สวัสดีค่ะ นี่แจ๊คเองนะคะ หลายคนคงตามๆ รีวิวของแจ๊คมาอยู่เรื่อยๆ แต่บทความรีวิวตัวนี้ แจ๊คทำมาพิเศษหน่อย คือ การเลือกคลีนซิ่งน้ำ (Cleansing Water) ที่เคยใช้มารีวิวเปรียบเทียบประสิทธิภาพของแต่ละแบรนด์ให้ดูถึง 6 แบรนด์กันเลยทีเดียว จะได้รู้กันไปว่าตัวไหนของจริง ดีจริง ปังจริงๆ แล้วต้องซื้อต่อแน่ๆ (แจ้งก่อนว่าโปรดักส์ที่นำมารีวิว มีทั้งซื้อเองและทางแบรนด์ส่งมาให้ลองใช้ ไม่มีงานจ้างนะคะ)
อย่างก่อนหน้านี้เมื่อตอนซัมเมอร์ที่ผ่านมา แจ๊คก็ได้ทำบทความรีวิวเปรียบเทียบด้วยการพลีชีพอย่างยิ่งใหญ่ใหญ่โตแมคโคโลตัส สลัดผ้าเปลือยหลังปิ้งย่างทดสอบครีมกันแดดมากถึง 15 แบรนด์ ตัวไหนดี-ไม่ดี ไหม้-ไม่ไหม้อย่างไร รู้กันไปจะๆ ซึ่งสามารถย้อนอ่านผลลัพธ์ได้ที่
http://wp.me/p5zkVS-65
กลับมาที่บทความเปรียบเทียบคลีนซิ่งน้ำของเราต่อ ด้วยความที่ปัจจุบันสาวๆ หลายๆ ท่านก็แต่งหน้าแต่งตา เสริมความสวยความงามออกจากบ้านไปทำงานทุกวันอ่ะเนอะ และเดี๋ยวนี้ไม่ใช่แค่คุณผู้หญิงนะ แม้แต่คุณผู้ชายสมัยใหม่ก็หันมาสนใจดูแลตัวเองทาครีมกันแดด ทารองพื้น แป้ง หรือ BB cream กันเป็นปกติ จนไม่ใช่เรื่องผิดแปลกอะไร ฉะนั้นสิ่งที่ตามมาคือปัญหาการทำความสะอาดผิวหน้า จะเช็ดล้างเครื่องสำอางอย่างไรให้สะอาดหมดจดหลังจากที่แต่งหน้าไปทำงานออกนอกบ้านเผชิญมลพิษมาทั้งวัน เพื่อที่หน้าจะได้ไม่เกิดสิ่งสกปรกตกค้างมาเป็นสิวผิวอุดตันให้กลุ้มจิต
เหตุนี้นี่เอง ทำให้หลายๆ แบรนด์เครื่องสำอางหันมาตระหนักถึงกระบวนการเช็ดล้างทำความสะอาดผิวหน้าด้วย จึงเกิดนวัตกรรมหลากหลายอย่างขึ้นมาเป็นโปรดักส์เครื่องสำอาง อันได้แก่ Remover เฉพาะจุดอย่าตากับปาก ซึ่งค่อนข้างออนโยนและระคายเคืองง่าย หรือจะเป็น Cleansing Milk เนื้อคล้ายกับน้ำนมนวดทำความสะอาดทั่วหน้า บางแบรนด์ก็จะเป็น Cleansing Cream, Cleansing Gel, Cleansing Oil ซึ่งจะเป็นเนื้อครีม เจล หรือน้ำมันที่เอาไว้นวดทำความสะอาดเมคอัพบนใบหน้าแล้วค่อยล้างด้วยน้ำเปล่า ก็ว่ากันไป
แต่นวัตกรรมของ Cleansing ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเห็นจะเป็น Cleansing Water ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นคลีนซิ่งแบบน้ำ ที่มีลักษณะเป็นน้ำใสๆ วิธีการใช้ก็แค่ปั้มๆ กดๆ ใส่สำลี แล้วเช็ดทำความสะอาดเครื่องสำอางให้ทั่วใบหน้า บางยี่ห้อสามารถใช้เช็ดตาและปากได้ด้วย เพราะใช้ง่ายเช่นนี้ จึงทำให้คลีนซิ่งน้ำถูกใช้กันอย่างแพร่หลายๆ และมีออกมาให้เลือกหลายยี่ห้อ จนบางทีก็เลือกไม่ถูก จะให้ซื้อมาลองใช้เองหมดก็กระไรอยู่ นั่นจึงเป็นที่มาของบทความรีวิวเปรียบเทียบ Cleansing Water บทความนี้ จากการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ประสบการณ์ตรงของแจ๊คเอง เพื่อให้ท่านที่กำลังอ่านประหยัดเวลาในการตามหาของดีราคาคุ้มคุณภาพ
