สวัสดีครับเพื่อนๆชาว pantip วันนี้ผมขออนุญาตแชร์ประสบการท่องเที่ยวแบบแบกเป้ลุยเดี่ยวของผมเอง ถึงแม้จะไม่ใช้การเที่ยวคนเดียวครั่งแรก แต่นี้เป็นการรีวิวครั้งแรกของผมครับ หากผิดพลาดประการใดขออภัยไว้ล่วงหน้านะครับ
สถานที่ : น้ำตกถ้ำพระ น้ำตกเจ็ดสี น้ำตกชะแนน เขตุรักษาพันธ์สัตว์ป่าภูวัว จ.บึงกาฬ
อุปกรณ์ : กล้อง DSLr Canon EOS 1000D,กล้อง Compact Fuji,กล้องโทรศัพท์ Nokia Lumia630 ,ขาตั้งกล้อง
ระยะเวลา : 30 ก.ค. – 1 ส.ค. 2558 (ผ่านมาเป็นเดือนๆแล้วค่อยมารีวิว 555)
งบประมาณ : 2,500 รวมทุกอย่าง (นอนรีสอร์ท 2 คืน)
ทริปนี้ไม่ได้ภาพสวยๆได้แต่ความประทับใจครับ
................................................................................................................................................
วันก่อนเดินทาง
“แกจะเที่ยวได้หรอ ฝนตกมาหลายวันแล้วนะยังไม่หยุดเลย น้ำก็ท่วมหลายที่” เสียงเพื่อนจากปลายสายที่บึงโขงหลงแจ้งมา หลังจากที่ผมโทรติดต่อขอยืมมอร์เตอร์ไซค์เพื่อใช้เป็นพาหนะตะลุยทริปที่ว่าแผนมากว่าสามปี
“ฝนตกสิดี น้ำตกจะได้มีน้ำ ถ่ายรูปสวยดี” ผมดื้อแพ่ง เพราะถ้าไม่ได้ไปตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าอีกกี่ปีโอกาสแบบนี้จะมาอีก...........
หลังจากได้สอบถามข้อมูลการเดินทาง และรับคำยืนยันเรื่องพาหนะที่จะพาผมไปยังจุดต่างๆอันเป็นเรื่องเดียวที่ผมวิตกแล้ว ผมก็จัดการกางแผนที่ว่าแผนการเดินทางโดยเป้าหมายของผมมีทั้งหมดสามจุดที่หมายตาไว้เมือคราวที่ได้เดินทางผ่านอำเภอบึงโขงหลงเมือไม่กี่เดือนก่อน คือสามน้ำตกแห่งเขตุรักษาพันธ์สัตว์ป่าภูวัว น้ำตกถ้ำพระ น้ำตกเจ็ดสี และน้ำตกชะแนน ผมมีเวลาสามวัน นั้นหมายถึงเวลาเดินทาง ไป-กลับด้วย แปลว่าว่าจริงๆผมมีเวลาเที่ยวแค่ 1 วันเท่านั้น เสื้อกันฝน ร่ม ถุงทะเล(กันน้ำ) เสื้อผ้า เก็บข้าวของที่(คิดว่า)จำเป็นยัดๆใส่เป้ แล้วก็อยากให้วันหยุดมาถึงพรุ่งนี้เลย............
