สวัสดีคะชาวพันทิปทุกท่าน ขอร้องนะคะอ่านสักนิด อยากได้ความเห็นจากผู้ที่เป็นพ่อแม่ ผู้ที่ประสบความสำเร็จ ผู้มีประสบการณ์ หรือผู้เชี่ยวชาญ
ก่อนอื่นขอเกริ่นเรื่องก่อนคะ ว่าดิฉันเรียนจบป.ตรีสายคอมมาแล้ว 1 ปี ปัจุบันทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ข้อมูลส่งออก ที่นิคมอุตสาหกรรมแห่งหนึ่ง ผ่านบรรจุงานเป็นพนักงานประจำรายเดือน เงินเดือนหมื่นต้นนิดๆ สวัสดิการที่ได้คือ ประกันสังคม โบนัสประจำปี ชุดยูนิฟอร์ม ส่วนค่ารถค่าพิเศษอื่นๆไม่มีคะ เพราะบ้านใกล้ ทำงานมาแล้วเกือบหกเดือน เข้า 7.30-18.00 จ.-ศ. และเข้าด้วยเส้นสายฝากงานคะ (เสียใจมากที่คิดผิดรับข้อเสนอนี้ ยังไม่ได้เดินด้วยตัวเองเลย) ดิฉันมีคำถามมากมายอยากได้ขอแนะนำจากผู้มีประสบการณ์หรือผู้ประสบความสำเร็จหลายๆท่านคะ
@ด้านสภาพแวดล้อมที่ทำงาน เพื่อนร่วมงาน หัวหน้า สังคมการทำงาน
เกริ่นเรื่อง: สถานที่เป็นห้องออฟเล็กๆ ในโกดังอยู่ห่างจากบ.พอควร มีพนักงานไม่ถึง 15 คน ญ. 2 คน ส่วนแผนกอื่นๆ เป็นไลน์ผลิตแยกทางเข้าออกรายเดือนรายวัน การทำงานจะวุ่นทุกวันเพราะต้องส่งออก ไม่มีการรับพนักงานเพิ่มเมื่อพนักงานลาออก ผ่านโปรจะไม่ปรับเงินขึ้น แต่จะปรับเป็นรายปี หากอยู่ไม่ทนอด และการสอนงานจะไม่ใช่หัวหน้าแผนกสอนคะ
คำถาม
1.ตั้งแต่ทำงาน ไม่เคยมีความสุขในการทำงานเลยสักครั้งคะ สังคมที่ทำงานถูกสอนให้ไม่มีการช่วยเหลือกันและกัน และเอาเปรียบ สมควรหรือไม่คะที่จะต้องมาทนแบบนี้ เราอยู่ด้วยความเกรงใจคะ
2.หัวหน้ายกคนสอนงานตำแหน่งเดียวกันให้เป็นคนสอนงาน(อายุเท่ากัน แต่เก๋างานกว่า) และให้เป็นหัวหน้าเพิ่มอีกคน ทั้งๆ ไม่มีการอนุมัติใดๆจากฝ่ายผู้จัดการส่วนเลยคะ เค้าสอนให้ทุกอย่างด้วยความรวดเร็ว และบอกว่าไม่ต้องจด เสียเวลาไหนต้องเปิดมาดูอีก ลองๆไป ผิดถูกจะได้รู้ และเค้าก็กั๊กไว้เยอะ เวลาเค้าลางานที แบบช่วยอะไรไม่ได้เลยคะ แถมวันรุ่งขึ้นโดนด่าประจานอีก สมควรหรือไม่คะ ที่คนสอนงานแสดงอำนาจต่างๆ เกินกว่าหัวหน้า
3.ทำงานเอกสารสองคนคะ คนเก่งคือคนสอนงาน หัวหน้าทำไม่เป็น ไม่มีผจก.แผนกด้วย ดังนั้นนางคือคนสำคัญคะ เพราะไม่มีนางคนอื่นจะทำอะไรไม่ได้เลยคะ อยากจะถามว่าการทำงานที่มีระบบงานแบบนี้ ควรค่าแก่การทำงานเพื่อบ.หรือไม่คะ?
