นโยบายของดร.สมคิด อาจไม่ใช่ทางออกของประเทศ แต่อาจทำให้ประเทศไปสู่หุบเหวแห่งความหายนะ การปล่อยกู้ในชนบทในภาวะที่การค้าฝืดเคือง จะได้ผลจริงหรือไม่ การผ่อนคลายกฎการอำนวยสินเชื่อของสถาบันการเงิน อาจทำให้สถาบันการเงินพักอีกรอบเช่นปี 2540
ดร.โสภณ พรโชคชัย ได้วิพากษ์นโยบายและแนวทางการฟื้นฟูเศรษฐกิจชาติของรัฐบาลที่เสนอโดย ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ดังนี้:
การอำนวยสินเชื่อในชนบท
การปล่อยกู้ 1.37 แสนล้านบาท ผ่าน 3 โครงการ เริ่มจากให้แบงก์รัฐปล่อยกู้กองทุนหมู่บ้านแบบไร้ดอกเบี้ย ใส่เงินลงไปตำบลละ 5 ล้านบาททั่วประเทศ รวมทั้งกระตุ้นการลงทุนโครงการขนาดเล็ก มุ่งหวังให้คนมีกำลังจับจ่ายใช้สอย . . . (รวมทั้ง) ให้แบงก์รัฐ 2 แห่ง คือ ธนาคารออมสินและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส. ปล่อยเงินกู้แห่งละ 30,000 ล้านบาท รวม 60,000 ล้านบาท ให้กองทุนหมู่บ้าน เพื่อให้เงินก้อนนี้ไปปล่อยกู้ต่อให้สมาชิก แบบไม่มีดอกเบี้ยเป็นเวลา 2 ปี"
ข้อนี้ ดร.โสภณ วิพากษ์ว่า
1. ในภาวะเศรษฐกิจขณะนี้ การลงทุนแทบไม่มีโอกาสเกิดขึ้น หากมีการกู้เงินเกิดขึ้น เกรงจะเป็นการกู้ไปใช้หนี้แทน หรือไม่ก็กู้ไปใช้จ่ายโดยไม่ได้กลายเป็นทุน หดหายหมดไปอย่างสูญเปล่า สร้างหนี้สินจนต่อไปอาจยิ่งเป็นหนี้สินล้นพ้นตัว กลายเป็นการสร้างปัญหาสังคม เท่ากับไม่นำพาแนวคิดทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียงอย่างแท้จริง
2. การที่รัฐบาลมุ่ง "ปั้ม" ตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจเพื่อให้เป็นผลงานโดยไม่คำนึงถึงความเสียหายต่อชาตินี้ เป็นสิ่งที่น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง
3. ยิ่งกว่านั้นการให้กู้เงินโดยไม่มีดอกเบี้ยจากธนาคารของรัฐ ก็ยิ่งทำให้ธนาคารเกิดความเสี่ยง ยิ่งต้องกันสำรองหนี้ไว้ ถึงแม้รัฐบาลจะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของสถาบันการเงินของรัฐ แต่ก็ควรมีความรับผิดชอบต่อผู้ฝากเงิน มีมาตรการเตรียมไว้หากเสียหาย ทำให้ธนาคารได้รับผลกระทบอย่างร้ายแรงในอนาคต
เคดิต:
http://www.trebs.ac.th/Thai/news.php?l=TJC6JX
ดร.โสภณ ถก ดร.สมคิด ปล่อยกู้ ธ.ก.ส.พาประเทศไปสู่หุบเหว
ดร.โสภณ พรโชคชัย ได้วิพากษ์นโยบายและแนวทางการฟื้นฟูเศรษฐกิจชาติของรัฐบาลที่เสนอโดย ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ดังนี้:
การอำนวยสินเชื่อในชนบท
การปล่อยกู้ 1.37 แสนล้านบาท ผ่าน 3 โครงการ เริ่มจากให้แบงก์รัฐปล่อยกู้กองทุนหมู่บ้านแบบไร้ดอกเบี้ย ใส่เงินลงไปตำบลละ 5 ล้านบาททั่วประเทศ รวมทั้งกระตุ้นการลงทุนโครงการขนาดเล็ก มุ่งหวังให้คนมีกำลังจับจ่ายใช้สอย . . . (รวมทั้ง) ให้แบงก์รัฐ 2 แห่ง คือ ธนาคารออมสินและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส. ปล่อยเงินกู้แห่งละ 30,000 ล้านบาท รวม 60,000 ล้านบาท ให้กองทุนหมู่บ้าน เพื่อให้เงินก้อนนี้ไปปล่อยกู้ต่อให้สมาชิก แบบไม่มีดอกเบี้ยเป็นเวลา 2 ปี"
ข้อนี้ ดร.โสภณ วิพากษ์ว่า
1. ในภาวะเศรษฐกิจขณะนี้ การลงทุนแทบไม่มีโอกาสเกิดขึ้น หากมีการกู้เงินเกิดขึ้น เกรงจะเป็นการกู้ไปใช้หนี้แทน หรือไม่ก็กู้ไปใช้จ่ายโดยไม่ได้กลายเป็นทุน หดหายหมดไปอย่างสูญเปล่า สร้างหนี้สินจนต่อไปอาจยิ่งเป็นหนี้สินล้นพ้นตัว กลายเป็นการสร้างปัญหาสังคม เท่ากับไม่นำพาแนวคิดทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียงอย่างแท้จริง
2. การที่รัฐบาลมุ่ง "ปั้ม" ตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจเพื่อให้เป็นผลงานโดยไม่คำนึงถึงความเสียหายต่อชาตินี้ เป็นสิ่งที่น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง
3. ยิ่งกว่านั้นการให้กู้เงินโดยไม่มีดอกเบี้ยจากธนาคารของรัฐ ก็ยิ่งทำให้ธนาคารเกิดความเสี่ยง ยิ่งต้องกันสำรองหนี้ไว้ ถึงแม้รัฐบาลจะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของสถาบันการเงินของรัฐ แต่ก็ควรมีความรับผิดชอบต่อผู้ฝากเงิน มีมาตรการเตรียมไว้หากเสียหาย ทำให้ธนาคารได้รับผลกระทบอย่างร้ายแรงในอนาคต
เคดิต: http://www.trebs.ac.th/Thai/news.php?l=TJC6JX