ยิ่งพอเข้าถึงเชียงใหม่ ฝนก็เริ่ม ตั้งท่าจะตก ครับ ในใจคิดแล้วครับ ไม่น่าบ้ามาเลย ตกๆแบบนี้จะไปต่อยังไง
จะไปเที่ยวที่ไหนให้มันจะสนุก หมดกัน เลื่อนหน้าต่างขึ้นแล้ว นั่งมองหน้าก็คนข้างหน้า ที่เรียกว่าความเหงา ....

การได้อยู่คนเดียว มันก็ทำให้เรา ได้คิดทบทวนทุกๆเรื่องที่ผ่านมา ก่อนจะก้าวขึ้นบนรถไฟ เหมือน คอมพิวเตอร์ ที่ได้มีการจัดเรียงไฟล์ อย่างเป็นระบบ
แล้วความคิดก็เปลี่ยนไป กับการมาครั้งนี่ น้อยคนนะครับ --- จะได้เห็นเมืองเหนือ ในช่วง ฤดูฝน --- แล้วเชื่อว่าอีกหลายคนตอนนี้ ไม่ดูทีวี ก็นั่งเล่น Facebook มือถือ อยู่บนที่นอนตอนนี้ 5555+  -----

แล้วความตื่นเต้นก็เริ่มขึ้นอีก ครั้ง เมื่อรถไฟวิ่งเข้าอุโมงค์" ขุนตาน"ด้านหนึ่งของอุโมงค์ขุนตาน คือ สถานีรถไฟขุนตาน  
บังกะโลรถไฟของการรถไฟแห่งประเทศไทยและอุทยานแห่งชาติขุนตาน


ไม่นานมากครับก็ถึง เชียงใหม่ แต่เรื่องตื่นเต้น ปนสมน้ำหน้าตัว ก็คือ จะเอาไงต่อ  จะไปที่ไหน เพราะที่ผ่านมา มัวแต่ติสแตก ไม่ได้วางแผนอะไรไว้เลย
เริ่มจาก Google Search เลยครับ ไปเจอ "10 โฮมสเตย์เชียงใหม่.... " เลยลองจิ้มไปสักที่ บ้างที่ก็ไกลเกิน บางทีพอไปได้นะแต่ไม่มีรถประจำทางผ่าน จะโอเค สุดก็ที่นี่แหละครับ ... .
ด้วยตอนนั่นเหนื่อยสุดทนแล้ว อยากจะเห็นหมอกถ่ายภูเขาเต็มที่แล้วเลย ตัดสินใจ เหมารถไปครับ ต่อรองกันได้ 500 ครับ (ใช้สกิล ลูกแม่ค้าเก่า) แต่จริงแล้วมันมีรถ ผ่านครับ
จากตัวเมืองเชียงใหม่ใช้เส้นทาง 107 เชียงใหม่ – แม่ริม  กม. ที่ 17  เลี้ยวซ้ายเข้าเส้นทาง 1096 แม่ริม-สะเมิง ไปอีกประมาณ 15-16 กิโลเมตร จะพบทางขึ้นศูนย์ทางซ้ายมือ ตรงข้ามกับวัดโป่งงแยงเฉลิมพระเกียนรติ เข้าไปอีก 3 กิโลเมตร เป็นถนนลาดยางและถนนลูกลัง ก่อนถึงศูนย์ฯ 1.5 กิโลเมตร  รวมระยะทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ประมาณ 38 กิโลเมตร แค่อ่านก็เหนื่อยแล้ว ใช่เหมารถแล้วไปต่อกันเถอะ ครับ ไกลขนาดนั่น กับราคานี้ แท็กซี่ ที่ กทม. แพงกว่าเยอะ
ถึงแล้วครับ หน้าหมูบ้าน แม่สาใหม่ เป็นหมู่บ้านม้งที่ตั้งอยู่ในเขตตำบลโป่งแยง อำเภอแม่ริม แต่ต้องเดินเข้าหมู่บ้าน อีก 2 กม.

