เริ่มต้นการเดินทาง (กับป้า)
ที่โรงเรียนในช่วงชั้น ม.3 จะมีวิชาแนะแนวครับ ผมก็มานั่งคิดว่าจะเอายังไงดี เสียงหนึ่งก็บอกว่าให้ออกมาขายหอย อีกเสียงหนึ่งก็บอกว่าให้เรียนต่อ ม.ปลาย แล้วเสียงของตัวเองหละเอาไง ใจผมก็มีคิดเอาไว้เหมือนกันครับ ผมเรียนไม่เก่งขนาดจะมองเห็นว่าจะเรียนจบ ม.ปลายแล้วสอบเข้ามหาลัยได้หรอก ผมไม่เก่งขนาดนั้น ผมจึงตัดสวนกุหลาบออกไปจากหัวในทันที(ขอบคุณครับป้า ผมรู้ว่าป้าหวังดีกับผม)
แล้วจะออกมาขายหอยเหรอ....นี่ก็ไม่มีทางงงงงงง ให้ตายยังไงก็ไม่อยากออกมาขายหอยมันจะไปพอกินยังไงกันหละคร๊าบบบบ(เอาความจริง ผมยังอยากมีชีวิตนักเรียนเหรออยู่บ้างอะ)
บอกตามตรงในตอนนั้นผมแทบยังไม่รู้จักอะไรบนโลกมากมายเลย ขอบอกห้างผมยังไม่เคยไปเหยียบเลยอะ ชีวิตผมมีแค่ บ้าน โรงเรียน ตลาด มีแค่นี้แหล่ะวนเวียนอยู่แบบนั้นอะ
ในที่สุดผมก็ตัดสินใจเลือกเรียนอาชีวะครับ เหตุผลของผมมีสองอย่างคือถ้าผมต้องจบแค่ ปวช. ผมก็จะมีงานทำครับในขณะที่เด็ก ม.ปลายจบมาก็ยังไม่สามารถทำงานได้นี่ไงข้อดี ส่วนเหตุผลที่สอง แม่ผมชอบอัดยาดม ขอย้ำอัดยาดม สองรูคาไว้อย่างงั้นแหล่ะ แม่ชอบมานั่งที่ขอบโอ่งราชบุรีใบสีขาว ยามแสงแดดช่วงเก้าโมงเช้า(แม่หันหลังให้แดด) สายตาแหงนมองไปที่ต้นมะขามเทศ ยาดมทวิลอุดอยู่ในรูจมูกทั้งสองข้าง ฝี๊ด ฝี๊ด อย่างต่อเนื่องทั้งเข้าออก ไม่มีทีท่าว่าจะเอาออกจากรูจมูกเลย ผมเห็นแล้วผมไม่มั่นใจเลยว่าแม่จะตายมั้ยเนี๊ยะ แต่แม่ไม่ได้หายใจหอบนะครับมันยังไง....ก็ติดยาดมนั้นแหล่ะครับ ไอ้ตอนนั้นผมไม่รู้อะคร๊าบบบบบ
แล้วผมเลือกเรียนอะไรหละ??? ต้องบอกว่ามันเป็นความโชคดีของผมครับที่ตอน ม.3มีเรียนวิชาเขียนแบบ ผมเรียนวิชานี้ได้ดีเลยหละครับ แต่แบบที่เรียนในตอนนั้นเป็นพื้นฐานของงานออกแบบ รึสถาปัตย์ก็ได้ครับ ตอนนั้นมีคิดเอาไว้ 4 สายครับ 1.ก่อสร้าง 2.ออกแบบ 3.วาดรูป 4.เขียนแบบเครื่องกลครับ
ต้องบอกก่อนว่าผมไม่รู้เรื่องการยกพวกตีกันหรอกนะครับ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสังคมในโรงเรียนเป็นกันยังไง ผมคิดแค่เพียงว่าไปเรียนเพื่อจบมาจะได้มีงานทำแค่นั้น
เอ้าแล้วเลือกอะไรหละ ผมไม่เลือกก่อสร้างอยู่แล้วครับ เพราะคงใช้เงินเยอะไม่ต่างจากเรียนสถาปัตย์ เลยตัดออกเป็นอย่างแรกเลย ส่วนออกแบบอันนี้ผมก็ไม่มั่นใจว่าจบมาแล้วจะทำงานอะไร บวกกับผมไม่ชอบการระบายสี แต่ผมชอบเปอร์สเปกทีฟ และดูแล้วว่าต้องใช้เงินอีกแหละ ก็ไม่เอาตัดออก ก็เหลือวาดรูป กับเขียนแบบเครื่องกล ตอน ม.3 ผมชอบวาดรูปการ์ตูน ช่วงนั้นการ์ตูนที่ชอบก็มี ไดตะลุยแดนเวทมนต์ เคนชินซามูไรพเนจร อีกเรื่องจำไม่ได้แฮะเกี่ยวกับเตะฟุตบอล
