" .. สงบเรื่องสมาธินี่หลง หลงมาก ๆ เลย
สงบเรื่องสมาธินี่คือ
"ปราศจากอารมณ์มันจึงสงบ ไม่มีอารมณ์มันก็สงบ ก็ติดสุขล่ะทีนี้"
แต่เมื่อถูกอารมณ์ก็งอเลย กลัว
"กลัวอารมณ์ กลัวสุข กลัวทุกข์ กลัวนินทา กลัวสรรเสริญ
กลัวรูป กลัวเสียง กลัวกลิ่น กลัวรส สมาธินี่กลัวหมด"
ถึงได้ไม่อยากออกมากับเขา
ถ้าคนที่มีสมาธิแบบนี้อยู่แต่ในถ้ำนั่นเสวยสุขอยู่ไม่อยากออกมา
ที่ไหนมันสงบก็ไปซุกไปซ่อนอยู่อย่างนั้น ทุกข์มากนะสมาธิแบบนี้
"ออกมาอยู่กับผู้อื่นเขาไม่ได้ มาดูรูปไม่ได้ ได้ยินเสียงไม่ได้
มารับอะไรไม่ได้ ต้องไปอยู่เงียบ ๆ" อย่างนั้น
ไม่ต้องให้ใครเขาไปพูดไปจา สถานที่ต้องสงบ สงบอย่างนี้ใช้ไม่ได้
สงบขั้นนั้นแล้วให้เลิก ถอนออกมา พระพุทธเจ้าท่านไม่ได้บอกให้ทำอย่างนั้น
ถ้าทำอย่างนั้นแล้วให้เลิก
ถ้ามันสงบแล้ว เอามาพิจารณา
เอาตัวสงบมาพิจารณา เอามาต่อกับอารมณ์
"
เอามาพิจารณา รูปก็ดี เสียงก็ดี กลิ่นก็ดี รสก็ดี โผฏฐัพพะ" พวกนี้
ธรรมารมณ์พวกนี้ เอาออกมาเสียก่อน เอาตัวความสงบนั้น
มาพิจารณาเป็นต้นว่า "
มาพิจารณา เกสา โลมา นขา ทันตา ตโจ"
อะไรต่าง ๆ เหล่านี้ "
พิจารณาอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา"
พิจารณาโลกทั้งสิ้นทั้งปวงนี่เอง เอามาพิจารณา
แล้วถึงคราวให้สงบก็นั่งสมาธิให้สงบเข้าไป
"แล้วก็มา
พิจารณา ให้มาหัด ให้มาฟอก เอามาต่อสู้
มีความรู้แล้วเอามาต่อสู้ เอามาฝึกหัด เอามาทำ
เพราะไปอยู่ในนั้นไม่รู้จักอะไรหรอกนั่น มันไปสงบจิตเฉย ๆ"
เอามาพิจารณาข้างนอกก็สงบเข้าไปเรื่อย ๆ ถึงข้างใน
จนมันเกิดความสงบอย่างยกใหญ่ของมัน
"ความสงบของปัญญานั้น เมื่อจิตสงบแล้ว
ไม่กลัวรูป เสียงกลิ่น รส โผฏฐัพพะและไม่กลัวธรรมารมณ์
ไม่กลัวกระทบมันเดี๋ยวนี้รู้มันเดี๋ยวนี้ กระทบมันเดี๋ยวนี้ ทิ้งมันเดี๋ยวนี้
กระทบมันเดี๋ยวนี้ วางมันเดี๋ยวนี้ เรื่องสงบของปัญญาเป็นอย่างนี้" .. "
หลวงปู่ชา สุภัทโท
สงบจากสมาธิอันหนึ่ง สงบจากปัญญาอันหนึ่ง (หลวงพ่อชา สุภัทโท)
" .. สงบเรื่องสมาธินี่หลง หลงมาก ๆ เลย สงบเรื่องสมาธินี่คือ
"ปราศจากอารมณ์มันจึงสงบ ไม่มีอารมณ์มันก็สงบ ก็ติดสุขล่ะทีนี้"
แต่เมื่อถูกอารมณ์ก็งอเลย กลัว
"กลัวอารมณ์ กลัวสุข กลัวทุกข์ กลัวนินทา กลัวสรรเสริญ
กลัวรูป กลัวเสียง กลัวกลิ่น กลัวรส สมาธินี่กลัวหมด"
ถึงได้ไม่อยากออกมากับเขา
ถ้าคนที่มีสมาธิแบบนี้อยู่แต่ในถ้ำนั่นเสวยสุขอยู่ไม่อยากออกมา
ที่ไหนมันสงบก็ไปซุกไปซ่อนอยู่อย่างนั้น ทุกข์มากนะสมาธิแบบนี้
"ออกมาอยู่กับผู้อื่นเขาไม่ได้ มาดูรูปไม่ได้ ได้ยินเสียงไม่ได้
มารับอะไรไม่ได้ ต้องไปอยู่เงียบ ๆ" อย่างนั้น
ไม่ต้องให้ใครเขาไปพูดไปจา สถานที่ต้องสงบ สงบอย่างนี้ใช้ไม่ได้
สงบขั้นนั้นแล้วให้เลิก ถอนออกมา พระพุทธเจ้าท่านไม่ได้บอกให้ทำอย่างนั้น
ถ้าทำอย่างนั้นแล้วให้เลิก ถ้ามันสงบแล้ว เอามาพิจารณา
เอาตัวสงบมาพิจารณา เอามาต่อกับอารมณ์
"เอามาพิจารณา รูปก็ดี เสียงก็ดี กลิ่นก็ดี รสก็ดี โผฏฐัพพะ" พวกนี้
ธรรมารมณ์พวกนี้ เอาออกมาเสียก่อน เอาตัวความสงบนั้น
มาพิจารณาเป็นต้นว่า "มาพิจารณา เกสา โลมา นขา ทันตา ตโจ"
อะไรต่าง ๆ เหล่านี้ "พิจารณาอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา"
พิจารณาโลกทั้งสิ้นทั้งปวงนี่เอง เอามาพิจารณา
แล้วถึงคราวให้สงบก็นั่งสมาธิให้สงบเข้าไป
"แล้วก็มาพิจารณา ให้มาหัด ให้มาฟอก เอามาต่อสู้
มีความรู้แล้วเอามาต่อสู้ เอามาฝึกหัด เอามาทำ
เพราะไปอยู่ในนั้นไม่รู้จักอะไรหรอกนั่น มันไปสงบจิตเฉย ๆ"
เอามาพิจารณาข้างนอกก็สงบเข้าไปเรื่อย ๆ ถึงข้างใน
จนมันเกิดความสงบอย่างยกใหญ่ของมัน
"ความสงบของปัญญานั้น เมื่อจิตสงบแล้ว
ไม่กลัวรูป เสียงกลิ่น รส โผฏฐัพพะและไม่กลัวธรรมารมณ์
ไม่กลัวกระทบมันเดี๋ยวนี้รู้มันเดี๋ยวนี้ กระทบมันเดี๋ยวนี้ ทิ้งมันเดี๋ยวนี้
กระทบมันเดี๋ยวนี้ วางมันเดี๋ยวนี้ เรื่องสงบของปัญญาเป็นอย่างนี้" .. "
หลวงปู่ชา สุภัทโท