[SR] Eat Right อีกทางเลือกใหม่ของ clean food delivery

ห่างหายกันไปนานสำหรับการรีวิวของกินเพื่อสุขภาพนะคะ กลับมาครั้งนี้เราจะพูดถึงอาหารคลีนค่ะ หลายๆคนหันมากินคลีนกันจริงจังมากขึ้น ไม่ว่าจะเพราะต้องการรักษาสุขภาพจริงๆหรือเพราะอยากความคุมน้ำหนักกับลดหุ่นก็ตาม แต่ด้วยไลฟ์สไตล์ของหลายๆคนไม่เอื้ออำนวยที่จะทำอาหารกินเองได้ทุกมื้อ (จะคลีนไม่คลีนก็ทำไม่ได้ทั้งนั้น) ดังนั้นตัวช่วยอีกทางนึงที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคใหม่แบบนี้ก็คือธุรกิจอาหารคลีนแบบเดลิเวอรี่นั่นเองค่ะ

เนื่องจากวีคก่อนมีรุ่นน้องที่สนิทสมัยเรียนต่างประเทศด้วยกันติดต่อมา น้องคนนี้ทำงานอยู่กับคุณเล้ง ราชนิกร แก้วดี (กายกรรมปีนผ้า) แชมป์ TGT SS2 ของไทยเรานี่เองค่ะ คุณเล้งตอนนี้ทำอาหารคลีนเดลิเวอรี่ในชื่อแบรนด์ว่า Eat Right ภายใต้คอนเส็ปท์คือ you don't have to eat less, you just have to eat right. พูดกันตรงๆว่าน้องขอให้เราลองกินอาหารดูสักชุดนึงเป็นเวลา 5 วัน แล้วเขียนรีวิวให้หน่อยว่าอาหารเป็นยังไง มีอะไรที่ชอบไม่ชอบตรงไหน ติชมกันได้ น้องเขาจะให้แมสเซนเจอร์มาส่งอาหารถึงบ้านทุกเช้า ส่งครั้งนึงจะได้มา 3 มื้อรวมของว่าง เราก็เลยตกลงค่ะ นี่จึงเป็นที่มาของรีวิวในครั้งนี้

Day 1
มื้อเที่ยง - ลาบไก่

ตอนแรกเปิดมาตกใจนิดหน่อย ดูเหมือนข้าวน้อยมาก แบนติดกล่องเชียว แต่ลาบรู้สึกมันเยอะกว่าข้าวพอสมควร หลังจากได้กินรู้สึกว่าลาบมันปรุงรสอ่อนๆตามปกติของอาหารคลีน  ส่วนตัวคิดว่าอ่อนกว่าการปรุงทั่วไปสัก 1/4 ได้เลย ทำให้ตักเยอะและพอดีกับข้าวในที่สุด จริงๆเหลือด้วยนะ แต่ความที่กากใยของข้าวไรซ์เบอร์รี่มันเยอะเลยอยู่ท้องมาก ส่วนสลัดก็มีปริมาณที่เหมาะสมดี กินอิ่มพอดีเลยแหละ แต่ตกใจรสชาติของน้ำสลัดมากที่เค็มกว่าที่คิดเยอะ ส่วนตัวไม่เคยลองน้ำสลัดแบบนี้มาก่อน สลัดญี่ปุ่นใช่มั้ย ไม่คิดว่ามันจะเค็มขนาดนี้ต่อให้ไม่ใช่แบบคลีนก็เถอะ แล้วนี่เป็นอาหารคลีนพอเค็มเท่านี้เลยทำให้ตกใจ แต่ด้วยความที่มันเค็มเลยกลบรสชาติขมๆของกระหล่ำม่วงได้มิดชิดเลย

มื้อเย็น - ยำสามเกลอ

ประกอบด้วยเนื้อปลา น่าจะเป็นปลากระพง กุ้ง และไก่ที่เป็นเนื้ออก น้ำยำรสชาติไม่จัดจ้านเกินไป ไม่ได้เผ็ดมากจนน้ำหูน้ำตาไหล แบบนั้นจะไม่รู้รสความอร่อยเลยเพราะเผ็ดเกิน เนื้อสัตว์ให้มาเหมาะสมดีกับปริมาณผัก เมื่อคลุกกับน้ำยำแล้วรสชาติไม่จืดจาง

