หาทางออกยังไงดี??

ครอบครัวเราเป็นครอบครัวยากจนพ่อและแม่เราเลิกกันตั้งแต่เราอายุ 8 ขวบ และน้องชายอายุได้แค่ 2 เดือนกว่าๆ แม่เราหลังจากเลิกกับพ่อ พอกลับบ้านมาก็จะพาแฟนใหม่กลับมาด้วยทุกครั้ง (แม่เราออกไปทำงานอีกจังหวัดปีนึงจะกลับบ้านมาครั้งนึงส่วนเรากับน้องชายอยู่กับยายอีกจังหวัดนึง ในตอนนั้นเราจึงอยู่กัน สามคนยายหลาน) และทุกคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตแม่ แม่ก็จะให้เราเรียกพ่อทุกคน ซึ่งเป็นอะไรที่เราไม่ชอบเอามากๆแต่ด้วยความที่เราเป็นคนชอบเก็บความรู้สึกเวลาน้อยใจก็จะแสดงออกว่าเราร่าเริง เรารับได้ เราทำแบบนี้ฝึกตัวเองแบบนี้ตั้งแต่อายุ 9 ขวบ อย่างนี้ละมั้งเลยทำให้แม่รู้สึกสบายใจและไม่ค่อยแคร์ความรู้สึกเราสักเท่าไหร่

พออายุ 17 ยายก็ส่งให้เรามาอยู่กับแม่อีกจังหวัดนึงส่วนยายก็แต่งงานใหม่ เรามาอยู่กับแม่ก็ทะเลาะกันเกือบทุกวันเพราะเรามีความรู้สึกว่าแม่จะรักสามีใหม่มากกว่าเรากะน้อง เวลากินข้าวแม่ก็จะตักกับข้าวให้กับสามีใหม่คนเดียว แม่ก็จะไม่ตักกับเราหรือบางครั่งคิดได้ก็ค่อยตักให้เรา (เรื่องแบบนี้ไม่เจอกับใครไม่ทีใครรู้หรอก) เราจึงเก็บความรู้สึกนันมาตลอดจนเราตั้งใจกับตัวเองเลยว่าวันนึงถ้าเราแต่งงานมีครอบครัวไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราก็จะไม่ทำให้ลูกตกอยู่ในภาวะแบบเราอย่างเด็ดขาด

จากนั้นเราก็ได้พบสามีคนปัจจุบันและได้แต่งงานกันเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ครอบครัวสามีเป็นครอบครัวฐานะปานกลางพอมีพอกิน เราหลังจากแต่งงานก็ย้ายมาอยู่กับสามีมีพ่อแม่สามี ใช้ครัวร่วมกัน ตอนแรกก็ไม่คิดอะไร แต่พอนานๆไปเราก็เริ่มอึดอัดขี้โมโห อารมณ์เสียบ่อย เราคิดว่าอาจเป็นเพราะ เราลาออกจากงานประจำที่มีสังคมมีเพื่อนมีฝูงแล้วมาเลี้ยงลูกอยู่บ้านเฉยๆ มั้งคะ ที่บ้านพ่อแม่สามีขายเสื้อนักเรียนและเครื่องใช้ไฟฟ้าเรามีหน้าที่ปักเสื้อนักเรียนให้ครอบครัวเขาช่วงที่งานเข้าเยอะๆ ก็จะเป็นช่วง พ.ค. และ พ.ย. ค่ะ แต่เรารู้สึกว่าไม่มีเป็นอิสระค่ะ ทุกอย่างต้องอยู่ในสายตาเขาตลอดเวลาไม่ว่าจะกิน จะนอน จะเล่น จะไปไหน ต้องคอยรายงานตลอด เกิดอาการเบื่อหน่ายท้อแท้ตลอด ตื่นมาก็เจอแต่ ชีวิตเดิมๆ สังคมเดิมๆ ที่ร้านทำงานไม่มีวันหยุดค่ะ 7 วันเต็มๆ ยกเว้นจะไปไหนก็ปิดครึ่งวัน เป็นอย่างนี้มา สามปีกว่าๆ ไปไหนก็ไปยกครัวสามีด้วยความเป็นลูกคนมีตังค์จึงไม่ทำงานอะไรวันๆ เอาแต่นอนแบมือขอตังค์อย่างเดียว การตัดสินใจอยู่ที่พ่อแบแม่ ทั้งหมดเอากันตรงๆ ก็คือลูกแหง่นั่นเอง

