ต้องขออภัยล่วงหน้าถ้าหากตั้งกระทู้ซ้ำครับ
จขกท.ได้เจอเพื่อนบนfacebook share วิดีโอ(กึ่งๆโฆษณา)บน youtubeเรื่องนึง เป็นหนังสั้นแนวสะท้อนสังคมยุคโซเชี่ยลเน็ตเวิร์คครับ
ซึ่งเนื้อเรื่องมันค่อนข้างโดนใจผมมากเลยครับ เพราะครั้งหนึ่งผมก็เคยใส่หน้ากากตอนไปเรียนอยู่เป็นปีๆ เหมือนน้องลลินเลยครับ เป็นหน้ากากอนามัย
จนมาช่วงหลังๆนี้ผมเริ่มปรับตัวได้มากขึ้น มีเพื่อนที่ดีและเข้าใจเรา มันทำให้ความมั่นใจกลับมาอีกครั้งและกล้าถอดหน้ากากออกได้ในที่สุดครับ จะใส่ก็บางครั้งเท่านั้น
ความรู้สึกส่วนตัวของผมสำหรับน้องลลินแล้ว ผมคิดว่าผมพอจะเข้าใจน้องเขานะครับที่ต้องใส่หน้ากากแบบนั้นถ้าโดนเพื่อนล้ออยู่บ่อยๆ (โดนหนักกว่าผมมาก) แล้วการที่คนบนโลกโซเชี่ยลติดตามน้องเขาจำนวนมากมันก็สะท้อนว่า คนเราชอบและเลือกที่จะมองสิ่งที่เราอยากเห็น แม้จะหลอกตัวเองหรือลืมนึกไปว่าบางทีสิ่งนั้นมันอาจเป็นแค่ภาพลวงตา จนทำให้ลลินมองข้ามคุณค่าของความจริงใจที่ใครบางคนมีให้ครับ
ส่วนความคิดเห็นเรื่องหนังสั้นผมเห็นด้วยว่า โปรดักชั่นดีมาก ส่วนตัวแสดงผมไม่รู้ ว่ายังไงถึงจะเรียกว่าแสดงแข็งทื่อหรือลื่นไหลดี ผมคิดว่าดูแล้วเป็นธรรมชาติดีนะครับ สิ่งหนึ่งที่ผมชอบที่สุดก็คือการดำเนินเนื้อเรื่องโดยเป็นเสียงของบุคคลที่หนึ่งที่กำลังเล่าเรื่องให้ใครที่ไม่รู้จักฟัง มันให้ความรู้สึกว่า เห้ย มันแนวว่ะ คนที่มีเรื่องอัดอั้นในใจ อยากที่จะระบายออกมา แต่ไม่รู้ว่าต้องเล่าให้ใคร เหมือนเวลาที่เราได้ระบายความรู้สึกผ่านในสเตตัสของเราบนfacebook ที่ถึงแม้บางครั้งจะไม่มีคนมาแสดงความคิดเห็นตอบ หรือคนจะกดไลค์น้อยก็ตาม แต่เราก็รู้ว่าสิ่งที่เราได้ระบายออกมานั้นมันต้องมีคนอ่านคนรับรู้ รับฟังบ้างแหละน่า แม้ว่าเขาจะไม่แสดงตัวก็ตาม (ใครเป็นมั่งครับ)
และบน youtube มี top comment ที่อ่านแล้วโดนใจมากเลยครับ (ขออนุญาต quoteมานะครับ) ที่บอกว่า
"ดูจบแล้วทำให้นึกถึงโมเม้นต์นึงบนโซเชียล ที่ทั้งคนโพสต์และคนตามต่างรู้ว่า "มันไม่จริง" แต่คนโพสต์ก็ยังขยันหมั่นโพสต์ คนตามก็ยังขยันหมั่นไลค์ มันเลยเป็นเรื่องระหว่างคนสองคน คนโพสต์คนตามที่ต่างเชื่อตรงกันว่า "มันไม่จริงและพวกเราไม่แคร์ และด้วยความที่ติดตามทั้งๆที่รู้ว่ามันไม่จริง การติดตาม การยอมรับ และกำลังใจที่มีให้จึงเป็นของจริง" และด้วยความรู้สึกแบบนั้นการมีตัวตนบนโซเชียลจึงไม่ว่างเปล่าจนเกินไป และไม่หลอกลวงตัวเองหนักจนอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงไม่ได้ , เป็นหนังสั้นที่ละมุนมาก จบสวย และน้องขิมยังไงก็ยังน่ารัก (เรียกว่า น่ารักทะลุสิวไปเลย ว่างั้น) ฮ่าๆ"
ซึ่งผมคิดว่ามันก็จริงตามที่เขาพูดแฮะ
แล้วเพื่อนๆมีความคิดเห็นอย่างไรต่อหนังสั้นเรื่องนี้ หรือมีประสบการณ์คล้ายๆกันบ้างไหมครับ
