วันนี้ไปเดินห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งกลางเมือง ที่ไปเพราะลืมชำระค่าเงินกู้ธนาคารเมื่อวันศุกร์ วันนี้คิดว่าไม่อยากให้เลยกำหนด และคิดได้ว่ามีสาขาของธนาคารที่ห้างสรรพสินค้า ดังนั้นผมจึงเลือกเดินทางโดยรถไฟฟ้า เพราะตัวเองพักแถวสาทร เลยไปห้างกลางเมืองจะดีกว่าสะดวกสุด ไปช่วงเย็นๆเลยทำให้ รู้สึกหิวขึ้นมาเพราะใกล้เวลาอาหารค่ำ พอจ่ายหนี้เสร็จ ก็คิดว่านานทีไม่เป็นไรหรอก ที่จะกินข้าวนอกบ้าน เพระาปกติจะทำอาหารกินเอง และต้องมากินคนเดียว ก็เดินคิดว่าจะกินอะไรดี อาหารก็หลากหลายมากมาย เรียกว่านานาชาติเลยที่เดียว แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่ลืมคือ ราคาของอาหารแต่ละร้าน
จะกินสุกี้ ก็มาคนเดียวไม่สนุก อาหารญี่ปุ่น เกาหลีกินคงเดียวก็คงไม่สนุก อาหารจีนก็กินมามากมาย คิดไปอีกที กินอะไรง่ายๆดีกว่า เพราะมาคนเดียว
ตัวเลือกเลยน้อยลง คิดแล้วก็อาจจะเป็นพวกฟาสฟูดส์ เบอร์เกอร์ หรือไก่ทอด อะไรทำนองนั้น หรือไม่อาหารจานเดียวใน ฟู๊ดเซ็นเตอร์ แต่คิดว่ามากินอะไรในห้างทั้งที กินที่ร้านบ้างก็ได้ เปรียบเทียบอาหารหลายๆอย่างสุดท้ายก็เลยตัดสินสินใจที่จะกิน ข้าวแกงกระหรี่ญี่ปุ่นร้านชื่อดัง เพราะดูราคาและเปรียบเทียบกับฟาสฟู๊ดส์ ราคาแพงกว่าไม่เท่าไหร่ และก็ยังคำนึงถึงรสชาดที่เพื่อนชาวญี่ปุ่นเคยทำให้กินก็เลยคิดว่าวันนี้ลองกินดูดีกว่า เพราะไม่เคยกินเลย จริงๆ แล้วก็เห็นว่าทางร้านมีลูกค้าต่อคิวยาวเช่นกัน รสชาดและคุณภาพอาหารคงจะเป็นที่นิยมแก่คนหมู่มาก เพราะฉะนั้นต้องพิสูจน์
ก็เลยต้องต่อคิวตามระเบียบรอสักพักใหญ่ก็ได้ที่นั่ง พนักงานเสริฟก็นำ เมนูอาหารมาให้เลือก ในเมนูก็ละเอียดดี บอกว่าถ้าเราจะเพิ่มน้ำแกงกระหรี่ก็เพิ่มตามจำนวนเงิน จะเพิ่มเครื่องก็บอกราคาเงิน แต่ที่ไม่ควรจะคิดเงินเพิ่ม คือ เพิ่มข้าว ก็เข้าใจนะครับว่าคือต้นทุน แต่บางคนก็แย้งอีกละ ข้าวสารก็ต้องซื้อมา สรุปว่าคิดราคาได้ แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เข้าใจเลยว่า ทำไมต้องคิดด้วยนั่นก็คือ เซอร์วิสชาร์จ เพราะพูดตรงๆนะครับ ทางร้านไม่มีดนตรีให้ฟัง หรือการละเล่นใด มีแต่เสียงประกาศโฆษณาจากทางห้าง ไม่มีมุมสวยๆไว้ถ่ายรูปเพราะพื้นที่นั่งเต็มหมด พนักงานบริการคือ จดคิวให้ลูกค้า พาลูกค้าไปนั่งโต๊ะ มารับออร์เดอร์ และนำอาหารมาวาง ที่ว่าไม่สมควรเพราะ ผมสั่งข้าวแกงกระหรี่เนื้อขนาดมาตราฐาน เพิ่มชีส น้ำเปล่า รวมราคาอาหารท้งหมด 230 บาท ราคาก็ไม่ได้ถูกเลยนะครับ ก็เข้าใจนะครับค่าสถานที่แพง เพราะน้ำเปล่าขวดขนาด 500 มล. ก็คิดราคา 20 บาทแล้ว ทุกอย่างก็น่าจะเพียงพอแล้ว แต่นี่คิด เซอร์วิสชาร์จไปอีก 10% ถ้าเป็นในโรงแรม หรือ ภัตตาคาร สวนอาหารก็พอจะเข้าใจ สรุปว่าผมเสียค่าเซอร์วิสชาร์จอีก 23 บาท....พวกท่านๆคิดเห็นประการใดครับ
ร้านอาหารที่ไม่ได้บริการอะไรมากมายทำไมถึงคิดค่าเซอร์วิสชาร์จด้วยครับ ?
