--[The Martian เป็นหนังตลก (ไม่มีสปอยล์นะจ๊ะ)]--

วันนี้มีโอกาสได้ไปดูหนังเรื่อง The Martian ในโรงภาพยนต์มาครับ
หลังจากห่างหายจากการดูหนังในโรงมานานหลายปี ตามอายุที่มากขึ้น ๆ เมื่อก่อนนี้ ดูหนังโรงวันละเรื่อง
แต่เดี๋ยวนี้ ดูปีละเรื่อง 555555

เอาล่ะครับ เข้าเรื่องหนังกันดีกว่า

"ทิ้งไว้ดาวอังคาร"  

ก่อนอื่น ขอออกตัวก่อนครับว่าทุกวันนี้ รสนิยมการดูหนังของผมเปลี่ยนไป
ยิ่งอายุมากขึ้น ผมก็ยิ่งชอบดูหนังที่ดูแล้ว Feel Good มากขึ้น ไม่ใช่ว่าดูหนังดราม่าไม่ได้นะ คือดูได้ครับ
แต่ถ้าให้เลือกดู ผมเลือกดูแบบ Feel Good ดีกว่า ชีวิตเครียดมาพอแล้ว อยากผ่อนคลายไม่ต้องเครียดกับเรื่องอื่นบ้าง

แต่ช้าก่อน หากมาถามผมก่อนเข้าไปดูหนังเรื่องนี้ในโรงหนัง ว่ามันเป็นหนังอะไร ผมคงนึกไปถึง Interstellar กับ Gravity แน่นอน!!!
แถมชื่อผู้กำกับ การันตีความโหดอยู่แล้วที่ชื่อ ริดรี่ สก๊อต  ภาพ Alien โผล่มาทันที เลือดสาดแน่นอนหนังเรื่องนี้

แต่ใครจะคิดครับ พอดูหนังจบ ผมตั้งสเตตัสทันที  #Themartianเป็นหนังตลก


หนังสนุกมากครับ ใครจะเชื่อว่า ริดรี่ สก็อต ผู้กำกับหนังสุดโหดแบบ Alien จะมากำกับหนัง ที่ต้องเรียกว่า Feel Good แบบนี้
หนังมีช่วงให้ลุ้นระทึกบ้าง แต่ไม่ได้กระหน่ำแบบไม่หายใจขนาดนั้น มันน่าจะเครียด แต่แปลกที่ดูแล้วฮา อารมณ์ดี มีความหวัง
ผมโคตรชอบหนังแบบนี้เลย หนังที่ดูแล้วมีความรู้สึก แฮปปี้ หนังดีที่แฮปปี้ ดูแล้วยิ้มมีความสุขตอนเดินออกจากโรงหนัง

ไม่เหมือนหนังดีที่โคตรเครียด ดูแล้วจบก็เหมือนไม่จบ เดินออกมาพร้อมกับคำถามเต็มหัวว่า นั่นมันคือส้วนเตียนอะไร
ฉากนั้นมันคืออะไร ยกตัวอย่าง Interstellar ที่ดูแล้วหนังดี แต่งงอิ๊บอ๋าย The Martian มันคือ Interstellar ภาค Feel Good นั่นเองครับ
ทุกการกระทำเข้าใจได้ อธิบายเคลียร์ แม้ศัพท์แสงเทคนิคจะวุ่นวาย แต่ก็เข้าใจได้ การขโมยซีนเกิดขึ้นได้ทุกระยะในหนัง
ด้วยตัวละครที่ต่างตัวกัน บางตัวโผล่มาแค่สองฉาก แต่ขโมยซีนทุกฉาก

หนังเล่าเรื่องของ ทีมนักบินอวกาศที่มีภาระกิจการสำรวจดาวอังคาร  ที่ต้องรีบยกเลิกภาระกิจด้วยภัยธรรมชาติแบบรุนแรงบนดาวอังคาร
ซึ่งระหว่างที่จะกลับนั่น ตัวเอกของเรื่อง นั่นคือ นักบิน วัทนีย์  ผมอ่านว่า "วัด-ทะ-นี"  ชะรอยน่าจะเป็นลูกครึ่งไทย อเมริกันแน่นอน!!!
รับบทโดย แมท แมต แมด เดม่อน (มันต้องถูกซักตัวแหล่ะ)  นักบิน วัทนีย์ ดันดวงกุด โดนเสาอากาศหลุดมากระแทกลอยออกจากกลุ่ม
เสาแทงเข้าไปในชุด ทำให้มันแจ้งว่า ชุดขาด บนดาวอังคาร ถ้าชุดขาดก็ตาย อยู่ได้ไม่นาน (แต่ไม่ตายเพราะอะไรก็ไปดูกันนะครับ)

