สิ่งมีชีวิตมิติที่ 6 ในจักรวาล
นิติภูมิเขียนเปิดฟ้าส่องโลกฉบับพฤหัสบดีวันนี้เมื่อ 09.07 น. ของอังคาร 12 เมษายน 2554 เพื่อฉลองครบรอบ 50 ปี ที่ยานวอสตอค 1 ซึ่งมีพันเอก ยูริ กาการิน ถูกปล่อยออกจากฐานยิงเพื่อขึ้นสู่วงโคจรของโลกเมื่อ 12 เมษายน 2504 โดยใช้เวลา 89 นาที ที่ความสูง 301 กม. และลงจอดเมื่อ 10.55 น. ตามเวลาในรัสเซีย
50 ปีแล้วครับที่มนุษย์คนแรกของโลกเดินทางไปในอวกาศ ในครึ่งศตวรรษนี้ พวกโซเวียตศึกษาค้นคว้าเรื่องของอวกาศไปได้ไกลโข โดยร่วมกับนักวิทยาศาสตร์อเมริกันและเยอรมัน ศึกษาดาวในจักรวาลที่ถูกเชื่อกันว่าน่าจะมีสิ่งมีชีวิต นักวิทยาศาสตร์ระดับศาสตราจารย์ท่านหนึ่งเล่าให้นิติภูมิฟังว่า ชิลีและไทยเป็นประตูมิติที่มนุษย์ต่างดาวใช้ลงมาเยือนโลกบ่อยครั้ง ห้วงเวลาแค่ 100 กว่าปีที่โลกเราเริ่มมีการบิน เราพัฒนามาได้ไกลมากพอสมควร ด้วยเวลา 50 ปีที่มนุษย์เราเริ่มเข้าสู่อวกาศ กิจการด้านอวกาศของมนุษย์ยังพัฒนาไปได้ไกลมาก ผู้อ่านท่านที่เคารพลองหลับตานึกถึงสิ่งมีชีวิตบนดวงดาวที่เกิดก่อน และมีพัฒนาก่อนมนุษย์หลายแสนนับล้านปีซีครับ สิ่งมีชีวิตเหล่านั้นจะก้าวหน้ากว่ามนุษย์ไปได้มากเท่าใด
เดี๋ยวนี้ นักวิทยาศาสตร์เข้ามาศึกษาเรื่องเทพ เรื่องพรหม ที่ถูกเล่าขานเล่าเป็นตำนานกันว่าได้เคยมาปรากฏกายในโลกมนุษย์ โดยเชื่อว่าเป็นสิ่งมีชีวิตในดาวเคราะห์ดวงอื่นที่มีพัฒนาไปไกลถึงมิติที่ 6 พวกนี้ก้าวหน้าขนาดควบคุมเวลาได้ เดินทางไปในอนาคต และกลับไปในอดีตได้ ส่วนมนุษย์ของโลกในปัจจุบันทุกวันนี้มีพัฒนาการอยู่ในมิติที่ 3 ก็ก้าวหน้าพอสมควร ทว่ายังคุมเวลาไม่ได้ ที่เราท่านนึกกันไม่ถึงก็คือ ขณะนี้ เริ่มมีการนำคัมภีร์ของทุกศาสนาไปศึกษา ศึกษาแล้วก็เชื่อกันว่าบางคัมภีร์น่าจะเขียนโดยสิ่งมีชีวิตจากดาวดวงอื่น นักวิทยาศาสตร์สนใจแม้แต่นักบวชผู้บริกรรมเวทมนตร์คาถาจนวิชาอาคมแก่กล้า สามารถรู้อนาคต หยั่งอดีต ติดต่อกับเทพยดาฟ้าดินและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ และก็เริ่มมีความเชื่อเช่นนี้กันขึ้นมาแล้ว เพราะนักวิทยาศาสตร์บางคนอ้างว่าพวกตนติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวผู้อยู่ในมิติที่สูงกว่ามนุษย์ได้
