ตัณหา ต่างกับ ฉันทะ อย่างไร .. ?

กระทู้คำถาม
เขาว่ากันว่า พุทธศาสนา สอนให้ละความอยาก จึงทำให้บุคคลหรือสังคมใดดำเนินตามแนวทางนี้แล้ว จะต้องอยู่อย่างยากจน เป้นเช่นนั้นจริงหรือ .. ?
ศาสนาพุทธไม่ได้สอนให้ไม่อยากอะไรเลยนะ แต่ความอยากในพุทธศาสนาเป็นความอยากที่ เรียกว่า ฉันทะ ซึ่งต่างกับความอยากที่คนทั่วไปตกอยู่ในกระแสนั้น กระแสที่เราเรียกกันว่า ตัณหา .. ศาสนาพุทธสอนให้คนเปลี่ยนกระแสจากความอยากชนิดตัณหา ไปสู่ความอยากอีกกระแสหนึ่ง ซึ่งเรียกว่า ฉันทะ
ตัณหา จะมองที่ ผลของการกระทำ แต่ ฉันทะ นั้นมองที่ตัวการกระทำ ..
อย่างเช่น อยากเป็นคนดี --> อันนี้เป็นตัณหา แต่ถ้า อยากทำความดี --> อันนี้คือฉันทะ
ถ้าทำงานด้วย ตัณหา ก็จะมองว่า งานเป็นแค่เงื่อนไข ให้ได้มาซึ่ง ผลหรือสิ่งที่ต้องการ(เงิน เลื่อนตำแหน่ง) เพื่อให้ได้มาซึ่งผลในอนาคต เพราะฉนั้น จะไม่มีความเคารพ ไม่มีความรัก ในตัวงาน งานจะเป็นแค่ทางผ่านที่จะนำไปสู่งสิ่งที่ต้องการ โอกาศที่จะทำงานฉาบฉวย หรือทุจริต ก็มีสูง
ถ้าเรามีความพอใจในงาน รักในงาน อยากทำงานให้ดีที่สุด มีการปรับปรุงพัฒนาทุกขณะที่ทำ มองความสุขที่ตัวงาน ไม่ใช่ผลที่จะได้ เช่นนี้ เท่ากับเราเปลี่ยนกระแสความอยากของเรา จากตัณหา มาสู่ ฉันทะ แล้ว ..
นี่เป้นเพียงตัวอย่าง ง่ายๆ เรื่อง ตัณหา กับ ฉันทะ ..

เชิญเพื่อนสมาชิกทุกท่าน ร่วมให้ความหมาย ในเชิงรูปธรรม เพื่อประโยชน์ ต่อผู้ได้อ่านต่อไปด้วย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่