4.คนสอนงานเป็นคนเก่งทำงานเร็ว งานออกมีดีหมด แต่ใจร้อน เหวี่ยง ปาข้าวของบ้าง ชอบพูดกัดจิก จู้จี้ หากไม่ผิดยิ่งไม่ยอมเด็ดขาด แถมไม่เกรงกลัวต่อผู้ใหญ่ระดับสูงกว่าย่อมด่าสวนกลับได้หมด หน้าตาบึงตึง แต่ชอบคุยกับคนอื่น ยกเว้นเรา แถมหัวหน้าก็ไม่เคยสั่งสอนหรือดุเค้าด้วย กลัวแค่ว่าหากนางไม่อยู่ตัวเองจะทำงานหนัก จำเป็นมั้ยที่ต้องทำงานกับคนแบบนี้ เพราะโดยส่วนตัวไม่ทนคะ แต่ทางครอบครัวให้ทน
5.ปัญหาคาใจ ทำไมคนสอนงานถึงสอนแบบพูดจาดีๆ ไม่เป็นคะ คือทั้งจดทั้งสนใจเรียนรู้งานต่างๆ แล้ว แต่เค้าจะสอนเร็วมาก แบบว่าครั้งเดียวพอ ทีเหลืองมเอง และประโยคที่ว่า "ไม่เข้าใจแล้วถาม" พอเมื่อถามกลับตะคอกคือทำไมคะ งง
6.หากคุณได้ยินคนสอนงานบอกว่า "คุณต้องเข้าใจเหมือนฉันเท่านั้น จะให้ฉันมาเข้าใจคุณไม่ได้" นี่ใช่การเรียนรู้การทำงานร่วมกับผู้อื่นที่ดีแล้วหรือ?
7.มีการตั้งใจจะลาออก แต่หัวหน้าไม่อยากให้ออก พอลางานช่วงนี้เพราะมีอาการป่วยเกี่ยวกับตากระทันหัน หัวหน้ากลับอยากให้ไปทำงานก่อน เพราะกลัวว่าจะหางานใหม่มากกว่า อยากทราบว่าการที่เราโทรแจ้งอยากเดียวหลังจากที่ลากระหันครึ่งวันและหยุดงานต่ออีกหนึ่งวัน เค้าคิดว่าเราหนีงานป่วยการเมืองหรือไม่คะ งานพี่คนสอนงานเค้าก็ทำได้แต่เค้าเพิ่งให้เราดูแล คือไม่เข้าใจผู้ใหญ่เลยคะ
8.พอปรึกษาครอบครัวกลับพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าให้ทน ไม่ว่าที่ไหนก็มีทั้งนั้นคนแบบนี้ และบอกอีกว่าอยากให้อยู่ร่วมกับสังคมแบบนี้ให้ได้ และอยู่รอโบนัสประจำปี ซึ่งได้รับประมาณตรุษจีน 59 คือต้องเชื่อฟังใช่มั้ยคะ ทั้งที่แจ้งกลับครอบครัวไปว่าสภาพจิตใจย่ำแย่มาก เริ่มเป็นโรคเครียดและซึมเศร้า ทั้งที่พยายามปรับตัวให้ได้และพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเอง
9.ตอนนี้พยายามหางานใหม่อยู่คะ ซึ่งต้องได้รับเงินมากกว่าที่เดิม ค่าใช้จ่ายต้องน้อย หากเจอสังคมแบบเดิมคิดว่าอยู่ทนทำระยะยาวแน่นอนคะ แต่อยากลาออกมาหาอย่างจริงจัง ทำใจกับโบนัสแล้ว หากหาไม่ได้จะรับจ้างทั่วไปใกล้บ้านแทนก่อน อยากให้สภาพจิตใจได้พักรับการฟื้นฟู ทางครอบครัวไม่เห็นด้วยคะ เลยอยากให้ผู้ใหญ่หลายๆ ท่านแสดงความคิดเห็นในมุมมองด้านนี้ของดิฉันทีคะ ว่าสมควรหรือไม่?
