Japan はじめまして!
ตอนที่ 1 365 วันก่อนการเดินทาง
เดือนเมษายน พ.ศ. 2557 หลังเสร็จสิ้นภารกิจพาพ่อและแม่ตะลุยเมืองลอดช่องสิงคโปร์ในแบบฉบับนักเดินทางแบกเป้สะพายหลังหรือที่เรียกกันติดปากว่า Backpacker จนสมใจอยาก ซึ่งแต่เดิมเราตั้งใจว่าจะเดินทางไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นตามลำพังในช่วงเดือนเมษายนของปีเดียวกัน แต่โดนคำข้อร้องแกมบังคับจากพ่อให้ช่วยเป็นไกด์ในสิงคโปร์ให้หนึ่งทริป
เมื่อการเดินทางถูกเลื่อนออกไปอีกหนึ่งปี เราจึงมีเวลาในการเขียนแผนการเดินทางสู่แดนปลาดิบครั้งนี้ของเรามากขึ้น เราเขียนแผนการเดินทางในทันทีที่เดินทางกลับมาจากสิงคโปร์ แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อพ่อและแม่ขอติดสอยห้อยตามเป็นลูกทัวร์เดินทางไปด้วยกันอีกครั้งหนึ่ง เราเองทราบดีว่าการเดินทางของเราทุกครั้งนั้นเดินกันจนขาลากและแน่นอนว่าการเดินทางในประเทศญี่ปุ่นย่อมต้องหนักหนาสหัสากรรจ์กว่าการเดินทางในประเทศสิงคโปร์ เราจึงเตือนพ่อและแม่ว่าการเดินทางครั้งนี้จะหนักหนายิ่งกว่าเพราะเราจะเดินทางท่องเที่ยวกันทั้งสิ้น 15 วันเต็ม แต่ทั้งพ่อและแม่ต่างก็รับคำเป็นมั่นเหมาะว่าจะไม่บ่นอิดออดกับการเดินทางในครั้งนี้เพราะทั้งทั้งพ่อและแม่เองต่างก็มีประสบการณ์กับการเดินทางร่วมกับเรามาแล้วครั้งหนึ่ง เราจึงขอร้องแกมบังคับให้พี่อี้เดินทางไปกับเราอีกครั้งในทริปนี้ซึ่งนั่นคือ เหลือเวลาอีก 360 วัน เราทั้งสี่คนจะเดินทางร่วมกันอีกครั้งหนึ่ง
ตลอดระยะเวลาหนึ่งปี พ่อช่วยเราในการหาข้อมูลของสถานที่ต่างๆมากมายในประเทศญี่ปุ่น พ่ออ่านกระทู้จากพันทิปนับร้อยนับพันที่เกี่ยวข้องกับประเทศญี่ปุ่น เตรียมตัวกับการเดินทางเป็นอย่างดี บางวันก็จดเอาข้อมูลสถานที่ใส่สมุดบันทึกมาให้เรา เรารู้สึกว่าพ่อเตรียมตัวกับการเดินทางมากยิ่งกว่าเราเสียอีก วันเวลาที่เพิ่มขึ้นมาอีก 1 ปีหมายความว่าร่างกายของพ่อและแม่จะถดถอย เรี่ยวแรงที่น้อยอยู่แล้วจะยิ่งน้อยลงไปอีก เรายิ่งต้องทำให้การเดินทางครั้งนี้มีความสมบูรณ์มากขึ้นกว่าเดิมเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการเดินทาง เพราะการเดินทางในแบบฉบับ Backpacker ของเราในแต่ละครั้งนั้นไม่เคยมี Pocket Wifi ใช้แม้แต่ครั้งเดียว แผนการเดินทางของเราคือสิ่งสำคัญที่สุดที่เปรียบเสมือนเข็มทิศนำทางตลอดจนคู่มือท่องเที่ยวที่เราตรากตรำใช้เวลาเขียนมาเป็นแรมปีเพื่อพิสูจน์ว่าเราสามารถเอาตัวรอดในต่างแดนได้หรือไม่
