เพื่อนๆเคยอ่านนิยายบ้างหรือเปล่าคะ?
นิยายน้ำเน่าที่ทั้งเรื่องมีแต่ดราม่า
ไม่ใช่แค่นิยายนะ...ละครหลังข่าวก็เน่าได้พอๆกัน
ฉันเป็นคนหนึ่งที่ชอบอ่านนิยาย ดูการ์ตูน อนิเมะ แฟนฟิค แต่ที่จะไม่แตะเลยก็คือ "ดราม่า"
เพราะอะไรน่ะเหรอ?
เรื่องนั้นน่ะ..มันก็เป็นเพราะว่า..
...
"ชีวิตของฉันมันก็ดราม่ามากเกินพอแล้ว"
...
แต่ก็ไม่ใช่ว่ามันจะดราม่าที่สุดหรอก ฉันรู้ว่าในโลกนี้มันต้องมีคนที่เจอเรื่องราวที่มันหนักหนามากกว่าฉันอีกเยอะ และฉันก็รู้สึกสงสารคนเหล่านั้น เพราะขนาดแค่ฉันเจอเรื่องแค่นี้ "มันยังเจ็บได้ขนาดนี้เลย"
...
เรื่องราวของฉันเป็นเรื่องเกี่ยวกับครอบครัว แน่นอนว่าเรื่องแบบนี้มันค่อนข้างที่จะอ่อนไหว
และใครไม่เคยเจอกับตัวเองก็ไม่รู้หรอกว่าคนที่เจอมันจะรู้สึกอย่างไร
...
เรื่องนี้มันเกิดขึ้นเมื่อราวๆเกือบ 10 ปีได้
ตอนนั้นฉันยังเด็กมาก ไม่ค่อยเข้าใจอะไรเท่าไหร่หรอก ก็แค่เด็กประถมเองนี่คะ วันๆก็ทำแค่ กิน นอน แล้วก็เล่นกับเพื่อนๆเท่านั้นแหละ
ตอนนั้นครอบครัวฉันมีกันอยู่ 4 คน มีพ่อ แม่ พี่ แล้วก็ฉันเป็นคนสุดท้อง ครอบครัวของฉันอบอุ่นมากในความรู้สึกของฉันนะ ก่อนพ่อออกไปทำงานพ่อจะกอดแม่แล้วก็หอมแก้มเสมอ แล้วจากนั้นแม่ก็จะไปส่งฉันกับพี่ที่โรงเรียน มันเป็นแบบนี้ประจำจนฉันไม่เคยคิดเอะใจสักนิด แต่พี่ฉันกลับรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ ตอนนั้นพี่ฉันก็อยู่ชั้นประถมเหมือนกันนะห่างกับฉันแค่ปีเดียวเองค่ะแต่พี่อ่ะมีความคิดเป็นผู้ใหญ่เกินตัว และแน่นอนฉันน่ะติดพี่แจเลย (ปกติเด็กมันจะต้องติดพ่อกับแม่ใช่ป่ะล่ะแต่ฉันติดพี่แทนค่ะ) พี่เขาเคยถามฉันว่า "ถ้าวันหนึ่งพ่อกับแม่เลิกกันน้องจะอยู่กับใคร?" ฉันก็ไม่รู้หรอกว่าพี่ถามแบบนั้นทำไมแต่ฉันก็ตอบแบบไม่คิดอะไรว่า "อยู่กับพ่อมั้ง" คำถามนี้พี่ไม่ได้ถามฉันแค่คั้งเดียวนะ ถามหลายครั้งอยู่แต่ว่านานๆจะถามที แต่ราวๆสองปีต่อมาพี่ฉันกลับถามคำถามนี้บ่อยขึ้นจนฉันนึกรำคาญ บางทีก็เผลอเหวี่ยงใส่พี่เบาๆด้วยแหละ แต่เพราะพี่ถามบ่อยขึ้นนี่แหละฉันถึงได้รู้สึกตะขิดตะขวางใจเกี่ยวกับพฤติกรรมของพ่อและแม่
...พ่อจะไม่ค่อยกลับบ้าน บางทีก็กลับดึก บางทีก็เกือบเช้า พอฉันถามก็บอกว่าไปกับเพื่อน...
...แม่คุยโทรศัพท์บ่อยขึ้น แอบคุยด้วย พอฉันไปนั่งเล่นข้างๆก็ไม่คุยแล้วไล่ฉันไปเล่นที่อื่น พอถามว่าคุยกับใครก็บอกว่าคุยกับน้า...
ฉันแค่สงสัยแต่ก็ไม่ได้คิดอะไร ก็ปล่อยมันผ่านไป...
...จนกระทั่งวันหนึ่ง...