ขอแจ้งก่อนเลยว่ารีวิวครั้งนี้เป็นรีวิวบ้านๆ ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญทางด้านแล็ปและขอให้ใช้วิจารณญาณในการอ่านอย่างมีสติกันทุกคนนะคะ
เรามาเริ่มด้วยการดูว่าแต่ละตัว ทางแบรนด์เคลมมาว่าอย่างไรบ้าง ซึ่ง Cleansing Water จากทั้งหมด 6 แบรนด์ในกรุ เรียงจากซ้ายไปขวา ได้แก่
1. Repuri Alpine Rose Make-up Remover Micellar Solution
ขนาด 120 ml. ราคา 359 บาท
ผลิตภัณฑ์เมคอัพรีมูฟเวอร์สูตรน้ำ อ่อนโยนอย่างเป็นธรรมชาติ สามารถทำความสะอาดผิวหน้าได้อย่างล้ำลึก เหมาะกับทุกสภาพผิว ด้วยประกอบจากสารสกัดจากธรรมชาติ ดอกกุหลาบพันปี สามารถช่วยกระตุ้นการหมุนเวียนของเซลล์ผิวเพื่อให้ผิวดูอ่อนเยาว์ ช่วยซ่อมแซมผิวคุณตั้งแต่แรกเริ่มมีสัญญาณของการเกิดริ้วรอย เผยผิวเนียนนุ่มกระจ่างใสและผิวสวยอ่อนเยาว์ (ตัวนี้เห็นขวดมีภาษาญี่ปุ่นแต่นางเป็นแบรนด์คนไทยนะคะ แต่เค้าบอกว่ามีส่วนผสมจากญี่ปุ่น ว่ากันไป เป็นแบรนด์ใหม่มากๆ)
2. Yves Rocher Micellar Cleansing Water
ขนาด 200 ml. ราคา 520 บาท
เป็น Detoxifying Teas สกัดมาจากใบชา 3 ชนิดคือ ชาเขียว ชาขาว และชามาดากัสการ์ สามารถใช้ล้างเครื่องสำอางค์บนผิวหน้า ดวงตา และริมฝีปากได้โดยไม่ต้องล้างออก อ่อนโยนต่อผิวหน้าช่วยฟิ้นฟูให้ผิวกลับมาสดชื่นกระจ่างใสดูอ่อนวัย ที่สำคัญมีกลิ่นหอมของชาเขียวช่วยให้ผ่อนคลายได้ (แบรนด์โบร่ำโบราณ ที่นางก็ขายได้ของนางเรื่อยๆ)
3. Eucerin Dermopurifyer Acne & Make-Up Cleansing Water
ขนาด 200 ml. ราคา 900 บาท
คลีนซิ่งล้างเครื่องสำอางสูตรน้ำผสมผสานเทคโนโลยี Micro-micellar ช่วยให้ทำความสะอาดผิวหน้าได้ล้ำลึก ไม่ว่าจะเป็นรองพื้น แป้ง กันแดด อายไลเนอร์ คอนซีลเลอร์ หรือเครื่องสำอางแบบกันน้ำก็สามารถทำความสะอาดได้หมดจด เหมาะกับคนผิวแพ้ง่ายและเป็นสิวอุดตัน เพราะไม่ผสมสารที่ก่อให้เกิดการอุดตัน แอลกอฮอล์ และสารกันเสียอย่าง paraben (ตัวนี้ข้อมูลเพิ่มเติมเค้าบอกว่า ค่าpHของคลีนซิ่ง เท่ากับค่าของน้ำตาคนเราค่ะ)
4. NIVEA Bright Acne Oil Control Make Up Clear Cleansing Water
ขนาด 200 ml. ราคา 189 บาท
ผลิตภัณฑ์เช็ดทำความสะอาดเครื่องสำอางสูตรน้ำ สำหรับผิวแต่งหน้าจัดเต็ม มัน หมองคล้ำ เป็นสิวง่าย แตกต่างด้วยนวัตกรรมไมเซล่า ออกซิเจน บูสท์ สลายเมคอัพกันน้ำ พร้อมเติมมอยส์เจอร์ไรเซอร์เข้มข้นและออกซิเจนสู่ผิว ช่วยให้ผิวดูกระจ่างเด้ง ใส ไกลสิว ประกอบด้วยสารทำความสะอาดและมอยส์เจอร์ไรเซอร์บำรุงผิวรวม 10 ชนิด
5. Bifesta Cleansing Lotion Sebum
ขนาด 300 ml. ราคา 390 บาท