แผนการเดินทางของเราประกอบไปด้วยข้อมูลการเดินทางระหว่างสถานีรถไฟ (ซึ่งเรายอมรับว่าใช้เวลาอยู่นานหลายชั่วโมงกว่าเราจะศึกษาเส้นทางการเดินทางของรถไฟในประเทศญี่ปุ่นให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ เราว่าศึกษาแผนที่ดวงดาวในกาแล็กซี่ยังง่ายกว่าด้วยซ้ำ) ตารางการเดินรถ หมายเลขชานชาลา แผนที่การเดินทางจากสถานีรถไฟมุ่งหน้าสู่สถานที่ท่องเที่ยว แผนที่จากสถานที่ท่องเที่ยวมุ่งหน้าสู่สถานีรถไฟอีกสถานีหนึ่ง ข้อมูลเชิงลึกของสถานที่ท่องเที่ยวนั้น วันเวลาเข้าชมสถานที่ต่างๆถูกจัดวางอย่างมีระเบียบตามวันและเวลาที่เปิดให้เข้าชมโดยไม่มีข้อผิดพลาด ซึ่งตลอดระยะเวลาหนึ่งปีเต็มที่เราใช้เวลากับการเขียนแผนการเดินทาง เราไม่เคยเข้าใกล้กับคำว่า “ฉบับสมบูรณ์” เลยแม้แต่น้อย เพราะเมื่อเรานำกลับมาอ่านทวนก็จะพบข้อผิดพลาดหรือความเปลี่ยนแปลงของข้อมูลอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเรายอมรับว่า ปัญหาย่อมเกิดขึ้นทุกครั้งในการเดินทางโดยที่เราไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ แต่ความสนุกมันอยู่ตรงที่ว่าเราจะรับมือกับปัญหาที่เกิดขึ้นเช่นไร เป็นความท้าทายที่สนุกยิ่งนักสำหรับนักเดินทางแบกเป้อย่างเรา
ตอนที่ 2 ตั๋วเครื่องบิน
มีคนเคยกล่าวว่าหากต้องการสัมผัสความสวยงามของประเทศญี่ปุ่นก็ต้องเที่ยวให้ครบทั้งสี่ฤดู (ฤดูหนาว ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน และฤดูใบไม้ร่วง) ซึ่งเราตัดสินใจเลือกฤดูใบไม้ผลิเป็นฤดูแรกที่เราจะเดินทางเยือนแดนปลาดิบเพราะเราต้องการชมความงามของดอกซากุระและความสวยงามของฟูจิซังก่อนน้ำแข็งที่ปกคลุมยอดเขาจะละลาย (อันที่จริงเป็นความปรารถนาแฝงของเราที่อยากถอดเสื้อเพื่อถ่ายรูปรอยสักต้นซากุระต้นใหญ่ที่กลางหลังของเราท่ามกลางบรรยากาศของต้นซากุระที่กำลังเบ่งบาน) และอีกเหตุผลหนึ่งคือโรงเรียนของแม่จะปิดเทอมในช่วงดังกล่าว เราจึงกำหนดวันเดินทางคือ วันพฤหัสบดีที่ 9 เมษายน ถึงวันเสาร์ 25 เมษายน พ.ศ 2558 (ซึ่งเราตั้งใจจะไปเร็วกว่านี้เพราะจากการพยากรณ์ซากุระเมื่อปีพ.ศ. 2557 ซากุระในโตเกียวจะบานช่วงปลายเดือนมีนาคม-ต้นเดือนเมษายน แต่แม่ไม่สามารถลางานได้ก่อนวันที่ 9 เมษายน ซึ่งนั่นหมายความว่า แผนชมซากุระของเราคงเลือนลางยิ่งขึ้น) เราจึงตัดสินใจซื้อตั๋วเครื่องบินในช่วงเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2557 ซึ่งตั๋วเครื่องบินที่เราซื้อมานั้นเป็นราคาปกติ และสายการบินที่เราเลือกใช้บริการในครั้งนี้คือ AirAsia X
ค่าตั๋วเครื่องบินต่อคน
AK873 เดินทางจากสนามบินหาดใหญ่ ถึง สนามบินกัวลาลัมเปอร์ ราคา 1,180 บาท
D7522 เดินทางจากสนามบินกัวลาลัมเปอร์ ถึง สนามบินฮาเนดะ ราคา 9,190 บาท
ราคาดังกล่าว รวมชุดอาหาร Nasi Lemak 1 ชุด และ แผนประกันการเดินทาง
D7533 เดินทางจากสนามบินคันไซ ถึง สนามบินดอนเมือง ราคา 8,209 บาท
ราคาดังกล่าว รวมชุดอาหาร Nasi Lemak 1 ชุด และ แผนประกันการเดินทาง
AK873 เดินทางจากสนามบินดอนเมือง ถึง สนามบินหาดใหญ่ ราคา 1,173 บาท
รวม
ราคา 19,752 บาท