ครั้งหนึ่ง เราเคยเชื่อครึ่ง ไม่เชื่อครึ่ง ว่าจะมีสัตว์อะไรรูปร่างหน้าตาคล้ายพญานาค หรือมังกร เป็นสัตว์ในตำนาน เล่าขานเป็นนิทานให้เด็กฟัง บางครั้ง ก็ปรากฏภาพในอดีต เช่น ภาพทหารอเมริกันจับพญานาคตัวยาวเฟื้อยได้ ภายหลังมีข่าวว่าเป็นการตัดต่อภาพ ทว่า วันนี้สว่างไปทั้งสมองแล้วครับ เพราะที่สาธารณรัฐจีน หรือไต้หวัน มีการจับปลาพญานาคของแท้ได้ ปรากฏเป็นข่าวทั้งภาพนิ่ง ทั้งวีดิโอ ปลาคล้ายพญานาคพวกนี้นี่ก็คือ สิ่งมีชีวิตที่อยู่ในทะเลลึก หลังจากเกิดสึนามิใหญ่ในญี่ปุ่น พญานาคบางตัวต้องทะลึ่งพุ่งพรวดขึ้นมาอยู่ทะเลชั้นบน สิ่งที่ปรากฏอยู่ในตำนานของคนโบราณซึ่งเล่าขานติดต่อกันมานับพันปี บางทีก็อาจจะมาจากสิ่งที่คนโบราณเคยเห็นด้วยตาตัวเอง หรืออาจจะเคยมีอยู่ดื่นดาษกลาดเกลื่อนในอดีต ทว่า ปัจจุบันทุกวันนี้ไม่มีปรากฏแล้ว ก็เป็นได้
พ.ศ.2547 ผมไปเยือนอาณาจักรแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ริมชายแดนระหว่างเนเธอร์แลนด์กับเยอรมนี ในสถานที่แห่งนี้เป็นที่ชุมนุมสุมหัวของนักวิทยาศาสตร์ชั้นดีมีระดับจากสหรัฐอเมริกา อังกฤษ เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ อินเดีย ฯลฯ ท่านเหล่านี้ได้นำคัมภีร์อินเดียโบราณที่บันทึกไว้ในภาษาสันสกฤตมาอ่านมาท่อง มาศึกษาค้นคว้า ทุกท่านเก่งภาษาสันสกฤตมาก ขนาดพูดจาสนทนากันด้วยภาษาสันสกฤตซึ่งเป็นภาษาที่ตายไปจากโลกนี้นานแล้ว
ผมใช้เวลาอยู่ในอาณาจักรของนักวิทยาศาสตร์พวกนี้อยู่หลายวัน พบว่าท่านเหล่านั้นศึกษาแม้กระทั่งทิศทางของบ้าน การสร้างครัวไว้ในส่วนไหนของบ้าน ประตูบ้านจะต้องอยู่ทางทิศไหน หัวนอนจะต้องหันไปทางใด ลักษณะของบ้านแบบไหนผู้อยู่อาศัยทะเลาะกัน แบบไหนอยู่แล้วเจริญดีมีสุขภาพยอดเยี่ยม ฯลฯ การศึกษาของนักวิทยาศาสตร์เหล่านี้มีหลายส่วนไปเกี่ยวดองหนองยุ่งกับแสงแดดสายลม โดยมีศัพท์แสงต่างๆทางฟิสิกส์ซึ่งเกินสติปัญญาของนิติภูมิที่จะนำมาอธิบายไว้ในที่นี้ได้
พ.ศ.2554 มีผู้แนะนำว่า ศาสตร์โบราณด้านการวางที่อยู่อาศัยให้ถูกต้องกับธรรมชาติของอินเดียถูกถ่ายไปประเทศจีนโบราณ โดยคนจีนนำไปประยุกต์จนกลายเป็นศาสตร์ตี่ลี่ฮวงจุ้ย ผมก็เริ่มติดตามถามข่าวเพื่อค้นคว้าหาว่าในประเทศไทยพอมีใครทราบเรื่องนี้บ้าง เมื่อเดือนที่แล้วนี่เอง มีผู้แนะนำให้รู้จักกับซินแสจิระ จิรเจริญเวศน์ ผมก็เลยขอเข้าไปสนทนาปราศรัยและขอความรู้จากท่านเพื่อจะนำไปเทียบเคียงกับศาสตร์ของกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ที่ไปชุมนุมสุมสมองศึกษาคัมภีร์ของอินเดียโบราณที่เนเธอร์แลนด์ ก็ปรากฏว่ามีหลายส่วนละม้ายคล้ายคลึงกัน โดยเฉพาะเน้นเรื่องสุขภาพและความเจริญรุ่งเรือง แต่ของนักวิทยาศาสตร์จะใช้ศัพท์แสงทางฟิสิกส์อธิบาย ส่วนตี่ลี่ฮวงจุ้ยของจีนใช้หลักธรรมชาติ ดิน น้ำ ลม ไฟ เข้าไปจับ