วันเดินทาง(ย่อๆ)
8.00 น. บขส.ชุมแพ ผมขึ้นรถทัวร์ สายราชสีมา-อุดร
11.xx น. ถึงบขส.อุดรธานี
12.00 น. ขึ้นรถจากอุดร สายอุดร-บ้านแพง รถน่าจะมีทุกหนึ่งชัวโมงจนถึง 16.00 น.ซึ่งจะเป็นเที่ยวสุดท้าย
17.xx น. หลังจากนั้งจนก้นระบมพลิกซ้ายพลิกขวาอยู่หลายตลบ ด้วยระยะทางกว่าสองร้อยกิโลเมตร กับเวลาราวๆ 5 ชั่วโมงซึ่งก็น่าจะเหมาะกับพวกนิยม slow life (ส่วนผมขอบ่นนีสนึง) ก็มาถึงท่ารถบึงโขงหลงเกือบเย็น กับบรรยากาศเมฆครึ้มฝน เพื่อนก็มารับและพาไปส่งยังรีสอร์ทที่หาดคำสมบูรณ์ ซึ่งจะเป็นที่พักของผมไปอีกสองคืน
หลังจากถามสาระทุกข์ สุข และแนะนำเส้นทางต่างๆพร้อมทั้งนำราชรถมาส่งให้ถึงรีสอร์ทแล้วเพื่อนผมก็ต้องขอตัวกลับก่อนด้วยมีภารกิจต้องเดินทางไปอบรมต่างจังหวัดในวันรุ่งขึ้น ผมเลยเก็บข้าวของเข้าที่พัก เสร็จแล้วก็มาขี่รถเล่นชมรอบๆบึงโขงหลง ซึ่งเป็นบึงน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งชุมน้ำโลกด้วย บรรยากาศรอบๆบึงเต็มไปด้วยภาพวิถีชีวิตที่พึ่งพิงของชาวบ้าน แต่ด้วยบรรยากาสฝนปรอยๆผมเลยไม่ได้เก็บภาพประทับใจเหล่านั้นไว้ในเมมโมรี ได้แต่เก็บไว้ในความทรงจำเท่านั้น ส่วนบริเวณหาดคำสมบุรณ์ที่ผมพักนั้นเป็นหาดที่ได้รับความนิยมของนักท่องเที่ยว เนื่องจากเป็นชายหาดยาวกว่า สี่กิโลเมตรมีบรรยากาสร่มรืน ร้านอาหารเรียงราย และกิจกรรมทางน้ำมากมาย เช่นการเล่นน้ำ บานานาโบ๊ท เรือบด เรือคายัค เป็นต้น ก็เป็นอีกที่ที่น่านังชิลๆกับบรรยากาศสบายๆยิ่งนัก
ตกค่ำฝนที่ตั้งเค้ามาตลอดเย็นก็กระหน่ำลงมาแบบไม่ขาดสาย หนักบ้างเบาบ้าง แต่ผมก็ไม่กังวลอะไรนักเพราะเคยเที่ยวกลางสายฝนมาก็หลายครั้ง อาจติดปัญหาตรงที่ไม่สามารถถ่ายภาพได้ตามต้องการ แต่การได้เห็นด้วยตาก็ถือว่าคุ้มค่า(ถ้าได้เห็น)
......................................................................................................................................................................................................
น้ำตกถ้ำพระ ความลงตัวของแมกไม้ สายน้ำ และลานหิน
05.00 น.ฝนยังคงตกกระทบหลังคาสังกะสีเสียงสนั่น แต่ด้วยตั้งใจแล้วว่าจะไม่ให้ฝนเป็นอุปสัก ผมจึงเตรียมตัวสวมเสื้อกันฝน จัดกล้องใส่ถุงทะเลพร้อมซองดูดความชื้น ล้วขับมอเตอร์ไซค์ มุงหน้าขึ้นทิศเหนื่อสู่จุดหมายแรกคือน้ำตกถ้ำพระ
ประมาณ 06.00 น. ที่ท่าเรือ 1 ที่จะนำสู่น้ำตกยังคงเงียบมีเพียงคนขับเรือกำลังวิดน้ำออกจากเรือ คนขับดูจะแปลกใจเมื่อรู้ว่าผมมาคนเดียว แถมมาถึงแต่ไก่โห่ยังไม่มีนักท่องเที่ยวมาสักคน(จุดประสงผมคืออยากใช้เวลาถ่ายน้ำตกโดยไม่มีคนรบกวน) ผมตกลงเหมาเรือไปส่งในราคา 100 บาท (หากมีหลายคนคิดหัวล่ะ 20 บาท) ให้ไปส่งที่น้ำตก
