คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 9
ที่เกิดเหตุ ไม่ใช่บริเวณมัสยิดฮารอม
ดังนั้นกรณีนี้ไม่เกี่ยวกับการก่อสร้างขยายมัสยิด
พื้นที่เกิดเหตุคือที่ "มินา" สถานที่ ที่มีการขว้างเสาหิน 3 ต้น
- มินา (ขอเรียกเล่น ๆ ว่าเมืองแห่งเต้นท์ (ติดแอร์) เต้นท์แบ่งเป็นโซนตามภูมิภาค โซนประเทศไทย ใกล้มาเลย์ อินโด)
มินาห่างจากมัสยิดฮารอม 7 กิโลเมตร
สถานที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ
- ทุ่งมุสดะลิฟะห์ ห่างจากมินา 3 กิโลเมตร
- ทุ่งอะรอฟะฮ์ ห่างจากมินา 10 กิโลเมตร

step คร่าวๆ ของฮัจญ์
วันที่ 1 - 7 ซุ้ลฮิจญะห์
- พักอยู่ในเมกกะห์
ดังนั้นใครจะตอวาฟ (เวียนรอบอาคารกะอ์บะ) สะแอ (เดินระหว่างเนินเขา 2 ลูก 7 เที่ยว)
ละหมาด อ่านอัลกุรอาน ปฏิบัติศาสนกิจทั่ว ๆ ไป ก็ตามสะดวก
วันที่ 8 ซุ้ลฮิจญะห์
- เตรียมตัวออกจากเมกกะห์ไปมินา ทยอยออกเดินทางตามคิว มีทั้งเดิน ทั้งนั่งรถ **ดังนั้นการจราจรค่อนข้างหนาแน่น**
- ไปค้างแรมในเต้นท์ที่มินาคืนแรก แบ่งตามโซน
วันที่ 9 ซุ้ลฮิจญะห์ (วันอารอฟะห์)
- ออกจากที่พักที่มีนา ไปทำการวุกุฟ (สงบใจอภัยโทษ) ที่ทุ่งอารอฟะห์ (นั่งรถไปประมาณ 30 นาที)
- การวุกุฟ ถือเป็นหัวใจของการทำฮัจญ์ วุกุฟจนกระทั่งพระอาทิตย์ตกในวันนี้ เสร็จภารกิจ
- เคลื่อนย้ายไปค้างแรมชั่วคราวที่มุสดะลิฟะห์ การค้างแรมที่นี่จึงมีทั้งเต้นท์ ทั้งปูเสื่อนอนกลางแจ้ง
วันที่ 10 ซุ้ลฮิจญะห์ (วันอีด อัฎฮา)
- ออกเดินทางจากมุสดะลิฟะห์ กลับมาที่มินา เพื่อไปขว้างเสาหินต้นที่สาม (ญัมรอตุ้ลอะกอบะห์) วันนี้คนมหาศาลที่สุด
- เมื่อขว้างเสาหินต้นนี้แล้วก็ปลดเอี๊ยะรามได้ และกลับไปค้างแรมต่อที่มีนา เต้นท์เดิม โซนเดิม
- มุสลิมทั่วโลก ฉลองวันอีด เชือดกุรบ่าน
วันที่ 11 ซุ้ลฮิจญะห์
- ออกจากที่พักที่มินาไปขว้างเสาหินทั้งสามต้น และกลับไปค้างแรม ที่มีนา
เวลาว่างก็สงบจิตใจ ขอดุอาว์ อ่านอัลกุรอ่านทำอิบาดะห์ ฯลฯ
วันที่ 12 ซุ้ลฮิจญะห์
- ออกจากเต้นท์ที่มินาไปขว้างเสาหินทั้งสามต้น และกลับไปค้างแรมต่อที่มีนา เหมือนเดิม
วันที่ 13 ซุ้ลฮิจญะห์
- ออกจากเต้นท์ที่มินาไปขว้างเสาหินทั้งสามต้น
- และออกจากมินากลับเข้าเมกกะห์
3 วันนี้ เรียกว่า "วันตัชรีก" ซึ่งมีการขว้างเสาหิน 3 ต้น แต่คนจะไม่หนาแน่นเท่าวันอีด
หลังจากนั้น หรือระหว่างนี้ กลุ่มไหน หรือใครจะย้อนกลับเข้าเมกกะห์ เพื่อตอวาฟและสะแอฮัจย์ ก็ตามสะดวก
เป็นอันเสร็จสิ้นพิธีฮัจย์
**เหตุเกิดวันที่ 10 วันที่คนจำนวนมหาศาลมาที่จุด ๆ เดียว อยู่ที่การบริหารการจัดคิว
แต่เพราะ
- ร้อน
- เหนื่อย
- เดินย้อนศร
- จุดตัดถนน
ดังนั้นกรณีนี้ไม่เกี่ยวกับการก่อสร้างขยายมัสยิด
พื้นที่เกิดเหตุคือที่ "มินา" สถานที่ ที่มีการขว้างเสาหิน 3 ต้น
