Day 1 Bangkok-Dehli
อ้อมกอดเต็มรักจากชมพูทวีป
กระทู้นี้เป็นส่วนหนึ่ง ของ ซีรีส์ เดินทางโดยรถจาก เดลี ไปถึง เลห์ ผ่าน Manali-Leh Highway
สามารถติดตามกระทู้หลัก เรื่องการเตรียมตัวและ ข้อมูลเบื้องต้น
ได้ในที่ข้างล่างนี้เลยค่ะ
http://pantip.com/topic/34208002
หลังจากที่พวกเราเตรียมตัวหลายวัน พวกเราก็ออกเดินทางค่ะ
เราบินด้วย air india ค่ะ รอบ 8.55 ถึง เดลี 12.00 ใช้เวลา 4:35 ชม. (บวกเวลาอินเดียช้ากว่าเรา 1:30 ชม.)
เครื่องที่เรานั่งเป็น dreamliner ถือว่า เริ่ดเวอร์วังทีเดียว กระจกปรับความเข้มได้เองตามแสงรบกวนด้วยนะจ๊ะ
มีจอ ส่วนตัวให้ มีหนังมากมาย ทั้ง ฮอลลิวูด และบอลลิวูดค่ะ
ดูกันเพลิน โดยหนังฮอลลิวูดจะมีหนังใหม่กับหนังรางวัล ที่จะตัดเซนเซอร์คำมาแล้ว อย่างฉากพระเอกพูดคำหยาบ เช่นคำว่า shit ก็จะมีเสียงแขก(ที่ไม่มีความเหมือนพระเอกเลย) พากย์ทับเป็น QUiz ไม่สนความหมายและหน้าพระเอกใดๆทั้งสิ้น เอาให้เด็กและเยาวชนฟังไม่รู้ก็พอ
ส่วนหนังบอลลิวูดนั้นนอกจากฉากเต้นรำไล่กันแล้ว ช่วงหลังพระเอกอินเดียยุคใหม่ล่ำๆ ผิวเนียนแน่น กล้ามน่าฟัดทั้งนั้น
เจอป้าชุดส่าหรีนั่งข้างหน้า เปิดหนังพระเอกถอดเสื้อทั้งเรื่อง พอมีฉากเข้าพระเข้านาง ป้าคอยหันมาระวังหลังตลอดว่าเราจะมองนางเป่า
โดยรวมโอเค อาหารดี เครื่องดี แต่แอร์ดูเหวี่ยงใส่เรา แถมสำเนียงอังกฤษฟังยากเว่อร์
และแน่นอน ได้กลิ่นเครื่องเทศ ออกมาจาก จั๊กรู้ ใครสักคนแน่นอน สูดๆไปเดี๋ยวก็ชิน
หลังจากดูหนังไปสองเรื่อง หลับไปตื่นนึง ก็ถึง สนามบินนานาชาติอินทิรา คานที
ตอนแรกเครื่องลงคิดว่าสนามบินประเทศใหญ่อย่างอินเดียทำไมเล็กจัง
ปรากฏกว่าเครื่องจะเคลื่อนจากรันเวย์ไปถึงอาคารสนามบิน นานมาก เพราะความกว้างใหญ่ สมฐานะ
และกว่าจะเดินไป ตม.ก็ขาลาก
ตม. หน้าดุมาก มองเราตั้งแต่หัวจดเท้า จนรู้สึกว่าการมาของเราน่าจะเป็นภัยต่อความมั่นคง
เราก็พยายามยิ้มสยามสู้ เพราะเรามาในฐานะตัวแทนของประเทศไทย เราต้องสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ
แต่พี่ ตม.ก็โยนพาสปอร์ตใส่หน้าค่ะ
ขอต้อนรับสู่ชมพูทวีป่ค่ะ สนามบินอินทิราคานธี นั้นใหญ่โต ได้รับรางวัลสนามบินยอดเยี่ยมด้วยนะเออ
ใช่ว่าสนามบินบ้านเขาจะเหมือนบ้านเรา มีเรื่องตื่นเต้นมากๆจะเล่าให้ฟัง
เรื่องมาตรการการรักษาความปลอดภัยที่สนาบิน อินทธิราคานธี