ลบเครื่องสำอางและความมันบนผิวหน้าได้อย่างหมดจด ไม่เหนอะหนะ ทำความสะอาดและบำรุงผิวหน้าได้ในขวดเดียว ด้วยสาร Lactic Acid (AHA-จากน้ำนม) ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าและคราบเมลานิน ทำให้ผิวเนียนเรียบกระจ่างใส พร้อมด้วย Hyaluron ที่ช่วยเติมความชุ่มชื้นเข้าสู่ผิว ทำให้ผิวเรียบเนียนใส สามารถเช็ดเครื่องสำอางค์ มาสคาร่าและอายไลน์เนอร์ ออกได้อย่างหมดจด สูตรนี้เหมาะสำหรับผิวผสมและผิวมัน
6. Alovivi Purevivi Cleansing Lotion
ขนาด 500 ml. ราคา 590 บาท
คลีนซิ่งโลชั่น ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าและรอบดวงตาน้องใหม่จากญี่ปุ่น ซึ่งประกอบด้วยน้ำมากกว่า 80% ปราศจากน้ำมัน ไม่มีแอลกอฮอล์ ไม่ใส่สี ไม่มีน้ำหอม ไม่มีสารลดแรงตึง และไม่ผสมพาราเบน อ่อนโยนต่อใบหน้า แม้ผิวบอบบางแพ้ง่าย ซึมซาบเร็ว ไม่เหนียวเหนอะหนะ อุดมไปด้วยสารสกัดจากผลไม้หลากหลายชนิด เช่น แอปเปิ้ล ส้ม และมะนาว ช่วยดูแลผิวหน้าให้สะอาด กระจ่างใส คืนความชุ่มชื้นให้ผิวหน้าด้วยสารสกัดจากว่านหางจระเข้และไฮยารูรอน
แต่ละตัวเคลมกันมาดีประหนึ่งเป็นนางฟ้านางสวรรค์ลงมาจุติเป็นคลีนซิ่งน้ำช่วยทำความสะอาดผิวหน้าของเราให้หมดจด พร้อมทั้งบำรุงให้ผิวอ่อนเยาว์ ลดเลือนริ้วรอย และคืนความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ซึ่งดีเลิศมาก
เดี๋ยวแจ๊คจะมาพิสูจน์ประสิทธิภาพภาพของแต่ละแบรนด์ด้วยการเอามาเช็ดล้างเครื่องสำอางหนึบๆ ติดทนทั้งหลายให้ดู จะได้รู้ว่าสมทำเคลมกันหรือเปล่า
โดยเครื่องสำอางที่แจ๊คใช้นั้น ก็ตัวติดหนึบทนนานในตำนานทั้งนั้นเลย ซึ่งสามารถกันน้ำกันเหงื่อได้ดีมากทีเดียว
เริ่มจากการทดสอบเช็ดทำความสะอาดรองพื้น Revlon Colorstay และแป้งพัฟก่อน โดยที่แจ๊คจะทารองพื้นไปที่ท้องแขน 6 จุด ตบด้วยแป้งพัฟซ้ำลงไป เพื่อใช้คลีนซิ่งทั้ง 6 แบรนด์เช็ดทำความสะอาดให้ดู (เรียงเบอร์ 1 ถึง 6 ตามคลีนซิ่งน้ำแต่ละตัวด้านบนนะคะ)
ใช้ลำสีปั้มคลีนซิ่งแต่ละตัวมาแปะแล้วเช็ดออก 2 รอบก่อน ดูผลลัพธ์ในภาพแรก จากนั้นเช็ดซ้ำอีก 5 รอบ
สำลีที่ใช้เช็ดรองพื้นออกมาก็เรียงตามเบอร์คลีนซิ่งที่ใช้ 1-6 เลยนะจ๊ะ ซึ่งจะเห็นได้ชัดว่าในส่วนการเช็ดทำความสะอาดรองพื้นและแป้งนั้น มีผลลัพธ์เรียงตามลำดับความดีเยี่ยมได้ดังนี้
Repuri > Bifesta > Purevivi > Eucerin > NIVEA > Yves Rocher
สังเกตแล้วหลายตัวเรียกว่าประสิทธิภาพใช้ได้เลยกับการลบรองพื้นที่กันน้ำขนาดนี้
เราก็มาต่อด้วยเรื่องของตาอย่างมาสคาร่าและอายไลเนอร์สุดหนึบกันบ้าง
เช่นกันค่ะ แจ๊คใช้อายไลเนอร์ของ Mei Linda ที่ติดทนนานมาก ถึงขั้นล้างหน้า 3 วันยังไม่ออกมาเขียนเป็นตัวเลขเรียง 1-6 แล้วจากนั้นใช้มาสคาร่าตัวใหม่ของ Etude House ที่โคตรติดทน บล็อกขนตาไว้ทั้งวัน มาแต้มลงใต้ตัวเลขที่เขียนไว้ ใช้คลีนซิ่งปั้มใส่สำลีมาแปะทิ้งไว้ แล้วเช็ด 2 รอบก่อน ค่อยเช็ดซ้ำอีก 5 รอบ ผลก็ตามภาพด้านล่างค่ะ