พอเรารู้สึกเบื่อเราก็อยากหาอะไรทำ พ่อแม่สามีก็จะบอกว่าทำไม่ได้กรอก จะขายอะไรเขาก็บอกว่าขายไม่ได้หรอกคนอื่นเขาก็ขายกันหมดแล้ว ที่เราอยู่คนมันน้อยอะไรประมาณนี้ เราลืมบอกที่เราตัดสินใจออกจากงานก็เพราะ พ่อแม่สามีเขาบอกจะเปิดร้านขายของเล่นให้ ให้เรากะสามีบริหารกีนเอาเอง เราจึงคิดว่าเป็นลูกน้องคนอื่นก็ได้เท่าเดิม ออกมาค้าขายดีกว่ากำไรมากน้อยก็เป็นของเรา เห้ออออออ!!!!! อยู่ไปอยู่มา เขาให้เราวันละ 400 บาท สำหรับเราเราคิดว่า เราได้ละ พอละ แต่อิตาสามีนี่สิคะ ได้วัน 400 เท่ากับเรามันไม่พอ ขอเราอีกวันละ 100 แถมเรายังต้องเลี้ยงข้าวมันอีก วันละ 100 บาท กลายเป็นเราได้ใช้แค่วันละ 200 ลูกกินนมอีก ขนมอีก สรุป เดือนๆ เงินไม่เหลือ พอแม่ถามว่ามีเงินบ้งไหมอะไรประมาณนี้ เราก็บอกว่าไม่มีแม่ก็บ่นว่าทำไมไม่มีตังเก็บหรือมีอะไรเลย แม่ว่าถ้าอย่างนั้นก็กลับมาอยู่กะแม่เสีย

เราก็เลยปรึกษากะสามีว่า เราขอแยกกันอยู่โดยพาลูกกลับไปอยู่กับแม่หางานทำดู เพราะอยู่ถ้ากะสามีก็ได้เดือนละ 6,000 แถมไม่มีวันหยุดอีกต่างหาก สู้ออกมาหางานทำดีกว่า (ถึงไม่มีงานปักผ้าก็ต้องออกไปร้านทุกวันค่ะ เพราะต้องเอาหลานไปให้ปู่กะย่าเชยชม) สามีก็อนุญาตนะคะและหมั่นโทรมาหาทุกวัน(จากอยู่บ้าน หายไปเป็นวันๆไม่เคยโทรหา)

พอมาอยู่กะแม่ เราเองก็ไปไม่เป็นทีนี้ อายุก็แตะเลขสามแล้ว รูปร่างจากแต่ก่อนผอมเพรียวก็อ้วนหนา เทอะทะ ความมั่นใจตอนอายุยี่สิบกว่าๆ หายไปหมดเลยค่ะ แม่พูดอะไรกระเทือนจิตใจไม่ได้เลยไม่เถียงไม่โต้ตอบ แต่จะเก็บตัวเงียบอยู่ในห้องกับลูกสองคนจะขี้เกียจมาก ไม่อยากทำอะไร เบื่อโลกสุดๆ แม่ก็พูดดีๆให้เราไปเรียนนวดแผนไทย เราบอกเราจะเรียนนะ แต่ขอเรียนที่มีใบประกาศเรียนกะศูนย์ฝึกวิชีพแกก็บอกไปเรียนตรงนี้ที่เสียตังค์กว่า เราก็อืมก็ได้แต่ขอไปเรียนหลัวจากไปหายายอีกจังหกวัดก่อน แม่ก็เห็นด้วยเราจึงไปเยี่ยมยายด้วยกัน โดยแม่ตัดสินใจกู้ตังค์คนข้างบ้าน ดอกร้อยละยี่(แกบอก) ไปหายาย เราก็ตกใจแต่ค้านไม่ได้พอไปหายายเราไปช่วยยายทำสวน ยายให้มาคนละหมื่นกะแม่(ฝากเงินไว้ที่แม่)โดยยายบอกว่ายายจะให้ยืมเอาเงินส่วนนี้ เราคิดว่าจะเอามาเป็นทุนต่อชีวิต สุดท้ายพอกลับมาบ้านแม่ไม่พูดอะไรสักคำเกี่ยวกับเงินที่ยายให้ยืม ทำเฉย แถมบอกเราให้ไปเรียนนวดกะเพื่อนที่เค้าเคยทำมาก่อนดีกว่า เราก็ยอม ทำตามที่แม่บอกไปเรียนกับเพื่อน เพื่อนก็สอนทุกอย่างได้ความรู้ติดตัวมา แม่บอกถ้าทำงานได้ต้องให้แกเดือนละหมื่น เรานิห่อเหี่ยวหัวใจเลย ไม่อยากทำอะไรเลยพอแม่พูดอย่างนั้น ทั้งแม่และยายกรอกหูเราทุกวันว่าต้องทำงานนวด เอาลูกมาให้แม่เลี้ยง จะได้เจอคนรวยๆ คนดีๆ พยายามจะให้เราเลิกกับแฟนให้ได้