แม่บอกฉันว่าจะไปดูแลคุณตาเพราคุณตาป่วย คุณตาจะอยู่คนละจังหวัดกับฉันน่ะ แล้วฉันก็ต้องเรียนหนังสือด้วยไงเลยไม่ได้ไปกับแม่ แน่นอนพี่ก็ด้วย แล้วพ่อก็ต้องอยู่บ้านเพื่อดูแลลูกๆ แต่ว่าสี่วันให้หลัง "น้าโทรมาบอกฉันว่าแม่หนีไปแล้ว หนีไปกับผู้ชายคนอื่น" วินาทีนั้นฉันช็อกมาก พูดอะไรไม่ออก ไม่มีน้ำตาสักหยดจะไหลออกมา แต่พี่กลับร้องไห้อย่างหนัก ส่วนพ่อ..ตะโกนด่าแม่จนเขาได้ยินกันแทบจะทั้งชุมชนได้ ตะโกนไป..ทั้งน้ำตา
...ที่ฉันไม่ได้ร้องไห้ตอนนั้นไม่ใช่เพราะเข้มแข็งอะไรหรอก แต่มันเจ็บจนน้ำตาตกในซะมากกว่า ฉันไม่มีสติพอจะทำอะไร จำได้เพียงว่าหยิบโทรศัพท์มากดโทรหาแม่เป็นร้อยๆสายแต่ไม่ติดสักสาย (โทรศัพท์พี่น่ะ ตอนนั้นฉันไม่มีโทรศัพท์) โทรไม่ติด ติดต่อไม่ได้ ฉันเลยล้มเลิกความพยายามแล้วเดินเข้าห้องตัวเอง ลงกลอน แล้วในที่สุดน้ำตามันก็ไหลออกมา ฉันร้องไห้นานแค่ไหนไม่รู้ แต่พอรู้ตัวอีกทีก็ตื่นขึ้นมาเกือบเย็นแล้ว ตอนนั้นตาก็บวมจนลืมไม่ขึ้น สมองก็ตื้อคิดอะไรไม่ออก แรงก็ไม่มีจะทำอะไรเลย ฉันคิดว่าชีวิตฉันทำไมมัน

แบบนี้วะ ฉันไปทำกรรมอะไรไว้ทำไมต้องเจอเรื่องแบบนี้ด้วย ฉันยังเด็กอยู่เลยนะ ทำไมต้องเจอเรื่องแบบนี้ด้วย
..แต่เหมือนว่าคนข้างบนจะยังไม่พอใจกับนิยายน้ำเน่าเรื่องนี้ก็เลยเทน้ำเสียใส่มาซ้ำเติมให้ชีวิตฉันมันเน่ายิ่งขึ้นไปอีก...
จากวันที่แม่ทิ้งฉันไป ผ่ามาแค่สองวัน พ่อก็พาเมีใหม่เข้าบ้าน พร้อมลูกติดของผู้หญิงคนนั้นอีกสองคน
ฉันคิดแล้วว่าข้างบนคงไม่มีความเมตตาให้ฉันเป็นแน่
เพราะถ้าหากยังเมตตากันจริง คงไม่ส่งผู้หญิงแบบนี้มาหรอก..
..
ฉันไม่ได้อคติ เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง
ผู้หญิงคนนั้น ไม่มีงานทำ
มีลูกติดสองคน
เธอเล่นการพนันทุกชนิด
ไม่ทำงานบ้านสักอย่าง
ไม่ดูแลพ่อสักที
เจอกันทีก็ขอเงินพ่อไปเล่นการพนัน
ลูกของเธอก็ไม่ได้ต่างกัน
ขี้ขโมย เด็กนั่นมันขโมยของๆฉันแทบจะทุกอย่าง
ลิปมัน ดินสอ ยางลบ ตุ๊กตา ร้ายที่สุดก็เป็นเงินเก็บของฉัน
พอฉันบอกพ่อ พ่อก็มาว่าฉันไม่ดูแลของดีๆ บอกให้ฉันล็อกห้องนอน
พอฉันล็อกห้อง ห้องของฉันมันติดระเบียง เด็กนั่นมันก็เปิดระเบียงออกไปปีนหน้าต่างเข้าห้องฉันแล้วก็ขโมยตุ๊กตาของฉันไปให้เพื่อนมัน
ฉันโกรธมากเลยต่อว่ามันไป ฉันสอนนะ ไม่ได้ด่า ไม่ได้ใช้คำหยาบอะไรเลย ฉันแทนตัวตัวเองว่า "ฉัน" แทนตัวเด็กพวกนั้นว่า "เธอ" ฉันก็แค่ต่อว่าพวกมันว่า ทำไมแบบนี้มันไม่ดี ไม่มีคนดีๆที่ไหนเขาเป็นขโมยหรอก แล้วทำตัวแบบนี้สุดท้ายจะไม่มีใครรัก ประมานนี้ แต่รู้อะไรมั้ย? สิ่งที่ฉันได้กลับมาคืออะไร?