ผลลัพธ์การเช็ดอายไลเนอร์/มาสคาร่า ได้ดีที่สุด ไล่ตั้งแต่ตัวที่คิดว่าเวิร์คสุดนะคะ
Purevivi >Bifesta > Repuri > Nivea> Eucerin > Yves Rocher
Yves Rocher (อ่อยยยย ลูกแม่! โหล่แล้วโหล่อีกครองแชมป์โหล่มา 2 สมัยแล้วนะฮะตัวนี้)
ซึ่งจุดของมาสคาร่าตัวแจ๊คเองก็ไม่มั่นใจว่าที่เราใช้นั้นมันหนึบติดทนเกินไป หรือว่าตัวคลีนซิ่งน้ำส่วนใหญ่ไม่ได้ถูกผลิตมาให้เช็ดล้างมาสคาร่าได้ดีถึงขนาดเช็ดออกหมด 100% อาจจะเนื่องด้วยสูตรน้ำนั้นต้องรักษาความอ่อนโยนให้สามารถใช้ได้ทุกสภาพผิว และต้องไม่ระคายเคืองผิวด้วย ฉะนั้นการเช็ดทำความสะอาดอายไลเนอร์หรือมาสคาร่าเอาให้สะอาดมดจดนั้นแจ๊คแนะนำให้ใช้เป็นกลุ่ม Eyes&Lips Remover สำหรับเช็ดเฉพาะตากับปากโดยเฉพาะที่มี oil ผสมจะดีกว่า
เสร็จสรรพจากเรื่องตามาต่อที่เรื่องของปากกันดูสิ ตัวนี้แจ๊คทดสอบด้วยลิปของ CLIO Lipnicure รุ่นเนื้อแมตท์ ซึ่งตัวนี้นั้นขึ้นชื่อเรื่องเม็ดสีแน่น ชัดเจน ติดทนนานข้ามวัน (แบบไม่เวอร์) แต่ก็ crack ด้วยเหมือนกัน ฮ่าๆ (ปล.ถ้าใครจะสอยตามบอกเลยว่าทาต้องทารอบเดียวแล้วต้องจบ ถ้าทาทับคือหายนะ ความลอกคราบงูอนาคอนด้าจะมาทันที)
เหมือนกันการทดสอบข้างบนค่ะ เช็ดด้วยคลีนซิ่งน้ำแต่ละยี่ห้อ 2 รอบก่อน จากนั้นค่อยเช็ดซ้ำอีก 5 รอบ
จากผลการเช็ดพิสูจน์ของเรานั้น พบว่าคลีนซิ่งน้ำที่เช็ด Lipnicure ได้สะอาดที่สุด ไล่ลำดับจากตัวที่คิดว่าเช็ดดีที่สุด
Bifesta > Purevivi > Repuri > Yves Rocher > Eucerin > Nivea
หลังจากที่ได้ทราบถึงผลการเช็ดทำความสะอาดของคลีนซิ่งน้ำแต่ละแบรนด์และเมคอัพแต่ละประเภทแล้วนั้น แจ๊คขอมาพิสูจน์ความอ่อนโยน รวมถึงการระคายเคืองต่อดวงตาด้วยการใช้สำลีปั้มคลีนซิ่งแต่ละแบรนด์ออกมาเช็ดรอบดวงตาดูค่ะ
ผลการทดสอบความระคายเคืองพบว่า
เบอร์ 1 Repuri ใช้เช็ดรอบดวงตาแล้วค่อนข้างแสบระคายเคืองตา แอบสะดุ้งนิดนึง
เบอร์ 2 Yves Rocher ไม่แสบตา มีกลิ่นหอมชาเขียว และผิวรอบดวงตานุ่มดี
เบอร์ 3 Eucerin เช็ดแล้วไม่แสบตาเลยแม้แต่นิดเดียว
เบอร์ 4 Nivea เช็ดรอบดวงตาแล้วมีการระคายเคืองตาเล็กน้อย (รู้สึกตาร้อนๆ แต่ไม่ถึงกับแสบ)
เบอร์ 5 Bifesta ใช้เช็ดแล้วไม่มีอาการแสบหรือระคายเคืองตาแต่อย่างใด
เบอร์ 6 Purevivi เมื่อใช้เช็ดรอบดวงตาแล้วก็เป็นอีกแบรนด์ที่ก่อความระคายเคืองใดๆ ต่อดวงตาเลย
ซึ่งผลการทดสอบความระคายเคืองนี้ แจ๊คไม่ได้ลองแค่คนเดียวนะจ๊ะ แจ๊คลองลากผู้ช่วยให้นางมาทดสอบด้วยดูสิ ผลก็ปรากฎว่าตรงกันจ้ะ (แสดงว่าเจ้ไม่ได้คิดไปเองคนเดียวนะเออ)
[CR][SR] รีวิวเปรียบเทียบประสิทธิภาพ Cleansing Water ราคาหลักร้อย จาก 6 แบรนด์!