[Fact.1 รอซื้อตั๋วตอนโปรโมชั่นดีไหม
ตอบเลยว่า “ดี” เพราะราคาถูกมาก แต่เราไม่อยากกลายเป็นน้องสายบัวรอเก้อ สุดท้ายแล้วพลาดหมดอดไป หากใครกระเป๋าหนักไม่มีปัญหาเรื่องเงิน เราแนะนำว่าควรซื้อตั๋วล่วงหน้าหากช่วงเวลาที่คุณต้องการเดินทางเป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวต่างก็แห่แหนกันเดินทางมาอย่างเช่น ช่วงฤดูใบไม้ผลิที่ดอกซากุระเบ่งบาน เป็นต้น
]
[Fact.2 ฮาเนดะหรือนาริตะ
“นาริตะค่อนข้างไกลจากโตเกียว” ตอนที่เลือกซื้อตั๋วขาเข้าเราตัดสินใจเลือกสนามบินฮาเนดะอย่างไม่ลังเลเพราะต้องการความสะดวกในการเดินทาง กอปรกับโรงแรมที่พักของเราอยู่ในเขต Shinagawa ซึ่งใกล้กับสนามบินฮาเนดะ ใช้เวลาเดินทางเพียงยี่สิบนาทีเท่านั้น
]
[Fact.3 เดินทางถึงประเทศญี่ปุ่นตอนไหนดี
เราเป็นคนชอบเดินทางถึงที่หมายตอนเย็นหรือค่ำเพราะจะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่พร้อมลุยในวันถัดไป ประเภทให้เดินทางตอนกลางคืน นอนหลับบนเครื่องบิน (ซึ่งเราเป็นโรคกลัวเครื่องบิน น้อยครั้งมากที่เราจะสามารถนอนหลับบนเครื่องบิน) ถึงที่หมายตอนเช้า เข้าโรงแรมเก็บกระเป๋าแล้วออกเที่ยว เสียเวลาไปแล้วครึ่งวันแบบนั้น แถมขอบตาดำเพราะอดตาหลับขับตานอน โคตรเหนื่อย!
]
ตอนที่ 3 แผนการเดินทาง
แผนการเดินทาง
9 เมษายน 2558 – เดินทางสู่สนามบินกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย
10 เมษายน 2558 – เดินทางสู่สนามบินฮาเนดะ ประเทศญี่ปุ่น
11 เมษายน 2558 – Ueno Park, Ameya-Yokocho
12 เมษายน 2558 – Asakusa, Maranouchi, Ginza
13 เมษายน 2558 – Tokyo Disney Sea
14 เมษายน 2558 – Tsukiji Market, Tokyo Tower, Roppongi, Odaiba
15 เมษายน 2558 – Shibuya, Harajuku, Shinjuku
16 เมษายน 2558 – Kamakura, Yokohama
17 เมษายน 2558 – Kawaguchiko
18 เมษายน 2558 – Fuji-Q Highland
19 เมษายน 2558 – Kyoto Day 1
20 เมษายน 2558 – Kyoto Day 2
21 เมษายน 2558 – Nara, Kobe
22 เมษายน 2558 – Osaka Day 1
23 เมษายน 2558 – Osaka Day 2
24 เมษายน 2558 – เดินทางสู่สนามบินดอนเมือง ประเทศไทย
25 เมษายน 2558 – เดินทางสู่สนามบินหาดใหญ่ ประเทศไทย
การเดินทางโดยรถไฟ :
สำหรับแผนการเดินทางของเราซึ่งใช้รถไฟเป็นหลัก เราทำแผนการเดินทางโดยอาศัยเว็บ www.hyperdia.com พร้อมกับเช็คหมายเลขชานชาลา (ซึ่งทำให้เราสะดวกสบายมากขึ้นในการควานหาชานชาลาเพราะลำพังแค่เดินในสถานีรถไฟก็เป็นอะไรที่วุ่นวายมากพออยู่แล้ว) สำหรับวิธีการใช้งานเว็บ
www.hyperdia.com ไม่ยากเย็นอย่างที่คุณคิดลองค้นหากระทู้นับร้อยพันที่กล่าวถึงวิธีใช้ เพราะคุณควรจะศึกษาวิธีใช้และใช้งานเว็บดังกล่าวให้เป็น
[Fact.4 หมายเลขชานชาลาคือสิ่งสำคัญ