หนังสั้นเรื่อง ลลิน ที่ทำออกมาได้ดี เพื่อนๆได้ดูบ้างรึยังครับ
จขกท.ได้เจอเพื่อนบนfacebook share วิดีโอ(กึ่งๆโฆษณา)บน youtubeเรื่องนึง เป็นหนังสั้นแนวสะท้อนสังคมยุคโซเชี่ยลเน็ตเวิร์คครับ
ซึ่งเนื้อเรื่องมันค่อนข้างโดนใจผมมากเลยครับ เพราะครั้งหนึ่งผมก็เคยใส่หน้ากากตอนไปเรียนอยู่เป็นปีๆ เหมือนน้องลลินเลยครับ เป็นหน้ากากอนามัย
จนมาช่วงหลังๆนี้ผมเริ่มปรับตัวได้มากขึ้น มีเพื่อนที่ดีและเข้าใจเรา มันทำให้ความมั่นใจกลับมาอีกครั้งและกล้าถอดหน้ากากออกได้ในที่สุดครับ จะใส่ก็บางครั้งเท่านั้น
ความรู้สึกส่วนตัวของผมสำหรับน้องลลินแล้ว ผมคิดว่าผมพอจะเข้าใจน้องเขานะครับที่ต้องใส่หน้ากากแบบนั้นถ้าโดนเพื่อนล้ออยู่บ่อยๆ (โดนหนักกว่าผมมาก) แล้วการที่คนบนโลกโซเชี่ยลติดตามน้องเขาจำนวนมากมันก็สะท้อนว่า คนเราชอบและเลือกที่จะมองสิ่งที่เราอยากเห็น แม้จะหลอกตัวเองหรือลืมนึกไปว่าบางทีสิ่งนั้นมันอาจเป็นแค่ภาพลวงตา จนทำให้ลลินมองข้ามคุณค่าของความจริงใจที่ใครบางคนมีให้ครับ
ส่วนความคิดเห็นเรื่องหนังสั้นผมเห็นด้วยว่า โปรดักชั่นดีมาก ส่วนตัวแสดงผมไม่รู้ ว่ายังไงถึงจะเรียกว่าแสดงแข็งทื่อหรือลื่นไหลดี ผมคิดว่าดูแล้วเป็นธรรมชาติดีนะครับ สิ่งหนึ่งที่ผมชอบที่สุดก็คือการดำเนินเนื้อเรื่องโดยเป็นเสียงของบุคคลที่หนึ่งที่กำลังเล่าเรื่องให้ใครที่ไม่รู้จักฟัง มันให้ความรู้สึกว่า เห้ย มันแนวว่ะ คนที่มีเรื่องอัดอั้นในใจ อยากที่จะระบายออกมา แต่ไม่รู้ว่าต้องเล่าให้ใคร เหมือนเวลาที่เราได้ระบายความรู้สึกผ่านในสเตตัสของเราบนfacebook ที่ถึงแม้บางครั้งจะไม่มีคนมาแสดงความคิดเห็นตอบ หรือคนจะกดไลค์น้อยก็ตาม แต่เราก็รู้ว่าสิ่งที่เราได้ระบายออกมานั้นมันต้องมีคนอ่านคนรับรู้ รับฟังบ้างแหละน่า แม้ว่าเขาจะไม่แสดงตัวก็ตาม (ใครเป็นมั่งครับ)
และบน youtube มี top comment ที่อ่านแล้วโดนใจมากเลยครับ (ขออนุญาต quoteมานะครับ) ที่บอกว่า
"ดูจบแล้วทำให้นึกถึงโมเม้นต์นึงบนโซเชียล ที่ทั้งคนโพสต์และคนตามต่างรู้ว่า "มันไม่จริง" แต่คนโพสต์ก็ยังขยันหมั่นโพสต์ คนตามก็ยังขยันหมั่นไลค์ มันเลยเป็นเรื่องระหว่างคนสองคน คนโพสต์คนตามที่ต่างเชื่อตรงกันว่า "มันไม่จริงและพวกเราไม่แคร์ และด้วยความที่ติดตามทั้งๆที่รู้ว่ามันไม่จริง การติดตาม การยอมรับ และกำลังใจที่มีให้จึงเป็นของจริง" และด้วยความรู้สึกแบบนั้นการมีตัวตนบนโซเชียลจึงไม่ว่างเปล่าจนเกินไป และไม่หลอกลวงตัวเองหนักจนอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงไม่ได้ , เป็นหนังสั้นที่ละมุนมาก จบสวย และน้องขิมยังไงก็ยังน่ารัก (เรียกว่า น่ารักทะลุสิวไปเลย ว่างั้น) ฮ่าๆ"
ซึ่งผมคิดว่ามันก็จริงตามที่เขาพูดแฮะ
แล้วเพื่อนๆมีความคิดเห็นอย่างไรต่อหนังสั้นเรื่องนี้ หรือมีประสบการณ์คล้ายๆกันบ้างไหมครับ