คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 6
ต้องมาดูล่ะครับว่า จขกท เป็น ลูกจ้าง หรือ ผู้รับจ้าง
(1) กรณีเป็นลูกจ้าง กม. ให้ลิขสิทธิ์เป็นของ จขกท แต่ ผู้ว่าจ้าง มีสิทธิเอาไปใช้ได้
https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%8E%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%82%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B9%8C%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2#.E0.B8.A5.E0.B8.B4.E0.B8.82.E0.B8.AA.E0.B8.B4.E0.B8.97.E0.B8.98.E0.B8.B4.E0.B9.8C.E0.B8.82.E0.B8.AD.E0.B8.87.E0.B8.A5.E0.B8.B9.E0.B8.81.E0.B8.88.E0.B9.89.E0.B8.B2.E0.B8.87
ลิขสิทธิ์ของลูกจ้าง[แก้]
ตามหลักกฎหมายลิขสิทธิ์นั้นผู้สร้างสรรค์งานจะเป็นเจ้าของชิ้นงานทันทีที่สร้างมัน บางกรณีอาจมีข้อสงสัยว่า ถ้าเจ้านายสั่งให้พนักงานสร้างงานขึ้น เช่น บรรณาธิการให้ลูกน้องเขียนบทความใส่หนังสือของตนเอง ใครจะเป็นเจ้าของงานเขียนชิ้นนั้น เป็นต้น กฎหมายกำหนดไว้ว่า งานที่สร้างสรรค์ขึ้นในฐานะพนักงานหรือลูกจ้าง ถ้ามิได้ทำเป็นหนังสือตกลงกันไว้เป็นอย่างอื่น ให้ลิขสิทธิ์ในงานนั้นเป็นของผู้สร้างสรรค์ แต่นายจ้างมีสิทธิ์นำงานนั้นออกเผยแพร่ต่อสาธารณชนได้ตามที่เป็นวัตถุประสงค์ของการจ้างแรงงาน ดังนั้น ถ้ามิได้ตกลงกันไว้แตกต่างจากกฎหมายและต้องทำเป็นหนังสือชัดเจน ลูกจ้างซึ่งเขียนบทความย่อมเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ แต่บรรณาธิการมีสิทธิ์นำงานเขียนนั้นไปใช้ในกิจการของตนซึ่งผู้เขียนเป็นลูกจ้างอยู่ได้ ด้วยหลักกฎหมายลิขสิทธิ์ด้านความเป็นเจ้าของชิ้นงานของลูกจ้าง จึงทำให้นายจ้างบางคนทำข้อตกลงระหว่างตนกับลูกจ้างไว้ว่า ถ้าผลิตชิ้นงานในขณะเป็นลูกจ้าง นายจ้างจะเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ มิใช่แค่มีสิทธิ์นำงานออกเผยแพร่เท่านั้น ผู้สร้างสรรค์งานจึงต้องพิจารณาชั่งน้ำหนักระหว่างสิทธิ์ตามกฎหมายกับข้อตกลงระหว่างนายจ้างและลูกจ้างว่า สิ่งใดมีประโยชน์สูงสุดต่อตนหรือต่อสังคม
https://www.ipthailand.go.th/index.php?option=com_content&view=article&id=28&Itemid=308
ปกติ พอสร้างขึ้นมาก็ได้รับการคุ้มครองเลย ... ไม่มีการจดลิขสิทธิ์นะครับ มีแต่ แจ้งข้อมูลลิขสิทธิ์
(2) แต่หากตีความกลายเป็น จขกท เป็นผู้รับจ้าง ก็อาจกลับกลายเป็น ลิขสิทธิ์เป็นของ ผู้ว่าจ้าง น่ะครับ
https://www.ipthailand.go.th/index.php?option=com_docman&task=cat_view&gid=213&Itemid=272
ดูในส่วนที่ 2 การได้มาซึ่งสิทธิ
