คือเราต้องขอออกตัวก่อนเลยนะคะว่านี้ไม่ใช้กระทู้รีวิวหรือนำเที่ยวแต่อย่างใด แต่เรามาแบ่งปันหรือเมาท์มอยตามประสาสาวๆมากกว่าเราเป็นนักศึกษาเรียนปีสุดท้ายแล้วค่ะ เลยคิดว่าหากจบไปต้องทำงานคงจะมีโอกาสได้เที่ยวน้อยเหลือเกินแล้ว ดังนั้นจึงไม่รอช้าค่ะหาข้อมูลก่อนเลย เพราะไม่เคยไปต่างประเทศคนเดียว และก็ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษคล่องสักเท่าไหร่เพียงแค่พอสื่อสารได้เท่านั้น พอหาข้อมูลก็ไปเจอโปรโมชั่นของ AirAsia เป็นตั๋ว ไป-กลับ พร้อมที่พักพอดีลองดูก็เออถูกดีไม่แพงมาก เลยเลือกสิงค์โปรนี้แหล่ะใกล้ๆดีไปครั้งแรกกล้าๆกลัวๆ
จากนั้นเราก็หาข้อมูลทั่วไปค่ะ เช่น สถานที่เที่ยว ซิมอินเตอร์เน็ต ระบบการเดินทางบ้านเค้า และทั่วๆไป
เราหาจากในห้องนี้บ้าง จากกระทู้รีวิวต่างๆบ้างอ่านแล้วก็พอเข้าใจดีเลยนะ และเราก็ลองไปเดินร้านหนังสือดูอยากสร้างความมั่นใจแบบพกข้อมูลไปแน่นๆนิดนึง คือในหนังสือเล่มนี้คือจะแนะนำทั้งสถานที่ท่องเที่ยวแบ่งเป็นย่านให้เราเลยแล้วยังมีบอกราคา เวลาเปิด ปิด วิธีการเดินทางไป และแผนที่MRT และรถประจำทางด้วย คืออ่านแล้วมันง๊ายง่ายเหมือนแสงสว่างนำทางชีวิตให้แก่ข้าในเมืองต่างแดนได้ (ไม่ได้แฝงการค้าใดๆทั้งสิ้นนะจ๊ะ
ซื้อเอง 200 กว่าบาท)
พอถึงวันเดินทางเราก็ไปแลกเงินค่ะ จากเงินบาทเป็นดอลล่าสิงค์โปร 1 ดอลล่า ประมาณ 25 – 26 บาท ถ้าแลกที่ร้านนอกสนามบินจะได้เรทดีกว่าค่ะ แต่เราสะดวกที่แลกที่สนามบินมากกว่า
หน้าตาแบงค์สิงค์โปรค่ะถ้าจำไม่ผิดตอนนั้นแลกที่เรท 1 : 25.89 ประมาณนี้
จากนั้นถึงเวลาบินเดี่ยวแบ้ววววตื่นเต้นๆ คือตอนเดินทางไม่ได้เก็บภาพไว้เลยค่ะ อ่อขอบอกไว้ก่อนว่ารูปที่ถ่าย ถ่ายจากโทรศัพท์มือถือทั้งสิ้น จขกท. แบกเป้ไปแค่ใบเดียวชิวๆไม่ได้พกอุปกรณ์ไปมาก รูปที่ออกมาจึงตามสภาพนั้นๆอ่ะเนอะต้องขออภัยด้วย เอ๊า ต่อๆเนื่องจากตอนที่เดินทางจากดอนเมืองไปถึงสนามบินชางฮีจนถึงโรงแรมนั้นไม่ได้เก็บภาพเลยเพราะมั่วแต่ตื่นเต้นไงกลัวหลง พูดกับเค้าไม่ค่อยจะรู้เรื่องอยู่ด้วยต้องรีบๆเดินตามป้ายไป ตรงนี้ผู้อ่านสามารถไปหาข้อมูลได้แย่ะเยอะนะคะที่เค้ารีวิวไว้ละเอียดเลย
พอไปถึง MRT ก็ไปซื้อ บัตร The Singapore tourist pass ค่ะ ขึ้นได้หมดทั้ง Bus MRT LRT มีให้เหมาๆเป็น 1 2 3 วันก็ว่ากันไปค่ะ ตรงข้อมูลพวกนี้ท่านผู้อ่านสามารถไปหาข้อมูลเองได้ทั่วไปเลยนะคะมีเยอะอยู่ เพราะประเด็ดหลักของกระทู้นี้คือ ผู้ชายค่า(ลากเสียง) ฮ้าๆส่วนการท่องเที่ยวเป็นส่วนประกอบกันไปค่ะ