คำถามปนกับระบายบ่นๆ ต้องขออภัยด้วยนะคะ มุมมองดิฉันอาจจะแคบ เพราะเรียนอย่างเดียว ชีวิตตั้งแต่เรียนถูกกำหนดด้วยพ่อแม่มาตลอด จนกระทั่งทำงาน เลยทำให้ตัวเองขาดความมั่นใจในหลายๆ เรื่อง กลัวที่จะสมัครงานใหม่ กลายเป็นเด็กเก็บกด ทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอัน แต่มีความฝันมีความตั้งใจไปให้ถึง ยิ่งเจอสังคมโรงงานยิ่งหนักเข้าไปใหญ่ ไม่อยากมีปากเสียงทะเลาะ เค้าไม่ให้เราแสดงความคิดเห็นใดๆ ห้ามรู้มากกว่าเค้า รู้สึกดีมากๆเลยที่ชีวิตผู้ใหญ่หลังเรียนจบเป็นอะไรที่....ท้อใจ
และท้ายที่สุด ต้องขอบคุณทุกๆ ท่านล่วงหน้านะคะ สำหรับแนวคิด แนวทางในการให้เรียนรู้โลกทำงาน พ่อแม่เค้าทนได้ แต่ลูกทนไม่ได้เค้าเลยแปลกใจ และหากอะไรที่ชี้แนะหรือติก็ยินดีรับไว้ เพื่อจะได้ปรับปรุงตัวเองคะ
[ขอคำปรึกษา] ชีวิตการทำงาน สังคมการงานแบบนี้ดีแล้วหรือ? ผู้ที่มีประสบการณ์ ผู้เชี่ยวชาญ ผู้ประสบความสำเร็จ รบกวนทีคะ
ก่อนอื่นขอเกริ่นเรื่องก่อนคะ ว่าดิฉันเรียนจบป.ตรีสายคอมมาแล้ว 1 ปี ปัจุบันทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ข้อมูลส่งออก ที่นิคมอุตสาหกรรมแห่งหนึ่ง ผ่านบรรจุงานเป็นพนักงานประจำรายเดือน เงินเดือนหมื่นต้นนิดๆ สวัสดิการที่ได้คือ ประกันสังคม โบนัสประจำปี ชุดยูนิฟอร์ม ส่วนค่ารถค่าพิเศษอื่นๆไม่มีคะ เพราะบ้านใกล้ ทำงานมาแล้วเกือบหกเดือน เข้า 7.30-18.00 จ.-ศ. และเข้าด้วยเส้นสายฝากงานคะ (เสียใจมากที่คิดผิดรับข้อเสนอนี้ ยังไม่ได้เดินด้วยตัวเองเลย) ดิฉันมีคำถามมากมายอยากได้ขอแนะนำจากผู้มีประสบการณ์หรือผู้ประสบความสำเร็จหลายๆท่านคะ
@ด้านสภาพแวดล้อมที่ทำงาน เพื่อนร่วมงาน หัวหน้า สังคมการทำงาน
เกริ่นเรื่อง: สถานที่เป็นห้องออฟเล็กๆ ในโกดังอยู่ห่างจากบ.พอควร มีพนักงานไม่ถึง 15 คน ญ. 2 คน ส่วนแผนกอื่นๆ เป็นไลน์ผลิตแยกทางเข้าออกรายเดือนรายวัน การทำงานจะวุ่นทุกวันเพราะต้องส่งออก ไม่มีการรับพนักงานเพิ่มเมื่อพนักงานลาออก ผ่านโปรจะไม่ปรับเงินขึ้น แต่จะปรับเป็นรายปี หากอยู่ไม่ทนอด และการสอนงานจะไม่ใช่หัวหน้าแผนกสอนคะ
คำถาม
1.ตั้งแต่ทำงาน ไม่เคยมีความสุขในการทำงานเลยสักครั้งคะ สังคมที่ทำงานถูกสอนให้ไม่มีการช่วยเหลือกันและกัน และเอาเปรียบ สมควรหรือไม่คะที่จะต้องมาทนแบบนี้ เราอยู่ด้วยความเกรงใจคะ
2.หัวหน้ายกคนสอนงานตำแหน่งเดียวกันให้เป็นคนสอนงาน(อายุเท่ากัน แต่เก๋างานกว่า) และให้เป็นหัวหน้าเพิ่มอีกคน ทั้งๆ ไม่มีการอนุมัติใดๆจากฝ่ายผู้จัดการส่วนเลยคะ เค้าสอนให้ทุกอย่างด้วยความรวดเร็ว และบอกว่าไม่ต้องจด เสียเวลาไหนต้องเปิดมาดูอีก ลองๆไป ผิดถูกจะได้รู้ และเค้าก็กั๊กไว้เยอะ เวลาเค้าลางานที แบบช่วยอะไรไม่ได้เลยคะ แถมวันรุ่งขึ้นโดนด่าประจานอีก สมควรหรือไม่คะ ที่คนสอนงานแสดงอำนาจต่างๆ เกินกว่าหัวหน้า
3.ทำงานเอกสารสองคนคะ คนเก่งคือคนสอนงาน หัวหน้าทำไม่เป็น ไม่มีผจก.แผนกด้วย ดังนั้นนางคือคนสำคัญคะ เพราะไม่มีนางคนอื่นจะทำอะไรไม่ได้เลยคะ อยากจะถามว่าการทำงานที่มีระบบงานแบบนี้ ควรค่าแก่การทำงานเพื่อบ.หรือไม่คะ?