ยี่สิบปีก่อน มีข่าวบริษัทยาเยอรมันเข้ามาตระเวนซื้อหนังสือใบลานตามวัด ข้อความส่วนใหญ่ในใบลาน คนไทยสมัยใหม่อ่านกันไม่ค่อยออกแล้ว ผมเคยไปถ่ายเอกสารเอามาให้ผู้เชี่ยวชาญแกะอ่าน ส่วนใหญ่เป็นเรื่องยาสมุนไพรโบราณ เช่น “น้ำมันใส่หู ท่านให้เอาน้ำใบเลี่ยน 1 จอก น้ำใบผักบุ้งขัน 1 จอก น้ำขมิ้นอ้อย 1 จอก น้ำมันมะพร้าว 1 จอก น้ำเปลือกมะขามขบ 1 จอก ดินปลักควายแช่เอาน้ำ 1 จอก น้ำผลลำโพง 1 จอก น้ำมันงา 1 จอก ยา 7 สิ่งนี้ หุงให้คงแต่น้ำมันแล้วจึงเอาผลเบญกานี 1 สีเสียดทั้ง 2 ฝิ่น 1 ศิลายอน 1 รวมยา 5 สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเปนจุณ ปรุงลงในน้ำมันให้เข้ากันใส่หูแก้ฝีในหูและตานซาง แลต้อขึ้นตาก็ได้”
ผู้อ่านท่านครับ ย้อนหลังกลับไปในหลายพันปีที่แล้ว อาจจะมีกลุ่มมนุษย์ที่มีวิชาคาถาอาคมเกือบเพียงพอที่จะให้มนุษย์ข้ามจากมิติ 3 ไปสู่มิติที่ 4 ก็ได้
พระเจ้าของมนุษย์เราหลายศาสนา อาจจะคือท่านผู้มีชีวิตในจักรวาลผู้ซึ่งอยู่ในมิติที่ 6 หรือสูงกว่านั้นก็ได้.
คำหล้ารายงา
ผู้เขียน นิติภูมิ นวรัตน์
ที่มาจาก
http://www.thairath.co.th/content/163575
ศาสตร์.2 ศาสตร์น่าจะเป็นเรื่องเดียวกัน.
นิติภูมิเขียนเปิดฟ้าส่องโลกฉบับพฤหัสบดีวันนี้เมื่อ 09.07 น. ของอังคาร 12 เมษายน 2554 เพื่อฉลองครบรอบ 50 ปี ที่ยานวอสตอค 1 ซึ่งมีพันเอก ยูริ กาการิน ถูกปล่อยออกจากฐานยิงเพื่อขึ้นสู่วงโคจรของโลกเมื่อ 12 เมษายน 2504 โดยใช้เวลา 89 นาที ที่ความสูง 301 กม. และลงจอดเมื่อ 10.55 น. ตามเวลาในรัสเซีย
50 ปีแล้วครับที่มนุษย์คนแรกของโลกเดินทางไปในอวกาศ ในครึ่งศตวรรษนี้ พวกโซเวียตศึกษาค้นคว้าเรื่องของอวกาศไปได้ไกลโข โดยร่วมกับนักวิทยาศาสตร์อเมริกันและเยอรมัน ศึกษาดาวในจักรวาลที่ถูกเชื่อกันว่าน่าจะมีสิ่งมีชีวิต นักวิทยาศาสตร์ระดับศาสตราจารย์ท่านหนึ่งเล่าให้นิติภูมิฟังว่า ชิลีและไทยเป็นประตูมิติที่มนุษย์ต่างดาวใช้ลงมาเยือนโลกบ่อยครั้ง ห้วงเวลาแค่ 100 กว่าปีที่โลกเราเริ่มมีการบิน เราพัฒนามาได้ไกลมากพอสมควร ด้วยเวลา 50 ปีที่มนุษย์เราเริ่มเข้าสู่อวกาศ กิจการด้านอวกาศของมนุษย์ยังพัฒนาไปได้ไกลมาก ผู้อ่านท่านที่เคารพลองหลับตานึกถึงสิ่งมีชีวิตบนดวงดาวที่เกิดก่อน และมีพัฒนาก่อนมนุษย์หลายแสนนับล้านปีซีครับ สิ่งมีชีวิตเหล่านั้นจะก้าวหน้ากว่ามนุษย์ไปได้มากเท่าใด