ยังมีอีกนะสำหรับคนที่จะใช้อินเตอร์เน็ต ซิมที่สนามบินเค้าก็มีขายนะคะ ส่วนเราซื้อเซเว่นแล้วให้เค้า Set up ให้เราเลย
เราใช้ของ M1 ค่ะ คือของเครือข่ายอื่นๆก็ยังมีนะ เลือกซื้อตามที่เราจะใช้งาน แต่เซเว่นที่เราไปซื้อเค้าขายหมดไปแล้วเหลือแต่อันนี้พอดี
เลยอ่ะๆเอานี้แหล่ะ ขี้เกียจเดินหาละวันนี้เหนื่อยกายาเต็มที เราพักอยู่ย่านไซน่าทาวน์ค่ะ เพราะ เราไปอ่านรีวิวเค้าบอกว่าสะดวกต่อการเดินทางและใกล้สถานที่เที่ยวท่องหลายๆแห่ง ก็สะดวกจริงๆ คือ ลง MRT สถานี Chinatown แล้วขึ้นทางออก A ก็จะเจอเลยค่ะ
จากในรูปจะขึ้นจากบันไดเลื่อนตรงนั้น เดินออกมานิดเดียวมองทางซ้ายจะเห็นโรงแรมค่ะ ชื่อโรงแรม 5footway.inn เราพักแบบ hostel
จองห้อง For women only มี 4 เตียงค่ะ
เอาละนะมาเข้าเรื่องผู้ชายกันดีกว่า….
จากที่เราเห็นป้ายโรงแรมหลังจากที่ระหกระเห็จหาอยู่สักพัก ณ จุดๆนั้นคือแบบใจชื้นขึ้นมาเลยอารมณ์ดีขึ้นทันใด เปิดประตูยิ้มสยามเข้าไปเลยจ้า คนก็ไม่เยอะนะมีพนักงานคนนึงคอยต้อนรับ เชคอินไรงี้ บรรยากาศกันเองดี เรายิ้มให้พนักงานเสร็จสายตาเราก็กวาดไปมองเห็นหนุ่มคนนึงมองมา คงกำลังเชคอินเสร็จพอดีแหล่ะเราก็ยิ้มแป้นให้แต่ไม่ได้สนใจ เดินดุ่มๆมายืนข้างเค้าแล้วทำเรื่องเชคอินนี้นั้น อีตานี้ก็ยังไม่ย้ายตัวเองออกไปสักที เลยเหงยหน้าขึ้นไปมองแปป ทันไดนั้น หนุ่มเอเชียตากลม จมูกโด่งเป็นสัน ผิวเนียนขาวผ่องใส ปากชมพู ผมสีดำมาคนเดียวด้วย บร๊ะ!! ตั๊ลล้ากกกกอ่ะ (ว่าแต่ ใช้…ใช้ปะ) คือคิดได้ว่าต้องเก็บอาการมาคนเดียวนะยะ เลยยิ้มไปงั้นๆแหล่ะ เฟรนลี่ๆ เสร็จก็คุยๆกะ พนง. เค้าจะพาไปดูห้อง แนะนำห้องอาหาร ห้องน้ำ ล๊อคเกอร์ทั่วๆไป อ้าวแล้วอีตานี้ทำไมยังไม่ไปไหนเค้าพาแกไปแนะนำมาแล้วนิช่างเถอะไปแร่ะ มีวาสนาคงได้เดินผ่านยิ้มให้กันบ้าง พอเราเข้าห้องจัดการสัมภาระเรียบร้อย โอเคเมคอัพมาชุดได้ออกท่องราตรีได้จ้า
คือเราวางแผนก่อนมาแล้วว่าเราจะเที่ยวไหนบ้างทำแพลนไว้เลยแล้วพับๆไว้ในหนังสือเรา เรารู้สึกกระหายน้ำนิดนึงเลยไปแว่ะที่เคาน์เตอร์
เชคอินมะกี้ถามหาน้ำจาก พนง แล้วเราก็เห็นหนุ่มคนนั้นนั้งอยู่แถวนั้นคนเดียวจ้า เราขอเรียกว่าพี่ J แล้วแทนตัวเองว่าน้อง S นะ
เรากับพี่ J หันมาสบตากัน ก่อนที่เราจะออกมาจากตรงนั้นพี่ J ก็ทักเราค่ะ
พี่ J : Hello
เราก็มองซ้ายมองขวามีตูคนเดียวนี้หว่าว๊ายตายเค้าทักเรา !!