ขนาดผ้าที่ยังเรียงเฉดสีเลยเลย เริ่มเข้าหมูบ้านก็น่ารักแล้ว ครับ


ตลอดทางเดินเข้า โฮมสเตย์ ก็มีชาวเขา เดินเป็นเพื่อนตลอดทาง ครับ ผมคุยกับเขาแล้วดูเป็นมิตรกันทุกคน ครับ ^^

ระหว่างเดินทางก็เริ่มเย็นแล้วครับ บ้านบางหลังเริ่ม หุงหาอาหารแล้ว กันแล้ว แต่ยิ่งเย็น ที่นี่ยิ่งมีเสน่ห์ ครับ อากาศที่เย็นๆ เงียบสงบ หันไปเห็นวิว นี้ผมก็ว่าคุ้มแล้วครับ ผมมาไกลมา 5555+
จะหันไปไหนก็ มีแต่ มุม สวยแบบนี้ เย็นๆวันเสาร์แบบนี้ ที่ กทม. รถคงจะติดน่าดู แทบไม่อยากคิดต่อเลย ครับ
ระหว่างทางจะเจอ อะไรแบบนี้ ตลอดทางเดินในหมูบ้านเลย สังเกตุนะครับที่นี้ บ้านทุกหลังจะไม่มี รั้วกั้น เลย คนที่นี่บอกว่า เค้าจะเป็นรั้วให้กันและเอง
ถึงแล้ว ครับ โฮมสเตย์ หลังที่ผมจะพัก ราคาต่อคือ 350 เองครับ รวมค่าอาหารทานพร้อมเจ้าบ้าน 3 มื้อ คุ้มสุดๆ
ใกล้ค่ำแล้วครับ ตอนนี่ อากาศเย็นสบายสุด

เราจะทำอะไรทานเย็นนี้ ครับ หลังจากที่เห็นเค้าต้มน้ำร้อน คำตอบที่ได้คือ ต้มน้ำอาบ เพราะเค้าบอกว่า กลัวเราจะอายน้ำเย็นๆไม่ได้ ที่นี่เย็นค่ำอากาศ เย็นๆ ยิ่งเช้ามาๆควันออกปาก กันเลยที่เดียว แต่ถ้าเป็รน ที่ กทม . ตอนนี้ ร้อนสุดๆ ครับ [img]http:[img][img] เมื่อสมาชิกทุกคน ในครอบครับกลับมา พร้อมหน้า มื้อค่ำก็เริ่อมขึ้น ครับ ทุกเมนูเป็น ของง่าย อย่าง น้ำพริกม้ง ไข่เจียว และผัดผัก หัวหน้าครอยครัว พูดว่า เราอยู่อย่างนี้ กินอย่างนี้ เราสุขใจ เพราะทุกอย่างเราไม่ต้องซื้อ และไม่มีสารพิษแบบในเมือง


ที่นี้ เค้าจะมีอาชีพ ทำเครื่องเงิน ครับ เค้าให้เราลองทำได้ ครับ แต่เมื่อหัดไปมอง ถาพโต๊ะทำงานของเค้า แล้วทำเอาผมขนลุกเลยครับ


ส่วนผู้หญิงที่นี่จะมีงานปักผ้า และ ย้อมผ้า เอาไว้ใช้เอง ครับ ลายผ้าชนเผ่าและวิธีการทำ มีสืบทอดต่อกันมาเป็น พันๆปีเลย ครับ


เช้าวัน อาทิตย์ ตื่นขึ้นมา อากาศเย็นมากครับ พาอ้าปากหาวเท่านั่นแหละ ควันออกปากจริงๆ ด้วย ครับ ผมวิ่งลงจากที่นอน จากออกมาถ่ายแสงแรก เพราะ มโนว่าคงจะเห็นเหมือน ภูทับเบิก หรือ ในรูป ที่เคยเห็น แต่พอเข้าจริงๆ ภูเขาที่เป็นลูกๆ ที่เห็นเมือวานหายไปหมดเลย ครับ ฝนก็ดันตก อีก แต่เป็นภาพที่ผมมองแล้ว ยิ้มได้ที่มุมปากตลอดเวลาเลย ครับ


จะกลับบ้านแล้ว ครับ พอพูดว่า "ไปแล้วนะไอตัวเล็ก" ลูกหมาที่เล่นด้วยเมื่อวาน มันกัดสายกล้องไว้ เห็นตามันแล้วแทบไม่อยากจะไป เลยครับ


คุณลุงเจ้าบบ้านที่นอนด้วยอาษาไปส่งที่ตัวเมืองครับ ใจดีสุดๆ แต่ถ้าจะจ้างรถในหมูบ้านก็มีเหมือนกันครับ 500 บาท ตลอดทาง เค้าเรื่องราว ในหลวง ให้ฟังตลอด ทางเลย ครับ