มาตรา 9 งานที่ผู้สร้างสรรค์ได้สร้างขึ้นในฐานะพนักงานหรือลูกจ้าง ถ้ามิได้ทำเป็นหนังสือตกลงกันไว้เป็นอย่างอื่น ให้ลิขสิทธิ์ในงานนั้นเป็นของผู้สร้างสรรค์ แต่นายจ้างมีสิทธินำงานนั้นออกเผยแแพร่ต่อสาธารณชยได้ตามที่เป็นวัตถุประสงค์แห่งการจ้างงานนั้น
มาตรา 10 งานที่ผู้สร้างสรรค์ได้สร้างสสรค์ขึ้นโดยการรับจ้างบุคคลอื่น ให้เผู้ว่าจ้างเป็นผู้มีลิขสิทธิ์ในงานนั้น เว้นแต่ผู้สร้างสรรค์และผู้ว่าจ้างจะตกลงกันไว้เป็นอย่างอื่น
จขกท ต้องมาดูว่า อยู่ในข่ายข้อ 9 คือลูกจ้าง หรือ ข้อ 10 ผู้รับจ้าง
ถ้าตีความได้ว่า จขกท คือลูกจ้าง ก็จะถือว่า ลิขสิทธิ์เป็นของ จขกท แต่ ผู้ว่าจ้างสามารถเอาไปใช้ได้โดยไม่ถิอว่าละเมิด (เว้นแต่มีการตกลงอื่น ๆ)
ถ้าตีความว่า จขกท เป็นผู้รับจ้าง ก็จะถือว่า ลิขสิทธิ์เป็นของ บริษัท (เว้นแต่มีการตกลงอื่น ๆ)
อีกทั้งยังต้องมาดูด้วยว่า ที่จขกท พัฒนาขึ้นมานั้นเกิดจากการสร้างสรรค์ด้วยตนเองล้วน ๆ หรือไม่ เช่น จขกท อาจเป็นผู้เขียนแต่ไอเดียอาจมาจากการประชุม เป็นต้น (แต่ทั้งนี้ กม. ไทยยังไม่ครอบคลุมในเรื่องลิขสิทธิ์ของแนวคิด แต่ก็พอจะนำมากล่าวอ้างหักล้างความน่าเชื่อถือในการอ้างเป็นเจ้าของได้ ... ตย.งานเขียน มีการประชุมกำหนด พล็อตเรื่อง แต่ ลูกจ้างนำพล็อตเรื่องไปรังสรรค์เป็นเนื้อเรื่องออกมาตามพล็อตเรื่อง เป็นต้น)
(3) แนวทางป้องกัน สำหรับ กลุ่มผู้รับจ้าง freelance หรือ บริษัทรับจ้างพัฒนาโปรแกรม เกี่ยกวับพวก lib ซึ่งอาจเป็น framework ของตนเอง
ถ้ามีพวก lib หรือ framework อะไรพวกยี้อยู่ก่อนแล้ว และ พัฒนาเป็นของตนเอง ก็ให้ระบุให้ชัดว่า ในการรับจ้างว่า จะนำเอา lib พวกนี้มาใช้ในงาน
ซึ่งเป็น lib ที่มีลิขสิทธิ์ แต่ อนุญาตให้นำไปใช้ได้ (ลิขสิทธิ์ยังเป็นของผู้พัฒนา และ สามารถเอาไปใช้ในงานอื่น ๆ ได้)
แต่ เนื้องานหรือโปรแกรมที่รับจ้างพัฒนาเสร็จแล้ว เป็นของผู้ว่าจ้าง (ซึ่งผู้ว่าจ้างย่อมมีสิทธินำไปให้คนอื่นแก้ไข หรือ ทำซ้ำได้ ... ไม่ใช่เป็นการผูกมัดว่า ถ้าจะแก้ต้องมาจ้างคนเดิมเท่านั้น ... อันนี้ก็ต้องดูเจตนาของแต่ละฝ่ายด้วย)
(4) ประเด็นของ จขกท
ความต้องการของ จขกท คืออะไร ถ้าความต้องคือ จขกท ยังสามารถนำ lib นั้นมาใช้ในงานอื่น ๆ ของ จขกท ก็เงียบไว้ แล้วเอา lb ไปปรับปรุงแล้วทำตามข้อ (3) ก็คงพอครับ ... เอาให้สบายใจก็เขียนใหม่พล็อตเดิม (เหมือนนิยายแหละครับ พล็อตเรื่องเดิม ๆ ปรับแล้วก็ได้นิยายหลายเรื่อง) แล้วไปแจ้งลิขสิทธิ์ไว้ ... เอาไปใช้งานอื่น ก็ไม่ต้องกลัวบริษัทนี้จะมาฟ้องร้องลิขสิทธิ์ (เพราะไม่ได้ copy เอา lib นั้นมาใช้โดยตรง)
แต่ถ้าเป็นเรื่องเงิน อันนนี้ไม่รู้ รู้แต่คงยาว และ หมางใจกันแน่ ๆ ...
