
ผมตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาเพื่ออยากรู้เกี่ยวกับความคิดของคนอื่นๆ เมื่อถ้าคุณตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ คุณจะทำอย่างไร??
ลักษณะนิสัยของผม คือ ร่าเริง ช่างพูด ช่างคุย ชอบงานcreative ชอบหาความรู้ใหม่ๆ เข้าตัวเองเสมอ เพื่อพัฒนาตนเอง มองโลกในแง่บวก นี้คือลักษณะนิสัยคร่าวๆ ของผมครับ !! เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า
ผมพึ่งเรียนจบจากสาขาวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ ยังไม่ได้รับปริญญา อายุ 23 ปี ก่อนเข้าทำงานที่นี้ ผมเคยรับงานอิสระ คือการเขียนเว็บไซต์ให้นักศึกษาที่ทำโปรเจคจบ เหตุที่เขียนได้เพราะผมลงเรียนวิชาเลือก เกี่ยวกับการพัฒนาเว็บไซต์ แล้วเกิดความสนใจจึงศึกษาทางด้านการเขียนเว็บไซต์ด้วยภาษา php ด้วยตนเอง และลองรับงานมาทำดูเพื่อท้าทายความสามารถของตนเอง ผลก็สำเร็จไปได้ดี แต่ในปัจจุบันผมเข้าทำงานในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง โดยเข้ามาในตำแหน่ง คือ นักวิชาการคอมพิวเตอร์ เพียงแต่ยังไม่ได้บรรจุ จึงอยู่ในตำแหน่ง เจ้าหน้าที่ประจำคณะ ไปก่อนเพื่อรอการบรรจุ แต่เรื่องบรรจุเป็นสิ่งที่ผมไม่ได้คาดหวังอยู่แล้วครับ ตอนนี้ผมทำงานได้ระยะเวลาประมาณ 1 เดือน และเข้ามาด้วยความสามารถของตนเอง ผมต้องบอกก่อนว่าก่อนที่ผมจะได้ทำงานในคณะนี้ ผมสมัครในตำแหน่ง ผู้บริหารงานทั่วไป โดยส่งใบสมัครเข้ากองกลางเจ้าที่ของมหาวิทยาลัย ทำให้ใบสมัครของผมถูกคณะดึงไปเนื่องจากทางคณะเห็นว่าผมจบสาขาวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ ด้วยแรงกดดันต่างๆ ซึ่งหน้าที่ของผมที่แท้จริงคือ การพัฒนาระบบ และคอยบริการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับซอฟต์แวร์สำเร็จรูปต่างๆ ฮาร์ดแวร์ เครือข่ายอินเตอร์เนต รวมไปถึงการวิเคราะห์ ออกแบบ และพัฒนาระบบ ซึ่งผมก็สามารถทำได้ตามภาระงานดังกล่าว แต่ปัจจุบันผมเหมือนทำงานมากกว่าภาระงานที่กล่าวมา ตอนนี้รู้สึกเหมือนตัวเองเป็น nescafe 3 in 1 ได้แก่ นักวิจัย นักประชาสัมพันธ์ และนักวิชาการคอมพิวเตอร์ งานออกแบบ Popup Banner วาระสาร ถ่ายรูปกิจกรรมและโครงการของคณะต่างๆ รวมไปถึงการนำตัวเลขมาวิเคราะห์เพื่อสร้างกราฟ หื้มมมม !! ซึ่งผมไม่สามารถปฏิเสธงานจากคณาจารย์ที่มาขอความช่วยเหลือได้ เพราะอาจมีผลต่อการประเมิน โดยระยะการประเมินคือ 3 เดือนต่อการประเมิน 1 ครั้ง และในแต่ละวันต้องกรอกภาระงาน วันต่อวันเท่านั้น นั่นหมายความว่าผมต้องเอาเวลาทำงานหลักมากรอกภาระงานอีก เวลางาน คือ 8.30 - 16.30 น. ด้วยความที่เป็นคนจริงจังกับงาน และไม่ชอบให้งานค้างคา จึงนั่งทำงานให้เสร็จและเหลือน้อยที่สุด ในระยะเวลา 1 เดือนที่ผ่านมา ผมไม่เคยกลับก่อน 18.00 น. และทำงานเต็ม 30 วัน