- มินา (ขอเรียกเล่น ๆ ว่าเมืองแห่งเต้นท์ (ติดแอร์) เต้นท์แบ่งเป็นโซนตามภูมิภาค โซนประเทศไทย ใกล้มาเลย์ อินโด)
มินาห่างจากมัสยิดฮารอม 7 กิโลเมตร
สถานที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ
- ทุ่งมุสดะลิฟะห์ ห่างจากมินา 3 กิโลเมตร
- ทุ่งอะรอฟะฮ์ ห่างจากมินา 10 กิโลเมตร

step คร่าวๆ ของฮัจญ์
วันที่ 1 - 7 ซุ้ลฮิจญะห์
- พักอยู่ในเมกกะห์
ดังนั้นใครจะตอวาฟ (เวียนรอบอาคารกะอ์บะ) สะแอ (เดินระหว่างเนินเขา 2 ลูก 7 เที่ยว)
ละหมาด อ่านอัลกุรอาน ปฏิบัติศาสนกิจทั่ว ๆ ไป ก็ตามสะดวก
วันที่ 8 ซุ้ลฮิจญะห์
- เตรียมตัวออกจากเมกกะห์ไปมินา ทยอยออกเดินทางตามคิว มีทั้งเดิน ทั้งนั่งรถ **ดังนั้นการจราจรค่อนข้างหนาแน่น**
- ไปค้างแรมในเต้นท์ที่มินาคืนแรก แบ่งตามโซน
วันที่ 9 ซุ้ลฮิจญะห์ (วันอารอฟะห์)
- ออกจากที่พักที่มีนา ไปทำการวุกุฟ (สงบใจอภัยโทษ) ที่ทุ่งอารอฟะห์ (นั่งรถไปประมาณ 30 นาที)
- การวุกุฟ ถือเป็นหัวใจของการทำฮัจญ์ วุกุฟจนกระทั่งพระอาทิตย์ตกในวันนี้ เสร็จภารกิจ
- เคลื่อนย้ายไปค้างแรมชั่วคราวที่มุสดะลิฟะห์ การค้างแรมที่นี่จึงมีทั้งเต้นท์ ทั้งปูเสื่อนอนกลางแจ้ง
วันที่ 10 ซุ้ลฮิจญะห์ (วันอีด อัฎฮา)
- ออกเดินทางจากมุสดะลิฟะห์ กลับมาที่มินา เพื่อไปขว้างเสาหินต้นที่สาม (ญัมรอตุ้ลอะกอบะห์) วันนี้คนมหาศาลที่สุด
- เมื่อขว้างเสาหินต้นนี้แล้วก็ปลดเอี๊ยะรามได้ และกลับไปค้างแรมต่อที่มีนา เต้นท์เดิม โซนเดิม
- มุสลิมทั่วโลก ฉลองวันอีด เชือดกุรบ่าน
วันที่ 11 ซุ้ลฮิจญะห์
- ออกจากที่พักที่มินาไปขว้างเสาหินทั้งสามต้น และกลับไปค้างแรม ที่มีนา
เวลาว่างก็สงบจิตใจ ขอดุอาว์ อ่านอัลกุรอ่านทำอิบาดะห์ ฯลฯ
วันที่ 12 ซุ้ลฮิจญะห์
- ออกจากเต้นท์ที่มินาไปขว้างเสาหินทั้งสามต้น และกลับไปค้างแรมต่อที่มีนา เหมือนเดิม
วันที่ 13 ซุ้ลฮิจญะห์
- ออกจากเต้นท์ที่มินาไปขว้างเสาหินทั้งสามต้น
- และออกจากมินากลับเข้าเมกกะห์
3 วันนี้ เรียกว่า "วันตัชรีก" ซึ่งมีการขว้างเสาหิน 3 ต้น แต่คนจะไม่หนาแน่นเท่าวันอีด
หลังจากนั้น หรือระหว่างนี้ กลุ่มไหน หรือใครจะย้อนกลับเข้าเมกกะห์ เพื่อตอวาฟและสะแอฮัจย์ ก็ตามสะดวก
เป็นอันเสร็จสิ้นพิธีฮัจย์
**เหตุเกิดวันที่ 10 วันที่คนจำนวนมหาศาลมาที่จุด ๆ เดียว อยู่ที่การบริหารการจัดคิว
แต่เพราะ
- ร้อน
- เหนื่อย
- เดินย้อนศร
- จุดตัดถนน
แสดงความคิดเห็น
(แลกเปลี่ยนความรู้)ทำไมการเหยียบกันตายในพิธีฮัจย์ ถึงกลับมาอีกครั้ง
เท่าที่ศึกษา แรกเริ่มเดิมที ทั้งเมกกะ และเมดิน่า เป็นเมืองที่มั่งคั่งระดับต้นๆของโลกอิสลามหลังประกาศศาสนา เป็นเป็นเมืองแสวงบุญ ดังนั้นเงินทองย่อมสะพัดและเศรษฐกิจจะดีมา และเมื่อจักรวรรดิออตโตมันล่มสลาย ทั้งเมกกะและเมดิน่า เป็นเมืองแรกๆ ที่ชนเผ่าอาหรับต่างๆหมายตาไว้ จนในที่สุด ราชวงศ์ซาอู๊ดและเหล่านักรบวาฮะบี ได้ตั้งอาณาจักรสำเร็จ โดยมีทั้งเมกกะและเมดิน่าอยู่ในอาณาจักร วึ่ง2เมืองนี้เป็นบ่อเงินบ่อทองของซาอุดิอารเบีย ก่อนการค้นพบน้ำมันเสียอีก