สวัสดีค่ะ นี่แจ๊คเองนะคะ หลายคนคงตามๆ รีวิวของแจ๊คมาอยู่เรื่อยๆ แต่บทความรีวิวตัวนี้ แจ๊คทำมาพิเศษหน่อย คือ การเลือกคลีนซิ่งน้ำ (Cleansing Water) ที่เคยใช้มารีวิวเปรียบเทียบประสิทธิภาพของแต่ละแบรนด์ให้ดูถึง 6 แบรนด์กันเลยทีเดียว จะได้รู้กันไปว่าตัวไหนของจริง ดีจริง ปังจริงๆ แล้วต้องซื้อต่อแน่ๆ (แจ้งก่อนว่าโปรดักส์ที่นำมารีวิว มีทั้งซื้อเองและทางแบรนด์ส่งมาให้ลองใช้ ไม่มีงานจ้างนะคะ)
อย่างก่อนหน้านี้เมื่อตอนซัมเมอร์ที่ผ่านมา แจ๊คก็ได้ทำบทความรีวิวเปรียบเทียบด้วยการพลีชีพอย่างยิ่งใหญ่ใหญ่โตแมคโคโลตัส สลัดผ้าเปลือยหลังปิ้งย่างทดสอบครีมกันแดดมากถึง 15 แบรนด์ ตัวไหนดี-ไม่ดี ไหม้-ไม่ไหม้อย่างไร รู้กันไปจะๆ ซึ่งสามารถย้อนอ่านผลลัพธ์ได้ที่ http://wp.me/p5zkVS-65
กลับมาที่บทความเปรียบเทียบคลีนซิ่งน้ำของเราต่อ ด้วยความที่ปัจจุบันสาวๆ หลายๆ ท่านก็แต่งหน้าแต่งตา เสริมความสวยความงามออกจากบ้านไปทำงานทุกวันอ่ะเนอะ และเดี๋ยวนี้ไม่ใช่แค่คุณผู้หญิงนะ แม้แต่คุณผู้ชายสมัยใหม่ก็หันมาสนใจดูแลตัวเองทาครีมกันแดด ทารองพื้น แป้ง หรือ BB cream กันเป็นปกติ จนไม่ใช่เรื่องผิดแปลกอะไร ฉะนั้นสิ่งที่ตามมาคือปัญหาการทำความสะอาดผิวหน้า จะเช็ดล้างเครื่องสำอางอย่างไรให้สะอาดหมดจดหลังจากที่แต่งหน้าไปทำงานออกนอกบ้านเผชิญมลพิษมาทั้งวัน เพื่อที่หน้าจะได้ไม่เกิดสิ่งสกปรกตกค้างมาเป็นสิวผิวอุดตันให้กลุ้มจิต
เหตุนี้นี่เอง ทำให้หลายๆ แบรนด์เครื่องสำอางหันมาตระหนักถึงกระบวนการเช็ดล้างทำความสะอาดผิวหน้าด้วย จึงเกิดนวัตกรรมหลากหลายอย่างขึ้นมาเป็นโปรดักส์เครื่องสำอาง อันได้แก่ Remover เฉพาะจุดอย่าตากับปาก ซึ่งค่อนข้างออนโยนและระคายเคืองง่าย หรือจะเป็น Cleansing Milk เนื้อคล้ายกับน้ำนมนวดทำความสะอาดทั่วหน้า บางแบรนด์ก็จะเป็น Cleansing Cream, Cleansing Gel, Cleansing Oil ซึ่งจะเป็นเนื้อครีม เจล หรือน้ำมันที่เอาไว้นวดทำความสะอาดเมคอัพบนใบหน้าแล้วค่อยล้างด้วยน้ำเปล่า ก็ว่ากันไป
แต่นวัตกรรมของ Cleansing ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเห็นจะเป็น Cleansing Water ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นคลีนซิ่งแบบน้ำ ที่มีลักษณะเป็นน้ำใสๆ วิธีการใช้ก็แค่ปั้มๆ กดๆ ใส่สำลี แล้วเช็ดทำความสะอาดเครื่องสำอางให้ทั่วใบหน้า บางยี่ห้อสามารถใช้เช็ดตาและปากได้ด้วย เพราะใช้ง่ายเช่นนี้ จึงทำให้คลีนซิ่งน้ำถูกใช้กันอย่างแพร่หลายๆ และมีออกมาให้เลือกหลายยี่ห้อ จนบางทีก็เลือกไม่ถูก จะให้ซื้อมาลองใช้เองหมดก็กระไรอยู่ นั่นจึงเป็นที่มาของบทความรีวิวเปรียบเทียบ Cleansing Water บทความนี้ จากการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ประสบการณ์ตรงของแจ๊คเอง เพื่อให้ท่านที่กำลังอ่านประหยัดเวลาในการตามหาของดีราคาคุ้มคุณภาพ