เมื่อเราเดินผ่านประตูตรวจตั๋วอัตโนมัติ สิ่งแรกที่เราต้องหาคือ “ชานชาลา” ซึ่งหากเราทราบหมายเลขชานชาลา รับรองว่าเราจะไม่มีวันเดินหลงทางภายในสถานีรถไฟอย่างแน่นอน ซึ่งนอกจากข้อมูลจาก Hyperdia เรายังเช็คหมายเลขชานชาลาจากข้อมูลของสถานีต่างๆใน Google อีกครั้งเพื่อยืนยันความถูกต้อง
]
การเดินทางโดยการเดินเท้า :
สำหรับแผนการเดินทางที่ใช้การเดินเท้า เราศึกษาเส้นทางการเดินด้วย Google Maps และ Google Earth ควบคู่กัน ซึ่งนอกจากทำให้เราเห็นเส้นทางการเดินชัดเจนขึ้นแล้ว ยังช่วยคำนวณเวลาที่ใช้ในการเดินซึ่งเป็นประโยชน์มาก เราจะทำการเดินผ่านเส้นทางต่างๆโดยอาศัย Google Maps ราวกับเป็นเครื่องผึกบินจำลองของนักบินที่ใช้ในการฝึกบินซึ่งก็ไม่ต่างกันเพียงแต่เราใช้ในการฝึกเดิน พยายามจดจำอาคารบ้านเรือนในเส้นทางต่างๆเท่าที่จะเป็นไปได้
ตอนที่ 4 บัตรโดยสารรถไฟ
คำถามแรกที่เกิดขึ้นสำหรับคนที่ไม่เคยเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นมาก่อนแต่คุ้นหูกับคำว่า JR Pass หรือ “บัตรเบ่ง” อย่างเราคือ “ต้องซื้อ JR Pass ไหม” เราจึงทำการคิดค่าใช้จ่ายในการเดินทางโดยรถไฟของแต่ละบริษัทในแต่ละวันออกมาเปรียบเทียบกันว่าเราใช้บริการรถไฟ JR มากแค่ไหนและผลที่ได้ออกมาก็คือ
[Fact.5 Tokyo Metro เพื่อนรักนักเดินทาง(อย่างเรา)
จากแผนการเดินทางของเราจะเห็นว่าเราจะต้องใช้บริการของรถไฟบริษัทต่างๆเช่นรถไฟ JR, รถไฟใต้ดิน (Tokyo Metro), รถไฟเทศบาล (Toei Subway) และรถไฟบริษัทเอกชนอื่นๆ เพราะเป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวภายในโตเกียวโดยใช้บริการของบริษัทรถไฟเพียงรายเดียว ซึ่งเมื่อแยกค่าใช้จ่ายในการเดินทางออกมาเป็นแต่ละบริษัทจะพบว่า “เราใช้บริการของรถไฟใต้ดินมากกว่ารถไฟ JR เสียอีก” และการเดินทางข้ามภูมิภาคของเราก็ใช้รถบัสทั้งสิ้น ดังนั้น JR Pass จึงไม่ใช่ทางเลือกของเราเลยแม้แต่น้อย
]
[Fact.6 JR Pass
คุณสมควรจะซื้อ JR Pass ในกรณีดังต่อไปนี้
1. คุณมีงบประมาณในการเที่ยวเหลือเฟือเหลือใช้
2. คุณทำแผนการเดินทางเสร็จเรียบร้อย และเมื่อบวกลบคูณหารค่าใช้จ่ายในการเดินทางแล้วพบว่า คุณใช้บริการรถไฟ JR ในการเดินทางมากกว่ารถไฟรายอื่น และค่าใช้จ่ายดังกล่าวใกล้เคียงกับราคา JR Pass แบบ 7,14 หรือ 21 วัน)
3. คุณเดินทางข้ามภูมิภาคชนิดเหนือจรดใต้ซ้ายทะลุขวาด้วย Shinkansen
]
เมื่อค้นพบว่า JR Pass ไม่มีความจำเป็นสำหรับเรา เราจึงมองหาบัตรโดยสารประเภทต่างๆของแต่ละบริษัทที่จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางและเราก็ค้นพบว่าบัตรโดยสารแทบทุกประเภทเสียค่าใช้จ่ายสูงกว่าที่เราจ่ายสำหรับตั๋วเที่ยวเดียวทั้งหมดรวมกันอยู่ดี ดังนั้นสำหรับเราบัตรโดยสารประเภท “รายวัน” ไม่มีความจำเป็นเลย คนอย่างเราเกิดมาเคียงคู่กับ “ตั๋วเที่ยวเดียว”