หลังจากผ่าน ตม.มาด้านล่าง ก็มารอ เอเจนซี่ที่จะมารับเรา
เพราะนัดกันไว้ เที่ยงตรงตามเวลากรุงเดลี ที่ประตูห้า
ปรากฏไม่มีใครมา
เราก็เอะใจ ออกเดินหา ก็สงสัยว่าจะอยู่ข้างนอกรึเปล่านะ
เลยยื่นหน้าออกไปนอกประตู
และ ผลั่ก !!!!!!!! คุณตำรวจหน้ายักษ์ผลักเราออกมานอกประดู
พอเราจะกลับเข้าไป นางไม่ให้เข้า
สรุป ออกจากประตูแล้วเข้าไม่ได้ ไม่ว่าใครก็ตาม เอาล่ะสิ เพื่อนอยู่ข้างใน เงินอยู่ข้างใน กระเป๋าอยู่ข้างใน
แก้ปัญหาอยู่นาน ชั่วโมงครึ่ง จนถอดใจว่าคงคลาดแน่ เพราะไม่ได้อยู่ตรงที่เขานัด และไม่มีทางใดที่จะติดต่อได้
เราสิ้นหวังมากจนต้องไปขอร้องอ้อนวอนยืมโทรศัพท์กับคนไม่รู้จัก
เพราะจดเบอร์เอเจนซี่ไว้ในกระเป๋าตัง
ลุงอินเดียนั้นหน้าดุ แต่ก็ใจดีให้เรายืมโทรศัพท์
จนเรียกเพื่อนออกมาได้ และเจอกับเอเจนซี่
พี่บุ๋มเสื้อฟ้าและรถที่มารับพวกเราค่ะ
เอเจนซี่ของเราชื่อพี่บุ๋มค่ะ จากเพจอำเภอใจ อินเดีย ทราเวล
เพราะเราไม่มีเวลาติดต่อรถกับที่พักค่ะ เลยให้พี่บุ๋มดูแลให้
แต่ยังไงเราก็เที่ยวกันเอง และวางแผนเที่ยวเองนะคะ
https://www.facebook.com/amperjaiindiatravel?fref=ts
พี่บุ๋มแกเป็นคนไทย ที่ไปหลงไหลกับความเข้มและจริงใจ ของหนุ่มอินเดีย
ตั้งแต่มาเที่ยวอินเดียครั้งแรก ครั้งเดียวติดใจเลย
ซึ่งพี่แกเลยเปิดเพจ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับคนไทยที่มาเที่ยวอินเดีย
โดยดิฉันและเพื่อน ให้พี่บุ๋มช่วย ติดต่อจองโรงแรม และเช่ารถให้ค่ะ
ที่แรกที่พี่บุ๋มพาไปคือ ร้านอาหารอินเดีย
เอาจริงๆเราทำใจไว้ว่ามาอินเดียต้องผอมแน่
แต่ปรากฎว่า อาหารมื้อแรกของเรานั้นอร่อยมาก
มีทั้งไก่ย่างที่แห้งกรอบๆหอมเครื่องเทศ โรตีกับเครื่องแกงต่างๆ ไม่ว่าจะ ไก่ หรือ แพะ ล้วน อร่อยรุนแรงหอมหวน ชวนกินมาก
(หมูกับวัวอย่าหวังว่าจะได้กินในประเทศนี้ เพราะวัวเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิของฮินดู และหมูเป็นสัตว์สกปรกของอิสลาม ด้วยความหลากหลายทางศาสนา ร้านต่างๆเลยตัดปัญหาไม่ขายเนื้อสองชนิดนี้จ่ะ)
แล้วก็ตะลึงกับราคา เพราะเราคาดน่าจะแพง แต่ปรากฎ อาหารนั้นถูกกว่าไทยอีก
ภาพอาหารมื้อแรกของเราค่ะ เคยคิดว่าอาหารอินเดียจะยี้ แต่มันอร่อยมาก โดยเฉพาะแกงกะหรี่ไก้แดงๆนั่น แนะนำให้สั่งไก่ย่างเตา พวกหนุ่มๆของอิชั้น แ-กกันเหมือนปอบลงเลยค่ะ