ขอแจ้งก่อนเลยว่ารีวิวครั้งนี้เป็นรีวิวบ้านๆ ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญทางด้านแล็ปและขอให้ใช้วิจารณญาณในการอ่านอย่างมีสติกันทุกคนนะคะ
เรามาเริ่มด้วยการดูว่าแต่ละตัว ทางแบรนด์เคลมมาว่าอย่างไรบ้าง ซึ่ง Cleansing Water จากทั้งหมด 6 แบรนด์ในกรุ เรียงจากซ้ายไปขวา ได้แก่
1. Repuri Alpine Rose Make-up Remover Micellar Solution
ขนาด 120 ml. ราคา 359 บาท
ผลิตภัณฑ์เมคอัพรีมูฟเวอร์สูตรน้ำ อ่อนโยนอย่างเป็นธรรมชาติ สามารถทำความสะอาดผิวหน้าได้อย่างล้ำลึก เหมาะกับทุกสภาพผิว ด้วยประกอบจากสารสกัดจากธรรมชาติ ดอกกุหลาบพันปี สามารถช่วยกระตุ้นการหมุนเวียนของเซลล์ผิวเพื่อให้ผิวดูอ่อนเยาว์ ช่วยซ่อมแซมผิวคุณตั้งแต่แรกเริ่มมีสัญญาณของการเกิดริ้วรอย เผยผิวเนียนนุ่มกระจ่างใสและผิวสวยอ่อนเยาว์ (ตัวนี้เห็นขวดมีภาษาญี่ปุ่นแต่นางเป็นแบรนด์คนไทยนะคะ แต่เค้าบอกว่ามีส่วนผสมจากญี่ปุ่น ว่ากันไป เป็นแบรนด์ใหม่มากๆ)
2. Yves Rocher Micellar Cleansing Water
ขนาด 200 ml. ราคา 520 บาท
เป็น Detoxifying Teas สกัดมาจากใบชา 3 ชนิดคือ ชาเขียว ชาขาว และชามาดากัสการ์ สามารถใช้ล้างเครื่องสำอางค์บนผิวหน้า ดวงตา และริมฝีปากได้โดยไม่ต้องล้างออก อ่อนโยนต่อผิวหน้าช่วยฟิ้นฟูให้ผิวกลับมาสดชื่นกระจ่างใสดูอ่อนวัย ที่สำคัญมีกลิ่นหอมของชาเขียวช่วยให้ผ่อนคลายได้ (แบรนด์โบร่ำโบราณ ที่นางก็ขายได้ของนางเรื่อยๆ)
3. Eucerin Dermopurifyer Acne & Make-Up Cleansing Water
ขนาด 200 ml. ราคา 900 บาท
คลีนซิ่งล้างเครื่องสำอางสูตรน้ำผสมผสานเทคโนโลยี Micro-micellar ช่วยให้ทำความสะอาดผิวหน้าได้ล้ำลึก ไม่ว่าจะเป็นรองพื้น แป้ง กันแดด อายไลเนอร์ คอนซีลเลอร์ หรือเครื่องสำอางแบบกันน้ำก็สามารถทำความสะอาดได้หมดจด เหมาะกับคนผิวแพ้ง่ายและเป็นสิวอุดตัน เพราะไม่ผสมสารที่ก่อให้เกิดการอุดตัน แอลกอฮอล์ และสารกันเสียอย่าง paraben (ตัวนี้ข้อมูลเพิ่มเติมเค้าบอกว่า ค่าpHของคลีนซิ่ง เท่ากับค่าของน้ำตาคนเราค่ะ)
4. NIVEA Bright Acne Oil Control Make Up Clear Cleansing Water
ขนาด 200 ml. ราคา 189 บาท
ผลิตภัณฑ์เช็ดทำความสะอาดเครื่องสำอางสูตรน้ำ สำหรับผิวแต่งหน้าจัดเต็ม มัน หมองคล้ำ เป็นสิวง่าย แตกต่างด้วยนวัตกรรมไมเซล่า ออกซิเจน บูสท์ สลายเมคอัพกันน้ำ พร้อมเติมมอยส์เจอร์ไรเซอร์เข้มข้นและออกซิเจนสู่ผิว ช่วยให้ผิวดูกระจ่างเด้ง ใส ไกลสิว ประกอบด้วยสารทำความสะอาดและมอยส์เจอร์ไรเซอร์บำรุงผิวรวม 10 ชนิด
5. Bifesta Cleansing Lotion Sebum
ขนาด 300 ml. ราคา 390 บาท