สองฟากฝั่งลำธารมีบรรยากาศเหมือนป่าดิบอะเมซอน ปลุกจินตนาการว่าถ้ามีงูอนาคอนด้าโผล่ขึ้นมาตรูจะทำไงดี (555ฟุ้งซานไปนู้น) ระหว่างนั้นสัญญาณทักทายจากโซเชียล line จากเพื่อนก็ดังขึ้น ฉุดความคิดผมไปว่า ระหว่างที่เพื่อนบางคนกำลังหลับอยู่บนเตียง บางคนอาจพึ่งตื่นและทำกิจวัตรที่คุ้นเคย แต่เรากลับอยู่ในเรือกับคนไม่รู้จัก กำลังล่องไปในลำธารที่เราไม่รู้จัก มุ่งหน้าสู่ป่าที่ๆเราไม่เคยไป
เพียงไม่นานเรือก็แล่นมาเทียบท่า จากจุดนี้ผมต้องเดินเข้าไปตามเส้นทางผ่านป่าระยะสั้นๆจนได้ยินเสียงกึกก้องของสายน้ำ เพียงเลียวพ้นมุมป่า สายน้ำสีขาวแผ่กระจายบนลานหินก็ปรากฏต่อหน้า ผมไม่เคยเห็นสถานที่ไหนแปลกตาแบบนี้ ลานหินทรายสีเข้มกว้าง แซมด้วยพันธ์ไม้เขียวชอุ่ม มีฉากหลังเป็นเนินหินทรายโค้งมนขนาดมหึมาผิวเรียบละเอียดราวแผนสไลด์เดอร์ขนาดยัก ตัดสีเขียวของผืนป่าดูลงตัว สายน้ำใสแตกฟองขาวกระจาย หน้าผาอีกฝั่งมีรูปสลักนูนต่ำของพระพุทธรูปสลักอยู่อันเป็นที่มาของชื่อน้ำตก แต่ผมไม่สามารถฝ่ากระแสน้ำเชียวข้ามไปยังฝั่งตรงข้ามได้เลย
เช้าๆอย่างนี้ยังไม่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาผมเลยสามารถใช้เวลาเดินชมน้ำตกหามุมถ่ายรูปได้ตามสบาย แต่ฝนก็เริ่มลงเม็ดอีกครั้ง ผมจึงต้องใช้ความระมัดระวังมากยิ่งขึ้นในการถ่ายภาพ กระทั่งสายพอเริ่มมีนักท่องเที่ยวทยอยเข้ามาเรื่อยๆ ผมจึงเดินกลับออกมาที่ท่าเรือเพื่อเดินทางไปยังจุดหมายต่อไป
...............................................................................................................................................................................
สุดเส้นทางที่ น้ำตกเจ็ดสี
จากน้ำตกถ้ำพระขับรถ อีกเพียงไม่นานก็ถึงน้ำตกเจ็ดสี อีกน้ำตกหนึ่งที่เป็นเสมือนสัญลักษณ์ของจังหวัดบึงกาฬ บริเวณลานจอดรถน้ำตกเจ็ดสีมีวัดป่าเล็กๆ มีเจดีย์สีทองตั้งบนลาหินทราย สีทองของเจย์ดีตัดกับท้องฟ้าสีปูนทำให้ภาพทิวทัศดูสว่างขึ้นในวันที่อึมครึมเช่นนี้
จากลานจอดรถผมเดินตามกลุ่มนักท่องเที่ยวเข้าสู่น้ำตกเจ็ดสี ซึ่งเห็นได้ชัดว่าน้ำตกแห่งนี้ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมากซึ่งดูจากความหนาแน่นของนักท่องเที่ยวที่มาในวันนี้
บริเวณชั้นล่างของน้ำตก ผมพบว่ากระแสน้ำไหลแรงมากจนนักท่องเทียวไม่กล้าที่จะลงเล่น ผมจึงเดินเลาะริมลำธารเพื่อหวังจะได้ไปเก็บภาพที่ชั้นบน แต่การจะขึ้นไปถึงน้ำตกชั้นบนได้จะต้องเดินผ่านลำธารน้ำตกไป ซึ่งดูแล้วไม่มีทางที่จะทำได้ ผมจึงทำได้เพียงเก็บรูปที่จุดนี้ แม้ต้องยอมรับว่าผิดหวังบ้างแต่ก็ไม่มากถึงขั้นให้หมดสนุก

จุดนี้คือจุดข้ามที่จะต้องผ่านไปยังน้ำตกเจ็ดสีครับแต่วันนี้น้ำป่าเชียวมากเลยมาไกลสุดได้แค่นี้ครับ

ภาพมาโครแถวลานหินวัดน้ำตกเจ็ดสี(ถ่ายด้วยมือถือ)
..................................................................................................................................................................................................