การจราจรของอินเดียถือว่า ที่สุดของที่สุด จินตนาการไว้เท่าไหน มันนรกกว่า สิบเท่า
ตามถนนหนทางจะไม่มีกฏใดๆเลย
รถทุกคันจะมีความต้องการของตัวเอง
จะจอดจะถอย จะทำอะไร ทำเลย รถคันอื่นมีหน้าที่หลบ
คนเดินถนนก็ไม่ต้องสนใจ เดินเลย รถมีหน้าที่หลบ
เสียงแตร ถ้าใครเคยไปฮานอยว่าแย่แล้ว ที่เดลีคือที่สุด
แต่เค้าไม่ใครโกรธกันให้เห็นนะ บนถนนถึงจะชนกันก็ไม่โกรธกันเลย
พี่บุ๋มบอกว่า คนอินเดียนั้นมีความอดทนสูง
ภาพนี้อธิบายการจราจรอินเดียได้ดี ดูหน้าคุณแม่ ลงเดินเร็วกว่า คิดภาพว่าต้องตื่นกี่โมงไปทำงาน
และหากเดินบนถนนจะเจอคนหลายแบบ
ทั้งโยคี ฤาษี คนตาบอด หญิงอุ้มลูก
เข้าใจแล้วว่าทำไมเจ้าชายสิทธัตธะ ตัดสินใจออกบวช
เดินๆอยู่จะมีเด็กๆ มาดึงทึ้งเสื้อผ้า แบบมือขอเงิน
เราบอก NO เท่าไรก็ไม่หลุด
ขึ้นรถแล้วนางก็กระหน่ำทุบรถ ตะโกนขอเงินต่อ อย่างน่ากลัว แต่แปลกใจที่คนขับไม่แยแสหรือตกใจเลย
แกงค์เด็กดึง นี่ตามมาทุบรถ
มีเวลาวันเดียวที่นี่ เราก็ต้องเที่ยวให้คุ่มค่ะ เอาจริงๆมีเวลาแค่ สี่ชั่วโมง
ที่แรก เป็นอาคารรัฐสถาอินเดีย
โอ้แม่เจ้า
มันใหญ่อลังการมาก
สมกับที่เป็นประเทศประชาธิปไตยที่มาจากประชากรมากที่สุดในโลก
ตัวแทน สส มาถกกันเพื่อขับเคลื่อนประเทศใหญ่ยักษ์แห่งนี้ทุกวัน
ด้วยสถาปัตยกรรมแบบอินเดี๊ย อินเดีย ตกแต่งด้วยอิฐสีแดง ดูโอ่อ่า นิพิราบบินเหนื่อยมาก
เราก็ถ่ายรูปกันพอสังเขป
รัฐสภาอินเดียมุมไกล
บรรยากาศรอบๆรัฐสภา
ด้านหน้ารัฐสภา อาคารนึงนะ
จากนั้นไปต่อที่ประตูอินเดีย
ที่ยืนตระหง่านโดดเด่นกลางเดลี
เพื่อเป็นอนุสรณ์แก่เหล่าทหารหาญ
รายรอบด้วยสวนสาธารณที่ชาวอินเดียและนักท่องเที่ยวมาเดินเล่น หย่อนใจ
และแน่นอนแกงค์เด็กดึง ที่ตามขอเงินนักท่องเที่ยว ก็มีที่นี่เช่นกัน อย่าใจอ่อนนะจ๊ะ ไม่ใช่ไม่ให้เมตตา แต่พอให้คนนึง อีกสิบจะตามมาไม่ได้เที่ยวกันพอดี
บรรยากาศรอบๆประตูอินเดีย มีคนมาพักผ่อนมากมาย
ด้านหน้าประตูอินเดีย ถือว่ามันเป็นเอกลักษณ์ สมเป็นอนุสรณ์ของชาติ
สวนสาธารณะรอบๆประตูอินเดีย มีซุ้ม มีต้นไม้ มีศาลา มีน้ำพุ
คนขายของมีให้เห็นอยู่ทั่วไป มีขนม อาหาร ของที่ระลึก รับถ่ายรูป ใครใคร่อะไร ใคร่เลยค่ะ
มีโชว์เป่าปี่เรียกงูกลางถนนเหมือนที่เคยเห็นการ์ตูนขายหัวเราะให้เห็นจะจะ งูเห่าตัวเป็นเป็น ดิฉันยอมรับว่าอะเมซ แต่เฟียร์กว่า เลยไม่กล้าไปดูใกล้ๆค่ะ