พ่อด่าฉันโดยใช้คำว่ากูกับ ทั้งที่พ่อไม่เคยพูดแบบนั้นกับฉันและพี่เลย พ่อเปลี่ยนไปมาก พ่อไม่เหมือนเดิมเลยสักนิด ฉันเคยคิดว่าพ่อคงไม่รักฉันกับพี่แล้ว ฉันน้อยใจมากและร้องไห้บ่อยมาก จากตอนเด็กๆที่ฉันไม่ร้องไห้เลย ไม่ว่าจะเจ็บตัว ต่อยกับเด็กผู้ชายจนปากแตก โดนดุแค่ไหนฉันก็เฉย จนผู้ใหญ่บอกว่าฉันมันดื้อเกินเยียวยา ไร้ความเป็นผู้หญิง แต่หลังจากเกิดเรื่องมา ฉันร้องไห้บ่อยกว่ายิ้มอีก บางทีฉันก็คิดว่าพ่อโดนทำของใส่หรือเปล่า ณ ตอนนั้น มันคิดไปหมดทุกอย่างแหละ ทั้งที่รู้ว่ามันงมงายและอาจไม่มีจริง แต่มันก็อดไม่ได้นะ (อ้อ ที่เล่ามานี่เป็นเหมือนกับวงจรน้ำเน่าที่เกิดขึ้นกับฉันมาตลอดแปดปีหลังแม่ไปนะ เรื่องเกี่ยวกับเมียใหม่พ่อกับลูกติดของมัน) แล้วพอเวลาผ่านไปเรื่อยๆฉันรับรู้เลยว่าฉันค่อยๆเปลี่ยนไป ฉันเงียบไม่ค่อยพูด ทั้งที่เป็นเด็กพูดมาก ปากไว คิดอะไรก็พูด แต่ตอนนี้เก็บ

ทุกอย่างจนกลายเป็นเด็กเก็บกด ฉันร้องไห้บ่อยแต่ก็เฉพาะกับเรื่องที่เกี่ยวกับความรู้สึกล่ะนะ เจ็บตัวฉันก็ไม่ร้องหรอก แต่พี่ฉันไม่เปลี่ยนเลย เขายังคงเป็นคนเงียบๆเช่นเคย ไม่เถียง ไม่สู้ใคร เป็นฉันเองที่พูดตอกหน้าเมียพ่อทั้งที่ผลสุดท้ายจะต้องโดนด่าก็เถอะ ส่วนเรื่องแม่ หลังจากแม่หนีไปราวๆเกือบสองเดือนแม่ก็ติดต่อกลับมา แม่บอกว่าที่แม่ไปมันเป็นเพราะเหตุผลของผู้ใหญ่ แม่ถามว่า "หนูเข้าใจแม่มั้ยลูก" พี่ฉันจะตอบว่า "เข้าใจ" เพราะพี่เขาห่วงความรู้สึกของคนอื่นมากกว่าตัวเอง แต่พอฉันตอบฉันกลับตอบตามความรู้สึกของตัวเอง แม้จะรู้ว่าแม่ต้องเจ็บเพราะคำตอบฉัน แต่ฉันก็เป็นคนไม่ชอบโกหก ฉันไม่เคยโกหกใคร โดยเฉพาะเรื่องความรู้สึกหรือความคิดของตัวเอง แน่นอนคำตอบของฉันคือ "ไม่เข้าใจ" อย่างที่คาด แม่ร้องไห้ทันทีเลย ฉันได้แต่บอกแม่ว่า "หนูไม่เข้าใจ ต่อให้หนูโตกว่านี้ ต่อให้หนูอายุ 40 หนูก็ไม่มีวันเข้าใจหรอก เพราะหนูไม่ได้เจอเหตุการณ์นั้นเหมือนที่แม่เจอ ที่แม่ไปหนูไม่เข้าใจแม่หรอก และที่พ่อพาเมียใหม่เข้าบ้านทันทีหนูก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน"
ใช่.. ฉันไม่รู้และไม่เข้าใจพ่อกับแม่ แต่ฉันรู้ว่าทำไมแม่ถึงอยากให้ฉันเข้าใจแม่
แม่กลัวเสียฉันกับพี่ไป เพราะท่านไม่ได้อยู่ข้างๆพวกฉันอีกแล้ว
ฉันรู้ว่าแม่เสียใจที่ทิ้งฉันกับพี่ไป แต่ฉันมั่นใจว่าแม่ไม่เสียใจที่ทิ้งพ่อไป เพราะถ้าแม่เสียใจแม่ต้องกลับมา แต่ตอนนี้มันจะครบสิบปีอยู่แล้วแม่ยังไม่คิดจะกลับมาเลย แม่คงคิดดีแล้ว
ส่วนพ่อ หลังๆมานี้พ่อก็ดีขึ้นจากเมื่อก่อน อย่างน้อยที่สุดพ่อก็บอกว่ารักฉันและไม่เคยด่าฉันเพราะเรื่องของเมียท่านอีกเลย เหตุผลน่ะเหรอเพราะฉันไม่สนใจสามแม่ลูกนั่นแล้วไง
..ถ้าฉันเล่าอะไรให้ฟังตอนนี้จะมีใครว่าฉันใจร้าย ว่าฉันแรงมั้ยนะ?..