มีต่อครับ
[CR] แบกเป้ลุยเดี่ยว สามน้ำตกแห่งป่าภูวัว จ.บึงกาฬ(ช่วงน้ำท่วม)
สวัสดีครับเพื่อนๆชาว pantip วันนี้ผมขออนุญาตแชร์ประสบการท่องเที่ยวแบบแบกเป้ลุยเดี่ยวของผมเอง ถึงแม้จะไม่ใช้การเที่ยวคนเดียวครั่งแรก แต่นี้เป็นการรีวิวครั้งแรกของผมครับ หากผิดพลาดประการใดขออภัยไว้ล่วงหน้านะครับ
สถานที่ : น้ำตกถ้ำพระ น้ำตกเจ็ดสี น้ำตกชะแนน เขตุรักษาพันธ์สัตว์ป่าภูวัว จ.บึงกาฬ
อุปกรณ์ : กล้อง DSLr Canon EOS 1000D,กล้อง Compact Fuji,กล้องโทรศัพท์ Nokia Lumia630 ,ขาตั้งกล้อง
ระยะเวลา : 30 ก.ค. – 1 ส.ค. 2558 (ผ่านมาเป็นเดือนๆแล้วค่อยมารีวิว 555)
งบประมาณ : 2,500 รวมทุกอย่าง (นอนรีสอร์ท 2 คืน)
ทริปนี้ไม่ได้ภาพสวยๆได้แต่ความประทับใจครับ
................................................................................................................................................
วันก่อนเดินทาง
“แกจะเที่ยวได้หรอ ฝนตกมาหลายวันแล้วนะยังไม่หยุดเลย น้ำก็ท่วมหลายที่” เสียงเพื่อนจากปลายสายที่บึงโขงหลงแจ้งมา หลังจากที่ผมโทรติดต่อขอยืมมอร์เตอร์ไซค์เพื่อใช้เป็นพาหนะตะลุยทริปที่ว่าแผนมากว่าสามปี
“ฝนตกสิดี น้ำตกจะได้มีน้ำ ถ่ายรูปสวยดี” ผมดื้อแพ่ง เพราะถ้าไม่ได้ไปตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าอีกกี่ปีโอกาสแบบนี้จะมาอีก...........
หลังจากได้สอบถามข้อมูลการเดินทาง และรับคำยืนยันเรื่องพาหนะที่จะพาผมไปยังจุดต่างๆอันเป็นเรื่องเดียวที่ผมวิตกแล้ว ผมก็จัดการกางแผนที่ว่าแผนการเดินทางโดยเป้าหมายของผมมีทั้งหมดสามจุดที่หมายตาไว้เมือคราวที่ได้เดินทางผ่านอำเภอบึงโขงหลงเมือไม่กี่เดือนก่อน คือสามน้ำตกแห่งเขตุรักษาพันธ์สัตว์ป่าภูวัว น้ำตกถ้ำพระ น้ำตกเจ็ดสี และน้ำตกชะแนน ผมมีเวลาสามวัน นั้นหมายถึงเวลาเดินทาง ไป-กลับด้วย แปลว่าว่าจริงๆผมมีเวลาเที่ยวแค่ 1 วันเท่านั้น เสื้อกันฝน ร่ม ถุงทะเล(กันน้ำ) เสื้อผ้า เก็บข้าวของที่(คิดว่า)จำเป็นยัดๆใส่เป้ แล้วก็อยากให้วันหยุดมาถึงพรุ่งนี้เลย............