Feed back ของผมในระยะเวลา 1 เดือน คือดี บุคลากรรวมถึงคณาจารย์ทุกคนชื่นชมและชอบนิสัย รวมถึงการทำงานที่รวดเร็ว และได้คุณภาพ แต่หารู้ไม่ว่าเบียดเบียนชีวิตของผมมากแค่ไหน และผมคิดว่าถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป อาจจะน็อคได้สักวัน แต่ด้วยที่ว่าผู้บริหารของคณะ ไม่มีการสร้างแรงจูงใจในการทำงาน เพียงต้องทำงานตามที่เขาสั่ง และถูกใจ แล้วต้องเสร็จในระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งภาระงานที่ผมทำตั้งแต่ออกแบบ ยันพัฒนาระบบนั้น เป็นงานที่ค่อนข้างใช้เวลาและสมาธิค่อนข้างมาก ภาวะแวดล้อมขององค์กรที่เจอ คือ เสียงผู้บริหารที่ต่อว่าบุคลากรที่กระทำผิดพลาด ด้วยระดับเสียงที่ดัง คุณคิดว่ามันส่งผลต่อสภาวะจิตใจของคนที่ทำงานในบริเวณรอบข้างหรือไม่ และอะไรอื่นๆ บลาๆ สิ่งที่ผมเห็นอีกอย่างก็คือ บุคลากรส่วนใหญ่ไม่ชอบการบริหารแบบนี้สักเท่าไหร่ เป็นการบริหารที่เอาใจเขามาใส่ใจเรา แต่เขากลับไม่เอาใจเราไปใส่ใจเขา ผมคิดว่ามัน คือ win กับ lose ไม่ใช่ win กับ win
ย้อนกลับไปตอนที่ผมบอกว่าผมรู้จักกับพี่คนหนึ่งที่อยู่ในส่วนกลางของมหาวิทยาลัย และได้มีโอกาสไปรับงานเกี่ยวกับการพัฒนานักศึกษาหรือผู้ประกอบการที่มีใจ อยากทำธุรกิจเป็นของตนเอง หน้าที่ที่ผมได้ทำคือ ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับธุรกิจต่างๆ รูปแบบผลิตภัณฑ์ การตลาด รวมถึงการออกแบบโลโก้ ยันจดลิขสิทธิ์ บลาๆ หน้าที่ที่ผมได้จากส่วนกลางคือ ที่ปรึกษาประจำศูนย์.... แต่ผมไม่ได้บอกหัวหน้างานที่คณะของผมรู้ ยอมรับว่าผมเองก็รู้สึกผิด แต่ในอนาคตผมอยากเรียนต่อปริญญาโท แต่ผมเลือกที่จะทำงานก่อน เพื่อจะได้ตอบโจทย์ได้ว่า เราควรจะไปเรียนปริญญาโทในด้านบริหาร หรือด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ดีครับ ผมรู้สึกชอบในหน้าที่นี้ เพราะได้ใช้สมองทางด้านการคิดสร้างสรรค์ และได้แลกเปลี่ยนความรู้ มีคนรับฟังคำพูดของเรา และเป็นการทำงานร่วมกับทางฝ่ายวิชาการครับ หัวหน้างานทางคณะของผม
เคยสัมภาษณ์และบอกผมว่าถ้าจะลาออกให้บอกก่อนล่วงหน้า 3 เดือน หาา!! พึ่งเคยได้ยิน แล้วในตอนนี้พี่ที่รู้จักเริ่มทาบทาม โดยเสนอเงินเดือนให้เท่ากับทางคณะของผม แต่ทางพี่ที่รู้จักเขาก็ไม่ได้กดดันว่าให้เราต้องเลือก ครับ เขาบอกผมว่าแล้วแต่ความสมัครใจของเรา ถ้าชอบก็มา เพราะเขายินดีต้อนรับผมเสมอ
สิ่งที่ผมอยากถามเลยนะครับ คือ
1.ผมใช้เวลาระยะสั้นเกินไปหรือไม่? ในการตัดสินใจว่า ตำแหน่งนักวิชาการคอมพิวเตอร์ ไม่เหมาะสำหรับผม เพราะผมเองก็เคยสมัครสอบ ข้าราชการ ในตำแหน่งนี้ โอนเงินแล้วเรียบร้อย แต่คุณวุฒิของผม กลับไม่ผ่าน จึงไม่มีรายชื่ออยู่ในรายชื่อผู้มีสิทธิ์สอบ
2.ต้องบอกก่อน 3 เดือนจริงหรือมั้ย? ซึ่งการสัมภาษณ์เป็นการตอบปากเปล่า ไม่ได้มีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษร โดยความตั้งใจของผมคือ อยากเริ่มงานใหม่ในต้นปีของปีถัดไป ซึ่งนัดหมายความว่าหากผมจะลาออก ผมต้องบอกตั้งแต่ช่วงนี้ และผมคิดไว้แล้วว่าหากพูดแบบนั้นออกไป จะต้องโดนแรงกดดันอย่างสูง ในระยะเวลาที่ทำงานก่อนจะออกจากงาน
3.แล้วถ้าเป็นคุณจะเลือกทำอย่างไรครับ?