เรื่องของฉันกับสามแม่ลูกนั่น...
ฉันเกลียดพวกมัน และในชีวิตฉันฉันก็มีคนที่เกลียดแค่สามคนก็คือพวกมันสามคน
ฉันเคยเอาเสื้อผ้าพวกมันมาเช็ดเท้าหลังจากล้างเท้าเสร็จน่ะ เสื้อผ้านั่นมันก็ยังใส่กันอยู่นะ
ฉันเคยจิกกัดพวกมันสามคนเพราะอยากสะใจเล่น
ฉันไม่เคยไหว้เมียพ่อสักครั้งในชีวิต (คนอื่นไว้หมดนะ ใครที่อายุมากกว่าฉันไหว้หมด อายุห่างแค่ปีเดียวยังไหว้เลย แม่สอนให้มือไม้อ่อนน่ะ แต่กับคนนี้ขอบาย)
ฉันเคยเอาเท้าที่เดินเปื้อนดินไปย่ำเสื้อผ้าในตู้ของสามคนนั่น
ล่าสุด ฉันด่าเมียพ่อต่อหน้าพ่อเลย (ซึ่งพ่อได้แต่เงียบ)
ฉันนิสัยไม่ดีใช่มั้ยล่ะ นี่ไม่ใช่ทั้งหมดหรอกแค่ส่วนที่จำได้ ทำไปเยอะแต่ลืม ฮ่าๆๆ
จนถึงตอนนี้ฉันยังน้อยใจพ่ออยู่นะ แม้ฉันจะโตแล้ว 20 แล้ว บรรลุนิติภาวะแล้ว แต่ก็ยังปลงไม่ได้ เรื่องที่โกรธพ่อกับแม่ที่สุดคงเป็นเรื่องเงิน
เวลาฉันขอเงินมาจ่ายค่าเล่าเรียน พวกเขาจะโยนให้กัน ขอพ่อ "ไปขอแม่สิ" พอไปขอแม่ "ไปขอพ่อก่อนได้มั้ย แม่ยังไม่มี" มันคืออะไร??
เรื่องนี้ฉันกับพี่แทบจะไม่มีกำลังใจเรียนเลยทีเดียว
โทรศัพท์ อยากได้ เก็บเงินซื้อเองตั้งแต่เครื่องแรกจนถึงเครื่องปัจจุบัน (4 เครื่อง หรือ 5 ฟะ)
ค่าเทอมตอนม.ปลาย จ่ายเองค่ะ
ค่าสมัครเรียนต่อมหาลัย จ่ายเองค่ะ
ค่าซื้อของตอนย้ายเข้าหอใน จ่ายเองค่ะ
ค่าเทอม ยืม กยศ. ค่ะ
มีคนเคยถามว่า ถ้าจะลำบากยากเย็นขนาดนั้น ทำไมต้องเรียนด้วย ทำไมไม่ไปหางานทำหรือหาสามีเลี้ยง
คือคนถามเอาอะไรคิดวะคะ
ที่ฉันเรียน เหตุผลง่ายๆ จะเรียน จะเอาใบปริญญาไปฟาดปากพวกปากพล่อยที่เคยดูถูกว่า เด็กบ้านแตกอย่างฉันมันไม่มีทางได้ดี ยังไงมันก็ต้องใจแตก โกรธมากนะ แต่ตอนนี้ไม่ได้คิดงั้นแล้ว ตอนนี้จะเรียนเพื่ออนาคตของตัวเอง ฉันจะไม่ลำบากอีกถ้าฉันมีงานดีๆทำ ส่วนเรื่องหาสามี ไม่จำเป็น ไม่เอา กลัว ถ้ามีครอบครัวไปแล้วเป็นเหมือนพ่อกับแม่จะทำไง..