[เกล็ดความรู้ 210 ข้อ] กับบันทึกการเดินทางตะลุยญี่ปุ่น 15 วัน Part I
ตอนที่ 1 365 วันก่อนการเดินทาง
เดือนเมษายน พ.ศ. 2557 หลังเสร็จสิ้นภารกิจพาพ่อและแม่ตะลุยเมืองลอดช่องสิงคโปร์ในแบบฉบับนักเดินทางแบกเป้สะพายหลังหรือที่เรียกกันติดปากว่า Backpacker จนสมใจอยาก ซึ่งแต่เดิมเราตั้งใจว่าจะเดินทางไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นตามลำพังในช่วงเดือนเมษายนของปีเดียวกัน แต่โดนคำข้อร้องแกมบังคับจากพ่อให้ช่วยเป็นไกด์ในสิงคโปร์ให้หนึ่งทริป
เมื่อการเดินทางถูกเลื่อนออกไปอีกหนึ่งปี เราจึงมีเวลาในการเขียนแผนการเดินทางสู่แดนปลาดิบครั้งนี้ของเรามากขึ้น เราเขียนแผนการเดินทางในทันทีที่เดินทางกลับมาจากสิงคโปร์ แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อพ่อและแม่ขอติดสอยห้อยตามเป็นลูกทัวร์เดินทางไปด้วยกันอีกครั้งหนึ่ง เราเองทราบดีว่าการเดินทางของเราทุกครั้งนั้นเดินกันจนขาลากและแน่นอนว่าการเดินทางในประเทศญี่ปุ่นย่อมต้องหนักหนาสหัสากรรจ์กว่าการเดินทางในประเทศสิงคโปร์ เราจึงเตือนพ่อและแม่ว่าการเดินทางครั้งนี้จะหนักหนายิ่งกว่าเพราะเราจะเดินทางท่องเที่ยวกันทั้งสิ้น 15 วันเต็ม แต่ทั้งพ่อและแม่ต่างก็รับคำเป็นมั่นเหมาะว่าจะไม่บ่นอิดออดกับการเดินทางในครั้งนี้เพราะทั้งทั้งพ่อและแม่เองต่างก็มีประสบการณ์กับการเดินทางร่วมกับเรามาแล้วครั้งหนึ่ง เราจึงขอร้องแกมบังคับให้พี่อี้เดินทางไปกับเราอีกครั้งในทริปนี้ซึ่งนั่นคือ เหลือเวลาอีก 360 วัน เราทั้งสี่คนจะเดินทางร่วมกันอีกครั้งหนึ่ง
ตลอดระยะเวลาหนึ่งปี พ่อช่วยเราในการหาข้อมูลของสถานที่ต่างๆมากมายในประเทศญี่ปุ่น พ่ออ่านกระทู้จากพันทิปนับร้อยนับพันที่เกี่ยวข้องกับประเทศญี่ปุ่น เตรียมตัวกับการเดินทางเป็นอย่างดี บางวันก็จดเอาข้อมูลสถานที่ใส่สมุดบันทึกมาให้เรา เรารู้สึกว่าพ่อเตรียมตัวกับการเดินทางมากยิ่งกว่าเราเสียอีก วันเวลาที่เพิ่มขึ้นมาอีก 1 ปีหมายความว่าร่างกายของพ่อและแม่จะถดถอย เรี่ยวแรงที่น้อยอยู่แล้วจะยิ่งน้อยลงไปอีก เรายิ่งต้องทำให้การเดินทางครั้งนี้มีความสมบูรณ์มากขึ้นกว่าเดิมเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการเดินทาง เพราะการเดินทางในแบบฉบับ Backpacker ของเราในแต่ละครั้งนั้นไม่เคยมี Pocket Wifi ใช้แม้แต่ครั้งเดียว แผนการเดินทางของเราคือสิ่งสำคัญที่สุดที่เปรียบเสมือนเข็มทิศนำทางตลอดจนคู่มือท่องเที่ยวที่เราตรากตรำใช้เวลาเขียนมาเป็นแรมปีเพื่อพิสูจน์ว่าเราสามารถเอาตัวรอดในต่างแดนได้หรือไม่