แนะนำเครื่องดื่มท้องถิ่น ชื่อ "ไจ" เป็นคล้ายๆกับชานมของที่นั่น แต่โอ้แม่!!!!!มันอร่อย หอมมันมีกลิ่นเครื่องเทศ โดนใจอิชั้นมาก มาอินเดียอย่ากลัว และสั่งดื่มเลยนะคะ แก้วละ 10 รูปี มีอยู่ทุกเมืองค่ะ
ก็ว่าจะไปเที่ยวต่อนะคะ
แต่แบบ
การจราจรในเดลี คือหายนะมาก
เรากลัวจะตกรถบัส ที่จะไป มะนาลี ค่ะ
เลยต้องรีบไปท่ารถ
ซึ่งพอถึงท่ารถ ก็มีฝรั่ง กับคนเกาหลีมารอเต็ม
แล้วก็ขึ้น รถบัส ไป มะนาลี ที่ต่อไปของเรา
รถบัสเป็นรถนอนค่ะ
คล้ายรถทัวร์บ้านเรา แบบปรับเอน
ไม่ค่อยสบายนักแต่พอทน
รถค่อยเคลื่อนออกจากเดลี แต่พิษจราจรทำให้เคลื่อนเร็วกว่าเดินนิดนึง
แถมจอดรับผู้โดยสารบ่อยกว่ารถสองแถวบ้านเรา
ตอนจอดจะมี เด็กเอาขนมเอาน้ำมาขาย
แถมระหว่างทาง มาบอกว่า พวกเรามีกระเป๋า ต้องจ่ายค่าขนเพิ่มคนละ 20 รูปี
เราตะขิดตะขวงอยู่ แต่ได้ยินมาว่าคนอินเดียไม่ค่อยโกง เลยไม่เถียงต่อ เค้าคงต้องเก็บจริงๆ
เราก็สงสัยว่าข้าวเย็นจะกินยังไง
รถก็จอดแวะเหมือน รถทัวร์บ้านเรา
จุดจอดแวะมีอาหารขายแต่ต้องสั่ง มีห้องน้ำ(ตะลึงกับส้วมครั้งแรกที่ไม่รู้ว่าจะเหยียบโดนอะไร) มีร้านขายของ
อาหารมื้อเย็นของเราค่ะ พยายามจะสั่งเหมือนตอนเที่ยง ก็โอเคนะคะ แต่ไม่อร่อยเท่า เน้นไปที่โรตีและแกงไก่
พอกินเสร็จทุกร้านที่อินเดีย เค้าจะมีกล่องของหวานล้างปาก เป็นเหมือนลูกอมเม็ดเล็กๆ เป็นกล่องวางที่โต๊ะ มีแทบทุกร้านค่ะ กินคาวเสร็จ คนอินเดียนิยมอมสิ่งเหล่านี้ต่อ
กลับขึ้นรถไปนอนต่อ พยายามหลับสู้กับพวกฝรั่งเศสที่ร้องเพลงเสียงดังหลังรถให้ได้ คืนนี้ก็โอเคแล้วค่ะ
สิ่งที่สังเกตุเห็น
1.ตำรวจค่อนข้างดุและน่ากลัว ทุกคนดูกลัว และดูควบคุมกฏหมายได้ดี
2.ขี้มีอยู่ให้เห็นจนเจนตา แต่ส่วนใหญ่จะเป็นขี้วัว
3.แน่นอนว่าประเทศนี้เป็นประเทศของวัว เจ้าหล่อนมีสิทธิจะดินไปไหนก็ได้ทุกคนต้องหลบ และมีวัวอยู่ทุกที่ เดินไปเดินมา ชีวิตเนิบช้า ดี๋ดี
4.เอาจริงๆคนอินเดียค่อนข้างเห็นใจคนอื่นนะ เจอคนตาบอดเดินแบบสุ่ม พอไปใกล้ใคร ทุกคนพร้อมช่วยพอพ้นระยะตน ก็มีคนต่อไปมารับช่วงต่อเสมอ ลองแกล้งหลับตาเดินในเดลีสิ รับรองมีแต่คนช่วย ไม่ตายแน่นอน