..ความคิดนี้ฝังลึกมากจริงๆ..
..
ก่อนจบกระทู้ขอชมตัวเองหน่อยได้มั้ยเนี่ย คนอะไรไม่รู้ เก่งจัง ฮ่าๆๆ
..
ตอนนี้ก็มีความสุขดี เรื่องไม่ดีปล่อยไปไม่สนใจ ขอโฟกัสเรื่องเรียนก่อน
..
เมียพ่อกับลูกมันก็เป็นธาตุอากาศ ไม่อยู่ในสายตา เรียกว่าเมินกันเห็นๆ ไม่แคร์ค่ะ
..
กับพ่อก็บอกรักกันตลอดเมื่ออยากบอก ฮ่าๆๆ
..
กับแม่ก็โทรหากันตลอด
..
ส่วนพี่เนี่ยก็ดูแลฉันเหมือนกับฉันยังเป็นเด็กอยู่เสมอ ฮ่าๆๆ
..
การเรียน ยากอิ๊บอ๋ายย แต่จะพยายาม!!
..
ใครหลงมาอ่านอย่าด่าเค้าว่าเค้าร้ายกาจนะ T^T
สวัสดีค่าาาาา
ชีวิตจริง...เน่ายิ่งกว่านิยาย
นิยายน้ำเน่าที่ทั้งเรื่องมีแต่ดราม่า
ไม่ใช่แค่นิยายนะ...ละครหลังข่าวก็เน่าได้พอๆกัน
ฉันเป็นคนหนึ่งที่ชอบอ่านนิยาย ดูการ์ตูน อนิเมะ แฟนฟิค แต่ที่จะไม่แตะเลยก็คือ "ดราม่า"
เพราะอะไรน่ะเหรอ?
เรื่องนั้นน่ะ..มันก็เป็นเพราะว่า..
...
"ชีวิตของฉันมันก็ดราม่ามากเกินพอแล้ว"
...
แต่ก็ไม่ใช่ว่ามันจะดราม่าที่สุดหรอก ฉันรู้ว่าในโลกนี้มันต้องมีคนที่เจอเรื่องราวที่มันหนักหนามากกว่าฉันอีกเยอะ และฉันก็รู้สึกสงสารคนเหล่านั้น เพราะขนาดแค่ฉันเจอเรื่องแค่นี้ "มันยังเจ็บได้ขนาดนี้เลย"
...
เรื่องราวของฉันเป็นเรื่องเกี่ยวกับครอบครัว แน่นอนว่าเรื่องแบบนี้มันค่อนข้างที่จะอ่อนไหว
และใครไม่เคยเจอกับตัวเองก็ไม่รู้หรอกว่าคนที่เจอมันจะรู้สึกอย่างไร
...
เรื่องนี้มันเกิดขึ้นเมื่อราวๆเกือบ 10 ปีได้
ตอนนั้นฉันยังเด็กมาก ไม่ค่อยเข้าใจอะไรเท่าไหร่หรอก ก็แค่เด็กประถมเองนี่คะ วันๆก็ทำแค่ กิน นอน แล้วก็เล่นกับเพื่อนๆเท่านั้นแหละ
ตอนนั้นครอบครัวฉันมีกันอยู่ 4 คน มีพ่อ แม่ พี่ แล้วก็ฉันเป็นคนสุดท้อง ครอบครัวของฉันอบอุ่นมากในความรู้สึกของฉันนะ ก่อนพ่อออกไปทำงานพ่อจะกอดแม่แล้วก็หอมแก้มเสมอ แล้วจากนั้นแม่ก็จะไปส่งฉันกับพี่ที่โรงเรียน มันเป็นแบบนี้ประจำจนฉันไม่เคยคิดเอะใจสักนิด แต่พี่ฉันกลับรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ ตอนนั้นพี่ฉันก็อยู่ชั้นประถมเหมือนกันนะห่างกับฉันแค่ปีเดียวเองค่ะแต่พี่อ่ะมีความคิดเป็นผู้ใหญ่เกินตัว และแน่นอนฉันน่ะติดพี่แจเลย (ปกติเด็กมันจะต้องติดพ่อกับแม่ใช่ป่ะล่ะแต่ฉันติดพี่แทนค่ะ) พี่เขาเคยถามฉันว่า "ถ้าวันหนึ่งพ่อกับแม่เลิกกันน้องจะอยู่กับใคร?" ฉันก็ไม่รู้หรอกว่าพี่ถามแบบนั้นทำไมแต่ฉันก็ตอบแบบไม่คิดอะไรว่า "อยู่กับพ่อมั้ง" คำถามนี้พี่ไม่ได้ถามฉันแค่คั้งเดียวนะ ถามหลายครั้งอยู่แต่ว่านานๆจะถามที แต่ราวๆสองปีต่อมาพี่ฉันกลับถามคำถามนี้บ่อยขึ้นจนฉันนึกรำคาญ บางทีก็เผลอเหวี่ยงใส่พี่เบาๆด้วยแหละ แต่เพราะพี่ถามบ่อยขึ้นนี่แหละฉันถึงได้รู้สึกตะขิดตะขวางใจเกี่ยวกับพฤติกรรมของพ่อและแม่
...พ่อจะไม่ค่อยกลับบ้าน บางทีก็กลับดึก บางทีก็เกือบเช้า พอฉันถามก็บอกว่าไปกับเพื่อน...