แผนการเดินทางของเราประกอบไปด้วยข้อมูลการเดินทางระหว่างสถานีรถไฟ (ซึ่งเรายอมรับว่าใช้เวลาอยู่นานหลายชั่วโมงกว่าเราจะศึกษาเส้นทางการเดินทางของรถไฟในประเทศญี่ปุ่นให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ เราว่าศึกษาแผนที่ดวงดาวในกาแล็กซี่ยังง่ายกว่าด้วยซ้ำ) ตารางการเดินรถ หมายเลขชานชาลา แผนที่การเดินทางจากสถานีรถไฟมุ่งหน้าสู่สถานที่ท่องเที่ยว แผนที่จากสถานที่ท่องเที่ยวมุ่งหน้าสู่สถานีรถไฟอีกสถานีหนึ่ง ข้อมูลเชิงลึกของสถานที่ท่องเที่ยวนั้น วันเวลาเข้าชมสถานที่ต่างๆถูกจัดวางอย่างมีระเบียบตามวันและเวลาที่เปิดให้เข้าชมโดยไม่มีข้อผิดพลาด ซึ่งตลอดระยะเวลาหนึ่งปีเต็มที่เราใช้เวลากับการเขียนแผนการเดินทาง เราไม่เคยเข้าใกล้กับคำว่า “ฉบับสมบูรณ์” เลยแม้แต่น้อย เพราะเมื่อเรานำกลับมาอ่านทวนก็จะพบข้อผิดพลาดหรือความเปลี่ยนแปลงของข้อมูลอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเรายอมรับว่า ปัญหาย่อมเกิดขึ้นทุกครั้งในการเดินทางโดยที่เราไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ แต่ความสนุกมันอยู่ตรงที่ว่าเราจะรับมือกับปัญหาที่เกิดขึ้นเช่นไร เป็นความท้าทายที่สนุกยิ่งนักสำหรับนักเดินทางแบกเป้อย่างเรา
ตอนที่ 2 ตั๋วเครื่องบิน
มีคนเคยกล่าวว่าหากต้องการสัมผัสความสวยงามของประเทศญี่ปุ่นก็ต้องเที่ยวให้ครบทั้งสี่ฤดู (ฤดูหนาว ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน และฤดูใบไม้ร่วง) ซึ่งเราตัดสินใจเลือกฤดูใบไม้ผลิเป็นฤดูแรกที่เราจะเดินทางเยือนแดนปลาดิบเพราะเราต้องการชมความงามของดอกซากุระและความสวยงามของฟูจิซังก่อนน้ำแข็งที่ปกคลุมยอดเขาจะละลาย (อันที่จริงเป็นความปรารถนาแฝงของเราที่อยากถอดเสื้อเพื่อถ่ายรูปรอยสักต้นซากุระต้นใหญ่ที่กลางหลังของเราท่ามกลางบรรยากาศของต้นซากุระที่กำลังเบ่งบาน) และอีกเหตุผลหนึ่งคือโรงเรียนของแม่จะปิดเทอมในช่วงดังกล่าว เราจึงกำหนดวันเดินทางคือ วันพฤหัสบดีที่ 9 เมษายน ถึงวันเสาร์ 25 เมษายน พ.ศ 2558 (ซึ่งเราตั้งใจจะไปเร็วกว่านี้เพราะจากการพยากรณ์ซากุระเมื่อปีพ.ศ. 2557 ซากุระในโตเกียวจะบานช่วงปลายเดือนมีนาคม-ต้นเดือนเมษายน แต่แม่ไม่สามารถลางานได้ก่อนวันที่ 9 เมษายน ซึ่งนั่นหมายความว่า แผนชมซากุระของเราคงเลือนลางยิ่งขึ้น) เราจึงตัดสินใจซื้อตั๋วเครื่องบินในช่วงเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2557 ซึ่งตั๋วเครื่องบินที่เราซื้อมานั้นเป็นราคาปกติ และสายการบินที่เราเลือกใช้บริการในครั้งนี้คือ AirAsia X
ค่าตั๋วเครื่องบินต่อคน
AK873 เดินทางจากสนามบินหาดใหญ่ ถึง สนามบินกัวลาลัมเปอร์ ราคา 1,180 บาท
D7522 เดินทางจากสนามบินกัวลาลัมเปอร์ ถึง สนามบินฮาเนดะ ราคา 9,190 บาท
ราคาดังกล่าว รวมชุดอาหาร Nasi Lemak 1 ชุด และ แผนประกันการเดินทาง
D7533 เดินทางจากสนามบินคันไซ ถึง สนามบินดอนเมือง ราคา 8,209 บาท
ราคาดังกล่าว รวมชุดอาหาร Nasi Lemak 1 ชุด และ แผนประกันการเดินทาง
AK873 เดินทางจากสนามบินดอนเมือง ถึง สนามบินหาดใหญ่ ราคา 1,173 บาท