น้อง S : ah Hello (ยิ้มอ่อน) จากนี้ขอแปลไทยให้เลยนะฮะ
พี่ J : คุณหิวน้ำหรอครับ ผมเห็นคุณมาถามหาน้ำดื่ม ผมพกมานะ
น้อง S : อ่อไม่เป็นไรค่ะ เราได้กินแล้วล่ะ
พี่ J : คุณเป็นคนไทยใช้มั๊ย แล้วทำไมถึงมาคนเดียวล่ะ (หู้ยรู้ได้ไงสงสัยเห็นพาสปอตร์ตอนเชคอิน แน่ะๆแอบมองฉันหรอ)
น้อง S : อ่อ เพื่อนเราไม่ว่างน่ะเลยมาคนเดียว ก็สนุกดีนะ
พี่ J : งั้นคืนนี้คุณไปเดินเล่นกับผมได้นะ ผมว่าจะไปแถว @#$@#%^ บลาๆๆ
เฮ้ยเค้าชวนชั้นอ่ะแกร คือตอนนั้นอยากตอบตกลงทันทีเลย แต่ไม่ได้ดิเดี๊ยวเค้าหาว่าหญิงไทยใจง่าย เลยทำเป็นยืนคิดประมาณครึ่งนาที ฮ้าๆๆ
น้อง S : เอาซี้...ไปเดินเที่ยวกัน
แล้วเราก็ทำแล้วรู้จักกันนิดๆหน่อยๆค่ะ พี่ J มาจากเซี่ยงไฮ้ อายุห่างจากเราหลายปีเหมือนกันค่ะไม่น่าเชื่อน่าเด็กมากกกกกก แต่ห่างไม่มากเกินไปนะ พึ่งไปเชียงใหม่มาแล้วก็มานี้แหล่ะส่วนเพื่อนพี่เค้าหลังจากเที่ยวเชียงใหม่แล้วก็กลับไปก่อน ส่วนตัวเค้ามาต่อที่นี้อีกที่ก็จะกลับแล้วค่ะหลังจากทำความรู้จักกันพอหอมปากหอมคอ เราก็ชวนกันออกมาค่ะ
เราขึ้น MRT ลงสถานีที่ใกล้ที่สุดแล้วเดินเท้าไปต่อแถว Clarke Quay

เราเดินไปตามทางเดินเท้าเลียบสองฝั่งแม่น้ำค่ะ บรรยากาศดีมาก แสง สี เสียง สวยโรแมนติกเฟอร์ สองข้างทาง
จะมีร้านอาหารให้นั้งฟังเพลงกินอาหารจิบเครื่องดื่มกันชิวๆ ตลอดสายค่ะ
เราก็เดินเรื่อยๆเอ่ยๆกันไปคุยนั้นนี้กัน
พี่ J : ตลกเนาะผมไม่เคยทักใครก่อนด้วยซ้ำ แต่พอผมเห็นคุณประตูแล้วเดินเข้ามา ผมเห็นคุณยิ้ม ผมคิดว่าผู้หญิงคนนี้น่ารักจัง
ผมรู้สึกว่าอยากจะรู้จักคุณมากอ่ะ คุณน่าดึงดูดจัง (จริงหรอ หลอกป่าว ฉันบ้ายอนะ)
โอยวินาทีนี้ฉันต้องการยาดมค่ะคุณ คือเราแอบมองหน้าเค้าตอนเค้าพูดเค้ายิ้มคือแบบตากลมๆคู่นั้นทำฉันหวั่นไหวมากกกก
