จากการที่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสนับสนุนผลิตภัณฑ์ ASICS ให้นักวิ่ง Pacer ในงานมาราธอนต่างๆ ที่ผ่านมา ทำให้ผมค่อนข้างใกล้ชิดกับรองเท้า GEL-DS TRAINER 20 รุ่นนี้เป็นพิเศษ เพราะเป็นรุ่นหลักๆ ที่เลือกใช้ในการสนับสนุน Pacer ไม่ว่าจะงานพัทยาฯ งานเมืองไทยมาราธอนที่กรุงเทพฯ รวมถึงงานเมืองไทยโคราชฯ ครับ
ซึ่งผู้ใหญ่ใจดีก็เห็นว่า เราแนะนำรุ่นนี้ให้กับนักวิ่งหลายคนแล้ว ตัวเราก็ควรจะได้ทดสอบด้วยตัวเองเช่นกัน จึงเป็นที่มาของ Sponsored Review อันนี้ครับ … แฮรรร่!!!
คุณสมบัติเป็นอย่างไร และทำไมผมถึงเลือกรุ่นนี้ให้ Pacer ในการทำหน้าที่ในระยะมาราธอน?
หากดูกันตามชื่อรุ่น GEL-DS TRAINER 20 Neutral … GEL = มี GEL เป็นตัวรองรับแรงกระแทก ซึ่งมีรองรับทั้งบริเวณส้นเท้าและฝังอยู่ข้างใน midsole อีกชิ้นบริเวณหน้าเท้าแหละ / DS = Duosole บริเวณพื้นนอก (outsole) ที่วางอยู่เล็กน้อยบริเวณหน้าเท้า ทำหน้าที่ยึดเกาะถนนได้ดี / TRAINER = นางเกิดมาเพื่อถูกซ้อม หรือเป็นตัวที่เหมาะกับการใส่ซ้อมเป็นหลักในวันธรรมดา พอถึงวันแข่ง ตัวนี้ก็สามารถใช้วิ่งทำเวลาได้เช่นกัน แต่ถ้าต้องการคู่ที่เบากว่า ก็แค่ขยับไปใช้รุ่นอื่นๆ เช่น ญาติสนิทอย่าง GEL-DS RACER 10 ครับ / 20 = เป็นเวอร์ชั่นที่ 20 แล้วสำหรับรุ่นนี้ ซึ่งก็มีประวัติอยู่คู่กับ ASICS มายาวนานถึง 20 ปีเลยทีเดียวครับ / Neutral = ในรุ่นปกติรวมถึงรุ่น Wide ที่ไม่มีคำว่า Neutral หรือ NC ต่อท้ายชื่อ จะมีตัวซัพพอร์ท Dynamic Duomax เสริมความมั่นคงบริเวณอุ้งเท้าด้านใน (arch support) มาให้
มุมระเบิดของรุ่น GEL-DS TRAINER 20 นะครับ ไม่ใช่ Neutral เลยมี Dynamic Duomax มาด้วย ข้อมูลโดย ASICS Singapore
กับการสนับสนุน Pacer งานวิ่งที่มีจำนวนคนมากมาย หลากหลายสไตล์และรูปแบบการวิ่ง ผมจึงเลือกรุ่นนี้ให้ทดสอบ เพราะเป็นรองเท้าแบบกลางๆ เป็นส่วนผสมของ … อะไรดีว้าาา … ของรองเท้าที่ยังมีน้ำหนักอยู่ แต่กูก็เร็วได้นะเออ 555 ประมาณนี้ครับ
ความรู้สึกเมื่อได้ทดสอบด้วยตัวเองเป็นอย่างไร?
