รูปแบบแรก------------ รักที่เพ้อฝัน -----------
รักครั้งแรกของผมเกินขึ้นตอนผมอายุ 13 ปี อยู่มอหนึ่ง ผมแอบหลงรักเพื่อนร่วมห้องคนหนึ่งชื่อ เอ (นามสมมุติ) ที่วันๆมันเอาแต่แหย่ผม หยอกผม ไอ้ผมก็เป็นคนไม่ยอมให้ใครแกล้งง่ายๆมันแกล้งมาก็แกล้งมันกลับ เป็นอย่างนั้นอยู่ทุกๆวัน แกล้งกันไปแกล้งกันมาไม่รู้อีท่าไหนผมก็ตกหลุมรัก เอ ไปเลยโดยไม่รู้ตัว แล้วความรู้สึกมันก็เริ่มชัดขึ้นเลื่อยๆ ผมเริ่มอยากไปโรงเรียน เริ่มแอบมองเอ หัวใจผมเต้นแรงทุกครั้งที่อยู่ใกล้ๆเอ หลังเลิกเรียนผมก็ต้องรีบไปต่อแถวเดินออกจากโรงเรียนเพื่อไปดักรอเอ แล้วก็ทำเนี้ยนนั่งรอแม่มารับเพื่อให้เขาเห็นเราและทักเราหรือลาเราก่อนกลับ วันไหนที่เขาทักวันนั้นจะกลับบ้านอย่างมีความสุข แต่ถ้าวันไหนเขาไม่เห็นเราก็จะกลับบ้านแบบนอยๆ ผมก็ทำแบบนี้ทุกๆวัน จนมีอยู่วันหนึ่ง ขณะที่ผมนั่งทำงานที่ครูสั่งอยู่ในห้องเรียนเพื่อนผู้หญิงก็สกิตผมบอกว่า เอมันมองผมตลอดเลย พอผมมองไปที่เอ มันก็กำลังมองผมอยู่จริงๆแถมไม่หลบสายตาผมด้วยกลายเป็นผมเองที่ต้องหลบสายตามันแทนด้วยความเขิน เพื่อนมันก็แซวๆ เพราะเห็นผมกับมันแกล้งกันบ่อยๆ บางครั้งอาจารย์ก็ชอบแซวผมกับเอว่าเป็นผัวเมียกัน ชอบแกล้งกัน ไอ้เรานี่รีบปัฎิเสธกับอาจารย์ตลอดว่าป่าวแต่ในใจนี่แบบอยากตะโก้นบอกว่าชอบหลือเกิน เมื่อผมเริ่มรู้ว่าสิ่งที่ผมคิดไม่ใช่แค่ผมที่คิดคนเดียวแล้ว เอเองก็คงแอบรักผมเหมือนกันแน่ๆ ตอนนั้นผมเริ่มวาดภาพตัวเองกับเออยู่ในหัว เริ่มฝันว่าอยากไปโน้นไปนี้กับเอสองคน พร้อมกับความสัมพันธ์ของเราที่นับวันยิ่งชัดเจนขึ้นไปอีก เริ่มมีการโทรคุยกัน มีงอนกัน มีง้อกัน ชึ่งเรารู้กันแค่สองคน ไม่มีเพื่อนคนไหนรู้ มันเหมือนว่าเราสัมผัสกันด้วยใจแค่มองตาเราก็รู้แล้วว่าเขาคิดอะไรอยู่ เมื่อขึ้นมอสอง ผมก็เริ่มหาวิธีบอกรักเอตลอด ทั้งทางอ้อมและทางตรง ถึงแม้เราจะมั่นใจว่าเขารักเราแน่ๆ แต่เราก็ยังคงไม่กล้าที่จะบอกรักเออยู่ดี แอบกลัวว่าจะคิดไปเองคนเดียว เลยไม่กล้าบอกสักที่ หลังๆผมกับเอก็เริ่มงอนกันบ่อยขึ้น