ลบเครื่องสำอางและความมันบนผิวหน้าได้อย่างหมดจด ไม่เหนอะหนะ ทำความสะอาดและบำรุงผิวหน้าได้ในขวดเดียว ด้วยสาร Lactic Acid (AHA-จากน้ำนม) ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าและคราบเมลานิน ทำให้ผิวเนียนเรียบกระจ่างใส พร้อมด้วย Hyaluron ที่ช่วยเติมความชุ่มชื้นเข้าสู่ผิว ทำให้ผิวเรียบเนียนใส สามารถเช็ดเครื่องสำอางค์ มาสคาร่าและอายไลน์เนอร์ ออกได้อย่างหมดจด สูตรนี้เหมาะสำหรับผิวผสมและผิวมัน
6. Alovivi Purevivi Cleansing Lotion
ขนาด 500 ml. ราคา 590 บาท
คลีนซิ่งโลชั่น ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าและรอบดวงตาน้องใหม่จากญี่ปุ่น ซึ่งประกอบด้วยน้ำมากกว่า 80% ปราศจากน้ำมัน ไม่มีแอลกอฮอล์ ไม่ใส่สี ไม่มีน้ำหอม ไม่มีสารลดแรงตึง และไม่ผสมพาราเบน อ่อนโยนต่อใบหน้า แม้ผิวบอบบางแพ้ง่าย ซึมซาบเร็ว ไม่เหนียวเหนอะหนะ อุดมไปด้วยสารสกัดจากผลไม้หลากหลายชนิด เช่น แอปเปิ้ล ส้ม และมะนาว ช่วยดูแลผิวหน้าให้สะอาด กระจ่างใส คืนความชุ่มชื้นให้ผิวหน้าด้วยสารสกัดจากว่านหางจระเข้และไฮยารูรอน
แต่ละตัวเคลมกันมาดีประหนึ่งเป็นนางฟ้านางสวรรค์ลงมาจุติเป็นคลีนซิ่งน้ำช่วยทำความสะอาดผิวหน้าของเราให้หมดจด พร้อมทั้งบำรุงให้ผิวอ่อนเยาว์ ลดเลือนริ้วรอย และคืนความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ซึ่งดีเลิศมาก
เดี๋ยวแจ๊คจะมาพิสูจน์ประสิทธิภาพภาพของแต่ละแบรนด์ด้วยการเอามาเช็ดล้างเครื่องสำอางหนึบๆ ติดทนทั้งหลายให้ดู จะได้รู้ว่าสมทำเคลมกันหรือเปล่า
โดยเครื่องสำอางที่แจ๊คใช้นั้น ก็ตัวติดหนึบทนนานในตำนานทั้งนั้นเลย ซึ่งสามารถกันน้ำกันเหงื่อได้ดีมากทีเดียว
เริ่มจากการทดสอบเช็ดทำความสะอาดรองพื้น Revlon Colorstay และแป้งพัฟก่อน โดยที่แจ๊คจะทารองพื้นไปที่ท้องแขน 6 จุด ตบด้วยแป้งพัฟซ้ำลงไป เพื่อใช้คลีนซิ่งทั้ง 6 แบรนด์เช็ดทำความสะอาดให้ดู (เรียงเบอร์ 1 ถึง 6 ตามคลีนซิ่งน้ำแต่ละตัวด้านบนนะคะ)
ใช้ลำสีปั้มคลีนซิ่งแต่ละตัวมาแปะแล้วเช็ดออก 2 รอบก่อน ดูผลลัพธ์ในภาพแรก จากนั้นเช็ดซ้ำอีก 5 รอบ
สำลีที่ใช้เช็ดรองพื้นออกมาก็เรียงตามเบอร์คลีนซิ่งที่ใช้ 1-6 เลยนะจ๊ะ ซึ่งจะเห็นได้ชัดว่าในส่วนการเช็ดทำความสะอาดรองพื้นและแป้งนั้น มีผลลัพธ์เรียงตามลำดับความดีเยี่ยมได้ดังนี้
Repuri > Bifesta > Purevivi > Eucerin > NIVEA > Yves Rocher
สังเกตแล้วหลายตัวเรียกว่าประสิทธิภาพใช้ได้เลยกับการลบรองพื้นที่กันน้ำขนาดนี้
เราก็มาต่อด้วยเรื่องของตาอย่างมาสคาร่าและอายไลเนอร์สุดหนึบกันบ้าง
เช่นกันค่ะ แจ๊คใช้อายไลเนอร์ของ Mei Linda ที่ติดทนนานมาก ถึงขั้นล้างหน้า 3 วันยังไม่ออกมาเขียนเป็นตัวเลขเรียง 1-6 แล้วจากนั้นใช้มาสคาร่าตัวใหม่ของ Etude House ที่โคตรติดทน บล็อกขนตาไว้ทั้งวัน มาแต้มลงใต้ตัวเลขที่เขียนไว้ ใช้คลีนซิ่งปั้มใส่สำลีมาแปะทิ้งไว้ แล้วเช็ด 2 รอบก่อน ค่อยเช็ดซ้ำอีก 5 รอบ ผลก็ตามภาพด้านล่างค่ะ
