ไม่ทราบว่า จริงเท็จอย่างไร เกี่ยวกันด้วยไหม คล้ายๆ จิตจะฟุ้งซ่านได้ง่าย เหมือนกับบาป ต้องปลงอาบัติก่อน หรือต้องขอขมาต่อหน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์
เคยได้ยินว่า หากเป็นพระ ทำกุศลบารมี จะได้มากกว่าฆราวาส เกือบ 100% อันนี้หมายถึงว่า ภาวนาจะไปเร็วกว่าใช่ไหมหากภาวนาได้ถูก และจะมีบุญบารมีที่เต็มได้เร็วกว่า ใช่ไหม
แต่หากทำบาปหรืออาบัติอะไร ขณะที่ยังเป็นนักบวช จะบาปกว่าฆราวาสทั่วไปเกือบ 100% เช่นกัน แล้วจะทำให้การภาวนานั้นทำได้ยาก เคยได้ยินหลวงพ่อปราโมทย์บอกอีกด้วยว่า หากใครปาราชิกตอนยังเป็นพระ ชาตินี้อย่าหวังจะบรรลุแม้ขั้นพระโสดาบัน ต้องรอชาติต่อๆไปแทน จริงไหม ปาราชิกคือ 4 ข้อใช่ไหม
ไม่ทราบจริงเท็จอย่างไร เพราะได้ยินมาจากหลายๆ ท่านที่เป็นครูบา อจ ตามวัดต่างๆ กล่าวไว้อย่างนี้ เพราะมีศีล 227 ที่ได้กล่าวสัตย์สมาทานไว้ตอนบวช อะไรประมาณนี้ ไม่แน่ใจนักว่าใครพอทราบรายละเอียดบ้าง
แล้วอย่างแม่ชีละ ที่ศีล 8 หรือฆราวาสที่ไปอาศัยตามวัดต่างๆ แต่ไม่ได้บวชหรือสมาทานศีลอะไร แค่ไปช่วยงานในวัดและอยู่ระยะสั้นๆ ไม่กี่เดือน
เคยได้ยิน พระ อจ หลายท่านบอกว่า ผู้บวชเป็นพระนั้นหากทำผิดอาบัติ ยิ่งอาบัติในสิ่งที่ค่อนข้างแรง จะภาวนาไม่ขึ้นเลย
เคยได้ยินว่า หากเป็นพระ ทำกุศลบารมี จะได้มากกว่าฆราวาส เกือบ 100% อันนี้หมายถึงว่า ภาวนาจะไปเร็วกว่าใช่ไหมหากภาวนาได้ถูก และจะมีบุญบารมีที่เต็มได้เร็วกว่า ใช่ไหม
แต่หากทำบาปหรืออาบัติอะไร ขณะที่ยังเป็นนักบวช จะบาปกว่าฆราวาสทั่วไปเกือบ 100% เช่นกัน แล้วจะทำให้การภาวนานั้นทำได้ยาก เคยได้ยินหลวงพ่อปราโมทย์บอกอีกด้วยว่า หากใครปาราชิกตอนยังเป็นพระ ชาตินี้อย่าหวังจะบรรลุแม้ขั้นพระโสดาบัน ต้องรอชาติต่อๆไปแทน จริงไหม ปาราชิกคือ 4 ข้อใช่ไหม
ไม่ทราบจริงเท็จอย่างไร เพราะได้ยินมาจากหลายๆ ท่านที่เป็นครูบา อจ ตามวัดต่างๆ กล่าวไว้อย่างนี้ เพราะมีศีล 227 ที่ได้กล่าวสัตย์สมาทานไว้ตอนบวช อะไรประมาณนี้ ไม่แน่ใจนักว่าใครพอทราบรายละเอียดบ้าง
แล้วอย่างแม่ชีละ ที่ศีล 8 หรือฆราวาสที่ไปอาศัยตามวัดต่างๆ แต่ไม่ได้บวชหรือสมาทานศีลอะไร แค่ไปช่วยงานในวัดและอยู่ระยะสั้นๆ ไม่กี่เดือน