เราเองก็ยอมรับนะว่ารักสามีคนนี้มากแม้เขาจะเป็นคนเลวก็เถอะ(ไม่รู้เพราะอะไร) เราจับได้ว่าเสพสิ่งเสพติด แต่เราก็ให้โอกาสเขาว่าให้เลิกเสียแม้จะหลายๆครั้ง แต่เราคิดว่าเขาคือพ่อของลูก แต่ก่อนตบตีดันบ่อย แต่ตอนนี้ปีหลังนี้ ไม่มีแล้ว และมีความรู้สึกว่าเขาก็พยายามปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้นอยู่ ก็เลยเลิกรักเขาไม่ได้ซักะที ตัดกันไมได้เลย(ไม่เป็นใครก็ไม่รู้หรอก ว่าไม?) แต่ก่อนเคยคิดนะว่ารักแท้ไม่มีในโลกหรอก วันนี้พอมีลูกจึงรู้ว่ารักแท้เป็นไง

เราแต่ก่อนที่ยังไม่มีลูกจะรักแม่มาก แฟนคนไหนๆ พอพามาให้แม่ดู แล้วแม่ไม่ชอบเราจะเลิกทันทีเลย โดยคนก่อนสามีคนนี้คบกันมา 7-8 ปี แม่บอก เขาจนแต่งกันไปก็ไปเป็นขี้ข้าเขา ทั้งยายและแม่บอกให้เราเลิก เราก็เลิกทั้งที่เขาก็เป็นคนน่ารัก เหล้าไม่กิน บุหรี่ไม่สูบ ขยันทำมาหากิน เป็นคนที่เรายังคิดถึงทุกวันนี้ในรูปแบบคนดีคนหนึ่งที่เราเสียดาย พอมาเจอคนนี้คนปัจจุบันตรงกันข้ามทุกอย่างกะคนก่อน หน้านี้ เราก็รักเขานะรักมากเรากลัวว่าเลิกกะคนนี้ แล้วทีนี้ไปเจอคนใหม่ แล้วจะได้แบบแย่ๆ แบบนี้อีลูกเราจะคิดกะเราแบบเราคิดกะแม่หรือเปล่านะ?? แล้วเราจะต้องมีอีกซักกี่คนเราถึงจะเจอแบบที่ถูกใจแม่และยาย เราก็ผู้หญิงคนหนึ่งที่อยากมีครอบครัวที่สุขสันต์พร้อมหน้า เราเด็กบ้านแตกที่อยากมีครอบครัวที่สมบูรณ์ เราผิดมากไหม? เพราะถ้าเราไม่เลิกับสามีแม่ก็เครียด ที่จิงเราก็รู้ว่าแม่ห่วงเรามากแต่เราอดคิดไม่ได้ว่าแม่หวงเราหรือห่วงตัวเอง ทุกวันนี้เราไม่ได้ทำหน้าที่ลูกที่ดีเลยเราก็รู้ตัว แต่เราเคยถามแม่ว่าจะให้เราทำยังไงเราอยากเรียนสูงๆ แม่ก็ไม่ให้เรียน แม่บอกจะเรียนไปทำไมนักหนาออกมาทำงานหาเงินให้แม่ใช้ได้แล้ว แม้เราจะเสียใจที่ไม่ได้เรียนต่อแต่เราก็ทำตามที่แม่ต้องการตลอด .. เราเป็นอะไรไม่รู้ไม่ยอมลืมอดีต ลืมคำพูดที่แม่เคยพูดเก็บเอาแต่คำพูดเหล่านี้มาทิ่มแทงตัวเองตลอดและเหมือนเราจะสื่อไปถึงลูก ทุกวันนี้ลูกของเราไม่เอาแม่ของเราเลย ถ้าแม่เราถามว่า "รักยายไหม?" ลูกเราจะตอบว่า "ไม่รักค่ะ" จะร้องมาก เวลาเราให้อยู่กับแม่ของเรา .. เราจะเล่าเรื่องไม่ได้เรียนหนังสือนี่แหละให้แฟนเราฟังซ้ำๆ เค้าก็เข้าใจรับฟังตลอดเค้าเก็บเงินไม่เก่ง ติดสิ่งเสพติด แต่เรารู้สึกเรามั่นคง แม้จะมีทะเลาะกันบ้างเพราะเขาไม่ทำตามความต้องการของเรา แต่เราก็รู้สึกได้ว่าเขาก็รักเราเช่นกันอ่ะ