เราก็ยิ้มๆคือไม่รู้จะตอบอะไร พูดไม่คล่องอ่ะ แต่เราก็คุยกันถูกคอดีนะคะบรรยากาศรอบๆช่างครื่นเครงและโรแมนติกซะเหลือเกิน
พี่ J : คุณรู้มั๊ยหลังจากที่คุณขึ้นไปดูห้องแล้ว ผมไม่ได้ออกไปไหน นั้งอยู่ตรงเคาน์เตอร์ ผมหวังว่าคุณจะกลับมาตรงนี้อีก แล้วคุณก็มาจริงๆ
ตอนนั้นคิดถึงเพลงรักแรกพบของ tattoo colour เลยค่ะมีจิ้นตัวเองด้วยนะ ฮ้าๆๆๆ
น้อง S : อ่อ เราหิวน้ำน่ะ มาหาไรกิน (แม้…ที่แท้ก็มาแอบมองเค้า)
และแล้วฉากที่ฟินกว่าเก่าก็เกิดขึ้น เมื่อฝนโปรยลงมานิดหน่อยค่ะ ทันไดนั้นพี่ J ก็กางแผนที่ ที่เป็นกระดาษแข็งขึ้นมาคลุมตัวแล้วคลุมให้เราด้วยค่ะ ตอนนั้นอยู่ในสภาพที่พี่เค้าโอบจากข้างหลังมาอ่ะค่ะ เหมือนหนังเรื่อง The classic ที่พระเอกติดฝนกะนางเอก แล้วพระเอกเอาเสื้อมาคลุมกันฝนให้นางเอกไปส่งที่หอสมุด ตอนนั้นเราไม่อยากให้ถึงที่ร่มเลยค่ะทุบตึกทิ้งภายในสิบวิได้มั๊ย นี้ฉันเพ้อเจ้อไปไกลมาก
ประสบการณ์ผู้หญิงกับเป้ใบเดียวบินเดี่ยวประเทศสิงคโปร์ครั้งแรก!! และเมื่อบุพเพอาละวาดให้เจอกับชายหนุ่มรูปงาม
จากนั้นเราก็หาข้อมูลทั่วไปค่ะ เช่น สถานที่เที่ยว ซิมอินเตอร์เน็ต ระบบการเดินทางบ้านเค้า และทั่วๆไป
เราหาจากในห้องนี้บ้าง จากกระทู้รีวิวต่างๆบ้างอ่านแล้วก็พอเข้าใจดีเลยนะ และเราก็ลองไปเดินร้านหนังสือดูอยากสร้างความมั่นใจแบบพกข้อมูลไปแน่นๆนิดนึง คือในหนังสือเล่มนี้คือจะแนะนำทั้งสถานที่ท่องเที่ยวแบ่งเป็นย่านให้เราเลยแล้วยังมีบอกราคา เวลาเปิด ปิด วิธีการเดินทางไป และแผนที่MRT และรถประจำทางด้วย คืออ่านแล้วมันง๊ายง่ายเหมือนแสงสว่างนำทางชีวิตให้แก่ข้าในเมืองต่างแดนได้ (ไม่ได้แฝงการค้าใดๆทั้งสิ้นนะจ๊ะ
ซื้อเอง 200 กว่าบาท)
พอถึงวันเดินทางเราก็ไปแลกเงินค่ะ จากเงินบาทเป็นดอลล่าสิงค์โปร 1 ดอลล่า ประมาณ 25 – 26 บาท ถ้าแลกที่ร้านนอกสนามบินจะได้เรทดีกว่าค่ะ แต่เราสะดวกที่แลกที่สนามบินมากกว่า