เดี๋ยวนี้ นักวิทยาศาสตร์เข้ามาศึกษาเรื่องเทพ เรื่องพรหม ที่ถูกเล่าขานเล่าเป็นตำนานกันว่าได้เคยมาปรากฏกายในโลกมนุษย์ โดยเชื่อว่าเป็นสิ่งมีชีวิตในดาวเคราะห์ดวงอื่นที่มีพัฒนาไปไกลถึงมิติที่ 6 พวกนี้ก้าวหน้าขนาดควบคุมเวลาได้ เดินทางไปในอนาคต และกลับไปในอดีตได้ ส่วนมนุษย์ของโลกในปัจจุบันทุกวันนี้มีพัฒนาการอยู่ในมิติที่ 3 ก็ก้าวหน้าพอสมควร ทว่ายังคุมเวลาไม่ได้ ที่เราท่านนึกกันไม่ถึงก็คือ ขณะนี้ เริ่มมีการนำคัมภีร์ของทุกศาสนาไปศึกษา ศึกษาแล้วก็เชื่อกันว่าบางคัมภีร์น่าจะเขียนโดยสิ่งมีชีวิตจากดาวดวงอื่น นักวิทยาศาสตร์สนใจแม้แต่นักบวชผู้บริกรรมเวทมนตร์คาถาจนวิชาอาคมแก่กล้า สามารถรู้อนาคต หยั่งอดีต ติดต่อกับเทพยดาฟ้าดินและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ และก็เริ่มมีความเชื่อเช่นนี้กันขึ้นมาแล้ว เพราะนักวิทยาศาสตร์บางคนอ้างว่าพวกตนติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวผู้อยู่ในมิติที่สูงกว่ามนุษย์ได้
ครั้งหนึ่ง เราเคยเชื่อครึ่ง ไม่เชื่อครึ่ง ว่าจะมีสัตว์อะไรรูปร่างหน้าตาคล้ายพญานาค หรือมังกร เป็นสัตว์ในตำนาน เล่าขานเป็นนิทานให้เด็กฟัง บางครั้ง ก็ปรากฏภาพในอดีต เช่น ภาพทหารอเมริกันจับพญานาคตัวยาวเฟื้อยได้ ภายหลังมีข่าวว่าเป็นการตัดต่อภาพ ทว่า วันนี้สว่างไปทั้งสมองแล้วครับ เพราะที่สาธารณรัฐจีน หรือไต้หวัน มีการจับปลาพญานาคของแท้ได้ ปรากฏเป็นข่าวทั้งภาพนิ่ง ทั้งวีดิโอ ปลาคล้ายพญานาคพวกนี้นี่ก็คือ สิ่งมีชีวิตที่อยู่ในทะเลลึก หลังจากเกิดสึนามิใหญ่ในญี่ปุ่น พญานาคบางตัวต้องทะลึ่งพุ่งพรวดขึ้นมาอยู่ทะเลชั้นบน สิ่งที่ปรากฏอยู่ในตำนานของคนโบราณซึ่งเล่าขานติดต่อกันมานับพันปี บางทีก็อาจจะมาจากสิ่งที่คนโบราณเคยเห็นด้วยตาตัวเอง หรืออาจจะเคยมีอยู่ดื่นดาษกลาดเกลื่อนในอดีต ทว่า ปัจจุบันทุกวันนี้ไม่มีปรากฏแล้ว ก็เป็นได้
พ.ศ.2547 ผมไปเยือนอาณาจักรแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ริมชายแดนระหว่างเนเธอร์แลนด์กับเยอรมนี ในสถานที่แห่งนี้เป็นที่ชุมนุมสุมหัวของนักวิทยาศาสตร์ชั้นดีมีระดับจากสหรัฐอเมริกา อังกฤษ เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ อินเดีย ฯลฯ ท่านเหล่านี้ได้นำคัมภีร์อินเดียโบราณที่บันทึกไว้ในภาษาสันสกฤตมาอ่านมาท่อง มาศึกษาค้นคว้า ทุกท่านเก่งภาษาสันสกฤตมาก ขนาดพูดจาสนทนากันด้วยภาษาสันสกฤตซึ่งเป็นภาษาที่ตายไปจากโลกนี้นานแล้ว