ประเด็นมันเกิดตรงที่ว่า ตอนนั้นฮุลเคล ตัวละครตัวหนึ่งสู้จนตาย เขานอนพิงตายอยู่ข้างกำแพงผมเห็นสวยดี เลยวาดออกมาบนกระดาษบรูฟ ขนาดเกือบเท่า A2 ได้ แม่มาเห็นตอนวาดเสร็จแล้วตอนแรกก็บอกว่าสวยดี แล้วถามต่อไปเรื่อยว่านอนอยู่เหรอ ผมก็บอกตามตรงว่านอนตาย แค่นั้นแหล่ะ อารมย์ขึ้นแล้วฉีกทิ้งไม่มีเหลือแล้วยังกำชับอีกว่า “อย่าวาดอีกนะ รูปคนตายมันเป็นอัปมงคล” มันขนาดนั้นเลยเหรอ ผมหยิบภาพที่ถูกฉีกเป็นชิ้นขึ้นมาแล้วก็ได้แต่ร้องไห้ผมเสียใจมาก จนคิดไปว่า ถ้าผมเลือกเรียนวาดรูปจะต้องมีเรื่องลำบากใจเกิดขึ้นอีกแน่ สุดท้ายผมเลยเหลือตัวเลือกเดียว เขียนแบบเครื่องกล...แต่แม่ครับสุดท้าย ฮุลเคล มันก็ฟื้นขึ้นมานะครับมันไม่ตายยยยยย แต่ผมสิเสียใจไปแล้วว...ฮือ ฮืออออออ
หลังจากเลือกสาขาที่จะเรียนได้แล้ว แม่ผมก็พาผมไปห้าง เป็นครั้งแรก (ตอนอายุ15) ไปหาซื้อหนังสือมาอ่านเอง (ไม่ได้รู้เรื่องเล้ยว่าเขามีตัวอย่างข้อสอบขายหน้าโรงเรียน..5555) ห้างมันใหญ่มาก แอร์ก็เย็นอะ ถึงปากแม่จะบอกว่าให้เลิกเรียนมาขายหอย แต่แม่ก็ยังไปดั้นด้นถามคนอื่นมานะว่าจะหาซื้อหนังสือได้ที่ไหน แต่หนังสืออะไรอะ ไม่รู้หรอก...อิอิอิ ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน..555 เพราะไม่รู้เลยว่าเขียนแบบนี่วันๆมันเรียนอะไร ก็เลือกๆมาได้เล่มเดียวดูโอเคสุดแล้ว
ก็เอามาอ่านแล้วก็ซื้อหนังสือความถนัดทางช่างมาอ่านด้วย วันสมัครสอบคุณครูถามว่าเธอมาสมัครเรียนเขียนแบบทำไม เอ้ามาถามเอากับเราแบบนี้อีก คนมาสมัครก็ดีอยู่แล้ว เลยตอบไปว่า “ผมชอบเขียนแบบครับ” ครูจะรู้มั้ยว่าไอ้ที่เราชอบอะ มันของตอน ม.3 แฮะๆๆๆ
พอสอบเข้ามาได้ก็รู้สึกดีที่ได้เข้ามาเรียนเพราะจบ ปวช. ก็ยังหางานทำได้แน่นอนขอแค่เรียนให้จบแค่นั้นแหล่ะ พอได้เริ่มเรียนเขียนแบบเครื่องกลแล้วถึงได้รู้ว่าไอ้ที่เราเรียนตอน ม.3 มา มันตรงกันข้ามกันหมด ก็เลยต้องปรับใหม่ทั้งหมด ทำไงได้ ตอนเรียน ม.3 มันระบบอเมริกา ตอนนี้มันระบบเยอรมัน อะคร๊าบบบบบ นี่กรูคิดผิดรึเปล่าวะเนี๊ยะ แล้วไอ้ที่คิดเอาไว้มันจะเป็นอย่างที่คิดมั้ย
ในระหว่างที่เป็นอยู่ผมก็ออกไปขายของกับแม่ตลอดแต่ ช่วงนั้นแม่ก็ยังเป็นหนี้อยู่ คราวนี้เป็นหนี้พี่สาวตัวเองซะแล้ว ผมก็มานั่งคิดว่าทำไงถึงจะช่วยแม่หาเงินเพิ่มได้ เพราะการช่วยแม่ไม่ใช่การหารายได้เข้าบ้าน แล้วระบบที่ผมเรียนรู้มาจากแม่ผมมันก็รู้หมดแล้ว ซาปั๊ว มันก็ทำขายกันแค่นี้เอง แล้วไอ้ระบบยี้ปั๊วหละมันเป็นยังไง ผมเองก็สงสัยเหมือนกันว่าป้าผมเขาต้องทำอะไรบ้าง เลยเอาความคิดไปเสนอแม่ โดยยื่นข้อเสนอว่าถ้าเทอมแรกเกรดได้เกิน 2.00 ผมจะขอไปทำงานเป็นลูกจ้างป้าผม แม่จะว่ายังไง แม่ก็บอกว่าถ้าได้ค่อยมาว่ากัน....