5.สี่แยกไฟแดงเมืองไทย อาจจะขายพวงมาลัย แต่สี่แยกอินเดีย จะขาย หนังสือ!!!!ว้าววววว ถือถาดออกมาเป็นตั้งๆเลยจ่ะ มีทุกแบบ ตั้งแต่ ฮังเกอร์เกม ไปถึง ฟิฟตี้เฉด มานี่อะเมซอนคงเจ๊ง เพราะคนอินเดียอ่านหนังสือมากจ่ะ และหนังสือที่อินเดียก็ถูกมากด้วย โอ้ ไม่แปลกใจที่ประเทศเค้าสามารถส่งยานไปสำรวจดาวอังคารสำเร็จโดยใช้งบน้อยกว่างบสร้างหนังไอรอนแมน
6.ภาษาอังกฤษเค้าเริ่ดกว่าไทยหลายขุมจ่ะ หลายคนบอกก็ใช่ซี้ ประเทศอดีตเมืองขึ้น อ่ะ ก็มีส่วน แต่เอาจริงๆ คนทุกระดับ ไม่ว่าจะยากดีมีจนของอินเดียสามารถสื่อสารอังกฤษได้ แม้สำเนียงจะยาก แต่ก็เริ่ดนา ดิฉันว่า น่าจะมาจากระบบการศึกษาที่ดี และ นิสัยการอ่านของเค้ามากกว่า
7.ถึงแม้จะมีคนยากจนมากก็จริง แต่เอาจริงๆ เรื่องโจรขโมย หรือโกงนักท่องเที่ยว ไม่ค่อยมี คนอินเดียซื่อสัตย์ระดับที่น่าชื่นชม สังเกตุเรื่องเวลาซื้ออะไร ไม่ค่อยมีราคาฝรั่งเหมือนร้านบางประเทศ เราว่าความเชื่อทางศาสนาก็มีอิทธิพลต่อเรื่องนี้พอสมควร
วันที่1 เดลีที่รัก ชิวิตไม่ได้พัก ที่เดลี
กระทู้นี้เป็นส่วนหนึ่ง ของ ซีรีส์ เดินทางโดยรถจาก เดลี ไปถึง เลห์ ผ่าน Manali-Leh Highway
สามารถติดตามกระทู้หลัก เรื่องการเตรียมตัวและ ข้อมูลเบื้องต้น
ได้ในที่ข้างล่างนี้เลยค่ะ
http://pantip.com/topic/34208002
หลังจากที่พวกเราเตรียมตัวหลายวัน พวกเราก็ออกเดินทางค่ะ
เราบินด้วย air india ค่ะ รอบ 8.55 ถึง เดลี 12.00 ใช้เวลา 4:35 ชม. (บวกเวลาอินเดียช้ากว่าเรา 1:30 ชม.)
เครื่องที่เรานั่งเป็น dreamliner ถือว่า เริ่ดเวอร์วังทีเดียว กระจกปรับความเข้มได้เองตามแสงรบกวนด้วยนะจ๊ะ
มีจอ ส่วนตัวให้ มีหนังมากมาย ทั้ง ฮอลลิวูด และบอลลิวูดค่ะ
ดูกันเพลิน โดยหนังฮอลลิวูดจะมีหนังใหม่กับหนังรางวัล ที่จะตัดเซนเซอร์คำมาแล้ว อย่างฉากพระเอกพูดคำหยาบ เช่นคำว่า shit ก็จะมีเสียงแขก(ที่ไม่มีความเหมือนพระเอกเลย) พากย์ทับเป็น QUiz ไม่สนความหมายและหน้าพระเอกใดๆทั้งสิ้น เอาให้เด็กและเยาวชนฟังไม่รู้ก็พอ
ส่วนหนังบอลลิวูดนั้นนอกจากฉากเต้นรำไล่กันแล้ว ช่วงหลังพระเอกอินเดียยุคใหม่ล่ำๆ ผิวเนียนแน่น กล้ามน่าฟัดทั้งนั้น
เจอป้าชุดส่าหรีนั่งข้างหน้า เปิดหนังพระเอกถอดเสื้อทั้งเรื่อง พอมีฉากเข้าพระเข้านาง ป้าคอยหันมาระวังหลังตลอดว่าเราจะมองนางเป่า
โดยรวมโอเค อาหารดี เครื่องดี แต่แอร์ดูเหวี่ยงใส่เรา แถมสำเนียงอังกฤษฟังยากเว่อร์
และแน่นอน ได้กลิ่นเครื่องเทศ ออกมาจาก จั๊กรู้ ใครสักคนแน่นอน สูดๆไปเดี๋ยวก็ชิน