ของว่าง - ชุดผลไม้ มีแอปเปิ้ล 1 ผล แก้วมังกรและมะละกออย่างละชิ้น
แอปเปิ้ลหวานกรอบอร่อยดี มะละกอก็ดี แต่ส่วนตัวเป็นคนไม่ชอบกินแก้วมังกรเท่าไหร่

Day 2
มื้อเช้า - บล็อกโคลีผัดไก่กุ้ง

ปริมาณข้าวพอๆกับของเมื่อวาน สังเกตว่ากับจะเยอะกว่าข้าวมากพอสมควร ปกติไม่ค่อยได้กินกุ้งผัดบล็อคโคลีเพราะแพ้กุ้งเลยไม่แน่ใจว่ารสชาติของเมนูนี้แบบปกติมันจะต้องเข้มข้นประมาณไหน แต่เท่าที่กินไปรู้สึกจืดมาก เหมือนกินอาหารตอนเป็นหวัดเลย เข้าใจว่าอาหารคลีนรสมันไม่ควรจะจัดมาก แต่ก็ไม่คิดว่าจะจืดขนาดนี้ ดีที่ให้เนื้อไก่เยอะ กุ้งมีมาสองชิ้นและก็ตัวใหญ่ดี ผักก็เต็มปากเต็มคำใช้ได้ กินแล้วอิ่มพอดี ข้าวจะหมดก่อนกับ เหลือกับให้กินต่อเปล่าๆได้อีกหลายคำ

มื้อเที่ยง - เส้นบุกผัดขี้เมา

รสชาติจัดจ้านดีมาก เผ็ดดี ชอบเลย ให้เส้นกับเนื้อไก่มาพอดีกัน ไก่หั่นชิ้นใหญ่พอดีคำ ข้าวโพดอ่อนกับถั่วฝักยาวก็ชิ้นกำลังดี พริกไทยอ่อนก็ให้มาเยอะ ส่วนตัวชอบพริกไทยอ่อนมากแต่อาจจะไม่เหมาะสำหรับคนไม่กินเผ็ด เพราะขนาดตัวเองเป็นคนที่กินเผ็ดได้ตามปกติยังรู้สึกว่ามันเผ็ดเลย ดื่มน้ำเยอะอยู่ ให้ปริมาณมากด้วย กินหมดก็อิ่มเลย ทำให้กินสลัดต่อไม่ได้ แต่สลัดมีน้ำสลัดญี่ปุ่นแบบเดิมอีกแล้ว มีทุกวันเลย ต่างจากวันก่อนที่วันนี้มีมะเขือเทศมาสองลูก แอบเบื่อนิดๆ น่าจะมีน้ำแบบอื่นมาสลับบ้าง

มื้อเย็น - ยำเต้าหู้

ส่วนประกอบหลักคือเต้าหู้ไข่และเนื้อไก่สับที่น่าจะเอามาจากเนื้อส่วนอก นอกนั้นพวกผักจะมีคื่นช่าย มะเขือเทศ แครอทเส้น หอมแดง และน้ำยำแบบเดียวกับที่มาในยำสามเกลอวันก่อน จัดมาคู่กับเครื่องเคียงสลัดและน้ำสลัดญี่ปุ่นอีกแล้ว มีซ้ำต่อกันจากเที่ยงถึงเย็นเลย

ของว่าง - โยเกิร์ตผลไม้

ผลไม้ที่ใช้เป็น passion fruit รสชาติอร่อยดีงามถึงขั้นเลียถ้วยเลียช้อนกันเลยทีเดียว รสหวานเปรี้ยวกำลังดี คนที่ไม่ชอบโยเกิร์ตที่รสธรรมชาติแบบเปรี้ยวมากๆน่าจะชอบ รสชาติกินง่ายและอร่อย ให้เนื้อผลไม้มาสมควรกับตัวโยเกิร์ต