...แม่คุยโทรศัพท์บ่อยขึ้น แอบคุยด้วย พอฉันไปนั่งเล่นข้างๆก็ไม่คุยแล้วไล่ฉันไปเล่นที่อื่น พอถามว่าคุยกับใครก็บอกว่าคุยกับน้า...
ฉันแค่สงสัยแต่ก็ไม่ได้คิดอะไร ก็ปล่อยมันผ่านไป...
...จนกระทั่งวันหนึ่ง...
แม่บอกฉันว่าจะไปดูแลคุณตาเพราคุณตาป่วย คุณตาจะอยู่คนละจังหวัดกับฉันน่ะ แล้วฉันก็ต้องเรียนหนังสือด้วยไงเลยไม่ได้ไปกับแม่ แน่นอนพี่ก็ด้วย แล้วพ่อก็ต้องอยู่บ้านเพื่อดูแลลูกๆ แต่ว่าสี่วันให้หลัง "น้าโทรมาบอกฉันว่าแม่หนีไปแล้ว หนีไปกับผู้ชายคนอื่น" วินาทีนั้นฉันช็อกมาก พูดอะไรไม่ออก ไม่มีน้ำตาสักหยดจะไหลออกมา แต่พี่กลับร้องไห้อย่างหนัก ส่วนพ่อ..ตะโกนด่าแม่จนเขาได้ยินกันแทบจะทั้งชุมชนได้ ตะโกนไป..ทั้งน้ำตา
...ที่ฉันไม่ได้ร้องไห้ตอนนั้นไม่ใช่เพราะเข้มแข็งอะไรหรอก แต่มันเจ็บจนน้ำตาตกในซะมากกว่า ฉันไม่มีสติพอจะทำอะไร จำได้เพียงว่าหยิบโทรศัพท์มากดโทรหาแม่เป็นร้อยๆสายแต่ไม่ติดสักสาย (โทรศัพท์พี่น่ะ ตอนนั้นฉันไม่มีโทรศัพท์) โทรไม่ติด ติดต่อไม่ได้ ฉันเลยล้มเลิกความพยายามแล้วเดินเข้าห้องตัวเอง ลงกลอน แล้วในที่สุดน้ำตามันก็ไหลออกมา ฉันร้องไห้นานแค่ไหนไม่รู้ แต่พอรู้ตัวอีกทีก็ตื่นขึ้นมาเกือบเย็นแล้ว ตอนนั้นตาก็บวมจนลืมไม่ขึ้น สมองก็ตื้อคิดอะไรไม่ออก แรงก็ไม่มีจะทำอะไรเลย ฉันคิดว่าชีวิตฉันทำไมมัน
..แต่เหมือนว่าคนข้างบนจะยังไม่พอใจกับนิยายน้ำเน่าเรื่องนี้ก็เลยเทน้ำเสียใส่มาซ้ำเติมให้ชีวิตฉันมันเน่ายิ่งขึ้นไปอีก...
จากวันที่แม่ทิ้งฉันไป ผ่ามาแค่สองวัน พ่อก็พาเมีใหม่เข้าบ้าน พร้อมลูกติดของผู้หญิงคนนั้นอีกสองคน
ฉันคิดแล้วว่าข้างบนคงไม่มีความเมตตาให้ฉันเป็นแน่
เพราะถ้าหากยังเมตตากันจริง คงไม่ส่งผู้หญิงแบบนี้มาหรอก..
..