จากประวัติศาสตร์อาหรับก่อนอิสลาม เมกกะ ถือเป็นเมืองสำคัญในแถบคาบสมุทรอาระเบียมานานก่อนประกาศอิสลามเสียอีก และก่อนประกาศอิสลาม เมกกะหรือพูดให้ละเอียดลงไปอีกคือวิหารกาบะ เป็นสิ่งเดียวที่ยึดชนเผ่าอาหรับไว้ด้วยกัน ซึ่งแม้อาหรับต่างเผ่าจะต่างความเชื่อ ที่มีทั้งยูดาย คริสต์ นับถือเจว็ด หรือจารีตดั้งเดิมของอับราฮัมแบบครอบครัวศาสดามุฮัมหมัด ก็ต่างมาประกอบฮัจย์ด้วยกันทั้งสิ้น อ้างจากประวัติศาสดา เมื่อท่านมาวิหารกาบะที่เมกกะครั้งแรก เมกกะก้เป็นเมืองที่มั่งคั่งอยู่แล้ว และหลังจากประกาศอิสลาม ทั่วดินแดนอาหรับ ก็มีการทำลายเจว้ดรอบวิหารกาบะลง แต่ฮัจย์ก็ยังมีอยู่ วึ่งตรงนี้ผมก็ยังค้นไม่ได้เหมือนกันว่าฮัจย์ในยุคก่อนอิสลาม ที่แต่ละเผ่าแต่ละความเชื่อทำนั้นเหมือนหรือแตกต่างจากฮัจย์ของอิสลามยังไง
กลับเข้ามาถึงเรื่องฮัจย์ในปัจจุบันต่อ แต่ก่อนฮัจยืถือเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่ คือเป็นการพิสูจย์ศรัทธาและทุกการเดินทางก็อยู่ในกำมือของพระเจ้าเพราะ มีเพียง2ช่องทางที่จะไปคือ ทางเรือ และทางบก ซึ่งล้วนแต่อันตราย วึ่งสมัยก่อน การจะเป็นฮัจยีซักคนในบ้านเรานั้นยากแสนยาก แต่สมัยนี้ แค่มีเงิน มีโควต้า ก็ไปได้แล้ว
แต่ปัยหาใหม่ของฮัจย์ในโลกปัจจุบันไม่ใช่การเดินทาง แต่เป็นระหว่างปฏิบัติศาสนกิจ นั่นเพราะ เมื่อไปง่ายขึ้น คนก้เยอะขึ้น ระบบการจัดการก็คุมยาก ปัยหาเหยียบกันตาก๋เลยตามมา เอาง่ายๆพื้นที่มันมีจำกัด แต่คนมันเยอะ ดังนั้นจำนวนคนต่อ1หน่วยพื้นที่มันก็เยอะ ยังไม่พอ จำนวนคนยังเติมเข้ามาในพื้นที่เรื่อยๆอีก พูดง่ายอีกครั้งแค่ไปร่วมในพิธีก็แถบจะยืนชิดเป็นผัวเมียกันอยู่แล้ว ดังนั้นไม่แปลกหากมีคนหน้ามืดตาลาย เป็นล้ม และหากมีคนล้มลงไป แน่นอนว่าคนหลังก็ดันมา ทำให้คนที่ล้มก็เละคาฝ่าเท้าผู้แสวงบุญ
แต่ปัยหานี้ก็ไม่เกิดมานานหลายปีแล้ว แต่ปีนี้ก็เกิดขึ้นอีก วึ่งลึกๆเป็นไงไม่รู้ แต่มองแบบห่างๆผมมองว่าเป็นความผิดของผู้จัดงาน เพราะมีการก่อสร้างต่อเติม ส่วนของมัสยิด วึ่งแน่นอนว่าต้องปิดในส่วนก่อสร้าง แต่พอมีข่าวเครนทับคนตาย ทำให้รู้เลยว่า ในพื้นที่ก่อสร้างก็ยังเปิดให้คนไปใช้งานอยู่
และอีกส่วนที่ผมไม่สามารถหาข้อมูลภาษาไทยได้คือปริมาณคนไปฮัจย์ปีนี้เทียบกับปีก่อนๆ ว่ามากน้อยแค่ไหน คือถ้าปีนี้จำนวนไม่ลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญแสดงว่า ในขณะที่มีการก่อสร้าง จำนวนคนก็ยังมากในขณะที่พื้นที่ใช้สอยน้อยลง ซึ่งก็หมายถึงว่าผู้จัดงานผิดอย่างแท้จริง