เมื่อทำงานที่สามารถทำได้ แต่ไม่ได้ชอบ คิดอย่างไรกันบ้างครับ
ลักษณะนิสัยของผม คือ ร่าเริง ช่างพูด ช่างคุย ชอบงานcreative ชอบหาความรู้ใหม่ๆ เข้าตัวเองเสมอ เพื่อพัฒนาตนเอง มองโลกในแง่บวก นี้คือลักษณะนิสัยคร่าวๆ ของผมครับ !! เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า
ผมพึ่งเรียนจบจากสาขาวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ ยังไม่ได้รับปริญญา อายุ 23 ปี ก่อนเข้าทำงานที่นี้ ผมเคยรับงานอิสระ คือการเขียนเว็บไซต์ให้นักศึกษาที่ทำโปรเจคจบ เหตุที่เขียนได้เพราะผมลงเรียนวิชาเลือก เกี่ยวกับการพัฒนาเว็บไซต์ แล้วเกิดความสนใจจึงศึกษาทางด้านการเขียนเว็บไซต์ด้วยภาษา php ด้วยตนเอง และลองรับงานมาทำดูเพื่อท้าทายความสามารถของตนเอง ผลก็สำเร็จไปได้ดี แต่ในปัจจุบันผมเข้าทำงานในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง โดยเข้ามาในตำแหน่ง คือ นักวิชาการคอมพิวเตอร์ เพียงแต่ยังไม่ได้บรรจุ จึงอยู่ในตำแหน่ง เจ้าหน้าที่ประจำคณะ ไปก่อนเพื่อรอการบรรจุ แต่เรื่องบรรจุเป็นสิ่งที่ผมไม่ได้คาดหวังอยู่แล้วครับ ตอนนี้ผมทำงานได้ระยะเวลาประมาณ 1 เดือน และเข้ามาด้วยความสามารถของตนเอง ผมต้องบอกก่อนว่าก่อนที่ผมจะได้ทำงานในคณะนี้ ผมสมัครในตำแหน่ง ผู้บริหารงานทั่วไป โดยส่งใบสมัครเข้ากองกลางเจ้าที่ของมหาวิทยาลัย ทำให้ใบสมัครของผมถูกคณะดึงไปเนื่องจากทางคณะเห็นว่าผมจบสาขาวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ ด้วยแรงกดดันต่างๆ ซึ่งหน้าที่ของผมที่แท้จริงคือ การพัฒนาระบบ และคอยบริการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับซอฟต์แวร์สำเร็จรูปต่างๆ ฮาร์ดแวร์ เครือข่ายอินเตอร์เนต รวมไปถึงการวิเคราะห์ ออกแบบ และพัฒนาระบบ ซึ่งผมก็สามารถทำได้ตามภาระงานดังกล่าว แต่ปัจจุบันผมเหมือนทำงานมากกว่าภาระงานที่กล่าวมา ตอนนี้รู้สึกเหมือนตัวเองเป็น nescafe 3 in 1 ได้แก่ นักวิจัย นักประชาสัมพันธ์ และนักวิชาการคอมพิวเตอร์ งานออกแบบ Popup Banner วาระสาร ถ่ายรูปกิจกรรมและโครงการของคณะต่างๆ รวมไปถึงการนำตัวเลขมาวิเคราะห์เพื่อสร้างกราฟ หื้มมมม !! ซึ่งผมไม่สามารถปฏิเสธงานจากคณาจารย์ที่มาขอความช่วยเหลือได้ เพราะอาจมีผลต่อการประเมิน โดยระยะการประเมินคือ 3 เดือนต่อการประเมิน 1 ครั้ง และในแต่ละวันต้องกรอกภาระงาน วันต่อวันเท่านั้น นั่นหมายความว่าผมต้องเอาเวลาทำงานหลักมากรอกภาระงานอีก เวลางาน คือ 8.30 - 16.30 น. ด้วยความที่เป็นคนจริงจังกับงาน และไม่ชอบให้งานค้างคา จึงนั่งทำงานให้เสร็จและเหลือน้อยที่สุด ในระยะเวลา 1 เดือนที่ผ่านมา ผมไม่เคยกลับก่อน 18.00 น. และทำงานเต็ม 30 วัน