Day 3
มื้อเช้า - ผัดเผ็ดปลากระพง

งงนิดหน่อยที่มีเมนูเผ็ดๆแบบนี้ตอนเช้า ส่วนตัวกินได้ไม่มีปัญหานะ แต่งงว่าปกติกินคลีนหรือกินเผื่อสุขภาพเขากินเผ็ดกันตั้งแต่เช้าแบบนี้กันปกติเหรอ ปลานิ่มอร่อยดี รสเผ็ดกำลังดีไม่จัดจ้านเกินไปสำหรับการกินในมื้อเช้า แต่ปลาน้อยกว่าพวกผักไปหน่อยเมื่อเทียบกับกับข้าวชนิดอื่นๆที่กินไปก่อนหน้า ให้กับเยอะกว่าข้าวมากพอสมควรเลย ถ้าข้าวหมดก็ต้องกินกับเปล่าๆ ดีที่ไม่เผ็ดมาก ถ้าเผ็ดมากก็กินไม่ไหวแน่

มื้อเที่ยง - ข้าวผัดแซมอน

ใช้ข้าวไรส์เบอร์รี่มาผัดกับเนื้อแซมอน หัวหอมใหญ่ แครอท และต้นหอม รสชาติกลมกล่อมค่อนไปทางจืด คนที่ชอบเติมน้ำปลาพริกหรือซอสอะไรลงข้าวผัดจะต้องว่าจืดไปแน่ๆ สำหรับเรากินได้สบายเพราะไม่เคยเติมอะไรลงข้าวผัดอยู่แล้ว เนื้อข้าวผัดค่อนข้างมัน กินแล้วจะปากมันหน่อย อยากให้แห้งและร่วนกว่านี้ ข้าวผัดที่ดีควรจะร่วนๆแห้งๆหน่อยจะดีกว่า ปริมาณที่ให้ก็อิ่มจริงจัง มีแตงฝานมาให้ด้วย 4-5 ชิ้น และมะนาวมาอีกซีก ชอบที่ใส่มะนาวแยกมาในซองซิปล็อค ทำให้คงสภาพมะนาวไว้ได้นาน ถ้าใส่ปนมากับแตงเลยจะไม่ดีเท่าไหร่ ถใครไม่นิยมเติมมะนาวในข้าวผัดก็เก็บไปทำอื่นได้

มื้อเย็น - ปลาม้วน

น่าจะเป็นเนื้อปลากระพงที่ม้วนห่อไส้กุ้งสับหรือปลาสับไว้ รสชาติอร่อยดี กินเปล่าๆก็คล้ายติ่มซำ กินกับน้ำจิ้มซีฟู้ดก็ได้รสแบบไทยๆดี แต่มีสลัดมาอีกแล้ว เปลี่ยนผักใบเขียวแค่เล็กน้อย แต่น้ำสลัดยังเหมือนเดิมเลยไม่ได้กิน เก็บไว้บวกกับสลัดของมื้ออื่นแล้วกินยาวๆทีเดียวเลยดีกว่า เพราะปลาม้วนก็ทำให้อิ่มได้พอตัวแล้ว ให้กินสลัดและน้ำสลัดแบบเดิมทุกวันคงไม่ไหว

ของว่าง - ชุดผลไม้ มีแอปเปิลกาล่า 1 ผล องุ่นแดงช่อเล็กๆ 1 ช่อ และกีวีฝานมา 1 ชิ้น
แอปเปิลหวานอมเปรี้ยวอร่อยดี องุ่นจืดไปนิดนึง กีวีก็ปกติ

