สรุปผลการจัดเสวนา
เรื่อง “ฮัจย์กับสิทธิประโยชน์ของผู้เดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์”
จัดโดย
สภาองค์การมุสลิมแห่งประเทศไทยณ มูลนิธิเพื่อศูนย์กลางอิสลามแห่งประเทศไทย
๑๐ มกราคม ๒๕๕๕
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
สรุปผลการสานเสวนา
ฮัจย์กับสิทธิประโยชน์ของผู้เดินทางไปประกอบพิธีฮัจย ์
จัดโดย
สภาองค์การมุสลิมแห่งประเทศไทย
ณ มูลนิธิเพื่อศูนย์กลางอิสลามแห่งประเทศไทย
วันที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๕๕
สภาองค์การมุสลิมแห่งประเทศไทย ร่วมกับสำนักจุฬาราชมนตรี มูลนิธิเพื่อศูนย์กลางอิสลามแห่งประเทศไทย สมาคมสื่อสารมวลชนมุสลิม ชมรมนักกฎหมายมุสลิม ได้จัดให้มีการสานเสวนาเรื่อง
“ฮัจย์กับสิทธิประโยชน์ของผู้เดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์”
ณ ห้องประชุมใหญ่ มูลนิธิเพื่อศูนย์กลางอิสลามแห่งประเทศไทย ระหว่างเวลา ๐๙.๐๐ – ๑๕.๓๐ น. โดยมีผู้แทนขององค์กรสมาชิก องค์กรที่
เกี่ยวข้องกับการดำเนินกิจการฮัจย์ ได้แก่ ผู้แทนหัวหน้าผู้แทนฮัจย์ทางการ (อะมีรุ้ลฮัจย์), ผู้ทรงคุณวุฒิ คณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจย์แห่งประเทศไทย, อนุกรรมาธิการส่งเสริมศาสนาและศาสนิกสัมพันธ์วุฒิสภา, สมาชิกสภาผู้แทนราษฏร จังหวัดสตูล, เอกอัคราชทูตประจำกระทรวงการต่างประเทศ,นักพัฒนาสังคมชำนาญการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์, ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านการวางแผนฯ ผู้แทนกรมการบินพลเรือน, ผู้แทนสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ, ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค, ผู้แทนคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย, ผู้แทนศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.), ผู้ทรงคุณวุฒิ, อุปนายกสมาคมผู้ประกอบกิจการฮัจย์ภาคใต้, ผู้แทนผู้เดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ (ฮุจยาต) บุคคลที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาและบุคคลผู้สนใจ เข้าร่วมการสานเสวนาครั้งนี้ประมาณ ๒๕๐ คน
โดยมีการถ่ายทอดสดทางสื่อโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมยาตีมทีวี และออนไลน์ผ่านอินเทอร์เน็ต ตลอดการประชุมเสวนาในครั้งนี้ ซึ่งมีผู้ชมสนใจติดตามชมทั่วประเทศจากการสานเสวนาและการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นภายใต้บรรยากาศแห่งความเป็นกัลยาณมิตร เป็นผลให้ผู้เข้าร่วมประชุมได้มีโอกาสในการพิจารณาข้อมูลและข้อเท็จจริงเกี่ยวกับโครงสร้าง ระบบและกระบวนการดำเนินงาน ปัญหาอุปสรรคที่เกิดขึ้นอันมีผลกระทบต่อสิทธิประโยชน์ของผู้เดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ รวมทั้งแนวทางในการปรับปรุงและพัฒนามาตรฐานกิจการฮัจย์ของประเทศไทย ที่จะมีคุณค่าต่อการบริหารและการจัดการขององค์การภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม อันจะนำไปสู่คุณประโยชน์ของผู้เดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ในอนาคต
รายงานการประชุมเรื่อง พรบ ฮัจย์
เรื่อง “ฮัจย์กับสิทธิประโยชน์ของผู้เดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์”
จัดโดย
สภาองค์การมุสลิมแห่งประเทศไทยณ มูลนิธิเพื่อศูนย์กลางอิสลามแห่งประเทศไทย
๑๐ มกราคม ๒๕๕๕
สรุปผลการสานเสวนา
ฮัจย์กับสิทธิประโยชน์ของผู้เดินทางไปประกอบพิธีฮัจย ์
จัดโดย
สภาองค์การมุสลิมแห่งประเทศไทย
ณ มูลนิธิเพื่อศูนย์กลางอิสลามแห่งประเทศไทย
วันที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๕๕
สภาองค์การมุสลิมแห่งประเทศไทย ร่วมกับสำนักจุฬาราชมนตรี มูลนิธิเพื่อศูนย์กลางอิสลามแห่งประเทศไทย สมาคมสื่อสารมวลชนมุสลิม ชมรมนักกฎหมายมุสลิม ได้จัดให้มีการสานเสวนาเรื่อง
“ฮัจย์กับสิทธิประโยชน์ของผู้เดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์”
ณ ห้องประชุมใหญ่ มูลนิธิเพื่อศูนย์กลางอิสลามแห่งประเทศไทย ระหว่างเวลา ๐๙.๐๐ – ๑๕.๓๐ น. โดยมีผู้แทนขององค์กรสมาชิก องค์กรที่
เกี่ยวข้องกับการดำเนินกิจการฮัจย์ ได้แก่ ผู้แทนหัวหน้าผู้แทนฮัจย์ทางการ (อะมีรุ้ลฮัจย์), ผู้ทรงคุณวุฒิ คณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจย์แห่งประเทศไทย, อนุกรรมาธิการส่งเสริมศาสนาและศาสนิกสัมพันธ์วุฒิสภา, สมาชิกสภาผู้แทนราษฏร จังหวัดสตูล, เอกอัคราชทูตประจำกระทรวงการต่างประเทศ,นักพัฒนาสังคมชำนาญการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์, ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านการวางแผนฯ ผู้แทนกรมการบินพลเรือน, ผู้แทนสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ, ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค, ผู้แทนคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย, ผู้แทนศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.), ผู้ทรงคุณวุฒิ, อุปนายกสมาคมผู้ประกอบกิจการฮัจย์ภาคใต้, ผู้แทนผู้เดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ (ฮุจยาต) บุคคลที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาและบุคคลผู้สนใจ เข้าร่วมการสานเสวนาครั้งนี้ประมาณ ๒๕๐ คน
โดยมีการถ่ายทอดสดทางสื่อโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมยาตีมทีวี และออนไลน์ผ่านอินเทอร์เน็ต ตลอดการประชุมเสวนาในครั้งนี้ ซึ่งมีผู้ชมสนใจติดตามชมทั่วประเทศจากการสานเสวนาและการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นภายใต้บรรยากาศแห่งความเป็นกัลยาณมิตร เป็นผลให้ผู้เข้าร่วมประชุมได้มีโอกาสในการพิจารณาข้อมูลและข้อเท็จจริงเกี่ยวกับโครงสร้าง ระบบและกระบวนการดำเนินงาน ปัญหาอุปสรรคที่เกิดขึ้นอันมีผลกระทบต่อสิทธิประโยชน์ของผู้เดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ รวมทั้งแนวทางในการปรับปรุงและพัฒนามาตรฐานกิจการฮัจย์ของประเทศไทย ที่จะมีคุณค่าต่อการบริหารและการจัดการขององค์การภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม อันจะนำไปสู่คุณประโยชน์ของผู้เดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ในอนาคต