ฉันไม่ได้อคติ เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง
ผู้หญิงคนนั้น ไม่มีงานทำ
มีลูกติดสองคน
เธอเล่นการพนันทุกชนิด
ไม่ทำงานบ้านสักอย่าง
ไม่ดูแลพ่อสักที
เจอกันทีก็ขอเงินพ่อไปเล่นการพนัน
ลูกของเธอก็ไม่ได้ต่างกัน
ขี้ขโมย เด็กนั่นมันขโมยของๆฉันแทบจะทุกอย่าง
ลิปมัน ดินสอ ยางลบ ตุ๊กตา ร้ายที่สุดก็เป็นเงินเก็บของฉัน
พอฉันบอกพ่อ พ่อก็มาว่าฉันไม่ดูแลของดีๆ บอกให้ฉันล็อกห้องนอน
พอฉันล็อกห้อง ห้องของฉันมันติดระเบียง เด็กนั่นมันก็เปิดระเบียงออกไปปีนหน้าต่างเข้าห้องฉันแล้วก็ขโมยตุ๊กตาของฉันไปให้เพื่อนมัน
ฉันโกรธมากเลยต่อว่ามันไป ฉันสอนนะ ไม่ได้ด่า ไม่ได้ใช้คำหยาบอะไรเลย ฉันแทนตัวตัวเองว่า "ฉัน" แทนตัวเด็กพวกนั้นว่า "เธอ" ฉันก็แค่ต่อว่าพวกมันว่า ทำไมแบบนี้มันไม่ดี ไม่มีคนดีๆที่ไหนเขาเป็นขโมยหรอก แล้วทำตัวแบบนี้สุดท้ายจะไม่มีใครรัก ประมานนี้ แต่รู้อะไรมั้ย? สิ่งที่ฉันได้กลับมาคืออะไร?
พ่อด่าฉันโดยใช้คำว่ากูกับ ทั้งที่พ่อไม่เคยพูดแบบนั้นกับฉันและพี่เลย พ่อเปลี่ยนไปมาก พ่อไม่เหมือนเดิมเลยสักนิด ฉันเคยคิดว่าพ่อคงไม่รักฉันกับพี่แล้ว ฉันน้อยใจมากและร้องไห้บ่อยมาก จากตอนเด็กๆที่ฉันไม่ร้องไห้เลย ไม่ว่าจะเจ็บตัว ต่อยกับเด็กผู้ชายจนปากแตก โดนดุแค่ไหนฉันก็เฉย จนผู้ใหญ่บอกว่าฉันมันดื้อเกินเยียวยา ไร้ความเป็นผู้หญิง แต่หลังจากเกิดเรื่องมา ฉันร้องไห้บ่อยกว่ายิ้มอีก บางทีฉันก็คิดว่าพ่อโดนทำของใส่หรือเปล่า ณ ตอนนั้น มันคิดไปหมดทุกอย่างแหละ ทั้งที่รู้ว่ามันงมงายและอาจไม่มีจริง แต่มันก็อดไม่ได้นะ (อ้อ ที่เล่ามานี่เป็นเหมือนกับวงจรน้ำเน่าที่เกิดขึ้นกับฉันมาตลอดแปดปีหลังแม่ไปนะ เรื่องเกี่ยวกับเมียใหม่พ่อกับลูกติดของมัน) แล้วพอเวลาผ่านไปเรื่อยๆฉันรับรู้เลยว่าฉันค่อยๆเปลี่ยนไป ฉันเงียบไม่ค่อยพูด ทั้งที่เป็นเด็กพูดมาก ปากไว คิดอะไรก็พูด แต่ตอนนี้เก็บ
ใช่.. ฉันไม่รู้และไม่เข้าใจพ่อกับแม่ แต่ฉันรู้ว่าทำไมแม่ถึงอยากให้ฉันเข้าใจแม่
แม่กลัวเสียฉันกับพี่ไป เพราะท่านไม่ได้อยู่ข้างๆพวกฉันอีกแล้ว
ฉันรู้ว่าแม่เสียใจที่ทิ้งฉันกับพี่ไป แต่ฉันมั่นใจว่าแม่ไม่เสียใจที่ทิ้งพ่อไป เพราะถ้าแม่เสียใจแม่ต้องกลับมา แต่ตอนนี้มันจะครบสิบปีอยู่แล้วแม่ยังไม่คิดจะกลับมาเลย แม่คงคิดดีแล้ว
ส่วนพ่อ หลังๆมานี้พ่อก็ดีขึ้นจากเมื่อก่อน อย่างน้อยที่สุดพ่อก็บอกว่ารักฉันและไม่เคยด่าฉันเพราะเรื่องของเมียท่านอีกเลย เหตุผลน่ะเหรอเพราะฉันไม่สนใจสามแม่ลูกนั่นแล้วไง
..ถ้าฉันเล่าอะไรให้ฟังตอนนี้จะมีใครว่าฉันใจร้าย ว่าฉันแรงมั้ยนะ?..
เรื่องของฉันกับสามแม่ลูกนั่น...