Day 4
มื้อเช้า - ผัดฟักทองใส่ไก่

รสชาติค่อนข้างแปลกกว่าที่คิด ไม่เหมือนฟักทองผัดไข่แบบที่เคยกินมาทั่วไป ตอนแรกเข้าใจว่ารสคงแนวๆนั้น แต่อันนี้ออกเผ็ดๆเค็มๆ ใส่ใบโหระพาและพริกแดงมาด้วย ถึงจะเผ็ดแต่ก็ไม่ได้เผ็ดจัด อร่อยกลมกล่อมกำลังดี แต่กินกับไม่หมด กินแค่ข้าวหมดพอดีก็รู้สึกอิ่มแล้ว เริ่มมาสังเกตในมื้อนี้ว่าพอกินข้าวไรส์เบอร์รี่แล้วอิ่มเร็วมาก ปริมาณข้าวที่ให้เหมือนจะน้อยกว่าข้าวปกติที่กินในแต่ละมื้อครึ่งนึงเลย แต่มันทำให้อิ่มไว อิ่มแบบแน่นจริงๆ บางทีที่ให้สลัดมาด้วยก็กินต่อไม่ไหว ต้องยกยอดไปรวมกันกับสลัดมื้ออื่นแล้วกินรวบทีเดียว

มื้อเที่ยง - อกไก่สมุนไพร

จริงๆแล้วก็เป็นสเต็กไก่นี่เองแต่เป็นแบบสเต็กไก่น้ำผึ้ง กลิ่นหอมมากตอนที่เอาไปอุ่นใหม่ๆ หอมน้ำผึ้งนี่แหละ แต่กลิ่นสมุนไพรกลับไม่แรงเลย เห็นเป็นเกล็ดๆที่โรยมาบนไก่ซะมากกว่า ไม่ค่อยออกรสหรือกลิ่นเท่าไหร่ ปกติเวลาทำสเต็กไก่กินเองจะหมักด้วยเกลือและพริกไทยดำแล้วนำไปนาบกระทะจนสุก เวลากินก็จะได้รสเค็มอ่อนๆแต่ไม่เค็มเข้าถึงเนื้อในไก่ จะเค็มแค่ด้านนอก ส่วนด้านในจะเป็นรสไก่สุกธรรมดา กินไปหลายๆคำแล้วเลี่ยนบอกไม่ถูก เหมือนกินไก่ต้มจืดๆเซ็งๆ แต่กับอันนี้มีรสหวานน้ำผึ้งซึมเข้าไปอย่างทั่วถึงที่เนื้อด้านใน ทำให้เนืออกไก่ชุ่มฉ่ำ ไม่แห้ง อร่อยมากๆ แต่เบื่อสลัดที่สุด มาติดๆกันบ่อยเลย

มื้อเย็น - ส้มตำ ไก่ย่าง

ไก่ย่างไม่ได้มีรสชาติแบบไก่ย่างที่ขายคู่กับส้มตำทั่วไป แต่จะเป็นไก่ย่างพริกไทยดำที่หอมพริกไทยดำสด ส้มตำเองก็ไม่ได้เผ็ดจนเกินงาม เป็นส้มตำแบบตำไทยนี่แหละ และมีเส้นบุกใส่มาอีกช่องให้ด้วย รู้สึกแปลกๆถ้าจะกินกับส้มตำ ไม่น่าจะเข้ากัน ก็เลยเอามากินเป็นเหมือนข้าวกับไก่ย่างแทน รสสัมผัสแปลกแต่ก็กินได้ ไม่แน่ใจว่าเขาตั้งใจจะให้กินกับอะไรแน่ แต่คิดแล้วว่าส่วนตัวจะถูกปากกว่าถ้าเอามากินกับไก่พริกไทยดำ

ของว่าง - โยเกิร์ต
เป็นรสเสาวรสแบบของวันก่อน ไม่มีอะไรแตกต่าง อร่อยประทับใจเหมือนเดิม

Day 5
มื้อเช้า - กะเพราทูน่า

ปกติไม่เคยกินกะเพราอย่างอื่นที่ไม่ใช่ไก่มาก่อนเลย พอได้มาลองกะเพราทูน่าแล้วรู้สึกมันเ-้ากันอย่างประหลาด เค็มๆเผ็ดๆอร่อยดี ทำให้กินข้าวได้เร็ว สุดท้ายเหลือแต่กับอย่างเดียวก็เลยกินเปล่าๆนั่นแหละ รสจะเข้มข้นเกินไปหน่อยที่จะกินเปล่าๆหรือจะตักกับเยอะเวลาที่ข้าวยังไม่หมดมันก็ยังเข้มข้นเกินไปอยู่ดี