ผมเรียนปีแรกเป็นเด็กรอบบ่ายครับเช้าว่างแต่ตอนกลางคืนยังไปช่วยแม่เหมือนเดิม ก็ตั้งใจเรียนไป บอกตามตรงสนุกกว่าที่คิดนะ แถมผมยังรับงานเขียนจากเพื่อนมาเขียนอีก ได้สองเด้งเลย ได้ฝึกเขียนมือซ้ำๆหลายรอบ(เพราะมีหลายใบ..555) แล้วยังได้ตังค์ไปซื้อการ์ตูนอ่าน (นี่คือแหล่งความบันเทิงของผมเลยอะครับ) ผมใช้วิธีนี้แหล่ะหาเงินมาซื้อการ์ตูน ผมไม่อยากไปขอเงินจากแม่ในเรื่องไร้สาระแบบนี้ ผมว่าผมคิดถูกนะที่พยายามพึงพาตัวเองอะ
ผลการเรียนเทอมนั้นออกมาสวยกว่าที่หวังไว้เป็นอย่างยิ่ง สรุปผมก็ได้ไปทำงานกับป้าซึ่งจริงๆผมยังไม่ได้บอกป้าด้วยซ้ำ แม่ก็บอกว่าก่อนไปทำงานกับป้าต้องช่วยขึ้นร้านให้เสร็จก่อน วันแรกที่ต้องไปทำงานกะคนอื่นที่ไม่ใช่แม่ ต้องทำอะไรบ้างวะ....
สรุปก็ตื่นเที่ยงคืน ปั่นจักรยานไปตลาด แม่ซื้อของกับป้า ผมเข็นแผงออกมารอ ของมาถึงก็เทขึ้นแผงและตักใส่ถุง เอาหละจบแล้วกะแม่ แล้วกรูจะทำไงอะจะเดินเข้าไปยังไง ไม่มีความกล้าเลย เก้ๆกังๆ ไป ไม่ไป ไป ไม่ไป ก็ฮึบๆไปก็ได้หวะอย่างมากก็แค่กลับบ้านนอนเหมือนเดิม พอไปยืนหน้าป้า ผมก็เล่าให้ฟังว่ามาทำไม.......สรุปป้าผมก็ตกลงให้ทำ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไง โชคดีมาก (ถ้าคุณยังจำกันได้ พี่ๆที่ผมเคยเล่นด้วยตอน ป.1 ที่ร้านขายของชำ) พี่ๆที่เคยเล่นด้วยก็มาทำงานกับป้าผม งานเลยเริ่มสนุก งานเริ่มต้นก็ง่ายๆดีครับจัดของใส่ถุง ถุงละสิบโล เอฟังดูเหมือนที่ทำกับแม่เลยนะ ของแม่เต็มที่ผมเตรียมได้ 15 ถุงเท่านั้นแหล่ะของก็หมดแล้ว แต่กับป้าผมไม่นึกว่าจะมีให้โกยใส่ถุงทั้งครึ่งคืนที่เหลือยันเช้า...ผมกำลังหาเรื่องใส่ตัวรึเปล่าเนี๊ยะ
ของที่ต้องเตรียมตรงนี้ก็ไม่มีอะไรมาก เราแบ่งหน้าที่กันครับ และก็ผลัดเวียนตำแหน่งกัน แรกๆนี่อย่างสนุกเพราะกำลังยังดีอยู่ เริ่มต้นด้วยการเอาหอยมาเทครับ ถ่ายของลงมาจากรถสิบล้อที่วิ่งมาจากปักษ์ใต้ครับ ตอนนั้นวิ่งขึ้นมาคืนละสองคัน อันนี้ผมพูดถึงหอยแครงนะครับ แครงหลักๆที่ขายมีสามแบบครับ แครงจากสุราษฏ์ตัวจะเล็กผิวออกแดงดำครับ แครงจากมาเลย์ตัวเล็กเหมือนกันผิวออกขาวเขียว ส่วนแครงบ้านแครงขี้โคลนตัวใหญ่กว่า(อันนี้ไม่ต้องล้างน้ำนะครับ) เมื่อเทกองไปซักรอบๆละห้ากระสอบ ก็ตักน้ำมาล้างสามถึงสี่ถัง รอน้ำไหลออกพอควร และก็มาถึงมือโกยครับตำแหน่งนี้ใช้พลั่วครับ ถัดมาตำแหน่งถือถุงครับตัวสำคัญอันดับหนึ่ง เพราะจะทำให้คนโกยๆได้ง่ายถ้าอ้าถุงเป็น ตำแหน่งถัดไปตวงวัดครับ ตำแหน่งนี้มือต้องแม่นครับตักออกแค่ไหนให้ใกล้เคียงสิบโลที่สุด ถ้าเอาขึ้นชั่งแล้วได้สิบเป๊ะต้องหันมองอะ(