ฉันเกลียดพวกมัน และในชีวิตฉันฉันก็มีคนที่เกลียดแค่สามคนก็คือพวกมันสามคน
ฉันเคยเอาเสื้อผ้าพวกมันมาเช็ดเท้าหลังจากล้างเท้าเสร็จน่ะ เสื้อผ้านั่นมันก็ยังใส่กันอยู่นะ
ฉันเคยจิกกัดพวกมันสามคนเพราะอยากสะใจเล่น
ฉันไม่เคยไหว้เมียพ่อสักครั้งในชีวิต (คนอื่นไว้หมดนะ ใครที่อายุมากกว่าฉันไหว้หมด อายุห่างแค่ปีเดียวยังไหว้เลย แม่สอนให้มือไม้อ่อนน่ะ แต่กับคนนี้ขอบาย)
ฉันเคยเอาเท้าที่เดินเปื้อนดินไปย่ำเสื้อผ้าในตู้ของสามคนนั่น
ล่าสุด ฉันด่าเมียพ่อต่อหน้าพ่อเลย (ซึ่งพ่อได้แต่เงียบ)
ฉันนิสัยไม่ดีใช่มั้ยล่ะ นี่ไม่ใช่ทั้งหมดหรอกแค่ส่วนที่จำได้ ทำไปเยอะแต่ลืม ฮ่าๆๆ
จนถึงตอนนี้ฉันยังน้อยใจพ่ออยู่นะ แม้ฉันจะโตแล้ว 20 แล้ว บรรลุนิติภาวะแล้ว แต่ก็ยังปลงไม่ได้ เรื่องที่โกรธพ่อกับแม่ที่สุดคงเป็นเรื่องเงิน
เวลาฉันขอเงินมาจ่ายค่าเล่าเรียน พวกเขาจะโยนให้กัน ขอพ่อ "ไปขอแม่สิ" พอไปขอแม่ "ไปขอพ่อก่อนได้มั้ย แม่ยังไม่มี" มันคืออะไร??
เรื่องนี้ฉันกับพี่แทบจะไม่มีกำลังใจเรียนเลยทีเดียว
โทรศัพท์ อยากได้ เก็บเงินซื้อเองตั้งแต่เครื่องแรกจนถึงเครื่องปัจจุบัน (4 เครื่อง หรือ 5 ฟะ)
ค่าเทอมตอนม.ปลาย จ่ายเองค่ะ
ค่าสมัครเรียนต่อมหาลัย จ่ายเองค่ะ
ค่าซื้อของตอนย้ายเข้าหอใน จ่ายเองค่ะ
ค่าเทอม ยืม กยศ. ค่ะ
มีคนเคยถามว่า ถ้าจะลำบากยากเย็นขนาดนั้น ทำไมต้องเรียนด้วย ทำไมไม่ไปหางานทำหรือหาสามีเลี้ยง
คือคนถามเอาอะไรคิดวะคะ
ที่ฉันเรียน เหตุผลง่ายๆ จะเรียน จะเอาใบปริญญาไปฟาดปากพวกปากพล่อยที่เคยดูถูกว่า เด็กบ้านแตกอย่างฉันมันไม่มีทางได้ดี ยังไงมันก็ต้องใจแตก โกรธมากนะ แต่ตอนนี้ไม่ได้คิดงั้นแล้ว ตอนนี้จะเรียนเพื่ออนาคตของตัวเอง ฉันจะไม่ลำบากอีกถ้าฉันมีงานดีๆทำ ส่วนเรื่องหาสามี ไม่จำเป็น ไม่เอา กลัว ถ้ามีครอบครัวไปแล้วเป็นเหมือนพ่อกับแม่จะทำไง..
..ความคิดนี้ฝังลึกมากจริงๆ..
..
ก่อนจบกระทู้ขอชมตัวเองหน่อยได้มั้ยเนี่ย คนอะไรไม่รู้ เก่งจัง ฮ่าๆๆ
..
ตอนนี้ก็มีความสุขดี เรื่องไม่ดีปล่อยไปไม่สนใจ ขอโฟกัสเรื่องเรียนก่อน
..
เมียพ่อกับลูกมันก็เป็นธาตุอากาศ ไม่อยู่ในสายตา เรียกว่าเมินกันเห็นๆ ไม่แคร์ค่ะ
..
กับพ่อก็บอกรักกันตลอดเมื่ออยากบอก ฮ่าๆๆ
..
กับแม่ก็โทรหากันตลอด
..
ส่วนพี่เนี่ยก็ดูแลฉันเหมือนกับฉันยังเป็นเด็กอยู่เสมอ ฮ่าๆๆ
..
การเรียน ยากอิ๊บอ๋ายย แต่จะพยายาม!!
..
ใครหลงมาอ่านอย่าด่าเค้าว่าเค้าร้ายกาจนะ T^T
สวัสดีค่าาาาา