Feed back ของผมในระยะเวลา 1 เดือน คือดี บุคลากรรวมถึงคณาจารย์ทุกคนชื่นชมและชอบนิสัย รวมถึงการทำงานที่รวดเร็ว และได้คุณภาพ แต่หารู้ไม่ว่าเบียดเบียนชีวิตของผมมากแค่ไหน และผมคิดว่าถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป อาจจะน็อคได้สักวัน แต่ด้วยที่ว่าผู้บริหารของคณะ ไม่มีการสร้างแรงจูงใจในการทำงาน เพียงต้องทำงานตามที่เขาสั่ง และถูกใจ แล้วต้องเสร็จในระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งภาระงานที่ผมทำตั้งแต่ออกแบบ ยันพัฒนาระบบนั้น เป็นงานที่ค่อนข้างใช้เวลาและสมาธิค่อนข้างมาก ภาวะแวดล้อมขององค์กรที่เจอ คือ เสียงผู้บริหารที่ต่อว่าบุคลากรที่กระทำผิดพลาด ด้วยระดับเสียงที่ดัง คุณคิดว่ามันส่งผลต่อสภาวะจิตใจของคนที่ทำงานในบริเวณรอบข้างหรือไม่ และอะไรอื่นๆ บลาๆ สิ่งที่ผมเห็นอีกอย่างก็คือ บุคลากรส่วนใหญ่ไม่ชอบการบริหารแบบนี้สักเท่าไหร่ เป็นการบริหารที่เอาใจเขามาใส่ใจเรา แต่เขากลับไม่เอาใจเราไปใส่ใจเขา ผมคิดว่ามัน คือ win กับ lose ไม่ใช่ win กับ win
ย้อนกลับไปตอนที่ผมบอกว่าผมรู้จักกับพี่คนหนึ่งที่อยู่ในส่วนกลางของมหาวิทยาลัย และได้มีโอกาสไปรับงานเกี่ยวกับการพัฒนานักศึกษาหรือผู้ประกอบการที่มีใจ อยากทำธุรกิจเป็นของตนเอง หน้าที่ที่ผมได้ทำคือ ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับธุรกิจต่างๆ รูปแบบผลิตภัณฑ์ การตลาด รวมถึงการออกแบบโลโก้ ยันจดลิขสิทธิ์ บลาๆ หน้าที่ที่ผมได้จากส่วนกลางคือ ที่ปรึกษาประจำศูนย์.... แต่ผมไม่ได้บอกหัวหน้างานที่คณะของผมรู้ ยอมรับว่าผมเองก็รู้สึกผิด แต่ในอนาคตผมอยากเรียนต่อปริญญาโท แต่ผมเลือกที่จะทำงานก่อน เพื่อจะได้ตอบโจทย์ได้ว่า เราควรจะไปเรียนปริญญาโทในด้านบริหาร หรือด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ดีครับ ผมรู้สึกชอบในหน้าที่นี้ เพราะได้ใช้สมองทางด้านการคิดสร้างสรรค์ และได้แลกเปลี่ยนความรู้ มีคนรับฟังคำพูดของเรา และเป็นการทำงานร่วมกับทางฝ่ายวิชาการครับ หัวหน้างานทางคณะของผม เคยสัมภาษณ์และบอกผมว่าถ้าจะลาออกให้บอกก่อนล่วงหน้า 3 เดือน หาา!! พึ่งเคยได้ยิน แล้วในตอนนี้พี่ที่รู้จักเริ่มทาบทาม โดยเสนอเงินเดือนให้เท่ากับทางคณะของผม แต่ทางพี่ที่รู้จักเขาก็ไม่ได้กดดันว่าให้เราต้องเลือก ครับ เขาบอกผมว่าแล้วแต่ความสมัครใจของเรา ถ้าชอบก็มา เพราะเขายินดีต้อนรับผมเสมอ
สิ่งที่ผมอยากถามเลยนะครับ คือ
1.ผมใช้เวลาระยะสั้นเกินไปหรือไม่? ในการตัดสินใจว่า ตำแหน่งนักวิชาการคอมพิวเตอร์ ไม่เหมาะสำหรับผม เพราะผมเองก็เคยสมัครสอบ ข้าราชการ ในตำแหน่งนี้ โอนเงินแล้วเรียบร้อย แต่คุณวุฒิของผม กลับไม่ผ่าน จึงไม่มีรายชื่ออยู่ในรายชื่อผู้มีสิทธิ์สอบ
2.ต้องบอกก่อน 3 เดือนจริงหรือมั้ย? ซึ่งการสัมภาษณ์เป็นการตอบปากเปล่า ไม่ได้มีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษร โดยความตั้งใจของผมคือ อยากเริ่มงานใหม่ในต้นปีของปีถัดไป ซึ่งนัดหมายความว่าหากผมจะลาออก ผมต้องบอกตั้งแต่ช่วงนี้ และผมคิดไว้แล้วว่าหากพูดแบบนั้นออกไป จะต้องโดนแรงกดดันอย่างสูง ในระยะเวลาที่ทำงานก่อนจะออกจากงาน
3.แล้วถ้าเป็นคุณจะเลือกทำอย่างไรครับ?