ธปท. เผย ภาวะเศรษฐกิจ ส.ค.58 ยังอ่อนแอจากส่งออกหด-ท่องเที่ยวขยายตัวต่ำลง น้ำมันในตลาดโลก ฉุด เงินเฟ้อติดลบมากขึ้น ขณะที่ การลงทุนเอกชน-การผลิตภาคอุตฯ ปรับดีขึ้น ...
วันที่ 30 ก.ย. 58 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แถลงภาวะเศรษฐกิจเดือน ส.ค. 58 กิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมยังอ่อนแอ การส่งออกสินค้าหดตัวมากขึ้นจากความต้องการจากจีนและอาเซียนที่ชะลอตัว จำนวนนักท่องเที่ยวขยายตัวในอัตราที่ต่ำลง ขณะที่การบริโภคภาคเอกชนปรับดีขึ้นเล็กน้อย แต่โดยรวมยังสะท้อนความระมัดระวังในการใช้จ่ายของครัวเรือนสอดคล้องกับรายได้ครัวเรือนที่ลดลง โดยเฉพาะรายได้นอกภาคเกษตร และความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่เปราะบาง
ส่วนการลงทุนภาคเอกชนปรับดีขึ้นเล็กน้อยตามการนำเข้าสินค้าทุนและยอดขายรถยนต์เชิงพาณิชย์รุ่นใหม่ ขณะที่การผลิตภาคอุตสาหกรรมก็ปรับเพิ่มขึ้น แต่ส่วนหนึ่งคาดว่าเป็นผลมาจากปัจจัยชั่วคราว สำหรับภาครัฐยังใช้จ่ายได้ต่อเนื่อง แม้แรงส่งจะลดลงบ้างหลังจากเร่งไปในช่วงก่อน
ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปติดลบมากขึ้นจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับลดลง อัตราการว่างงานทรงตัว โดยแรงงานบางส่วนย้ายกลับเข้าสู่ภาคเกษตรหลังปริมาณน้ำฝนเอื้อต่อการเพาะปลูกมากขึ้น ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลต่อเนื่องตามการนำเข้าที่อยู่ในระดับต่ำ
ทั้งนี้ ธปท.ระบุว่า ในเดือน ส.ค.58 การส่งออกสินค้ายังคงซบเซา สะท้อนจากมูลค่าการส่งออกสินค้าไม่รวมทองคำที่หดตัวร้อยละ 9.5 จากระยะเดียวกันปีก่อน โดยเป็นการหดตัวที่มากขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนที่แล้วในเกือบทุกหมวดสินค้า ส่วนภาคการท่องเที่ยวชะลอตัว เพราะเหตุระเบิดในกรุงเทพฯ และความไม่สงบทางการเมืองในมาเลเซียส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศในเดือนนี้ลดลงจากเดือนก่อน โดยมีแนวโน้มจะกลับเป็นปกติในอีก 2 - 3 เดือน
ด้าน นางรุ่ง มัลลิกะมาส ผู้อำนวยการอาวุโส สายนโยบายการเงิน ธปท.กล่าวถึงเงินบาทที่ยังอ่อนค่าลงในเดือน ส.ค.ว่า เงินบาทอ่อนค่าในระดับกลางๆ เมื่อเทียบกับภูมิภาค ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้น แต่เชื่อว่าคงไม่น่าจะมีผลต่อการท่องเที่ยวในช่วงปลายปีนี้มากนัก เพราะค่าเงินในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวหลักของไทยในปัจจุบันก็มีทิศทางอ่อนค่าเช่นเดียวกัน
ด้านเครื่องชี้การบริโภคภาคเอกชนปรับดีขึ้นเล็กน้อย แต่โดยรวมยังสะท้อนถึงความระมัดระวังในการใช้จ่ายของครัวเรือน เนื่องจากรายได้นอกภาคเกษตรปรับลดลง และรายได้เกษตรกรตกต่ำต่อเนื่อง รวมทั้งความเชื่อมั่นของผู้บริโภคยังเปราะบาง ส่งผลให้อุปสงค์ทั้งในและต่างประเทศ ยังไม่เข้มแข็งและความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจที่ลดลง ส่วนการนำเข้าสินค้ามีมูลค่าลดลง 10.8% จากระยะเดียวกันปีก่อน
สำหรับรายได้รัฐบาล เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.7 จากระยะเดียวกันปีก่อน ตามการปรับขึ้นอัตราภาษีสรรพสามิต น้ำมันดีเซล และการนำส่งรายได้แผ่นดินเพิ่มเติม จากรัฐวิสาหกิจตามนโยบายของกระทรวงการคลัง
นางรุ่ง กล่าวเพิ่มเติมว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไป ติดลบเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนมาอยู่ที่ -1.19% เป็นผลจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับลดลงเป็นสำคัญ ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 0.89% ชะลอลงเล็กน้อย จากการปรับลดค่าโดยสารสาธารณะ