หน้าตาแบงค์สิงค์โปรค่ะถ้าจำไม่ผิดตอนนั้นแลกที่เรท 1 : 25.89 ประมาณนี้
จากนั้นถึงเวลาบินเดี่ยวแบ้ววววตื่นเต้นๆ คือตอนเดินทางไม่ได้เก็บภาพไว้เลยค่ะ อ่อขอบอกไว้ก่อนว่ารูปที่ถ่าย ถ่ายจากโทรศัพท์มือถือทั้งสิ้น จขกท. แบกเป้ไปแค่ใบเดียวชิวๆไม่ได้พกอุปกรณ์ไปมาก รูปที่ออกมาจึงตามสภาพนั้นๆอ่ะเนอะต้องขออภัยด้วย เอ๊า ต่อๆเนื่องจากตอนที่เดินทางจากดอนเมืองไปถึงสนามบินชางฮีจนถึงโรงแรมนั้นไม่ได้เก็บภาพเลยเพราะมั่วแต่ตื่นเต้นไงกลัวหลง พูดกับเค้าไม่ค่อยจะรู้เรื่องอยู่ด้วยต้องรีบๆเดินตามป้ายไป ตรงนี้ผู้อ่านสามารถไปหาข้อมูลได้แย่ะเยอะนะคะที่เค้ารีวิวไว้ละเอียดเลย
พอไปถึง MRT ก็ไปซื้อ บัตร The Singapore tourist pass ค่ะ ขึ้นได้หมดทั้ง Bus MRT LRT มีให้เหมาๆเป็น 1 2 3 วันก็ว่ากันไปค่ะ ตรงข้อมูลพวกนี้ท่านผู้อ่านสามารถไปหาข้อมูลเองได้ทั่วไปเลยนะคะมีเยอะอยู่ เพราะประเด็ดหลักของกระทู้นี้คือ ผู้ชายค่า(ลากเสียง) ฮ้าๆส่วนการท่องเที่ยวเป็นส่วนประกอบกันไปค่ะ
ยังมีอีกนะสำหรับคนที่จะใช้อินเตอร์เน็ต ซิมที่สนามบินเค้าก็มีขายนะคะ ส่วนเราซื้อเซเว่นแล้วให้เค้า Set up ให้เราเลย
เราใช้ของ M1 ค่ะ คือของเครือข่ายอื่นๆก็ยังมีนะ เลือกซื้อตามที่เราจะใช้งาน แต่เซเว่นที่เราไปซื้อเค้าขายหมดไปแล้วเหลือแต่อันนี้พอดี
เลยอ่ะๆเอานี้แหล่ะ ขี้เกียจเดินหาละวันนี้เหนื่อยกายาเต็มที เราพักอยู่ย่านไซน่าทาวน์ค่ะ เพราะ เราไปอ่านรีวิวเค้าบอกว่าสะดวกต่อการเดินทางและใกล้สถานที่เที่ยวท่องหลายๆแห่ง ก็สะดวกจริงๆ คือ ลง MRT สถานี Chinatown แล้วขึ้นทางออก A ก็จะเจอเลยค่ะ
จากในรูปจะขึ้นจากบันไดเลื่อนตรงนั้น เดินออกมานิดเดียวมองทางซ้ายจะเห็นโรงแรมค่ะ ชื่อโรงแรม 5footway.inn เราพักแบบ hostel
จองห้อง For women only มี 4 เตียงค่ะ
เอาละนะมาเข้าเรื่องผู้ชายกันดีกว่า….