เนื่องจากเป็นคนที่ใส่รองเท้าประเภท Run Long มาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็น adidas Energy Boost รวมถึง UA Speedform Gemini ทำให้พอมา”ลองใส่” DS TRAINER 20 แล้วจะรู้สึกได้ว่าเบากว่าเล็กน้อย แต่ถ้าได้”ลองใช้” ความรู้สึกเบากว่ามาก จะรู้สึกได้ดีที่กิโลท้ายๆ ของระยะมินิรวมถึงฮาล์ฟ ความรู้สึกหนักขา ก้าวไม่ออกจะหายไป เมื่อเราหันมาใช้รองเท้าที่เบาขึ้น อื้อมมม…ฟีลลิ่งมันเป็นแบบนี้นี่เอง แต่การจะหันมาใช้รองเท้าสายแข่งหรือ Run Fast เราต้องมั่นใจก่อนนะว่าขาเราแข็งแรงพอที่จะตัดทอนการรองรับแรงกระแทกที่เราคุ้นชินออกไปบ้าง เลือกเอาตามความเหมาะสมกับตัวเอง ไม่เช่นนั้นอาจเกิดการบาดเจ็บและจะไม่คุ้มกับค่ารองเท้าที่เสียไปนะครับ
ทดสอบครั้งแรก วิ่งเข้าบางขุนเทียน ระยะ 18 กม. ไม่กัด แต่รู้สึกตึงๆ บริเวณฝ่าเท้านิดหน่อย อาจเป็นเพราะของใหม่ที่มันยังไม่ยืดหยุ่นพอครับ มีอาการบีบรัดบ้างหลังจากระยะ 13 กม. ผ่านไป แต่ไม่มากครับ
อีกเรื่องที่เห็นจะจับต้องได้มากที่สุดก็คือ … เวลาที่ดีขึ้น!? มันก็จริงที่มันก็ขึ้นอยู่กับการฝึกซ้อมนั่นแหละ แต่รองเท้าที่น้ำหนักลดลงมันก็มีผลจริงๆ เพราะจากเดิมที่เวลาฮาล์ฟมาราธอนที่ดีที่สุดของผมอยู่ที่ 2:11 ชม. ใช้เจ้าตัวนี้ในงานเมืองไทยโคราชมาราธอน เวลาขยับมาอยู่ที่ 2:05 ชม. และเวลามินิจากเดิมที่ประมาณ 56 นาที ก็สามารถทลายกำแพง PB ที่งานกรมบัญชีกลางฯ ไปอยู่ที่ 49:57 นาทีได้สำเร็จ เยสสสส!!!
ใช้ลงฮาล์ฟมาราธอนที่งานเมืองไทยโคราชมาราธอน 2015 ลากไปได้ยาวๆ … เครดิตภาพโดย www.ShutterRunning.com
ใช้ลง 10 กม. ในงานกรมบัญชีกลางมินิมาราธอน และได้ PB นะฮง่อวววว! … เครดิตภาพโดย IndyRun
GEL-DS TRAINER 20 มี GEL เป็นตัวรองรับแรงกระแทก มีทั้งบริเวณส้นเท้าและฝ่าเท้า ปกติผมเป็นคนวิ่งลงหน้าเท้า แต่ในระยะที่ยาวออกไป เราก็คงต้องใช้สลับกันทั้งการลงหน้าเท้าและส้นเท้า เพราะฉะนั้นก็จะหายห่วงและรู้สึกได้ถึงการรองรับที่พอเพียง ไม่มากหรือน้อยเกินไปครับ ส่วนพื้นนอกแบบ Duosole ก็ทำหน้าที่เรื่องการยึดเกาะชนิดจิกลืมได้อย่างดีเยี่ยมครับ ไม่ทำให้เราล้อฟรีสูญเสียพลังงานโดยเปล่าประโยชน์แม้แต่น้อย
ถ้าจะมีข้อให้ติจากการทดสอบด้วยตนเอง ผม(และนักวิ่ง pacer หลายคน) พบว่าทรงตรงหน้าเท้าค่อนข้างแคบและบีบ ใครหน้าเท้ากว้างหมดสิทธิ์ ให้ขยับไปลอง GEL-DS TRAINER 20-WIDE แทนนะจ๊ะ ส่วนรูปร่างภายนอกหน้าผ้าที่ฝรั่งชอบบอกว่า too plastic ดูเป็นป๊าดติ๊กป๊าดติก เป็นผลมาจากการเสริมความทนที่หน้าผ้าให้พอต่อการเป็นรองเท้าลุค trainer ซึ่งในรุ่นนี้อาจจะดูเสริมเยอะไป แต่จากที่ได้ไปอัพเดทสินค้าใหม่ซีซั่นหน้าของ ASICS ทำให้ได้ทราบว่าปัญหาเหล่านี้จะถูกแก้ไขให้ดีขึ้นในรุ่น 21 ครับ
รองเท้ารุ่นนี้เหมาะกับใคร?
– นักวิ่งที่คุ้นเคยกับรองเท้าวิ่งถนนพื้นหนาทั่วไปแบบ Run Long ที่กำลังมองหารองเท้าที่เบาขึ้น แต่ใจยังไม่แข็งพอกับรองเท้าที่พื้นบางเฉียบ สามารถใช้รุ่นนี้เป็นตัวเปลี่ยนผ่านความรู้สึกก่อนที่จะหันไปใส่รองเท้าบางเฉียบเน้นเบาและทำเวลาในอนาคตครับ (น้ำหนักข้างละ 246 กรัม)
– อย่างที่บอก เวอร์ชั่น Neutral จะไม่มีซัพพอร์ทอุ้งเท้า ซึ่งจะแนะนำสำหรับ Neutral Pronator หรือรูปเท้าแบบ Normal Arch ครับ
– นักวิ่งระดับแนวหน้าที่หารองเท้าใส่ซ้อม สามารถใช้ตัวนี้ซ้อมโดยเฉพาะ ส่วนในวันแข่งจริง จะโยกไปใช้รุ่นที่เบากว่า เช่น GEL-DS RACER 10 ครับ
รุ่นแข่งขันอย่าง GEL-DS RACER 10 ที่สามารถนำมาใช้ควบคู่กันกับ GEL-DS TRAINER 20 ครับ … เครดิตภาพ www.asics.com/sg
ค่าตัว ASICS GEL-DS TRAINER 20 Neutral อยู่ที่ 4900 บาทครับ รวมถึงตัวธรรมดา และ Wide ก็ราคาเดียวกันครับ … ใครที่เคยมีประสบการณ์กับรุ่นนี้ รวมถึงเวอร์ชั่นก่อนหน้านี้ (19, 18, 17, …) สามารถเข้ามาเสริม มาฟีดแบคไว้ได้เลยครับผม หากไม่มีเหตุขัดข้องอะไร ผมคิดว่าจะใช้ตัวนี้ในการจบมาราธอนแรกที่เชียงใหม่มาราธอน 2015 ครับ … ขอจบการรีวิวไว้เท่านี้ครับ
[SR] ASICS GEL-DS TRAINER 20 Neutral เพื่อนใหม่มือวางอันดับ 1 ที่จะพาไปพิชิตฟูลมาราธอนแรกด้วยกัน
จากการที่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสนับสนุนผลิตภัณฑ์ ASICS ให้นักวิ่ง Pacer ในงานมาราธอนต่างๆ ที่ผ่านมา ทำให้ผมค่อนข้างใกล้ชิดกับรองเท้า GEL-DS TRAINER 20 รุ่นนี้เป็นพิเศษ เพราะเป็นรุ่นหลักๆ ที่เลือกใช้ในการสนับสนุน Pacer ไม่ว่าจะงานพัทยาฯ งานเมืองไทยมาราธอนที่กรุงเทพฯ รวมถึงงานเมืองไทยโคราชฯ ครับ
ซึ่งผู้ใหญ่ใจดีก็เห็นว่า เราแนะนำรุ่นนี้ให้กับนักวิ่งหลายคนแล้ว ตัวเราก็ควรจะได้ทดสอบด้วยตัวเองเช่นกัน จึงเป็นที่มาของ Sponsored Review อันนี้ครับ … แฮรรร่!!!
คุณสมบัติเป็นอย่างไร และทำไมผมถึงเลือกรุ่นนี้ให้ Pacer ในการทำหน้าที่ในระยะมาราธอน?
