เกริ่นก่อนะคะ ส่วนตัวแล้วเราเข้าใจค่ะว่าแต่ละคนก็มีมุมมองของชีวิตครอบครัวไม่เหมือนกัน
บางคนเรื่องงานมาอันดับแรก เรื่องลูกไว้ทีหลัง
บางคนเรื่องลูกมาอันดับแรก เรื่องงานไว้ทีหลัง
ข้อดีของแม่ที่ทำงานเต็มตัว ก็มีอันนี้เราเข้าใจค่ะ สามารถหาเลี้ยงตัวเองได้ ไม่ต้องง้อผู้ชาย เวลาไม่เหลือสามีแล้วก็ยังเลี้ยงลูกต่อได้ เป็นผู้หญิงเก่ง แล้วก็ข้อดีที่มาสนับสนุนคนที่ดำเนินชีวิตแบบนี้ยังมีอีกมากมาย
แต่เราก็เห็นมีแม่ๆไม่น้อย ที่ทุ่มเทเวลาให้ลูกมากกว่า บางคนลาออกจากงานมาเลี้ยงลูกเอง รับ-ส่งลูกไปโรงเรียน ตามงานตามกิจกรรมลูกในโรงเรียน ยิ่งในโรงเรียนหลายแห่งที่เน้นกิจกรรม ที่พ่อแม่ต้องร่วมกิจกรรมกับทางโรงเรียนตลอด แม่ๆกลุ่มนี้ก็จะสามารถร่วมกิจกรรมได้ทุกครั้ง เวลาลูกสอบติวลูกได้เต็มที่ ฯลฯ ซึ่งแม่บางคนก็เอาเวลาว่างที่ลูกไปโรงเรียนเข้าฟิตเนสดูแลสุขภาพอะไรก็ว่ากันไป ซึ่งในเคสนี้ เรามองว่าครอบครัวเค้าเลือกที่จะให้ความสำคัญกับลูกมากกว่า พอใจในฐานะที่มีอยู่ ซึ่งบางคนก็อาจจะไม่ได้รวยมากมายอะไร พอมีพอกินอยู่ได้ โดยที่สามีหาเลี้ยงได้คนเดียว
ถามตรงๆค่ะ ว่า เคยจิตตกกันบ้างไหม เวลาคนกลุ่มที่มีมุมมองเรื่องทำงานหาเงินสำคัญที่สุด มองกลุ่มคุณแม่เต็มเวลาว่าอย่างโน้นอย่างนี้ แล้วก็ยกข้อดีของการทำงานหาเลี้ยงตัวเองได้มาข่มเป็นประเด็น คุณแม่มีจุดยืนในตัวเองกันยังไงคะ และคุณพ่อบ้านที่อยู่ในกลุ่มนี้มีความคิดเห็นยังไงเวลามีคนมาว่าภรรยาตัวเอง
จขกท. อยู่ในกลุ่มที่อยากดูแลลูกค่ะ ฐานะอาจจะไม่ได้ร่ำรวยมาก แต่ก็พอมีพอกินอยู่ได้ เรื่องทำงานหาเงินก็ช่วยในกิจการของสามีอยู่ คือ ไม่ได้ไม่ช่วยอะไรนะคะ ยังช่วยงาน แต่จะแบ่งเวลามาให้ลูกมากกว่า เพราะหมดเวลาไปกับการขับรถรับ-ส่งดูแลลูกซะเยอะ เพราะในเมืองรถติดมากค่ะ เวลาส่วนตัวแทบไม่มีเลยค่ะ เช้าไปส่งลูก ส่งเสร็จรีบมาช่วยงานสามี วันไหนที่รรมีกิจกรรม มีประชุมผู้ปกครองก็ต้องอยู่ดูบ้าง ตกบ่ายก็ต้องออกไปรับลูก กลับมาสอนการบ้าน เวลาจะไปออกกำลังกายเพื่อสุขภาพตัวเองยังไม่มีเลยค่ะ เหนื่อย หมดแรงแล้ว