หลังจากดูหนังไปสองเรื่อง หลับไปตื่นนึง ก็ถึง สนามบินนานาชาติอินทิรา คานที
ตอนแรกเครื่องลงคิดว่าสนามบินประเทศใหญ่อย่างอินเดียทำไมเล็กจัง
ปรากฏกว่าเครื่องจะเคลื่อนจากรันเวย์ไปถึงอาคารสนามบิน นานมาก เพราะความกว้างใหญ่ สมฐานะ
และกว่าจะเดินไป ตม.ก็ขาลาก
ตม. หน้าดุมาก มองเราตั้งแต่หัวจดเท้า จนรู้สึกว่าการมาของเราน่าจะเป็นภัยต่อความมั่นคง
เราก็พยายามยิ้มสยามสู้ เพราะเรามาในฐานะตัวแทนของประเทศไทย เราต้องสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ
แต่พี่ ตม.ก็โยนพาสปอร์ตใส่หน้าค่ะ
ใช่ว่าสนามบินบ้านเขาจะเหมือนบ้านเรา มีเรื่องตื่นเต้นมากๆจะเล่าให้ฟัง
เรื่องมาตรการการรักษาความปลอดภัยที่สนาบิน อินทธิราคานธี
หลังจากผ่าน ตม.มาด้านล่าง ก็มารอ เอเจนซี่ที่จะมารับเรา
เพราะนัดกันไว้ เที่ยงตรงตามเวลากรุงเดลี ที่ประตูห้า
ปรากฏไม่มีใครมา
เราก็เอะใจ ออกเดินหา ก็สงสัยว่าจะอยู่ข้างนอกรึเปล่านะ
เลยยื่นหน้าออกไปนอกประตู
และ ผลั่ก !!!!!!!! คุณตำรวจหน้ายักษ์ผลักเราออกมานอกประดู
พอเราจะกลับเข้าไป นางไม่ให้เข้า
สรุป ออกจากประตูแล้วเข้าไม่ได้ ไม่ว่าใครก็ตาม เอาล่ะสิ เพื่อนอยู่ข้างใน เงินอยู่ข้างใน กระเป๋าอยู่ข้างใน
แก้ปัญหาอยู่นาน ชั่วโมงครึ่ง จนถอดใจว่าคงคลาดแน่ เพราะไม่ได้อยู่ตรงที่เขานัด และไม่มีทางใดที่จะติดต่อได้
เราสิ้นหวังมากจนต้องไปขอร้องอ้อนวอนยืมโทรศัพท์กับคนไม่รู้จัก
เพราะจดเบอร์เอเจนซี่ไว้ในกระเป๋าตัง
ลุงอินเดียนั้นหน้าดุ แต่ก็ใจดีให้เรายืมโทรศัพท์
จนเรียกเพื่อนออกมาได้ และเจอกับเอเจนซี่
เอเจนซี่ของเราชื่อพี่บุ๋มค่ะ จากเพจอำเภอใจ อินเดีย ทราเวล
เพราะเราไม่มีเวลาติดต่อรถกับที่พักค่ะ เลยให้พี่บุ๋มดูแลให้
แต่ยังไงเราก็เที่ยวกันเอง และวางแผนเที่ยวเองนะคะ
https://www.facebook.com/amperjaiindiatravel?fref=ts
พี่บุ๋มแกเป็นคนไทย ที่ไปหลงไหลกับความเข้มและจริงใจ ของหนุ่มอินเดีย
ตั้งแต่มาเที่ยวอินเดียครั้งแรก ครั้งเดียวติดใจเลย
ซึ่งพี่แกเลยเปิดเพจ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับคนไทยที่มาเที่ยวอินเดีย
โดยดิฉันและเพื่อน ให้พี่บุ๋มช่วย ติดต่อจองโรงแรม และเช่ารถให้ค่ะ
ที่แรกที่พี่บุ๋มพาไปคือ ร้านอาหารอินเดีย
เอาจริงๆเราทำใจไว้ว่ามาอินเดียต้องผอมแน่
แต่ปรากฎว่า อาหารมื้อแรกของเรานั้นอร่อยมาก