หากดูกันตามชื่อรุ่น GEL-DS TRAINER 20 Neutral … GEL = มี GEL เป็นตัวรองรับแรงกระแทก ซึ่งมีรองรับทั้งบริเวณส้นเท้าและฝังอยู่ข้างใน midsole อีกชิ้นบริเวณหน้าเท้าแหละ / DS = Duosole บริเวณพื้นนอก (outsole) ที่วางอยู่เล็กน้อยบริเวณหน้าเท้า ทำหน้าที่ยึดเกาะถนนได้ดี / TRAINER = นางเกิดมาเพื่อถูกซ้อม หรือเป็นตัวที่เหมาะกับการใส่ซ้อมเป็นหลักในวันธรรมดา พอถึงวันแข่ง ตัวนี้ก็สามารถใช้วิ่งทำเวลาได้เช่นกัน แต่ถ้าต้องการคู่ที่เบากว่า ก็แค่ขยับไปใช้รุ่นอื่นๆ เช่น ญาติสนิทอย่าง GEL-DS RACER 10 ครับ / 20 = เป็นเวอร์ชั่นที่ 20 แล้วสำหรับรุ่นนี้ ซึ่งก็มีประวัติอยู่คู่กับ ASICS มายาวนานถึง 20 ปีเลยทีเดียวครับ / Neutral = ในรุ่นปกติรวมถึงรุ่น Wide ที่ไม่มีคำว่า Neutral หรือ NC ต่อท้ายชื่อ จะมีตัวซัพพอร์ท Dynamic Duomax เสริมความมั่นคงบริเวณอุ้งเท้าด้านใน (arch support) มาให้
มุมระเบิดของรุ่น GEL-DS TRAINER 20 นะครับ ไม่ใช่ Neutral เลยมี Dynamic Duomax มาด้วย ข้อมูลโดย ASICS Singapore
กับการสนับสนุน Pacer งานวิ่งที่มีจำนวนคนมากมาย หลากหลายสไตล์และรูปแบบการวิ่ง ผมจึงเลือกรุ่นนี้ให้ทดสอบ เพราะเป็นรองเท้าแบบกลางๆ เป็นส่วนผสมของ … อะไรดีว้าาา … ของรองเท้าที่ยังมีน้ำหนักอยู่ แต่กูก็เร็วได้นะเออ 555 ประมาณนี้ครับ
ความรู้สึกเมื่อได้ทดสอบด้วยตัวเองเป็นอย่างไร?
เนื่องจากเป็นคนที่ใส่รองเท้าประเภท Run Long มาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็น adidas Energy Boost รวมถึง UA Speedform Gemini ทำให้พอมา”ลองใส่” DS TRAINER 20 แล้วจะรู้สึกได้ว่าเบากว่าเล็กน้อย แต่ถ้าได้”ลองใช้” ความรู้สึกเบากว่ามาก จะรู้สึกได้ดีที่กิโลท้ายๆ ของระยะมินิรวมถึงฮาล์ฟ ความรู้สึกหนักขา ก้าวไม่ออกจะหายไป เมื่อเราหันมาใช้รองเท้าที่เบาขึ้น อื้อมมม…ฟีลลิ่งมันเป็นแบบนี้นี่เอง แต่การจะหันมาใช้รองเท้าสายแข่งหรือ Run Fast เราต้องมั่นใจก่อนนะว่าขาเราแข็งแรงพอที่จะตัดทอนการรองรับแรงกระแทกที่เราคุ้นชินออกไปบ้าง เลือกเอาตามความเหมาะสมกับตัวเอง ไม่เช่นนั้นอาจเกิดการบาดเจ็บและจะไม่คุ้มกับค่ารองเท้าที่เสียไปนะครับ
ทดสอบครั้งแรก วิ่งเข้าบางขุนเทียน ระยะ 18 กม. ไม่กัด แต่รู้สึกตึงๆ บริเวณฝ่าเท้านิดหน่อย อาจเป็นเพราะของใหม่ที่มันยังไม่ยืดหยุ่นพอครับ มีอาการบีบรัดบ้างหลังจากระยะ 13 กม. ผ่านไป แต่ไม่มากครับ
อีกเรื่องที่เห็นจะจับต้องได้มากที่สุดก็คือ … เวลาที่ดีขึ้น!? มันก็จริงที่มันก็ขึ้นอยู่กับการฝึกซ้อมนั่นแหละ แต่รองเท้าที่น้ำหนักลดลงมันก็มีผลจริงๆ เพราะจากเดิมที่เวลาฮาล์ฟมาราธอนที่ดีที่สุดของผมอยู่ที่ 2:11 ชม. ใช้เจ้าตัวนี้ในงานเมืองไทยโคราชมาราธอน เวลาขยับมาอยู่ที่ 2:05 ชม. และเวลามินิจากเดิมที่ประมาณ 56 นาที ก็สามารถทลายกำแพง PB ที่งานกรมบัญชีกลางฯ ไปอยู่ที่ 49:57 นาทีได้สำเร็จ เยสสสส!!!
ใช้ลงฮาล์ฟมาราธอนที่งานเมืองไทยโคราชมาราธอน 2015 ลากไปได้ยาวๆ … เครดิตภาพโดย www.ShutterRunning.com
ใช้ลง 10 กม. ในงานกรมบัญชีกลางมินิมาราธอน และได้ PB นะฮง่อวววว! … เครดิตภาพโดย IndyRun
GEL-DS TRAINER 20 มี GEL เป็นตัวรองรับแรงกระแทก มีทั้งบริเวณส้นเท้าและฝ่าเท้า ปกติผมเป็นคนวิ่งลงหน้าเท้า แต่ในระยะที่ยาวออกไป เราก็คงต้องใช้สลับกันทั้งการลงหน้าเท้าและส้นเท้า เพราะฉะนั้นก็จะหายห่วงและรู้สึกได้ถึงการรองรับที่พอเพียง ไม่มากหรือน้อยเกินไปครับ ส่วนพื้นนอกแบบ Duosole ก็ทำหน้าที่เรื่องการยึดเกาะชนิดจิกลืมได้อย่างดีเยี่ยมครับ ไม่ทำให้เราล้อฟรีสูญเสียพลังงานโดยเปล่าประโยชน์แม้แต่น้อย
ถ้าจะมีข้อให้ติจากการทดสอบด้วยตนเอง ผม(และนักวิ่ง pacer หลายคน) พบว่าทรงตรงหน้าเท้าค่อนข้างแคบและบีบ ใครหน้าเท้ากว้างหมดสิทธิ์ ให้ขยับไปลอง GEL-DS TRAINER 20-WIDE แทนนะจ๊ะ ส่วนรูปร่างภายนอกหน้าผ้าที่ฝรั่งชอบบอกว่า too plastic ดูเป็นป๊าดติ๊กป๊าดติก เป็นผลมาจากการเสริมความทนที่หน้าผ้าให้พอต่อการเป็นรองเท้าลุค trainer ซึ่งในรุ่นนี้อาจจะดูเสริมเยอะไป แต่จากที่ได้ไปอัพเดทสินค้าใหม่ซีซั่นหน้าของ ASICS ทำให้ได้ทราบว่าปัญหาเหล่านี้จะถูกแก้ไขให้ดีขึ้นในรุ่น 21 ครับ
รองเท้ารุ่นนี้เหมาะกับใคร?
– นักวิ่งที่คุ้นเคยกับรองเท้าวิ่งถนนพื้นหนาทั่วไปแบบ Run Long ที่กำลังมองหารองเท้าที่เบาขึ้น แต่ใจยังไม่แข็งพอกับรองเท้าที่พื้นบางเฉียบ สามารถใช้รุ่นนี้เป็นตัวเปลี่ยนผ่านความรู้สึกก่อนที่จะหันไปใส่รองเท้าบางเฉียบเน้นเบาและทำเวลาในอนาคตครับ (น้ำหนักข้างละ 246 กรัม)
– อย่างที่บอก เวอร์ชั่น Neutral จะไม่มีซัพพอร์ทอุ้งเท้า ซึ่งจะแนะนำสำหรับ Neutral Pronator หรือรูปเท้าแบบ Normal Arch ครับ
– นักวิ่งระดับแนวหน้าที่หารองเท้าใส่ซ้อม สามารถใช้ตัวนี้ซ้อมโดยเฉพาะ ส่วนในวันแข่งจริง จะโยกไปใช้รุ่นที่เบากว่า เช่น GEL-DS RACER 10 ครับ
รุ่นแข่งขันอย่าง GEL-DS RACER 10 ที่สามารถนำมาใช้ควบคู่กันกับ GEL-DS TRAINER 20 ครับ … เครดิตภาพ www.asics.com/sg
ค่าตัว ASICS GEL-DS TRAINER 20 Neutral อยู่ที่ 4900 บาทครับ รวมถึงตัวธรรมดา และ Wide ก็ราคาเดียวกันครับ … ใครที่เคยมีประสบการณ์กับรุ่นนี้ รวมถึงเวอร์ชั่นก่อนหน้านี้ (19, 18, 17, …) สามารถเข้ามาเสริม มาฟีดแบคไว้ได้เลยครับผม หากไม่มีเหตุขัดข้องอะไร ผมคิดว่าจะใช้ตัวนี้ในการจบมาราธอนแรกที่เชียงใหม่มาราธอน 2015 ครับ … ขอจบการรีวิวไว้เท่านี้ครับ