บางครั้งการที่เราได้ตื่นมาแต่เช้าหามุมโปรดนั่งสงบๆ หาอะไรทานสักเล็กน้อย ซึ่งอาจจะเป็นร้านที่เราคุ้นเคยหรือมุมโปรดของบ้านเราเองที่เป็นจุดที่สามารถมองเห็นถนนหนทางได้ถนัด ทำไมเราจึงหาสถานที่นั่งเช่นนี้นั่นเพราะผมกำลังจะบอกคุณว่ามันคือสิ่งวิเศษที่สุดที่เราจะได้เห็นอะไรอีกมากมายหลากหลายมุมมองที่เราไม่เคยเห็นในขณะที่เราคิดว่าเคยเห็น แต่เราลองนั่งแล้วมองอย่างตั้งใจ มองอย่างใส่ใจและพินิจสักหน่อย เราจะเห็นว่าในถนนเส้นเดิม ในทางเดินเดิม ๆ ในมุมเดิม ๆ ต้นไม้เดิม ๆ ดอกไม้ข้างทางหรืออะไรต่อมิอะไรที่มันยังคงวางอยู่ที่เดิมของมันซึ่งเราอาจจะมองเห็นอยู่ทุกๆวัน
ในแต่ละเวลานาทีนั้น ในความเป็นจริงสิ่งที่เราเห็นจนชินตามันไม่เคยเหมือนเดิม แม้แต่ตัวเราเองซึ่งอยู่ในฐานะผู้มองก็ไม่เหมือนเดิม ถนนเส้นเดิมแต่รถราที่วิ่งผ่านไปไม่ได้ซ้ำคัน เส้นจราจรที่เมื่อวานยังคงคมเข้มแต่วันนี้เวลานี้อาจเริ่มซีดจาง ทางเดินเดิม ๆ แต่ผู้คนที่สัญจรเปลี่ยนหน้ากันในทุกเวลาคนใหม่บ้างคนเก่าบ้าง บางคนอาจกำลังทำงานอยู่บนเส้นทางแต่บางคนก็เพียงแค่เดินผ่านไป ในมุมเดิมๆ เพียงแค่เราเอี้ยวตัวหรือหันซ้ายหันขวาภาพที่เห็น เสียงที่ได้ยินก็เปลี่ยนไป ต้นไม้เดิม ๆ หรือดอกไม้ที่เรามองเห็นทุกวันจนชินตาจนบางครั้งก็คิดไปว่ามันก็เป็นอยู่อย่างนั้นไม่เห็นว่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลง แท้จริงลองมองดี ๆ สิครับว่ามันไม่ได้เหมือนเดิม กิ่งก้านอาจยาวขึ้น ลำต้นอาจสูงขึ้น หรือแม้แต่อาจสั้นลงหากว่าเมื่อวานหรือชั่วโมงที่แล้วมีใครมาตัดแต่งกิ่ง นอกจากนี้กิ่งก้าน ใบไม้ กลีบดอก ต่างก็ผลิใหม่ผลัดกับการล่วงหล่นสลับกันไปมาอยู่ตลอดเวลา
สรุปแล้วเราได้อะไรจากการตื่นขึ้นมาเช้า ๆ แล้ว “มอง” เราเห็นอะไรเมื่อเราพิจารณาอย่างตั้งใจ นอกเหนือไปจากการเห็นรถราที่วิ่งขวักไขว่ เห็นการจราจรที่สับสนวุ่นวาย เห็นวิถีชีวิตของผู้คนมากมายหลากหลายอาชีพ หลากหลายชนชั้น หลากหลายความคิดและการกระทำ เห็นทางเดินที่ผู้คนใช้สัญจรไปมา เห็นต้นไม้และดอกไม้ริมทางที่เบ่งบานแล้วก็ล่วงหล่นโรยราอยู่ทุกวันเวลา...แต่สิ่งที่ได้เห็นมากกว่านั้นคือ “การเปลี่ยนแปลง” ใช่ครับ! ทุกสรรพสิ่งและสรรพชีวิตบนโลกใบนี้ย่อมมีการเปลี่ยนแปลง ไม่มีสิ่งใดเลยที่ไม่เปลี่ยนแปลง สังเกตง่ายที่สุดก็คือตัวเราหรือสิ่งต่างๆ ที่อยู่รอบ ๆ ตัวเราลองสังเกตดี ๆ สิครับว่ามันไม่เหมือนเดิม ไม่มีอะไรที่เหมือนเดิมแม้แต่ใจเราก็เปลี่ยนแปลงได้ทุกวินาที...มันเป็นธรรมดาเช่นนั้นจริง ๆ ดังนั้น “หากเราเข้าใจการเปลี่ยนแปลง เราก็จะรู้จักปรับตัว” นี่คือสิ่งที่ได้เพียงแค่เรา “มอง”อย่างตั้งใจ .
