไปบ่นกับแฟนว่า ทำไมเค้าไม่มีน้ำให้เติมทั้งๆที่มีห้องน้ำนี่นา แฟนบอกว่า อ้าว ไม่ได้เข้าเหรอ ห้องน้ำมันไม่มีน้ำนะ มันคือส้วมหลุมดีๆนี่เอง ขอกดปุ่มสยองตรงนี้ ดีนะที่ไม่มีน้ำในร่างเหลือให้ผจญประสบการณ์ส้วมหลุมในเกาหลี
คุณแฟนขอไม่ออกสื่อ
พอถึง Yangpok มันก็คือจุดสิ้นสุดของ Yangpok course ที่เราเห็นเค้าแนะนำแต่แรก การเดินต่อจาก Yangpok นั้นจะเปลี่ยนระดับความยากไปขั้นสูงสุด ผ่านจาก Yangpok ไปก็ไปต่อแต่ทางเริ่มยากขึ้นแล้ว เปลี่ยนจากสีส้มเป็นสีม่วงซึ่งแปลว่าชันเพราะมันคือปีนยอดแรกขึ้นไป ยอดนี้ตอนแรกว่าสาหัส แต่ก็ยังฟีลกู้ดว่า เออ สนุกดึตรงนี้ประมาณ 2 กิโลไปถึงจุดพัก Haiungak shelter เริ่มร้อนเพราะเป็นช่วงเที่ยง ทำเวลาไป 1 ชั่วโมง ด้วยความหวังว่าHaiungakจะมีน้ำให้เติม แต่ก็ไม่มีจ้า
เลยไม่รู้จะพักทำไม ไปต่อกันดีกว่า บ่ายโมงแล้วยังไปไม่ถึงยอดเลย เดี๋ยวลงไม่ทัน เลยยาวๆต่อไปเพื่อไป shelter ถัดไป ตอนนี้ทั้งร้อนทั้งหิวน้ำ แต่ต้องประหยัดน้ำมากๆ แถมทางยังกลายเป็นสีดำ คือชันมากระดับมืออาชีพมาปีน ปีนยอดนี้ทาง Jungcheongbong shelterแล้วก็รู้สึกว่า ถ้ามีทางลงตรงนี้ลงไปแล้ว แดจัมปงอะไรไม่สนแล้ว แฟนก็คอยบอกว่าอีก 400เมตรๆ แต่ 400 เมตรพี่ไม่ถึงสักที ไม่ผ่านเส้นสีดำสักที ตรงนี้เป็น 2 กิโลที่ทรมานมากๆ บ่นๆๆและพยายามหาทางอื่นลง 555
แต่กลับตัวก็ไม่ได้ เพราะถ้าจะลงคือลงทางเดิม ซึ่งไม่ล่ะ บาย มุ่งหน้าไปลง Oseak ซึ่งทางนั้นแค่ 5 กิโล (แต่สีม่วงทั้งเส้น) ดีกว่า ขอไปตายเอาดาบหน้า ดังนั้นเลยต้องเดินต่อไป และแฟนก็บอกนั่นไง ถึงยอดแล้ว
แต่ยอดนี้ไม่ใช่แดจองปงฮะ หลอกกันนี่นา
อย่างไรก็ตาม วิวก็สวยมาก
เดินต่อจากยอดนี้ไปที่ Jungcheongbong shelter แล้วก็คิดว่านี่คงสุดละ แต่ไม่ใช่ฮะ ต่อจากยอดนี้ ขึ้นไปอีก ปีนขึ้นไปจนเห็นหลังคา shelterอยู่ลิบๆ ตรงนี้บอกแฟนว่า ถ้าถึง shelter หน้าแล้วมีทางลงไป Oseak แบบไม่ต้องขึ้นแดจัมปงก็ลงเหอะ อีก600 เมตรขึ้นไปอีกก็ไม่ไหวจะเคลียร์
นี่แทบจะ 90 องศา พี่ต้องใช้มือปีน
แต่ป้ายบอกว่า จะไปลง Oseak ก็ต้องผ่านแดจัมปง ดังนั้นเลยเป็นไฟล์ทยังคับ แมทนี้ต้องเอาให้ถึงให้จบ
มาถึงยอดนี้คิดว่ามันใช่แล้ว ถ่ายรูปเลย ปรากฏยังไม่ใช่อีก
แต่วิวก็สวยแสนคุ้ม (ตอนนั้นไม่มีเวลาชื่นชมมาก ถ่ายๆแล้วรีบไป พอลงมาถึงได้รู้สึกว่า มันสวยจริง)
ปีนขึ้นไปแล้วปีนลงมา เพื่อจะพบว่า มันคือยอดถัดไปต่างหากล่ะ เชอะ
ลูกนี้แน่นอนไม่หลอกกันแล้ว
ในที่สุดพี่ก็ถึง อยากจะร้องไห้
ขี้เกียจต่อคิวถ่ายรูปกับป้าย เลยเซลฟี่แค่นี้แหละ แล้วรีบลงดีกว่า เดี๋ยวมืดมาถึงยอดนี้ใช้เวลาไป 5 ชั่วโมงครึ่ง เร็วกว่าเวลาที่คนปกติใช้กันชั่วโมงครึ่ง