รวม ราคา 19,752 บาท
[Fact.1 รอซื้อตั๋วตอนโปรโมชั่นดีไหม
ตอบเลยว่า “ดี” เพราะราคาถูกมาก แต่เราไม่อยากกลายเป็นน้องสายบัวรอเก้อ สุดท้ายแล้วพลาดหมดอดไป หากใครกระเป๋าหนักไม่มีปัญหาเรื่องเงิน เราแนะนำว่าควรซื้อตั๋วล่วงหน้าหากช่วงเวลาที่คุณต้องการเดินทางเป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวต่างก็แห่แหนกันเดินทางมาอย่างเช่น ช่วงฤดูใบไม้ผลิที่ดอกซากุระเบ่งบาน เป็นต้น]
[Fact.2 ฮาเนดะหรือนาริตะ
“นาริตะค่อนข้างไกลจากโตเกียว” ตอนที่เลือกซื้อตั๋วขาเข้าเราตัดสินใจเลือกสนามบินฮาเนดะอย่างไม่ลังเลเพราะต้องการความสะดวกในการเดินทาง กอปรกับโรงแรมที่พักของเราอยู่ในเขต Shinagawa ซึ่งใกล้กับสนามบินฮาเนดะ ใช้เวลาเดินทางเพียงยี่สิบนาทีเท่านั้น]
[Fact.3 เดินทางถึงประเทศญี่ปุ่นตอนไหนดี
เราเป็นคนชอบเดินทางถึงที่หมายตอนเย็นหรือค่ำเพราะจะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่พร้อมลุยในวันถัดไป ประเภทให้เดินทางตอนกลางคืน นอนหลับบนเครื่องบิน (ซึ่งเราเป็นโรคกลัวเครื่องบิน น้อยครั้งมากที่เราจะสามารถนอนหลับบนเครื่องบิน) ถึงที่หมายตอนเช้า เข้าโรงแรมเก็บกระเป๋าแล้วออกเที่ยว เสียเวลาไปแล้วครึ่งวันแบบนั้น แถมขอบตาดำเพราะอดตาหลับขับตานอน โคตรเหนื่อย!]
ตอนที่ 3 แผนการเดินทาง
แผนการเดินทาง
9 เมษายน 2558 – เดินทางสู่สนามบินกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย
10 เมษายน 2558 – เดินทางสู่สนามบินฮาเนดะ ประเทศญี่ปุ่น
11 เมษายน 2558 – Ueno Park, Ameya-Yokocho
12 เมษายน 2558 – Asakusa, Maranouchi, Ginza
13 เมษายน 2558 – Tokyo Disney Sea
14 เมษายน 2558 – Tsukiji Market, Tokyo Tower, Roppongi, Odaiba
15 เมษายน 2558 – Shibuya, Harajuku, Shinjuku
16 เมษายน 2558 – Kamakura, Yokohama
17 เมษายน 2558 – Kawaguchiko
18 เมษายน 2558 – Fuji-Q Highland
19 เมษายน 2558 – Kyoto Day 1
20 เมษายน 2558 – Kyoto Day 2
21 เมษายน 2558 – Nara, Kobe
22 เมษายน 2558 – Osaka Day 1
23 เมษายน 2558 – Osaka Day 2
24 เมษายน 2558 – เดินทางสู่สนามบินดอนเมือง ประเทศไทย
25 เมษายน 2558 – เดินทางสู่สนามบินหาดใหญ่ ประเทศไทย
การเดินทางโดยรถไฟ :
สำหรับแผนการเดินทางของเราซึ่งใช้รถไฟเป็นหลัก เราทำแผนการเดินทางโดยอาศัยเว็บ www.hyperdia.com พร้อมกับเช็คหมายเลขชานชาลา (ซึ่งทำให้เราสะดวกสบายมากขึ้นในการควานหาชานชาลาเพราะลำพังแค่เดินในสถานีรถไฟก็เป็นอะไรที่วุ่นวายมากพออยู่แล้ว) สำหรับวิธีการใช้งานเว็บ www.hyperdia.com ไม่ยากเย็นอย่างที่คุณคิดลองค้นหากระทู้นับร้อยพันที่กล่าวถึงวิธีใช้ เพราะคุณควรจะศึกษาวิธีใช้และใช้งานเว็บดังกล่าวให้เป็น
[Fact.4 หมายเลขชานชาลาคือสิ่งสำคัญ