จะกินสุกี้ ก็มาคนเดียวไม่สนุก อาหารญี่ปุ่น เกาหลีกินคงเดียวก็คงไม่สนุก อาหารจีนก็กินมามากมาย คิดไปอีกที กินอะไรง่ายๆดีกว่า เพราะมาคนเดียว
ตัวเลือกเลยน้อยลง คิดแล้วก็อาจจะเป็นพวกฟาสฟูดส์ เบอร์เกอร์ หรือไก่ทอด อะไรทำนองนั้น หรือไม่อาหารจานเดียวใน ฟู๊ดเซ็นเตอร์ แต่คิดว่ามากินอะไรในห้างทั้งที กินที่ร้านบ้างก็ได้ เปรียบเทียบอาหารหลายๆอย่างสุดท้ายก็เลยตัดสินสินใจที่จะกิน ข้าวแกงกระหรี่ญี่ปุ่นร้านชื่อดัง เพราะดูราคาและเปรียบเทียบกับฟาสฟู๊ดส์ ราคาแพงกว่าไม่เท่าไหร่ และก็ยังคำนึงถึงรสชาดที่เพื่อนชาวญี่ปุ่นเคยทำให้กินก็เลยคิดว่าวันนี้ลองกินดูดีกว่า เพราะไม่เคยกินเลย จริงๆ แล้วก็เห็นว่าทางร้านมีลูกค้าต่อคิวยาวเช่นกัน รสชาดและคุณภาพอาหารคงจะเป็นที่นิยมแก่คนหมู่มาก เพราะฉะนั้นต้องพิสูจน์
ก็เลยต้องต่อคิวตามระเบียบรอสักพักใหญ่ก็ได้ที่นั่ง พนักงานเสริฟก็นำ เมนูอาหารมาให้เลือก ในเมนูก็ละเอียดดี บอกว่าถ้าเราจะเพิ่มน้ำแกงกระหรี่ก็เพิ่มตามจำนวนเงิน จะเพิ่มเครื่องก็บอกราคาเงิน แต่ที่ไม่ควรจะคิดเงินเพิ่ม คือ เพิ่มข้าว ก็เข้าใจนะครับว่าคือต้นทุน แต่บางคนก็แย้งอีกละ ข้าวสารก็ต้องซื้อมา สรุปว่าคิดราคาได้ แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เข้าใจเลยว่า ทำไมต้องคิดด้วยนั่นก็คือ เซอร์วิสชาร์จ เพราะพูดตรงๆนะครับ ทางร้านไม่มีดนตรีให้ฟัง หรือการละเล่นใด มีแต่เสียงประกาศโฆษณาจากทางห้าง ไม่มีมุมสวยๆไว้ถ่ายรูปเพราะพื้นที่นั่งเต็มหมด พนักงานบริการคือ จดคิวให้ลูกค้า พาลูกค้าไปนั่งโต๊ะ มารับออร์เดอร์ และนำอาหารมาวาง ที่ว่าไม่สมควรเพราะ ผมสั่งข้าวแกงกระหรี่เนื้อขนาดมาตราฐาน เพิ่มชีส น้ำเปล่า รวมราคาอาหารท้งหมด 230 บาท ราคาก็ไม่ได้ถูกเลยนะครับ ก็เข้าใจนะครับค่าสถานที่แพง เพราะน้ำเปล่าขวดขนาด 500 มล. ก็คิดราคา 20 บาทแล้ว ทุกอย่างก็น่าจะเพียงพอแล้ว แต่นี่คิด เซอร์วิสชาร์จไปอีก 10% ถ้าเป็นในโรงแรม หรือ ภัตตาคาร สวนอาหารก็พอจะเข้าใจ สรุปว่าผมเสียค่าเซอร์วิสชาร์จอีก 23 บาท....พวกท่านๆคิดเห็นประการใดครับ