วันเดินทาง(ย่อๆ)
8.00 น. บขส.ชุมแพ ผมขึ้นรถทัวร์ สายราชสีมา-อุดร
11.xx น. ถึงบขส.อุดรธานี
12.00 น. ขึ้นรถจากอุดร สายอุดร-บ้านแพง รถน่าจะมีทุกหนึ่งชัวโมงจนถึง 16.00 น.ซึ่งจะเป็นเที่ยวสุดท้าย
17.xx น. หลังจากนั้งจนก้นระบมพลิกซ้ายพลิกขวาอยู่หลายตลบ ด้วยระยะทางกว่าสองร้อยกิโลเมตร กับเวลาราวๆ 5 ชั่วโมงซึ่งก็น่าจะเหมาะกับพวกนิยม slow life (ส่วนผมขอบ่นนีสนึง) ก็มาถึงท่ารถบึงโขงหลงเกือบเย็น กับบรรยากาศเมฆครึ้มฝน เพื่อนก็มารับและพาไปส่งยังรีสอร์ทที่หาดคำสมบูรณ์ ซึ่งจะเป็นที่พักของผมไปอีกสองคืน
หลังจากถามสาระทุกข์ สุข และแนะนำเส้นทางต่างๆพร้อมทั้งนำราชรถมาส่งให้ถึงรีสอร์ทแล้วเพื่อนผมก็ต้องขอตัวกลับก่อนด้วยมีภารกิจต้องเดินทางไปอบรมต่างจังหวัดในวันรุ่งขึ้น ผมเลยเก็บข้าวของเข้าที่พัก เสร็จแล้วก็มาขี่รถเล่นชมรอบๆบึงโขงหลง ซึ่งเป็นบึงน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งชุมน้ำโลกด้วย บรรยากาศรอบๆบึงเต็มไปด้วยภาพวิถีชีวิตที่พึ่งพิงของชาวบ้าน แต่ด้วยบรรยากาสฝนปรอยๆผมเลยไม่ได้เก็บภาพประทับใจเหล่านั้นไว้ในเมมโมรี ได้แต่เก็บไว้ในความทรงจำเท่านั้น ส่วนบริเวณหาดคำสมบุรณ์ที่ผมพักนั้นเป็นหาดที่ได้รับความนิยมของนักท่องเที่ยว เนื่องจากเป็นชายหาดยาวกว่า สี่กิโลเมตรมีบรรยากาสร่มรืน ร้านอาหารเรียงราย และกิจกรรมทางน้ำมากมาย เช่นการเล่นน้ำ บานานาโบ๊ท เรือบด เรือคายัค เป็นต้น ก็เป็นอีกที่ที่น่านังชิลๆกับบรรยากาศสบายๆยิ่งนัก
ตกค่ำฝนที่ตั้งเค้ามาตลอดเย็นก็กระหน่ำลงมาแบบไม่ขาดสาย หนักบ้างเบาบ้าง แต่ผมก็ไม่กังวลอะไรนักเพราะเคยเที่ยวกลางสายฝนมาก็หลายครั้ง อาจติดปัญหาตรงที่ไม่สามารถถ่ายภาพได้ตามต้องการ แต่การได้เห็นด้วยตาก็ถือว่าคุ้มค่า(ถ้าได้เห็น)
......................................................................................................................................................................................................
น้ำตกถ้ำพระ ความลงตัวของแมกไม้ สายน้ำ และลานหิน
05.00 น.ฝนยังคงตกกระทบหลังคาสังกะสีเสียงสนั่น แต่ด้วยตั้งใจแล้วว่าจะไม่ให้ฝนเป็นอุปสัก ผมจึงเตรียมตัวสวมเสื้อกันฝน จัดกล้องใส่ถุงทะเลพร้อมซองดูดความชื้น ล้วขับมอเตอร์ไซค์ มุงหน้าขึ้นทิศเหนื่อสู่จุดหมายแรกคือน้ำตกถ้ำพระ
ประมาณ 06.00 น. ที่ท่าเรือ 1 ที่จะนำสู่น้ำตกยังคงเงียบมีเพียงคนขับเรือกำลังวิดน้ำออกจากเรือ คนขับดูจะแปลกใจเมื่อรู้ว่าผมมาคนเดียว แถมมาถึงแต่ไก่โห่ยังไม่มีนักท่องเที่ยวมาสักคน(จุดประสงผมคืออยากใช้เวลาถ่ายน้ำตกโดยไม่มีคนรบกวน) ผมตกลงเหมาเรือไปส่งในราคา 100 บาท (หากมีหลายคนคิดหัวล่ะ 20 บาท) ให้ไปส่งที่น้ำตก