ปล.ขออนุญาตเผยแพร่งานเขียนในมุมมองมุมหนึ่งนะครับ^^
ตื่น...เพื่อมอง
ในแต่ละเวลานาทีนั้น ในความเป็นจริงสิ่งที่เราเห็นจนชินตามันไม่เคยเหมือนเดิม แม้แต่ตัวเราเองซึ่งอยู่ในฐานะผู้มองก็ไม่เหมือนเดิม ถนนเส้นเดิมแต่รถราที่วิ่งผ่านไปไม่ได้ซ้ำคัน เส้นจราจรที่เมื่อวานยังคงคมเข้มแต่วันนี้เวลานี้อาจเริ่มซีดจาง ทางเดินเดิม ๆ แต่ผู้คนที่สัญจรเปลี่ยนหน้ากันในทุกเวลาคนใหม่บ้างคนเก่าบ้าง บางคนอาจกำลังทำงานอยู่บนเส้นทางแต่บางคนก็เพียงแค่เดินผ่านไป ในมุมเดิมๆ เพียงแค่เราเอี้ยวตัวหรือหันซ้ายหันขวาภาพที่เห็น เสียงที่ได้ยินก็เปลี่ยนไป ต้นไม้เดิม ๆ หรือดอกไม้ที่เรามองเห็นทุกวันจนชินตาจนบางครั้งก็คิดไปว่ามันก็เป็นอยู่อย่างนั้นไม่เห็นว่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลง แท้จริงลองมองดี ๆ สิครับว่ามันไม่ได้เหมือนเดิม กิ่งก้านอาจยาวขึ้น ลำต้นอาจสูงขึ้น หรือแม้แต่อาจสั้นลงหากว่าเมื่อวานหรือชั่วโมงที่แล้วมีใครมาตัดแต่งกิ่ง นอกจากนี้กิ่งก้าน ใบไม้ กลีบดอก ต่างก็ผลิใหม่ผลัดกับการล่วงหล่นสลับกันไปมาอยู่ตลอดเวลา
สรุปแล้วเราได้อะไรจากการตื่นขึ้นมาเช้า ๆ แล้ว “มอง” เราเห็นอะไรเมื่อเราพิจารณาอย่างตั้งใจ นอกเหนือไปจากการเห็นรถราที่วิ่งขวักไขว่ เห็นการจราจรที่สับสนวุ่นวาย เห็นวิถีชีวิตของผู้คนมากมายหลากหลายอาชีพ หลากหลายชนชั้น หลากหลายความคิดและการกระทำ เห็นทางเดินที่ผู้คนใช้สัญจรไปมา เห็นต้นไม้และดอกไม้ริมทางที่เบ่งบานแล้วก็ล่วงหล่นโรยราอยู่ทุกวันเวลา...แต่สิ่งที่ได้เห็นมากกว่านั้นคือ “การเปลี่ยนแปลง” ใช่ครับ! ทุกสรรพสิ่งและสรรพชีวิตบนโลกใบนี้ย่อมมีการเปลี่ยนแปลง ไม่มีสิ่งใดเลยที่ไม่เปลี่ยนแปลง สังเกตง่ายที่สุดก็คือตัวเราหรือสิ่งต่างๆ ที่อยู่รอบ ๆ ตัวเราลองสังเกตดี ๆ สิครับว่ามันไม่เหมือนเดิม ไม่มีอะไรที่เหมือนเดิมแม้แต่ใจเราก็เปลี่ยนแปลงได้ทุกวินาที...มันเป็นธรรมดาเช่นนั้นจริง ๆ ดังนั้น “หากเราเข้าใจการเปลี่ยนแปลง เราก็จะรู้จักปรับตัว” นี่คือสิ่งที่ได้เพียงแค่เรา “มอง”อย่างตั้งใจ .
ปล.ขออนุญาตเผยแพร่งานเขียนในมุมมองมุมหนึ่งนะครับ^^