จากที่เราเห็นป้ายโรงแรมหลังจากที่ระหกระเห็จหาอยู่สักพัก ณ จุดๆนั้นคือแบบใจชื้นขึ้นมาเลยอารมณ์ดีขึ้นทันใด เปิดประตูยิ้มสยามเข้าไปเลยจ้า คนก็ไม่เยอะนะมีพนักงานคนนึงคอยต้อนรับ เชคอินไรงี้ บรรยากาศกันเองดี เรายิ้มให้พนักงานเสร็จสายตาเราก็กวาดไปมองเห็นหนุ่มคนนึงมองมา คงกำลังเชคอินเสร็จพอดีแหล่ะเราก็ยิ้มแป้นให้แต่ไม่ได้สนใจ เดินดุ่มๆมายืนข้างเค้าแล้วทำเรื่องเชคอินนี้นั้น อีตานี้ก็ยังไม่ย้ายตัวเองออกไปสักที เลยเหงยหน้าขึ้นไปมองแปป ทันไดนั้น หนุ่มเอเชียตากลม จมูกโด่งเป็นสัน ผิวเนียนขาวผ่องใส ปากชมพู ผมสีดำมาคนเดียวด้วย บร๊ะ!! ตั๊ลล้ากกกกอ่ะ (ว่าแต่ ใช้…ใช้ปะ) คือคิดได้ว่าต้องเก็บอาการมาคนเดียวนะยะ เลยยิ้มไปงั้นๆแหล่ะ เฟรนลี่ๆ เสร็จก็คุยๆกะ พนง. เค้าจะพาไปดูห้อง แนะนำห้องอาหาร ห้องน้ำ ล๊อคเกอร์ทั่วๆไป อ้าวแล้วอีตานี้ทำไมยังไม่ไปไหนเค้าพาแกไปแนะนำมาแล้วนิช่างเถอะไปแร่ะ มีวาสนาคงได้เดินผ่านยิ้มให้กันบ้าง พอเราเข้าห้องจัดการสัมภาระเรียบร้อย โอเคเมคอัพมาชุดได้ออกท่องราตรีได้จ้า
คือเราวางแผนก่อนมาแล้วว่าเราจะเที่ยวไหนบ้างทำแพลนไว้เลยแล้วพับๆไว้ในหนังสือเรา เรารู้สึกกระหายน้ำนิดนึงเลยไปแว่ะที่เคาน์เตอร์
เชคอินมะกี้ถามหาน้ำจาก พนง แล้วเราก็เห็นหนุ่มคนนั้นนั้งอยู่แถวนั้นคนเดียวจ้า เราขอเรียกว่าพี่ J แล้วแทนตัวเองว่าน้อง S นะ
เรากับพี่ J หันมาสบตากัน ก่อนที่เราจะออกมาจากตรงนั้นพี่ J ก็ทักเราค่ะ
พี่ J : Hello
เราก็มองซ้ายมองขวามีตูคนเดียวนี้หว่าว๊ายตายเค้าทักเรา !!
น้อง S : ah Hello (ยิ้มอ่อน) จากนี้ขอแปลไทยให้เลยนะฮะ
พี่ J : คุณหิวน้ำหรอครับ ผมเห็นคุณมาถามหาน้ำดื่ม ผมพกมานะ
น้อง S : อ่อไม่เป็นไรค่ะ เราได้กินแล้วล่ะ
พี่ J : คุณเป็นคนไทยใช้มั๊ย แล้วทำไมถึงมาคนเดียวล่ะ (หู้ยรู้ได้ไงสงสัยเห็นพาสปอตร์ตอนเชคอิน แน่ะๆแอบมองฉันหรอ)
น้อง S : อ่อ เพื่อนเราไม่ว่างน่ะเลยมาคนเดียว ก็สนุกดีนะ
พี่ J : งั้นคืนนี้คุณไปเดินเล่นกับผมได้นะ ผมว่าจะไปแถว @#$@#%^ บลาๆๆ
เฮ้ยเค้าชวนชั้นอ่ะแกร คือตอนนั้นอยากตอบตกลงทันทีเลย แต่ไม่ได้ดิเดี๊ยวเค้าหาว่าหญิงไทยใจง่าย เลยทำเป็นยืนคิดประมาณครึ่งนาที ฮ้าๆๆ