สองฟากฝั่งลำธารมีบรรยากาศเหมือนป่าดิบอะเมซอน ปลุกจินตนาการว่าถ้ามีงูอนาคอนด้าโผล่ขึ้นมาตรูจะทำไงดี (555ฟุ้งซานไปนู้น) ระหว่างนั้นสัญญาณทักทายจากโซเชียล line จากเพื่อนก็ดังขึ้น ฉุดความคิดผมไปว่า ระหว่างที่เพื่อนบางคนกำลังหลับอยู่บนเตียง บางคนอาจพึ่งตื่นและทำกิจวัตรที่คุ้นเคย แต่เรากลับอยู่ในเรือกับคนไม่รู้จัก กำลังล่องไปในลำธารที่เราไม่รู้จัก มุ่งหน้าสู่ป่าที่ๆเราไม่เคยไป
เพียงไม่นานเรือก็แล่นมาเทียบท่า จากจุดนี้ผมต้องเดินเข้าไปตามเส้นทางผ่านป่าระยะสั้นๆจนได้ยินเสียงกึกก้องของสายน้ำ เพียงเลียวพ้นมุมป่า สายน้ำสีขาวแผ่กระจายบนลานหินก็ปรากฏต่อหน้า ผมไม่เคยเห็นสถานที่ไหนแปลกตาแบบนี้ ลานหินทรายสีเข้มกว้าง แซมด้วยพันธ์ไม้เขียวชอุ่ม มีฉากหลังเป็นเนินหินทรายโค้งมนขนาดมหึมาผิวเรียบละเอียดราวแผนสไลด์เดอร์ขนาดยัก ตัดสีเขียวของผืนป่าดูลงตัว สายน้ำใสแตกฟองขาวกระจาย หน้าผาอีกฝั่งมีรูปสลักนูนต่ำของพระพุทธรูปสลักอยู่อันเป็นที่มาของชื่อน้ำตก แต่ผมไม่สามารถฝ่ากระแสน้ำเชียวข้ามไปยังฝั่งตรงข้ามได้เลย
เช้าๆอย่างนี้ยังไม่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาผมเลยสามารถใช้เวลาเดินชมน้ำตกหามุมถ่ายรูปได้ตามสบาย แต่ฝนก็เริ่มลงเม็ดอีกครั้ง ผมจึงต้องใช้ความระมัดระวังมากยิ่งขึ้นในการถ่ายภาพ กระทั่งสายพอเริ่มมีนักท่องเที่ยวทยอยเข้ามาเรื่อยๆ ผมจึงเดินกลับออกมาที่ท่าเรือเพื่อเดินทางไปยังจุดหมายต่อไป
...............................................................................................................................................................................
สุดเส้นทางที่ น้ำตกเจ็ดสี
จากน้ำตกถ้ำพระขับรถ อีกเพียงไม่นานก็ถึงน้ำตกเจ็ดสี อีกน้ำตกหนึ่งที่เป็นเสมือนสัญลักษณ์ของจังหวัดบึงกาฬ บริเวณลานจอดรถน้ำตกเจ็ดสีมีวัดป่าเล็กๆ มีเจดีย์สีทองตั้งบนลาหินทราย สีทองของเจย์ดีตัดกับท้องฟ้าสีปูนทำให้ภาพทิวทัศดูสว่างขึ้นในวันที่อึมครึมเช่นนี้
จากลานจอดรถผมเดินตามกลุ่มนักท่องเที่ยวเข้าสู่น้ำตกเจ็ดสี ซึ่งเห็นได้ชัดว่าน้ำตกแห่งนี้ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมากซึ่งดูจากความหนาแน่นของนักท่องเที่ยวที่มาในวันนี้
บริเวณชั้นล่างของน้ำตก ผมพบว่ากระแสน้ำไหลแรงมากจนนักท่องเทียวไม่กล้าที่จะลงเล่น ผมจึงเดินเลาะริมลำธารเพื่อหวังจะได้ไปเก็บภาพที่ชั้นบน แต่การจะขึ้นไปถึงน้ำตกชั้นบนได้จะต้องเดินผ่านลำธารน้ำตกไป ซึ่งดูแล้วไม่มีทางที่จะทำได้ ผมจึงทำได้เพียงเก็บรูปที่จุดนี้ แม้ต้องยอมรับว่าผิดหวังบ้างแต่ก็ไม่มากถึงขั้นให้หมดสนุก
จุดนี้คือจุดข้ามที่จะต้องผ่านไปยังน้ำตกเจ็ดสีครับแต่วันนี้น้ำป่าเชียวมากเลยมาไกลสุดได้แค่นี้ครับ
ภาพมาโครแถวลานหินวัดน้ำตกเจ็ดสี(ถ่ายด้วยมือถือ)
..................................................................................................................................................................................................
มีต่อครับ