JJNY : ภาวะเศรษฐกิจ เดือน ส.ค. ส่งออกหด-ท่องเที่ยวขยายตัวต่ำ
วันที่ 30 ก.ย. 58 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แถลงภาวะเศรษฐกิจเดือน ส.ค. 58 กิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมยังอ่อนแอ การส่งออกสินค้าหดตัวมากขึ้นจากความต้องการจากจีนและอาเซียนที่ชะลอตัว จำนวนนักท่องเที่ยวขยายตัวในอัตราที่ต่ำลง ขณะที่การบริโภคภาคเอกชนปรับดีขึ้นเล็กน้อย แต่โดยรวมยังสะท้อนความระมัดระวังในการใช้จ่ายของครัวเรือนสอดคล้องกับรายได้ครัวเรือนที่ลดลง โดยเฉพาะรายได้นอกภาคเกษตร และความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่เปราะบาง
ส่วนการลงทุนภาคเอกชนปรับดีขึ้นเล็กน้อยตามการนำเข้าสินค้าทุนและยอดขายรถยนต์เชิงพาณิชย์รุ่นใหม่ ขณะที่การผลิตภาคอุตสาหกรรมก็ปรับเพิ่มขึ้น แต่ส่วนหนึ่งคาดว่าเป็นผลมาจากปัจจัยชั่วคราว สำหรับภาครัฐยังใช้จ่ายได้ต่อเนื่อง แม้แรงส่งจะลดลงบ้างหลังจากเร่งไปในช่วงก่อน
ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปติดลบมากขึ้นจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับลดลง อัตราการว่างงานทรงตัว โดยแรงงานบางส่วนย้ายกลับเข้าสู่ภาคเกษตรหลังปริมาณน้ำฝนเอื้อต่อการเพาะปลูกมากขึ้น ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลต่อเนื่องตามการนำเข้าที่อยู่ในระดับต่ำ
ทั้งนี้ ธปท.ระบุว่า ในเดือน ส.ค.58 การส่งออกสินค้ายังคงซบเซา สะท้อนจากมูลค่าการส่งออกสินค้าไม่รวมทองคำที่หดตัวร้อยละ 9.5 จากระยะเดียวกันปีก่อน โดยเป็นการหดตัวที่มากขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนที่แล้วในเกือบทุกหมวดสินค้า ส่วนภาคการท่องเที่ยวชะลอตัว เพราะเหตุระเบิดในกรุงเทพฯ และความไม่สงบทางการเมืองในมาเลเซียส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศในเดือนนี้ลดลงจากเดือนก่อน โดยมีแนวโน้มจะกลับเป็นปกติในอีก 2 - 3 เดือน
ด้าน นางรุ่ง มัลลิกะมาส ผู้อำนวยการอาวุโส สายนโยบายการเงิน ธปท.กล่าวถึงเงินบาทที่ยังอ่อนค่าลงในเดือน ส.ค.ว่า เงินบาทอ่อนค่าในระดับกลางๆ เมื่อเทียบกับภูมิภาค ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้น แต่เชื่อว่าคงไม่น่าจะมีผลต่อการท่องเที่ยวในช่วงปลายปีนี้มากนัก เพราะค่าเงินในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวหลักของไทยในปัจจุบันก็มีทิศทางอ่อนค่าเช่นเดียวกัน
ด้านเครื่องชี้การบริโภคภาคเอกชนปรับดีขึ้นเล็กน้อย แต่โดยรวมยังสะท้อนถึงความระมัดระวังในการใช้จ่ายของครัวเรือน เนื่องจากรายได้นอกภาคเกษตรปรับลดลง และรายได้เกษตรกรตกต่ำต่อเนื่อง รวมทั้งความเชื่อมั่นของผู้บริโภคยังเปราะบาง ส่งผลให้อุปสงค์ทั้งในและต่างประเทศ ยังไม่เข้มแข็งและความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจที่ลดลง ส่วนการนำเข้าสินค้ามีมูลค่าลดลง 10.8% จากระยะเดียวกันปีก่อน
สำหรับรายได้รัฐบาล เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.7 จากระยะเดียวกันปีก่อน ตามการปรับขึ้นอัตราภาษีสรรพสามิต น้ำมันดีเซล และการนำส่งรายได้แผ่นดินเพิ่มเติม จากรัฐวิสาหกิจตามนโยบายของกระทรวงการคลัง
นางรุ่ง กล่าวเพิ่มเติมว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไป ติดลบเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนมาอยู่ที่ -1.19% เป็นผลจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับลดลงเป็นสำคัญ ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 0.89% ชะลอลงเล็กน้อย จากการปรับลดค่าโดยสารสาธารณะ