เมื่อเราเดินผ่านประตูตรวจตั๋วอัตโนมัติ สิ่งแรกที่เราต้องหาคือ “ชานชาลา” ซึ่งหากเราทราบหมายเลขชานชาลา รับรองว่าเราจะไม่มีวันเดินหลงทางภายในสถานีรถไฟอย่างแน่นอน ซึ่งนอกจากข้อมูลจาก Hyperdia เรายังเช็คหมายเลขชานชาลาจากข้อมูลของสถานีต่างๆใน Google อีกครั้งเพื่อยืนยันความถูกต้อง]
การเดินทางโดยการเดินเท้า :
สำหรับแผนการเดินทางที่ใช้การเดินเท้า เราศึกษาเส้นทางการเดินด้วย Google Maps และ Google Earth ควบคู่กัน ซึ่งนอกจากทำให้เราเห็นเส้นทางการเดินชัดเจนขึ้นแล้ว ยังช่วยคำนวณเวลาที่ใช้ในการเดินซึ่งเป็นประโยชน์มาก เราจะทำการเดินผ่านเส้นทางต่างๆโดยอาศัย Google Maps ราวกับเป็นเครื่องผึกบินจำลองของนักบินที่ใช้ในการฝึกบินซึ่งก็ไม่ต่างกันเพียงแต่เราใช้ในการฝึกเดิน พยายามจดจำอาคารบ้านเรือนในเส้นทางต่างๆเท่าที่จะเป็นไปได้
ตอนที่ 4 บัตรโดยสารรถไฟ
คำถามแรกที่เกิดขึ้นสำหรับคนที่ไม่เคยเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นมาก่อนแต่คุ้นหูกับคำว่า JR Pass หรือ “บัตรเบ่ง” อย่างเราคือ “ต้องซื้อ JR Pass ไหม” เราจึงทำการคิดค่าใช้จ่ายในการเดินทางโดยรถไฟของแต่ละบริษัทในแต่ละวันออกมาเปรียบเทียบกันว่าเราใช้บริการรถไฟ JR มากแค่ไหนและผลที่ได้ออกมาก็คือ
[Fact.5 Tokyo Metro เพื่อนรักนักเดินทาง(อย่างเรา)
จากแผนการเดินทางของเราจะเห็นว่าเราจะต้องใช้บริการของรถไฟบริษัทต่างๆเช่นรถไฟ JR, รถไฟใต้ดิน (Tokyo Metro), รถไฟเทศบาล (Toei Subway) และรถไฟบริษัทเอกชนอื่นๆ เพราะเป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวภายในโตเกียวโดยใช้บริการของบริษัทรถไฟเพียงรายเดียว ซึ่งเมื่อแยกค่าใช้จ่ายในการเดินทางออกมาเป็นแต่ละบริษัทจะพบว่า “เราใช้บริการของรถไฟใต้ดินมากกว่ารถไฟ JR เสียอีก” และการเดินทางข้ามภูมิภาคของเราก็ใช้รถบัสทั้งสิ้น ดังนั้น JR Pass จึงไม่ใช่ทางเลือกของเราเลยแม้แต่น้อย]
[Fact.6 JR Pass
คุณสมควรจะซื้อ JR Pass ในกรณีดังต่อไปนี้
1. คุณมีงบประมาณในการเที่ยวเหลือเฟือเหลือใช้
2. คุณทำแผนการเดินทางเสร็จเรียบร้อย และเมื่อบวกลบคูณหารค่าใช้จ่ายในการเดินทางแล้วพบว่า คุณใช้บริการรถไฟ JR ในการเดินทางมากกว่ารถไฟรายอื่น และค่าใช้จ่ายดังกล่าวใกล้เคียงกับราคา JR Pass แบบ 7,14 หรือ 21 วัน)
3. คุณเดินทางข้ามภูมิภาคชนิดเหนือจรดใต้ซ้ายทะลุขวาด้วย Shinkansen]
เมื่อค้นพบว่า JR Pass ไม่มีความจำเป็นสำหรับเรา เราจึงมองหาบัตรโดยสารประเภทต่างๆของแต่ละบริษัทที่จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางและเราก็ค้นพบว่าบัตรโดยสารแทบทุกประเภทเสียค่าใช้จ่ายสูงกว่าที่เราจ่ายสำหรับตั๋วเที่ยวเดียวทั้งหมดรวมกันอยู่ดี ดังนั้นสำหรับเราบัตรโดยสารประเภท “รายวัน” ไม่มีความจำเป็นเลย คนอย่างเราเกิดมาเคียงคู่กับ “ตั๋วเที่ยวเดียว”