4.คนสอนงานเป็นคนเก่งทำงานเร็ว งานออกมีดีหมด แต่ใจร้อน เหวี่ยง ปาข้าวของบ้าง ชอบพูดกัดจิก จู้จี้ หากไม่ผิดยิ่งไม่ยอมเด็ดขาด แถมไม่เกรงกลัวต่อผู้ใหญ่ระดับสูงกว่าย่อมด่าสวนกลับได้หมด หน้าตาบึงตึง แต่ชอบคุยกับคนอื่น ยกเว้นเรา แถมหัวหน้าก็ไม่เคยสั่งสอนหรือดุเค้าด้วย กลัวแค่ว่าหากนางไม่อยู่ตัวเองจะทำงานหนัก จำเป็นมั้ยที่ต้องทำงานกับคนแบบนี้ เพราะโดยส่วนตัวไม่ทนคะ แต่ทางครอบครัวให้ทน
5.ปัญหาคาใจ ทำไมคนสอนงานถึงสอนแบบพูดจาดีๆ ไม่เป็นคะ คือทั้งจดทั้งสนใจเรียนรู้งานต่างๆ แล้ว แต่เค้าจะสอนเร็วมาก แบบว่าครั้งเดียวพอ ทีเหลืองมเอง และประโยคที่ว่า "ไม่เข้าใจแล้วถาม" พอเมื่อถามกลับตะคอกคือทำไมคะ งง
6.หากคุณได้ยินคนสอนงานบอกว่า "คุณต้องเข้าใจเหมือนฉันเท่านั้น จะให้ฉันมาเข้าใจคุณไม่ได้" นี่ใช่การเรียนรู้การทำงานร่วมกับผู้อื่นที่ดีแล้วหรือ?
7.มีการตั้งใจจะลาออก แต่หัวหน้าไม่อยากให้ออก พอลางานช่วงนี้เพราะมีอาการป่วยเกี่ยวกับตากระทันหัน หัวหน้ากลับอยากให้ไปทำงานก่อน เพราะกลัวว่าจะหางานใหม่มากกว่า อยากทราบว่าการที่เราโทรแจ้งอยากเดียวหลังจากที่ลากระหันครึ่งวันและหยุดงานต่ออีกหนึ่งวัน เค้าคิดว่าเราหนีงานป่วยการเมืองหรือไม่คะ งานพี่คนสอนงานเค้าก็ทำได้แต่เค้าเพิ่งให้เราดูแล คือไม่เข้าใจผู้ใหญ่เลยคะ
8.พอปรึกษาครอบครัวกลับพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าให้ทน ไม่ว่าที่ไหนก็มีทั้งนั้นคนแบบนี้ และบอกอีกว่าอยากให้อยู่ร่วมกับสังคมแบบนี้ให้ได้ และอยู่รอโบนัสประจำปี ซึ่งได้รับประมาณตรุษจีน 59 คือต้องเชื่อฟังใช่มั้ยคะ ทั้งที่แจ้งกลับครอบครัวไปว่าสภาพจิตใจย่ำแย่มาก เริ่มเป็นโรคเครียดและซึมเศร้า ทั้งที่พยายามปรับตัวให้ได้และพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเอง
9.ตอนนี้พยายามหางานใหม่อยู่คะ ซึ่งต้องได้รับเงินมากกว่าที่เดิม ค่าใช้จ่ายต้องน้อย หากเจอสังคมแบบเดิมคิดว่าอยู่ทนทำระยะยาวแน่นอนคะ แต่อยากลาออกมาหาอย่างจริงจัง ทำใจกับโบนัสแล้ว หากหาไม่ได้จะรับจ้างทั่วไปใกล้บ้านแทนก่อน อยากให้สภาพจิตใจได้พักรับการฟื้นฟู ทางครอบครัวไม่เห็นด้วยคะ เลยอยากให้ผู้ใหญ่หลายๆ ท่านแสดงความคิดเห็นในมุมมองด้านนี้ของดิฉันทีคะ ว่าสมควรหรือไม่?
คำถามปนกับระบายบ่นๆ ต้องขออภัยด้วยนะคะ มุมมองดิฉันอาจจะแคบ เพราะเรียนอย่างเดียว ชีวิตตั้งแต่เรียนถูกกำหนดด้วยพ่อแม่มาตลอด จนกระทั่งทำงาน เลยทำให้ตัวเองขาดความมั่นใจในหลายๆ เรื่อง กลัวที่จะสมัครงานใหม่ กลายเป็นเด็กเก็บกด ทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอัน แต่มีความฝันมีความตั้งใจไปให้ถึง ยิ่งเจอสังคมโรงงานยิ่งหนักเข้าไปใหญ่ ไม่อยากมีปากเสียงทะเลาะ เค้าไม่ให้เราแสดงความคิดเห็นใดๆ ห้ามรู้มากกว่าเค้า รู้สึกดีมากๆเลยที่ชีวิตผู้ใหญ่หลังเรียนจบเป็นอะไรที่....ท้อใจ
และท้ายที่สุด ต้องขอบคุณทุกๆ ท่านล่วงหน้านะคะ สำหรับแนวคิด แนวทางในการให้เรียนรู้โลกทำงาน พ่อแม่เค้าทนได้ แต่ลูกทนไม่ได้เค้าเลยแปลกใจ และหากอะไรที่ชี้แนะหรือติก็ยินดีรับไว้ เพื่อจะได้ปรับปรุงตัวเองคะ