ส่วนมากจะเป็นผมที่เมื่อเห็นเอเล่นกับผู้หญิงหรือไม่สนใจผมก็จะงอน ทำเป็นไม่พูดด้วย มันก็แบบคงสงสัยว่าผมเป็นไร เห้ยทำไมไม่พูดไม่เล่นกับมันเหมือนวันก่อน มันก็จะชวนผมคุย ผมก็ไม่สนใจสะบัดบ๊อบใส่ มันก็จะตามแหย่ตามแกล้งจนกว่าผมจะคุยกับมันละ บางครั้งเป็นอาทิตย์ เป็นเดือนก็มี พอมันมีคนง้อผมก็เริ่มเอาใหญ่ ทำเหมือนตัวเองสวยมาก เริ่มได้ใจจนเขาหยุดง้อก็มี แต่ไม่กี่สัปดาห์ก็คุยกันเหมือนเดิม ชีวิตมอสองผมก็ประมาณนี้ พอขึ้นมอสาม ผมเริ่มรู้สึกว่า ผู้ชายกับผู้ชายมันรักกันไม่ได้หรอกสักวันผมกับเอก็ต้องแยกย้ายไปตามทางใครทางมัน ก็แอบทำใจไว้ตลอด ยอมรับว่าตลอดเวลาผมก็เป็นตุ๊ดตุงติงออกสาวไปวันๆ แต่กลับเอ เอคือผู้ชายแท้ๆ ที่อยู่ในกลุ่มผู้ชาย เล่นบอล เป็นหัวหน้ากลุ่มผู้ชาย เอเป็นคนที่สูงที่สุดขาวที่สุดในห้อง ดังนั้นยิ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่เอจะมาชอบผม ผมเริ่มรู้สึก 50 50 แล้ว ว่าตกลงแล้วเอรักผมหรือป่าว แต่การกระทำที่ผ่านๆมาของเอที่ทำกับผมมันก็มากว่าคนเป็นเพื่อนนะ เช่น การมองผม การคุยกับผมเป็นชั่วโมง ผมคงไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้หรอกว่าการกระทำอะไรของเอถึงทำให้ผมมั่นใจว่าเขารักผม แต่ผมรู้สึกได้ ก่อนจบมอสามผมก็เริ่มตีตัวออกห่างจากเอ คราวนี้ผมเอาจริง ผมไม่คุยกับเอเป็นเดือนกว่า ผมนอนร้องไห้ทุกๆวัน เอก็พยายามง้อผมจนเลิกง้อ ต่างคนต่างไม่พูดกัน ผมก็อยุ่กับเพื่อนผู้หญิง เอก็อยุ่กับกลุ่มเพื่อนผู้ชาย จนวันสุดท้ายของการเรียน เราถึงได้คุยกันอีกครั้ง ไม่รุ้ว่าใครเป็นฝ่ายเข้าไปคุยก่อน แต่รู้แค่ว่าเราเอารูปมาแลกกัน ได้คุยกันนิดๆ แต่เต็มไปด้วยความสุขและความเสียใจ ผมทำใจที่จะทรมารตัวเองไม่ได้ ก็เลยปล่อยไปตามเลย ผมกับมาคุยกับเออีกครั้ง เมื่อเจอกันตอนปิดเทอมตามตลาดบ้างร้านเกมบ้าง ก็จะทักหยอกล้อกันตามปกติ พอถึงวันรับวุฒิ เราก็ได้กลับมาเจอโดยผมก็สัญญากับตัวเองว่าวันนี้จะบอกรักเอให้ได้ เพราะนี้คงเป็นวันสุดท้ายจริงๆแล้วที่เราจะได้เจอกัน เป็นไงเป็นกัน แต่สุดท้ายยยยยย ผมก็ไม่กล้าบอกตามเคยทั้งๆที่วันนั้นเราอยู่ด้วยกันสองต่อสองแท้ๆ โดยบังเอิญ แต่ก็พลาดไป หลังจากวันนั้นผมก็เสียใจตลอดเวลา แล้วเริ่มที่จะทำใจแล้ว ก่อนที่ผมเริ่มจะปล่อยเอไปตามทางใครทางมั้น ผมก็ส่งsmsไปบอกเอว่า รัก คำเดียวสั่นๆ แล้วผมก็เปลี่ยนซิม ลบเบอร์เอไป หลังจากวันนั้นผมก็นอนเสียใจทุกวัน ผมไม่ได้ข่าวเอเป็นอาทิตย์ จนมีเพื่อนมาถามว่าเอถามหาเราว่าเราเป็นอะไร เห็นหายไป โกรธไรมัน เราก็ไม่ตอบ ทำใจเข็มแข็งทั้งๆที่จิตใจเสียใจมาก ถามว่าทำไมเราไม่คุยกับเอ เพราะเราคิดว่าผู้ชายกับผู้ชายมันไม่มีวันครบกันได้หรอก เลยต้องตัดใจเสียแต่ต้น เราเสียใจตลอดนะ ไม่ถึงเดือนผมก็ต้องเป็นฝ่ายที่ต้องตามง้อเอ เพราะทนไม่ไหว ผมเสียใจมาก ผมร้องไห้ทุกวัน จนผมต้องขอเบอรเอจากเพื่อน แต่พอผมโทรไปหาเอ เอรับได้ยินสียงผมเอก็ว่างสาย ผมโทรอยู่ 4-5 รอบ จนต้องถอนใจและตัดใจจริงๆ แล้วหลักจากวันนั้นผมก็ได้มีโอกาศเจอเออีกครั้ง แต่ครั้งนี้เราสองคนไม่ได้คุยกัน และจยถึงทุกวันนี้ผ่านมาเกือบจะ 10 ปี ผมกับเอกลายเป็นคนที่ไม่รู้จักกันเลย
เรื่องราวของตุ๊ด กับความรักสองรูปแบบ (แบบไหนคือรักแท้กันแน่?)
รักครั้งแรกของผมเกินขึ้นตอนผมอายุ 13 ปี อยู่มอหนึ่ง ผมแอบหลงรักเพื่อนร่วมห้องคนหนึ่งชื่อ เอ (นามสมมุติ) ที่วันๆมันเอาแต่แหย่ผม หยอกผม ไอ้ผมก็เป็นคนไม่ยอมให้ใครแกล้งง่ายๆมันแกล้งมาก็แกล้งมันกลับ เป็นอย่างนั้นอยู่ทุกๆวัน แกล้งกันไปแกล้งกันมาไม่รู้อีท่าไหนผมก็ตกหลุมรัก เอ ไปเลยโดยไม่รู้ตัว แล้วความรู้สึกมันก็เริ่มชัดขึ้นเลื่อยๆ ผมเริ่มอยากไปโรงเรียน เริ่มแอบมองเอ หัวใจผมเต้นแรงทุกครั้งที่อยู่ใกล้ๆเอ หลังเลิกเรียนผมก็ต้องรีบไปต่อแถวเดินออกจากโรงเรียนเพื่อไปดักรอเอ แล้วก็ทำเนี้ยนนั่งรอแม่มารับเพื่อให้เขาเห็นเราและทักเราหรือลาเราก่อนกลับ วันไหนที่เขาทักวันนั้นจะกลับบ้านอย่างมีความสุข แต่ถ้าวันไหนเขาไม่เห็นเราก็จะกลับบ้านแบบนอยๆ ผมก็ทำแบบนี้ทุกๆวัน จนมีอยู่วันหนึ่ง ขณะที่ผมนั่งทำงานที่ครูสั่งอยู่ในห้องเรียนเพื่อนผู้หญิงก็สกิตผมบอกว่า เอมันมองผมตลอดเลย พอผมมองไปที่เอ มันก็กำลังมองผมอยู่จริงๆแถมไม่หลบสายตาผมด้วยกลายเป็นผมเองที่ต้องหลบสายตามันแทนด้วยความเขิน เพื่อนมันก็แซวๆ เพราะเห็นผมกับมันแกล้งกันบ่อยๆ บางครั้งอาจารย์ก็ชอบแซวผมกับเอว่าเป็นผัวเมียกัน ชอบแกล้งกัน ไอ้เรานี่รีบปัฎิเสธกับอาจารย์ตลอดว่าป่าวแต่ในใจนี่แบบอยากตะโก้นบอกว่าชอบหลือเกิน เมื่อผมเริ่มรู้ว่าสิ่งที่ผมคิดไม่ใช่แค่ผมที่คิดคนเดียวแล้ว เอเองก็คงแอบรักผมเหมือนกันแน่ๆ ตอนนั้นผมเริ่มวาดภาพตัวเองกับเออยู่ในหัว เริ่มฝันว่าอยากไปโน้นไปนี้กับเอสองคน พร้อมกับความสัมพันธ์ของเราที่นับวันยิ่งชัดเจนขึ้นไปอีก เริ่มมีการโทรคุยกัน มีงอนกัน มีง้อกัน ชึ่งเรารู้กันแค่สองคน ไม่มีเพื่อนคนไหนรู้ มันเหมือนว่าเราสัมผัสกันด้วยใจแค่มองตาเราก็รู้แล้วว่าเขาคิดอะไรอยู่ เมื่อขึ้นมอสอง ผมก็เริ่มหาวิธีบอกรักเอตลอด ทั้งทางอ้อมและทางตรง ถึงแม้เราจะมั่นใจว่าเขารักเราแน่ๆ แต่เราก็ยังคงไม่กล้าที่จะบอกรักเออยู่ดี แอบกลัวว่าจะคิดไปเองคนเดียว เลยไม่กล้าบอกสักที่ หลังๆผมกับเอก็เริ่มงอนกันบ่อยขึ้น ส่วนมากจะเป็นผมที่เมื่อเห็นเอเล่นกับผู้หญิงหรือไม่สนใจผมก็จะงอน ทำเป็นไม่พูดด้วย มันก็แบบคงสงสัยว่าผมเป็นไร เห้ยทำไมไม่พูดไม่เล่นกับมันเหมือนวันก่อน มันก็จะชวนผมคุย ผมก็ไม่สนใจสะบัดบ๊อบใส่ มันก็จะตามแหย่ตามแกล้งจนกว่าผมจะคุยกับมันละ บางครั้งเป็นอาทิตย์ เป็นเดือนก็มี พอมันมีคนง้อผมก็เริ่มเอาใหญ่ ทำเหมือนตัวเองสวยมาก เริ่มได้ใจจนเขาหยุดง้อก็มี แต่ไม่กี่สัปดาห์ก็คุยกันเหมือนเดิม ชีวิตมอสองผมก็ประมาณนี้ พอขึ้นมอสาม ผมเริ่มรู้สึกว่า ผู้ชายกับผู้ชายมันรักกันไม่ได้หรอกสักวันผมกับเอก็ต้องแยกย้ายไปตามทางใครทางมัน ก็แอบทำใจไว้ตลอด ยอมรับว่าตลอดเวลาผมก็เป็นตุ๊ดตุงติงออกสาวไปวันๆ แต่กลับเอ เอคือผู้ชายแท้ๆ ที่อยู่ในกลุ่มผู้ชาย เล่นบอล เป็นหัวหน้ากลุ่มผู้ชาย เอเป็นคนที่สูงที่สุดขาวที่สุดในห้อง ดังนั้นยิ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่เอจะมาชอบผม ผมเริ่มรู้สึก 50 50 แล้ว ว่าตกลงแล้วเอรักผมหรือป่าว แต่การกระทำที่ผ่านๆมาของเอที่ทำกับผมมันก็มากว่าคนเป็นเพื่อนนะ เช่น การมองผม การคุยกับผมเป็นชั่วโมง ผมคงไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้หรอกว่าการกระทำอะไรของเอถึงทำให้ผมมั่นใจว่าเขารักผม แต่ผมรู้สึกได้ ก่อนจบมอสามผมก็เริ่มตีตัวออกห่างจากเอ คราวนี้ผมเอาจริง ผมไม่คุยกับเอเป็นเดือนกว่า ผมนอนร้องไห้ทุกๆวัน เอก็พยายามง้อผมจนเลิกง้อ ต่างคนต่างไม่พูดกัน ผมก็อยุ่กับเพื่อนผู้หญิง เอก็อยุ่กับกลุ่มเพื่อนผู้ชาย จนวันสุดท้ายของการเรียน เราถึงได้คุยกันอีกครั้ง ไม่รุ้ว่าใครเป็นฝ่ายเข้าไปคุยก่อน แต่รู้แค่ว่าเราเอารูปมาแลกกัน ได้คุยกันนิดๆ แต่เต็มไปด้วยความสุขและความเสียใจ ผมทำใจที่จะทรมารตัวเองไม่ได้ ก็เลยปล่อยไปตามเลย ผมกับมาคุยกับเออีกครั้ง เมื่อเจอกันตอนปิดเทอมตามตลาดบ้างร้านเกมบ้าง ก็จะทักหยอกล้อกันตามปกติ พอถึงวันรับวุฒิ เราก็ได้กลับมาเจอโดยผมก็สัญญากับตัวเองว่าวันนี้จะบอกรักเอให้ได้ เพราะนี้คงเป็นวันสุดท้ายจริงๆแล้วที่เราจะได้เจอกัน เป็นไงเป็นกัน แต่สุดท้ายยยยยย ผมก็ไม่กล้าบอกตามเคยทั้งๆที่วันนั้นเราอยู่ด้วยกันสองต่อสองแท้ๆ โดยบังเอิญ แต่ก็พลาดไป หลังจากวันนั้นผมก็เสียใจตลอดเวลา แล้วเริ่มที่จะทำใจแล้ว ก่อนที่ผมเริ่มจะปล่อยเอไปตามทางใครทางมั้น ผมก็ส่งsmsไปบอกเอว่า รัก คำเดียวสั่นๆ แล้วผมก็เปลี่ยนซิม ลบเบอร์เอไป หลังจากวันนั้นผมก็นอนเสียใจทุกวัน ผมไม่ได้ข่าวเอเป็นอาทิตย์ จนมีเพื่อนมาถามว่าเอถามหาเราว่าเราเป็นอะไร เห็นหายไป โกรธไรมัน เราก็ไม่ตอบ ทำใจเข็มแข็งทั้งๆที่จิตใจเสียใจมาก ถามว่าทำไมเราไม่คุยกับเอ เพราะเราคิดว่าผู้ชายกับผู้ชายมันไม่มีวันครบกันได้หรอก เลยต้องตัดใจเสียแต่ต้น เราเสียใจตลอดนะ ไม่ถึงเดือนผมก็ต้องเป็นฝ่ายที่ต้องตามง้อเอ เพราะทนไม่ไหว ผมเสียใจมาก ผมร้องไห้ทุกวัน จนผมต้องขอเบอรเอจากเพื่อน แต่พอผมโทรไปหาเอ เอรับได้ยินสียงผมเอก็ว่างสาย ผมโทรอยู่ 4-5 รอบ จนต้องถอนใจและตัดใจจริงๆ แล้วหลักจากวันนั้นผมก็ได้มีโอกาศเจอเออีกครั้ง แต่ครั้งนี้เราสองคนไม่ได้คุยกัน และจยถึงทุกวันนี้ผ่านมาเกือบจะ 10 ปี ผมกับเอกลายเป็นคนที่ไม่รู้จักกันเลย