ผมใช้เวลาอยู่ในอาณาจักรของนักวิทยาศาสตร์พวกนี้อยู่หลายวัน พบว่าท่านเหล่านั้นศึกษาแม้กระทั่งทิศทางของบ้าน การสร้างครัวไว้ในส่วนไหนของบ้าน ประตูบ้านจะต้องอยู่ทางทิศไหน หัวนอนจะต้องหันไปทางใด ลักษณะของบ้านแบบไหนผู้อยู่อาศัยทะเลาะกัน แบบไหนอยู่แล้วเจริญดีมีสุขภาพยอดเยี่ยม ฯลฯ การศึกษาของนักวิทยาศาสตร์เหล่านี้มีหลายส่วนไปเกี่ยวดองหนองยุ่งกับแสงแดดสายลม โดยมีศัพท์แสงต่างๆทางฟิสิกส์ซึ่งเกินสติปัญญาของนิติภูมิที่จะนำมาอธิบายไว้ในที่นี้ได้
พ.ศ.2554 มีผู้แนะนำว่า ศาสตร์โบราณด้านการวางที่อยู่อาศัยให้ถูกต้องกับธรรมชาติของอินเดียถูกถ่ายไปประเทศจีนโบราณ โดยคนจีนนำไปประยุกต์จนกลายเป็นศาสตร์ตี่ลี่ฮวงจุ้ย ผมก็เริ่มติดตามถามข่าวเพื่อค้นคว้าหาว่าในประเทศไทยพอมีใครทราบเรื่องนี้บ้าง เมื่อเดือนที่แล้วนี่เอง มีผู้แนะนำให้รู้จักกับซินแสจิระ จิรเจริญเวศน์ ผมก็เลยขอเข้าไปสนทนาปราศรัยและขอความรู้จากท่านเพื่อจะนำไปเทียบเคียงกับศาสตร์ของกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ที่ไปชุมนุมสุมสมองศึกษาคัมภีร์ของอินเดียโบราณที่เนเธอร์แลนด์ ก็ปรากฏว่ามีหลายส่วนละม้ายคล้ายคลึงกัน โดยเฉพาะเน้นเรื่องสุขภาพและความเจริญรุ่งเรือง แต่ของนักวิทยาศาสตร์จะใช้ศัพท์แสงทางฟิสิกส์อธิบาย ส่วนตี่ลี่ฮวงจุ้ยของจีนใช้หลักธรรมชาติ ดิน น้ำ ลม ไฟ เข้าไปจับ
ยี่สิบปีก่อน มีข่าวบริษัทยาเยอรมันเข้ามาตระเวนซื้อหนังสือใบลานตามวัด ข้อความส่วนใหญ่ในใบลาน คนไทยสมัยใหม่อ่านกันไม่ค่อยออกแล้ว ผมเคยไปถ่ายเอกสารเอามาให้ผู้เชี่ยวชาญแกะอ่าน ส่วนใหญ่เป็นเรื่องยาสมุนไพรโบราณ เช่น “น้ำมันใส่หู ท่านให้เอาน้ำใบเลี่ยน 1 จอก น้ำใบผักบุ้งขัน 1 จอก น้ำขมิ้นอ้อย 1 จอก น้ำมันมะพร้าว 1 จอก น้ำเปลือกมะขามขบ 1 จอก ดินปลักควายแช่เอาน้ำ 1 จอก น้ำผลลำโพง 1 จอก น้ำมันงา 1 จอก ยา 7 สิ่งนี้ หุงให้คงแต่น้ำมันแล้วจึงเอาผลเบญกานี 1 สีเสียดทั้ง 2 ฝิ่น 1 ศิลายอน 1 รวมยา 5 สิ่งนี้เอาเสมอภาคทำเปนจุณ ปรุงลงในน้ำมันให้เข้ากันใส่หูแก้ฝีในหูและตานซาง แลต้อขึ้นตาก็ได้”
ผู้อ่านท่านครับ ย้อนหลังกลับไปในหลายพันปีที่แล้ว อาจจะมีกลุ่มมนุษย์ที่มีวิชาคาถาอาคมเกือบเพียงพอที่จะให้มนุษย์ข้ามจากมิติ 3 ไปสู่มิติที่ 4 ก็ได้
พระเจ้าของมนุษย์เราหลายศาสนา อาจจะคือท่านผู้มีชีวิตในจักรวาลผู้ซึ่งอยู่ในมิติที่ 6 หรือสูงกว่านั้นก็ได้.
คำหล้ารายงา
ผู้เขียน นิติภูมิ นวรัตน์
ที่มาจาก http://www.thairath.co.th/content/163575