เลยโดยมองว่าไม่ทุ่มเททำงานหาเงินเลย เห็นแต่ลูกมากกว่างาน มือไม่พายเอาเท้าราน้ำให้คนอื่นทำงานมากว่า เป็นภาระตัวถ่วงความเจริญคนในครอบครัว (ถึงเราจะช่วยงาน แต่เค้าบอกไม่ทุ่มเท ไม่เต็มที่ เอาเวลาให้ลูกมากไป) บางครั้งก็ท้อค่ะ เราอยู่ในมุมนึง(เลี้ยงลูกสร้างชีวิตคนสำคัญ) เค้าอยู่กันอีกมุมนึง(ทำงานหาเงินสำคัญที่สุด) รู้สึกเหมือนเรามาอยู่ผิดที่ เลยดูไร้คุณค่ามากมาย
เลยอยากทราบจุดยืนคุณแม่ที่เลี้ยงลูกเต็มเวลาค่ะ ว่าเคยเวลาเจอคนกระแนะกระแหน หรือ พูดว่าเนี่ย รู้สึกตัวเองถูกกดดันไหมคะ มีข้อคิด มีจุดยืนยังไงคะ
กระทู้นี้ ของดดราม่า ทะเลาะกันระหว่าง คุณแม่-คุณพ่อบ้านที่ทำงานเต็มตัว กับ พ่อบ้านที่ทำงานคนเดียวหาเลี้ยงลูกและภรรยานะคะ
เพราะคนเรามีหลายมุมมองในการใช้ชีวิต ไม่ได้มีแค่มุมเดียวที่จะถูกต้องสำหรับทุกครอบครัว เพียงแต่ถ้าคนที่มุมมองเดียวกันเจอกันมันก็จะไม่มีปัญหา แต่ถ้าคนที่มีมุมมองการใช้ชีวิตไม่เหมือนกันต้องมาเจอกันก็จะมีปัญหาทางจิตใจตามมา ถ้าเราไปอยู่ในมุมมองสังคมที่แตกต่าง เราก็อาจจะไร้ค่าในสังคมนั้น แต่ถ้าเราไปอยู่ในสังคมที่เหมือนกับมุมมองตัวเอง เราก็อาจจะมีค่ามากมายก็ได้
สอบถามคุณแม่เต็มเวลาที่ดูแลลูกเอง สร้างความมั่นใจ-มีจุดยืนให้ตัวเองกันยังไงบ้างคะ
บางคนเรื่องงานมาอันดับแรก เรื่องลูกไว้ทีหลัง
บางคนเรื่องลูกมาอันดับแรก เรื่องงานไว้ทีหลัง
ข้อดีของแม่ที่ทำงานเต็มตัว ก็มีอันนี้เราเข้าใจค่ะ สามารถหาเลี้ยงตัวเองได้ ไม่ต้องง้อผู้ชาย เวลาไม่เหลือสามีแล้วก็ยังเลี้ยงลูกต่อได้ เป็นผู้หญิงเก่ง แล้วก็ข้อดีที่มาสนับสนุนคนที่ดำเนินชีวิตแบบนี้ยังมีอีกมากมาย
แต่เราก็เห็นมีแม่ๆไม่น้อย ที่ทุ่มเทเวลาให้ลูกมากกว่า บางคนลาออกจากงานมาเลี้ยงลูกเอง รับ-ส่งลูกไปโรงเรียน ตามงานตามกิจกรรมลูกในโรงเรียน ยิ่งในโรงเรียนหลายแห่งที่เน้นกิจกรรม ที่พ่อแม่ต้องร่วมกิจกรรมกับทางโรงเรียนตลอด แม่ๆกลุ่มนี้ก็จะสามารถร่วมกิจกรรมได้ทุกครั้ง เวลาลูกสอบติวลูกได้เต็มที่ ฯลฯ ซึ่งแม่บางคนก็เอาเวลาว่างที่ลูกไปโรงเรียนเข้าฟิตเนสดูแลสุขภาพอะไรก็ว่ากันไป ซึ่งในเคสนี้ เรามองว่าครอบครัวเค้าเลือกที่จะให้ความสำคัญกับลูกมากกว่า พอใจในฐานะที่มีอยู่ ซึ่งบางคนก็อาจจะไม่ได้รวยมากมายอะไร พอมีพอกินอยู่ได้ โดยที่สามีหาเลี้ยงได้คนเดียว