ผลลัพธ์การเช็ดอายไลเนอร์/มาสคาร่า ได้ดีที่สุด ไล่ตั้งแต่ตัวที่คิดว่าเวิร์คสุดนะคะ
Purevivi >Bifesta > Repuri > Nivea> Eucerin > Yves Rocher
Yves Rocher (อ่อยยยย ลูกแม่! โหล่แล้วโหล่อีกครองแชมป์โหล่มา 2 สมัยแล้วนะฮะตัวนี้)
ซึ่งจุดของมาสคาร่าตัวแจ๊คเองก็ไม่มั่นใจว่าที่เราใช้นั้นมันหนึบติดทนเกินไป หรือว่าตัวคลีนซิ่งน้ำส่วนใหญ่ไม่ได้ถูกผลิตมาให้เช็ดล้างมาสคาร่าได้ดีถึงขนาดเช็ดออกหมด 100% อาจจะเนื่องด้วยสูตรน้ำนั้นต้องรักษาความอ่อนโยนให้สามารถใช้ได้ทุกสภาพผิว และต้องไม่ระคายเคืองผิวด้วย ฉะนั้นการเช็ดทำความสะอาดอายไลเนอร์หรือมาสคาร่าเอาให้สะอาดมดจดนั้นแจ๊คแนะนำให้ใช้เป็นกลุ่ม Eyes&Lips Remover สำหรับเช็ดเฉพาะตากับปากโดยเฉพาะที่มี oil ผสมจะดีกว่า
เสร็จสรรพจากเรื่องตามาต่อที่เรื่องของปากกันดูสิ ตัวนี้แจ๊คทดสอบด้วยลิปของ CLIO Lipnicure รุ่นเนื้อแมตท์ ซึ่งตัวนี้นั้นขึ้นชื่อเรื่องเม็ดสีแน่น ชัดเจน ติดทนนานข้ามวัน (แบบไม่เวอร์) แต่ก็ crack ด้วยเหมือนกัน ฮ่าๆ (ปล.ถ้าใครจะสอยตามบอกเลยว่าทาต้องทารอบเดียวแล้วต้องจบ ถ้าทาทับคือหายนะ ความลอกคราบงูอนาคอนด้าจะมาทันที)
เหมือนกันการทดสอบข้างบนค่ะ เช็ดด้วยคลีนซิ่งน้ำแต่ละยี่ห้อ 2 รอบก่อน จากนั้นค่อยเช็ดซ้ำอีก 5 รอบ
จากผลการเช็ดพิสูจน์ของเรานั้น พบว่าคลีนซิ่งน้ำที่เช็ด Lipnicure ได้สะอาดที่สุด ไล่ลำดับจากตัวที่คิดว่าเช็ดดีที่สุด
Bifesta > Purevivi > Repuri > Yves Rocher > Eucerin > Nivea
หลังจากที่ได้ทราบถึงผลการเช็ดทำความสะอาดของคลีนซิ่งน้ำแต่ละแบรนด์และเมคอัพแต่ละประเภทแล้วนั้น แจ๊คขอมาพิสูจน์ความอ่อนโยน รวมถึงการระคายเคืองต่อดวงตาด้วยการใช้สำลีปั้มคลีนซิ่งแต่ละแบรนด์ออกมาเช็ดรอบดวงตาดูค่ะ
ผลการทดสอบความระคายเคืองพบว่า
เบอร์ 1 Repuri ใช้เช็ดรอบดวงตาแล้วค่อนข้างแสบระคายเคืองตา แอบสะดุ้งนิดนึง
เบอร์ 2 Yves Rocher ไม่แสบตา มีกลิ่นหอมชาเขียว และผิวรอบดวงตานุ่มดี
เบอร์ 3 Eucerin เช็ดแล้วไม่แสบตาเลยแม้แต่นิดเดียว
เบอร์ 4 Nivea เช็ดรอบดวงตาแล้วมีการระคายเคืองตาเล็กน้อย (รู้สึกตาร้อนๆ แต่ไม่ถึงกับแสบ)
เบอร์ 5 Bifesta ใช้เช็ดแล้วไม่มีอาการแสบหรือระคายเคืองตาแต่อย่างใด
เบอร์ 6 Purevivi เมื่อใช้เช็ดรอบดวงตาแล้วก็เป็นอีกแบรนด์ที่ก่อความระคายเคืองใดๆ ต่อดวงตาเลย
ซึ่งผลการทดสอบความระคายเคืองนี้ แจ๊คไม่ได้ลองแค่คนเดียวนะจ๊ะ แจ๊คลองลากผู้ช่วยให้นางมาทดสอบด้วยดูสิ ผลก็ปรากฎว่าตรงกันจ้ะ (แสดงว่าเจ้ไม่ได้คิดไปเองคนเดียวนะเออ)
**SR - Sponsored Review : ผู้เขียนรีวิวนี้ไม่ได้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง แต่มีผู้สนับสนุนสินค้าหรือบริการนี้ให้แก่ผู้เขียนรีวิว โดยที่ผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนอื่นใดในการเขียนรีวิว