แม่สามีก็ดีมากจะกินอะไร ซื้อให้กิน กะเราเขาก็รักเหมือนเป็นลูก(แต่ชอบเอาเรามาเม้าท์มอยกะแม่เราบับหลัง ว่าเราใช้เงินไม่รู้ใช้ ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องจิงเราจึงเสียความรู้สึกมาก แม่พูดกะเราตลอด แต่เราเก็บเอาไว้) .. แม้เราจะอึดอัดบ้างมันก็เกิดจากตัวเราที่ไม่รู้จักพออยากมีอาชีพไม่อยากแยมือขอตังค์พ่อกะแม่เขาอย่างเดียว แต่ถ้าเลิกกะสามีเราต้องห่างลูกไปทำงานเบี้ยงแม่เลี้ยงลูก คำถามก็คือ เราจะเลือกอะไรดีที่จะเกิดความพอใจสูงสุด

แม่

ลูก

สามี

ตัวเอง

ปล. แม่อยู่กะสามีใหม่ที่เราไม่เข้าใจว่า ทั้งๆที่แม่ก็มีสามีเคียงข้างตลอดแต่ทำไม
1. แม่อยากพักแต่ทำไมแม่พักไม่ได้แม่บอกว่าแม่เหนื่อย ไม่อยากทำงานแล้ว
2. แม่พูดและวางอนาคตมีแค่ แม่ ลูกของเรา และยาย แต่ไม่มีเรากะสามีของแม่ หรือบางทีมีเราแต่ไม่มีสามีของแม่
3. แม่หรือแฟนแม่ไม่รู้ที่ไม่ชอบสามีเราเพร่ะทุกครั้งที่แฟหนเรามาที่บ้าน แม่พูดดีกะแฟนเรา แต่สามีแม่ไม่พูด
4. เรื่องทุกเรื่องไม่ว่าเรื่องไม่ได้เรียนต่อ เลิกกะแฟนคนเก่า เราพอจะรู้ว่าสามีแม่ก็มีส่วนครอบงำแม่ 70℅
5. เราจะทำอย่างไรดี เพื่อให้ทั้งสองบ้านสานสัมพะันธ์ ที่ดีต่อกัน ที่จิงเขาไม่ได้เกลียดกันแต่แม่ไม่ชอบสามีเสียแล้ว
ลุดท้าย .. ขอบขอบคุณทุกท่านที่อ่านมาถึงจุดนี้บางข้อความอาจวกวนหรืออ่านไม่ออก อาจเพราะพิมพ์ผิดต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
และถ้าแท็กผิด ต้องขออภัยด้วยค่ะ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
ถ้าเป็นเรา เราจะชวนสามีออกไปอยู่กันเอง 3คนพ่อแม่ลูก ช่วยกันทำมาหากินเองค่ะ เช่าห้องอยู่ช่วยกันเลี้ยงลูก เพราะทุกวันนี้ก็ทำแบบนี้แหละ แม่เราก้เกลียดสามีเรามาก เพราะสามีเราขี้เกียด แม่บอกไม่มีอนาคต แต่เราอยากลองดูคิดว่าถ้าไปด้วยกันไม่รอดจะได้ไม่ต้องเสียใจเพราะอย่างน้องก็ได้พยายามที่จะสร้างครอบครัวกับเค้าอย่างเต็มที่แล้วค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่