ถามตรงๆค่ะ ว่า เคยจิตตกกันบ้างไหม เวลาคนกลุ่มที่มีมุมมองเรื่องทำงานหาเงินสำคัญที่สุด มองกลุ่มคุณแม่เต็มเวลาว่าอย่างโน้นอย่างนี้ แล้วก็ยกข้อดีของการทำงานหาเลี้ยงตัวเองได้มาข่มเป็นประเด็น คุณแม่มีจุดยืนในตัวเองกันยังไงคะ และคุณพ่อบ้านที่อยู่ในกลุ่มนี้มีความคิดเห็นยังไงเวลามีคนมาว่าภรรยาตัวเอง
จขกท. อยู่ในกลุ่มที่อยากดูแลลูกค่ะ ฐานะอาจจะไม่ได้ร่ำรวยมาก แต่ก็พอมีพอกินอยู่ได้ เรื่องทำงานหาเงินก็ช่วยในกิจการของสามีอยู่ คือ ไม่ได้ไม่ช่วยอะไรนะคะ ยังช่วยงาน แต่จะแบ่งเวลามาให้ลูกมากกว่า เพราะหมดเวลาไปกับการขับรถรับ-ส่งดูแลลูกซะเยอะ เพราะในเมืองรถติดมากค่ะ เวลาส่วนตัวแทบไม่มีเลยค่ะ เช้าไปส่งลูก ส่งเสร็จรีบมาช่วยงานสามี วันไหนที่รรมีกิจกรรม มีประชุมผู้ปกครองก็ต้องอยู่ดูบ้าง ตกบ่ายก็ต้องออกไปรับลูก กลับมาสอนการบ้าน เวลาจะไปออกกำลังกายเพื่อสุขภาพตัวเองยังไม่มีเลยค่ะ เหนื่อย หมดแรงแล้ว
เลยโดยมองว่าไม่ทุ่มเททำงานหาเงินเลย เห็นแต่ลูกมากกว่างาน มือไม่พายเอาเท้าราน้ำให้คนอื่นทำงานมากว่า เป็นภาระตัวถ่วงความเจริญคนในครอบครัว (ถึงเราจะช่วยงาน แต่เค้าบอกไม่ทุ่มเท ไม่เต็มที่ เอาเวลาให้ลูกมากไป) บางครั้งก็ท้อค่ะ เราอยู่ในมุมนึง(เลี้ยงลูกสร้างชีวิตคนสำคัญ) เค้าอยู่กันอีกมุมนึง(ทำงานหาเงินสำคัญที่สุด) รู้สึกเหมือนเรามาอยู่ผิดที่ เลยดูไร้คุณค่ามากมาย
เลยอยากทราบจุดยืนคุณแม่ที่เลี้ยงลูกเต็มเวลาค่ะ ว่าเคยเวลาเจอคนกระแนะกระแหน หรือ พูดว่าเนี่ย รู้สึกตัวเองถูกกดดันไหมคะ มีข้อคิด มีจุดยืนยังไงคะ
กระทู้นี้ ของดดราม่า ทะเลาะกันระหว่าง คุณแม่-คุณพ่อบ้านที่ทำงานเต็มตัว กับ พ่อบ้านที่ทำงานคนเดียวหาเลี้ยงลูกและภรรยานะคะ
เพราะคนเรามีหลายมุมมองในการใช้ชีวิต ไม่ได้มีแค่มุมเดียวที่จะถูกต้องสำหรับทุกครอบครัว เพียงแต่ถ้าคนที่มุมมองเดียวกันเจอกันมันก็จะไม่มีปัญหา แต่ถ้าคนที่มีมุมมองการใช้ชีวิตไม่เหมือนกันต้องมาเจอกันก็จะมีปัญหาทางจิตใจตามมา ถ้าเราไปอยู่ในมุมมองสังคมที่แตกต่าง เราก็อาจจะไร้ค่าในสังคมนั้น แต่ถ้าเราไปอยู่ในสังคมที่เหมือนกับมุมมองตัวเอง เราก็อาจจะมีค่ามากมายก็ได้