มื้อเที่ยง - สเต็กปลากระพง

สเต็กปลากระพงจัดมาคู่กับสลัดอีกแล้ว กินสลัดมาไม่รู้กี่มื้อแล้วกับน้ำสลัดแบบเดิม คืออยากให้มีน้ำสลัดหลากหลายบ้างน่ะ ตัวสเต็กปลาไม่ใช่ปลาแบบทั้งชิ้น เป็นเหมือนเอาปลามาบดผสมผักข้างใน คล้ายๆพวกลูกชิ้นปลาเส้นหรือแฮ่กึ๊นเลย หวานๆมันๆ ก็อร่อยดีนั่นแหละ แต่อยากให้เป็นสเต็กปลาแท้ๆเลยจะฟินกว่ามาก มากับน้ำจิ้มซีฟู้ดที่ไม่ได้จิ้ม กินแค่สเต็กก็อิ่มแล้วนะ จัดสลัดเข้าไปอีกก็แน่นพอดีเลย

มื้อเย็น - คั่วกลิ้งไก่

เป็นคั่วกลิ่งจากเนื้อไก่ รสเผ็ดน้อยกว่าที่คิด แต่ก็อย่างว่า อาหารคลีนคงเผ็ดจริงจังเท่าอาหารใต้แบบดั้งเดิมไม่ได้ละมั้ง ถือว่าเหมาะกับคนที่ไม่ได้กินเผ็ดร้อนแรงแบบคนใต้ กินได้สบายๆเลย ส่วนตัวรู้สึกว่าพอเคี้ยวกลืนหมดแล้วจะทิ้งความขมไว้ในปากหน่อยๆ แปลกดีเหมือนกัน ไม่รู้ติดมาจากไหน ใบมะกรูดฝอยเหรอ หรืออะไร แล้วก็มีฟักทองนึ่งกับบล็อคโคลีนึ่งมาให้อย่างละชิ้น เหมือนจะให้กินดับเผ็ด แต่มันไม่มีเผ็ดให้ดับนี่สิ

ของว่าง - ชุดผลไม้ มีแอปเปิล 1 ผล ส้มหั่นครึ่งแว่น และกีวีฝาน 1 ชิ้น
แอปเปิลอร่อยเหมือนเดิม ส้มก็หวานอมเปรี้ยวดี เนื้อล่อนจากเปลือกง่าย กีวีก็เหมือนที่กินวันก่อน

Day 6
มื้อเช้า - ข้าวไม่มันไก่

มันก็คือข้าวไก่ต้มที่ลอกหนังออกนี่เองและใช้ข้าวไรส์เบอร์รี่ เนื้อไก่ก็เป็นเนื้ออกแห้งๆที่ลอกหนังทิ้ง น้ำจิ้มก็เป็นแบบเต้าเจี้ยวที่เน้นเผ็ด ไม่ค่อยเปรี้ยวหรือเค็มเท่าไหร่ ในเมื่อข้าวไร้ความมันแล้ว น้ำจิ้มแบบเต้าเจี้ยวที่จะกินคู่กับข้าวมันไก่ตามปกติเลยไม่จำเป็นอีกต่อไป ข้าวไรส์เบอร์รี่ให้รสสัมผัสคนละแบบกับข้าวขาวทั่วไปที่คนมักจะกินกับไก่ต้ม รสชาติก็กินได้เรื่อยๆ แต่คงไม่เหมาะสำหรับคนที่ปกติชอบกินข้าวมันไก่มากๆเพราะมันแทนกันไม่ได้
ชื่อสินค้า:   Eat Right
คะแนน:     
**SR - Sponsored Review : ผู้เขียนรีวิวนี้ไม่ได้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง แต่มีผู้สนับสนุนสินค้าหรือบริการนี้ให้แก่ผู้เขียนรีวิว โดยที่ผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนอื่นใดในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่