มีทั้งไก่ย่างที่แห้งกรอบๆหอมเครื่องเทศ โรตีกับเครื่องแกงต่างๆ ไม่ว่าจะ ไก่ หรือ แพะ ล้วน อร่อยรุนแรงหอมหวน ชวนกินมาก
(หมูกับวัวอย่าหวังว่าจะได้กินในประเทศนี้ เพราะวัวเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิของฮินดู และหมูเป็นสัตว์สกปรกของอิสลาม ด้วยความหลากหลายทางศาสนา ร้านต่างๆเลยตัดปัญหาไม่ขายเนื้อสองชนิดนี้จ่ะ)
แล้วก็ตะลึงกับราคา เพราะเราคาดน่าจะแพง แต่ปรากฎ อาหารนั้นถูกกว่าไทยอีก
การจราจรของอินเดียถือว่า ที่สุดของที่สุด จินตนาการไว้เท่าไหน มันนรกกว่า สิบเท่า
ตามถนนหนทางจะไม่มีกฏใดๆเลย
รถทุกคันจะมีความต้องการของตัวเอง
จะจอดจะถอย จะทำอะไร ทำเลย รถคันอื่นมีหน้าที่หลบ
คนเดินถนนก็ไม่ต้องสนใจ เดินเลย รถมีหน้าที่หลบ
เสียงแตร ถ้าใครเคยไปฮานอยว่าแย่แล้ว ที่เดลีคือที่สุด
แต่เค้าไม่ใครโกรธกันให้เห็นนะ บนถนนถึงจะชนกันก็ไม่โกรธกันเลย
พี่บุ๋มบอกว่า คนอินเดียนั้นมีความอดทนสูง
และหากเดินบนถนนจะเจอคนหลายแบบ
ทั้งโยคี ฤาษี คนตาบอด หญิงอุ้มลูก
เข้าใจแล้วว่าทำไมเจ้าชายสิทธัตธะ ตัดสินใจออกบวช
เดินๆอยู่จะมีเด็กๆ มาดึงทึ้งเสื้อผ้า แบบมือขอเงิน
เราบอก NO เท่าไรก็ไม่หลุด
ขึ้นรถแล้วนางก็กระหน่ำทุบรถ ตะโกนขอเงินต่อ อย่างน่ากลัว แต่แปลกใจที่คนขับไม่แยแสหรือตกใจเลย
มีเวลาวันเดียวที่นี่ เราก็ต้องเที่ยวให้คุ่มค่ะ เอาจริงๆมีเวลาแค่ สี่ชั่วโมง
ที่แรก เป็นอาคารรัฐสถาอินเดีย
โอ้แม่เจ้า
มันใหญ่อลังการมาก
สมกับที่เป็นประเทศประชาธิปไตยที่มาจากประชากรมากที่สุดในโลก
ตัวแทน สส มาถกกันเพื่อขับเคลื่อนประเทศใหญ่ยักษ์แห่งนี้ทุกวัน
ด้วยสถาปัตยกรรมแบบอินเดี๊ย อินเดีย ตกแต่งด้วยอิฐสีแดง ดูโอ่อ่า นิพิราบบินเหนื่อยมาก
เราก็ถ่ายรูปกันพอสังเขป
จากนั้นไปต่อที่ประตูอินเดีย
ที่ยืนตระหง่านโดดเด่นกลางเดลี
เพื่อเป็นอนุสรณ์แก่เหล่าทหารหาญ
รายรอบด้วยสวนสาธารณที่ชาวอินเดียและนักท่องเที่ยวมาเดินเล่น หย่อนใจ
และแน่นอนแกงค์เด็กดึง ที่ตามขอเงินนักท่องเที่ยว ก็มีที่นี่เช่นกัน อย่าใจอ่อนนะจ๊ะ ไม่ใช่ไม่ให้เมตตา แต่พอให้คนนึง อีกสิบจะตามมาไม่ได้เที่ยวกันพอดี
ก็ว่าจะไปเที่ยวต่อนะคะ
แต่แบบ
การจราจรในเดลี คือหายนะมาก
เรากลัวจะตกรถบัส ที่จะไป มะนาลี ค่ะ
เลยต้องรีบไปท่ารถ
ซึ่งพอถึงท่ารถ ก็มีฝรั่ง กับคนเกาหลีมารอเต็ม
แล้วก็ขึ้น รถบัส ไป มะนาลี ที่ต่อไปของเรา