ขาลงOseak 2 กิโลแรกลั้ลลามาก เพราะคิดว่าได้ลงแล้วดีใจจังเลย ลงพรวดๆมาเลย แต่พอ 3 กิโลหลังนี่ชักจะยังไง ทำไมทางมันยากงี้เนี่ย คือ จริงๆทั้งเส้น Oseak เนี่ยเป็นทางสีม่วง อันจะทำให้เป็นทางชันตลอด 5 กิโล แฟนบอกก็ลองคิดดูว่า 5 กิโลแต่ไปถึง1,700 เมตร จะไม่ชันยังไงไหว เหมือนปีนลงภูกระดึงลูกครึ่งลงมาทีเดียว แต่มันไม่ใช่แบบนั้น อย่างที่บอกคือ มันเป็นเขาหลายลูกติดกัน จะปีนลงก็ไม่ใช่สักแต่ลงๆ แต่มันทั้งปีนขึ้นปีนลงมาตลอดทางเหมือนกัน 3 กิโลท้ายนี่แฟนยังแอบบ่นว่า โกงระยะทางกันปะเนี่ย 2 กิโลแรกเราลงมาไม่ถึงชั่วโมง 3 กิโลหลังนี่เกือบ 2 ชั่วโมง
เส้นนี้ไม่มีshelterให้พักด้วย ยาวๆลงมาเลย มีห้องน้ำให้เข้าระหว่างทางจุดเดียวแต่มีเก้าอี้ให้พักเป็นระยะ ทางลงนี่เราจำได้ว่าเราหยุดพักแค่ครั้งเดียวไม่ถึง 5 นาทีเพราะหยุดนานไม่ดี ขาจะบวมแล้วประสิทธิภาพจะลด จริงๆตลอดเส้นทางที่เดินมานี่แทบไม่ได้พักเลยจริงๆ เดินตลอด
ประตู Oseak อยู่ด้านหน้าแล้วววว
ลงมาถึงข้างล่างตอนเห็นประตูOseakนั้นดีใจมาก ถลาไปที่ตู้กดน้ำ กดน้ำออกมากินอย่างด่วน เพราะน้ำหมดตั้งแต่ยังไม่ถึงยอดแดจองปงเลย แฟนก็ยกน้ำส่วนของเค้าให้เรากินหมดเลย ซึ้งใจมาก เป็นทั้งคนแบกน้ำ อาหาร กล้อง เสื้อคลุมขึ้นไปให้แล้วยังต้องยกน้ำส่วนของเค้าให้เรากินอีก เค้าถึงได้มีคำพูดที่ว่า ถ้าอยากพิสูจน์รักแท้ให้ลองขึ้นภูกระดึงด้วยกันดู แต่ใครอยากให้ชัวร์ มาพิสูจน์ที่ซอรัคซานสิ ลูกหาบก็ไม่มี จุดพักก็ไม่มี
สรุปแล้วเราใช้เวลาขึ้น 5 ชั่วโมงครึ่ง 11 กิโล แล้วก็ลงอีก 2 ชั่วโมงครึ่ง 5 กิโล ใช้เวลาไป 8 ชั่วโมงในการเดินขึ้นเขาลงเขาตลอด แทบไม่ได้พัก ลงมาก็ต้องเดินต่ออีก 1 กิโลไปขึ้นรถบัสที่เทอร์มินอลของOseakกลับเข้าไปที่ sokcho ด้วย บัสเทอร์มินอลเค้าก็คือร้านขายของดีๆนี่เอง ใครจะไปรู้ว่าเป็นบัสเทอร์มินอลเนี่ย ถ้าแฟนไม่พูดเกาหลีพอได้บ้าง คงตกรถเป็นแน่แท้ รถหมดประมาณ 6 โมงเย็นนะคะ ใครลงมาทาง Oseak ต้องระวังให้ดี
คนเกาหลีนี่เค้าฮิตกีฬาปีนเขากันมาก แล้วทุกคนก็ต้องแต่งตัวเหมือนกัน คือ เสื้อกันลมกับกางเกงปีนเขา หมวกปีนเขา เป้ใบใหญ่ๆ เราแต่งตัวแบบนี้เป็นตัวประหลาดมากๆ แต่นี่คือชุดวิ่งเทรลแบบครึ่งท่อนแล้วนะ เราเห็นฝรั่งปีนก็ใส่กางเกงขาสั้นเสื้อยืดปีนเขากัน ซึ่งเราว่ามันแล้วแต่วัฒนธรรมในการแต่งตัวเพื่อปีนเขา แต่การที่คนหมู่มากในเกาหลีแต่งตัวเหมือนกันหมด มันก็ทำให้ตัวเราดูประหลาดมากในสายตาเค้าเหมือนกัน
ใครที่อยากขึ้นไปพิชิตแดจองปงก็แนะนำให้ฟิตร่างกายดีๆ แล้วเตรียมตัวให้พร้อม ทั้งน้ำ อาหาร เสื้อคลุม ครีมกันแดด รองเท้า เหนื่อยก็จริง แต่ลงมาแล้วเหมือนชีวิตได้พิชิตอะไรสักอย่างมันเป็นความฟินและภูมิใจในตัวเองมากๆนะคะ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น