น้อง S : เอาซี้...ไปเดินเที่ยวกัน
แล้วเราก็ทำแล้วรู้จักกันนิดๆหน่อยๆค่ะ พี่ J มาจากเซี่ยงไฮ้ อายุห่างจากเราหลายปีเหมือนกันค่ะไม่น่าเชื่อน่าเด็กมากกกกกก แต่ห่างไม่มากเกินไปนะ พึ่งไปเชียงใหม่มาแล้วก็มานี้แหล่ะส่วนเพื่อนพี่เค้าหลังจากเที่ยวเชียงใหม่แล้วก็กลับไปก่อน ส่วนตัวเค้ามาต่อที่นี้อีกที่ก็จะกลับแล้วค่ะหลังจากทำความรู้จักกันพอหอมปากหอมคอ เราก็ชวนกันออกมาค่ะ
เราขึ้น MRT ลงสถานีที่ใกล้ที่สุดแล้วเดินเท้าไปต่อแถว Clarke Quay
เราเดินไปตามทางเดินเท้าเลียบสองฝั่งแม่น้ำค่ะ บรรยากาศดีมาก แสง สี เสียง สวยโรแมนติกเฟอร์ สองข้างทาง
จะมีร้านอาหารให้นั้งฟังเพลงกินอาหารจิบเครื่องดื่มกันชิวๆ ตลอดสายค่ะ
เราก็เดินเรื่อยๆเอ่ยๆกันไปคุยนั้นนี้กัน
พี่ J : ตลกเนาะผมไม่เคยทักใครก่อนด้วยซ้ำ แต่พอผมเห็นคุณประตูแล้วเดินเข้ามา ผมเห็นคุณยิ้ม ผมคิดว่าผู้หญิงคนนี้น่ารักจัง
ผมรู้สึกว่าอยากจะรู้จักคุณมากอ่ะ คุณน่าดึงดูดจัง (จริงหรอ หลอกป่าว ฉันบ้ายอนะ)
โอยวินาทีนี้ฉันต้องการยาดมค่ะคุณ คือเราแอบมองหน้าเค้าตอนเค้าพูดเค้ายิ้มคือแบบตากลมๆคู่นั้นทำฉันหวั่นไหวมากกกก
เราก็ยิ้มๆคือไม่รู้จะตอบอะไร พูดไม่คล่องอ่ะ แต่เราก็คุยกันถูกคอดีนะคะบรรยากาศรอบๆช่างครื่นเครงและโรแมนติกซะเหลือเกิน
พี่ J : คุณรู้มั๊ยหลังจากที่คุณขึ้นไปดูห้องแล้ว ผมไม่ได้ออกไปไหน นั้งอยู่ตรงเคาน์เตอร์ ผมหวังว่าคุณจะกลับมาตรงนี้อีก แล้วคุณก็มาจริงๆ
ตอนนั้นคิดถึงเพลงรักแรกพบของ tattoo colour เลยค่ะมีจิ้นตัวเองด้วยนะ ฮ้าๆๆๆ
น้อง S : อ่อ เราหิวน้ำน่ะ มาหาไรกิน (แม้…ที่แท้ก็มาแอบมองเค้า)
และแล้วฉากที่ฟินกว่าเก่าก็เกิดขึ้น เมื่อฝนโปรยลงมานิดหน่อยค่ะ ทันไดนั้นพี่ J ก็กางแผนที่ ที่เป็นกระดาษแข็งขึ้นมาคลุมตัวแล้วคลุมให้เราด้วยค่ะ ตอนนั้นอยู่ในสภาพที่พี่เค้าโอบจากข้างหลังมาอ่ะค่ะ เหมือนหนังเรื่อง The classic ที่พระเอกติดฝนกะนางเอก แล้วพระเอกเอาเสื้อมาคลุมกันฝนให้นางเอกไปส่งที่หอสมุด ตอนนั้นเราไม่อยากให้ถึงที่ร่มเลยค่ะทุบตึกทิ้งภายในสิบวิได้มั๊ย นี้ฉันเพ้อเจ้อไปไกลมาก