รถบัสเป็นรถนอนค่ะ
คล้ายรถทัวร์บ้านเรา แบบปรับเอน
ไม่ค่อยสบายนักแต่พอทน
รถค่อยเคลื่อนออกจากเดลี แต่พิษจราจรทำให้เคลื่อนเร็วกว่าเดินนิดนึง
แถมจอดรับผู้โดยสารบ่อยกว่ารถสองแถวบ้านเรา
ตอนจอดจะมี เด็กเอาขนมเอาน้ำมาขาย
แถมระหว่างทาง มาบอกว่า พวกเรามีกระเป๋า ต้องจ่ายค่าขนเพิ่มคนละ 20 รูปี
เราตะขิดตะขวงอยู่ แต่ได้ยินมาว่าคนอินเดียไม่ค่อยโกง เลยไม่เถียงต่อ เค้าคงต้องเก็บจริงๆ
เราก็สงสัยว่าข้าวเย็นจะกินยังไง
รถก็จอดแวะเหมือน รถทัวร์บ้านเรา
จุดจอดแวะมีอาหารขายแต่ต้องสั่ง มีห้องน้ำ(ตะลึงกับส้วมครั้งแรกที่ไม่รู้ว่าจะเหยียบโดนอะไร) มีร้านขายของ
กลับขึ้นรถไปนอนต่อ พยายามหลับสู้กับพวกฝรั่งเศสที่ร้องเพลงเสียงดังหลังรถให้ได้ คืนนี้ก็โอเคแล้วค่ะ
สิ่งที่สังเกตุเห็น
1.ตำรวจค่อนข้างดุและน่ากลัว ทุกคนดูกลัว และดูควบคุมกฏหมายได้ดี
2.ขี้มีอยู่ให้เห็นจนเจนตา แต่ส่วนใหญ่จะเป็นขี้วัว
3.แน่นอนว่าประเทศนี้เป็นประเทศของวัว เจ้าหล่อนมีสิทธิจะดินไปไหนก็ได้ทุกคนต้องหลบ และมีวัวอยู่ทุกที่ เดินไปเดินมา ชีวิตเนิบช้า ดี๋ดี
4.เอาจริงๆคนอินเดียค่อนข้างเห็นใจคนอื่นนะ เจอคนตาบอดเดินแบบสุ่ม พอไปใกล้ใคร ทุกคนพร้อมช่วยพอพ้นระยะตน ก็มีคนต่อไปมารับช่วงต่อเสมอ ลองแกล้งหลับตาเดินในเดลีสิ รับรองมีแต่คนช่วย ไม่ตายแน่นอน
5.สี่แยกไฟแดงเมืองไทย อาจจะขายพวงมาลัย แต่สี่แยกอินเดีย จะขาย หนังสือ!!!!ว้าววววว ถือถาดออกมาเป็นตั้งๆเลยจ่ะ มีทุกแบบ ตั้งแต่ ฮังเกอร์เกม ไปถึง ฟิฟตี้เฉด มานี่อะเมซอนคงเจ๊ง เพราะคนอินเดียอ่านหนังสือมากจ่ะ และหนังสือที่อินเดียก็ถูกมากด้วย โอ้ ไม่แปลกใจที่ประเทศเค้าสามารถส่งยานไปสำรวจดาวอังคารสำเร็จโดยใช้งบน้อยกว่างบสร้างหนังไอรอนแมน
6.ภาษาอังกฤษเค้าเริ่ดกว่าไทยหลายขุมจ่ะ หลายคนบอกก็ใช่ซี้ ประเทศอดีตเมืองขึ้น อ่ะ ก็มีส่วน แต่เอาจริงๆ คนทุกระดับ ไม่ว่าจะยากดีมีจนของอินเดียสามารถสื่อสารอังกฤษได้ แม้สำเนียงจะยาก แต่ก็เริ่ดนา ดิฉันว่า น่าจะมาจากระบบการศึกษาที่ดี และ นิสัยการอ่านของเค้ามากกว่า
7.ถึงแม้จะมีคนยากจนมากก็จริง แต่เอาจริงๆ เรื่องโจรขโมย หรือโกงนักท่องเที่ยว ไม่ค่อยมี คนอินเดียซื่อสัตย์ระดับที่น่าชื่นชม สังเกตุเรื่องเวลาซื้ออะไร ไม่ค่อยมีราคาฝรั่งเหมือนร้านบางประเทศ เราว่าความเชื่อทางศาสนาก็มีอิทธิพลต่อเรื่องนี้พอสมควร