ทุกคนขึ้นจรวดบินกลับทัน ทิ้งวัทนีย์ไว้ เพราะคิดว่าตายแล้ว

วัทนีย์ฟื้นขึ้นมา ก็ซวยแล้วโดนทิ้ง แต่จะทำยังไงดีล่ะ การเดินทางจากโลกไปดาวอังคาร
ไม่ใช่ออกจากบ้านรังสิตไปอนุสาวรีย์ที่แม้รถติดก็ไม่กี่ชั่วโมง  แต่นี่มันใช้เวลาเป็นร้อย ๆ วันกว่าจะไปถึง!!!

เรื่องราว เหตุการณ์จะเป็นยังไง จะเอาตัวรอดได้ยังไง และมันฮาตรงไหน ต้องไปดูกันในโรงครับ



หนังแสดงให้เห็นว่า คนใน NASA นี่บ้ามาก และทุกคนมีไอคิวที่สูงปรี๊ด เก่งในเรื่องที่ตัวเองถนัดสุด ๆ และทุกคน Alert มาก
ในหนังคุณจะได้เห็นการร่วมมือกันเฉพาะกิจของสองมหาอำนาจด้านจรวดในปัจจุบัน มันเป็นหนังที่ทุกคนในโลกดูแล้วจะแฮปปี้
ไม่มีการแขว่ะกัดชาติไหน ไม่มีการแยกสีผิว ทุกคนเก่งในเรื่องของตัวเองเหมือนกันหมด

ตัวที่ขโมยซีนที่สุดคงเป็น เจ้าหนุ่มที่สามารถคำนวนหาวิธีการช่วยเหลือพระเอกของเราได้นั่นแหล่ะครับ
ตัวนี้โผล่ 3 ฉาก แต่เด็ดดวงทุกฉากจริง ๆ โดยเฉพาะตอนที่ พยายามอธิบายวิธีการคิดให้กับผู้อำนวยการกับคนในห้องนั้นฟัง

แมต เดม่อน แสดงได้ดีมาก กับผู้รอดชีวิตที่ถูกทิ้งไว้บนดาวอังคารโดยที่คนอื่นเข้าใจว่าตายไปแล้ว
ความฉลาด และ อารมณ์ขันของเขานั่นเอง ที่ทำให้เขาสามารถเอาตัวรอด ถ้ามานึกถึงหลักความเป็นจริง
ถูกทิ้งไว้คนเดียว และเป็นคนที่ซีเรียสกับชีวิต น่าจะอยู่ได้ไม่ยืดขนาดนี้นะ สติน่าจะแตกตายไปก่อน


การร่วมมือกันแก้ปัญหา จากโลก ส่งไปถึงดาวอังคารนั้น ดูแล้วเจ๋งมาก
เจ้าหน้าที่ผู้หญิงใส่แว่นที่สังเกตุเห็นสิ่งผิดปกติบนดาวอังคารคนแรก  น่ารักมากกกกกกกก


และที่เจ๋งมากที่สุด จนคนในโรงต้องหยุดชะงักตอนจะเดินออกจากโรงเมื่อหนังจบ นั่นคือ  เพลงตอน End Credit ครับ
ถึงกับหยุดยืนฟังเลย ได้ยินในโรงว่า "เฮ้ย เอาเพลงนี้จริงดิ"  ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ  จริง ๆ มันก็ไม่ได้แปลกอะไร เพราะชื่อเพลงมันก็ตรงกับ ธีมของหนังอยู่แล้ว
ตรง ๆ โต้ง ๆ เป๊ะ ๆ


สรุปคือ ชอบมากครับ 10/10 เอาไปเลย สำหรับคนชอบหนังที่ดูแล้วมีความสุขแบบผม
แต่ถ้าคนที่ชอบแบบเครียด ๆ จริงจังหน่อย น่าจะได้น้อยกว่านี้  

แต่ก็รับประกันครับว่าดูแล้วไม่รู้สึกว่า ทำเงินหล่นแน่นอน มีทอนด้วยซ้ำ  
ว่าง ๆ ไม่มีอะไรทำก็ไปดูกันนะครับผม!!!
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่