(1) กรณีเป็นลูกจ้าง กม. ให้ลิขสิทธิ์เป็นของ จขกท แต่ ผู้ว่าจ้าง มีสิทธิเอาไปใช้ได้
https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%8E%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%82%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B9%8C%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2#.E0.B8.A5.E0.B8.B4.E0.B8.82.E0.B8.AA.E0.B8.B4.E0.B8.97.E0.B8.98.E0.B8.B4.E0.B9.8C.E0.B8.82.E0.B8.AD.E0.B8.87.E0.B8.A5.E0.B8.B9.E0.B8.81.E0.B8.88.E0.B9.89.E0.B8.B2.E0.B8.87
ลิขสิทธิ์ของลูกจ้าง[แก้]
ตามหลักกฎหมายลิขสิทธิ์นั้นผู้สร้างสรรค์งานจะเป็นเจ้าของชิ้นงานทันทีที่สร้างมัน บางกรณีอาจมีข้อสงสัยว่า ถ้าเจ้านายสั่งให้พนักงานสร้างงานขึ้น เช่น บรรณาธิการให้ลูกน้องเขียนบทความใส่หนังสือของตนเอง ใครจะเป็นเจ้าของงานเขียนชิ้นนั้น เป็นต้น กฎหมายกำหนดไว้ว่า งานที่สร้างสรรค์ขึ้นในฐานะพนักงานหรือลูกจ้าง ถ้ามิได้ทำเป็นหนังสือตกลงกันไว้เป็นอย่างอื่น ให้ลิขสิทธิ์ในงานนั้นเป็นของผู้สร้างสรรค์ แต่นายจ้างมีสิทธิ์นำงานนั้นออกเผยแพร่ต่อสาธารณชนได้ตามที่เป็นวัตถุประสงค์ของการจ้างแรงงาน ดังนั้น ถ้ามิได้ตกลงกันไว้แตกต่างจากกฎหมายและต้องทำเป็นหนังสือชัดเจน ลูกจ้างซึ่งเขียนบทความย่อมเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ แต่บรรณาธิการมีสิทธิ์นำงานเขียนนั้นไปใช้ในกิจการของตนซึ่งผู้เขียนเป็นลูกจ้างอยู่ได้ ด้วยหลักกฎหมายลิขสิทธิ์ด้านความเป็นเจ้าของชิ้นงานของลูกจ้าง จึงทำให้นายจ้างบางคนทำข้อตกลงระหว่างตนกับลูกจ้างไว้ว่า ถ้าผลิตชิ้นงานในขณะเป็นลูกจ้าง นายจ้างจะเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ มิใช่แค่มีสิทธิ์นำงานออกเผยแพร่เท่านั้น ผู้สร้างสรรค์งานจึงต้องพิจารณาชั่งน้ำหนักระหว่างสิทธิ์ตามกฎหมายกับข้อตกลงระหว่างนายจ้างและลูกจ้างว่า สิ่งใดมีประโยชน์สูงสุดต่อตนหรือต่อสังคม
https://www.ipthailand.go.th/index.php?option=com_content&view=article&id=28&Itemid=308
ปกติ พอสร้างขึ้นมาก็ได้รับการคุ้มครองเลย ... ไม่มีการจดลิขสิทธิ์นะครับ มีแต่ แจ้งข้อมูลลิขสิทธิ์
(2) แต่หากตีความกลายเป็น จขกท เป็นผู้รับจ้าง ก็อาจกลับกลายเป็น ลิขสิทธิ์เป็นของ ผู้ว่าจ้าง น่ะครับ
https://www.ipthailand.go.th/index.php?option=com_docman&task=cat_view&gid=213&Itemid=272
ดูในส่วนที่ 2 การได้มาซึ่งสิทธิ
มาตรา 9 งานที่ผู้สร้างสรรค์ได้สร้างขึ้นในฐานะพนักงานหรือลูกจ้าง ถ้ามิได้ทำเป็นหนังสือตกลงกันไว้เป็นอย่างอื่น ให้ลิขสิทธิ์ในงานนั้นเป็นของผู้สร้างสรรค์ แต่นายจ้างมีสิทธินำงานนั้นออกเผยแแพร่ต่อสาธารณชยได้ตามที่เป็นวัตถุประสงค์แห่งการจ้างงานนั้น
มาตรา 10 งานที่ผู้สร้างสรรค์ได้สร้างสสรค์ขึ้นโดยการรับจ้างบุคคลอื่น ให้เผู้ว่าจ้างเป็นผู้มีลิขสิทธิ์ในงานนั้น เว้นแต่ผู้สร้างสรรค์และผู้ว่าจ้างจะตกลงกันไว้เป็นอย่างอื่น
จขกท ต้องมาดูว่า อยู่ในข่ายข้อ 9 คือลูกจ้าง หรือ ข้อ 10 ผู้รับจ้าง
ถ้าตีความได้ว่า จขกท คือลูกจ้าง ก็จะถือว่า ลิขสิทธิ์เป็นของ จขกท แต่ ผู้ว่าจ้างสามารถเอาไปใช้ได้โดยไม่ถิอว่าละเมิด (เว้นแต่มีการตกลงอื่น ๆ)
ถ้าตีความว่า จขกท เป็นผู้รับจ้าง ก็จะถือว่า ลิขสิทธิ์เป็นของ บริษัท (เว้นแต่มีการตกลงอื่น ๆ)
อีกทั้งยังต้องมาดูด้วยว่า ที่จขกท พัฒนาขึ้นมานั้นเกิดจากการสร้างสรรค์ด้วยตนเองล้วน ๆ หรือไม่ เช่น จขกท อาจเป็นผู้เขียนแต่ไอเดียอาจมาจากการประชุม เป็นต้น (แต่ทั้งนี้ กม. ไทยยังไม่ครอบคลุมในเรื่องลิขสิทธิ์ของแนวคิด แต่ก็พอจะนำมากล่าวอ้างหักล้างความน่าเชื่อถือในการอ้างเป็นเจ้าของได้ ... ตย.งานเขียน มีการประชุมกำหนด พล็อตเรื่อง แต่ ลูกจ้างนำพล็อตเรื่องไปรังสรรค์เป็นเนื้อเรื่องออกมาตามพล็อตเรื่อง เป็นต้น)
(3) แนวทางป้องกัน สำหรับ กลุ่มผู้รับจ้าง freelance หรือ บริษัทรับจ้างพัฒนาโปรแกรม เกี่ยกวับพวก lib ซึ่งอาจเป็น framework ของตนเอง
ถ้ามีพวก lib หรือ framework อะไรพวกยี้อยู่ก่อนแล้ว และ พัฒนาเป็นของตนเอง ก็ให้ระบุให้ชัดว่า ในการรับจ้างว่า จะนำเอา lib พวกนี้มาใช้ในงาน
ซึ่งเป็น lib ที่มีลิขสิทธิ์ แต่ อนุญาตให้นำไปใช้ได้ (ลิขสิทธิ์ยังเป็นของผู้พัฒนา และ สามารถเอาไปใช้ในงานอื่น ๆ ได้)
แต่ เนื้องานหรือโปรแกรมที่รับจ้างพัฒนาเสร็จแล้ว เป็นของผู้ว่าจ้าง (ซึ่งผู้ว่าจ้างย่อมมีสิทธินำไปให้คนอื่นแก้ไข หรือ ทำซ้ำได้ ... ไม่ใช่เป็นการผูกมัดว่า ถ้าจะแก้ต้องมาจ้างคนเดิมเท่านั้น ... อันนี้ก็ต้องดูเจตนาของแต่ละฝ่ายด้วย)
(4) ประเด็นของ จขกท
ความต้องการของ จขกท คืออะไร ถ้าความต้องคือ จขกท ยังสามารถนำ lib นั้นมาใช้ในงานอื่น ๆ ของ จขกท ก็เงียบไว้ แล้วเอา lb ไปปรับปรุงแล้วทำตามข้อ (3) ก็คงพอครับ ... เอาให้สบายใจก็เขียนใหม่พล็อตเดิม (เหมือนนิยายแหละครับ พล็อตเรื่องเดิม ๆ ปรับแล้วก็ได้นิยายหลายเรื่อง) แล้วไปแจ้งลิขสิทธิ์ไว้ ... เอาไปใช้งานอื่น ก็ไม่ต้องกลัวบริษัทนี้จะมาฟ้องร้องลิขสิทธิ์ (เพราะไม่ได้ copy เอา lib นั้นมาใช้โดยตรง)
แต่ถ้าเป็นเรื่องเงิน อันนนี้ไม่รู้ รู้แต่คงยาว และ หมางใจกันแน่ ๆ ...
แสดงความคิดเห็น
ถ้าพัฒนาlibและframework ด้วยเวลาส่วนตัวแต่ใช้ในงานบริษัท บริษัทมีสิทธิเป็นเจ้าของโค้ดนั้นหรือไม่
กำลังมีปัญหาแบบนี้อยู่ โดนเอาไปเลยอ้างเป็นของบริษัทและพนักงาน(โปรแกรมเมอ)คนอื่นๆก็เอาไปใช้กันสบาย
เราเซ็นสัญญาสั้นๆเอง งานก็คิดเงินเป็นชิ้นๆ เป็น%
บริษัททำแบบนี้ถูกต้องหรือไม่ และเราจะป้องกันได้อย่างไรในอนาคต
ตามที่เราเข้าใจบริษัทมีสิทธิ์เฉพาะใช้ในงานที่เราทำให้
แต่ความเป็นจริงไม่ใช่เลย
เราควรจัดการยังไงต่อ ถ้าเราเข้าไปพูดมีปัญหาแน่ๆหลังจากนี้