มือเทพ) ตำแหน่งต่อไปคือมัดถุงง่ายปะ และตำแหน่งสุดท้ายเอาไปเรียงหน้าร้าน
ตกลงกี่ตำแหน่งอะครับ งานแค่นี้ใช้คนเจ็ดคนครับให้ทาย ในคืนแรกผมทำตำแหน่งไหน........ติกตอกๆ.......ติกตอกๆ........เดาๆมา..........มัดถุงครับ คืนแรกของผม หมดไปกลับการมัดถุง หลังนี้ยอกปวดไปหมดเลย คือ พี่เขาโกยเร็ว ตวงก็เร็ว แป๊ปเดียวของกองรอบตัวผมเลยอะ นี่กรูตัวถ่วงเหรอวะเนี๊ยะ....ก็พยายามเร่งตัวเองอะ พี่ที่รอเรียงก็มาช่วยมัดด้วยอีกแรง ไม่งั้นไม่ทันรอบต่อไป หอยแมลงภู่ก็โกยเหมือนเดิม ของมาจากสองที่คือบางละมุง ชลบุรีกับเพชรบุรี ทำอยู่อย่างนี้ทั้งคืนจนเสร็จ ไม่ใช่จนหมดนะครับ ที่เหลือเอาไประบายที่สะพานปลา งานเลิกตอนเจ็ดโมงเช้าได้ครับ ตอนนี้จะเริ่มเห็นเด็กนักเรียนทยอยไปขึ้นรถสองแถวกันแล้ว
ก่อนกลับบ้านก็ไปล้างตัวกันครับ ง่ายกันจริงๆผลัดกันราดน้ำให้ ล้างแค่ครึ่งบนนะครับ วันแรกจบไปเหนื่อยชิบเป้งเลยกรูคิดถูกคิดผิดรึเปล่าวะเนี๊ยะ วันแรกทำงานจบ ผมไม่ได้ตังค์นะครับกลับบ้านมือเปล่า ลืมบอกไปผมอายุน้อยสุดในร้านแล้ว (16ปี)
เจ็ดโมงกว่าถึงบ้านนอนเลยครับ ตื่นอีกทีเที่ยง แม่ตะโกนมา เอก ไม่ไปเรียนเหรอเดี๋ยวสายหรอก.....เที่ยงสี่สิบ สะดุ้งตื่นรีบไปอาบน้ำ ข้าวไม่กินแล้วเดี๋ยวไปเรียนไม่ทัน โรงเรียนกะบ้านก็ห่างมากอะครับ หลายสิบโลเลยอะ...คิดในใจว่า พรุ่งนี้ต้องวางแผนใหม่หวะ วันนี้ไม่เวิร์คเลย
การเดินทางของนายเอก #003
ที่โรงเรียนในช่วงชั้น ม.3 จะมีวิชาแนะแนวครับ ผมก็มานั่งคิดว่าจะเอายังไงดี เสียงหนึ่งก็บอกว่าให้ออกมาขายหอย อีกเสียงหนึ่งก็บอกว่าให้เรียนต่อ ม.ปลาย แล้วเสียงของตัวเองหละเอาไง ใจผมก็มีคิดเอาไว้เหมือนกันครับ ผมเรียนไม่เก่งขนาดจะมองเห็นว่าจะเรียนจบ ม.ปลายแล้วสอบเข้ามหาลัยได้หรอก ผมไม่เก่งขนาดนั้น ผมจึงตัดสวนกุหลาบออกไปจากหัวในทันที(ขอบคุณครับป้า ผมรู้ว่าป้าหวังดีกับผม)
แล้วจะออกมาขายหอยเหรอ....นี่ก็ไม่มีทางงงงงงง ให้ตายยังไงก็ไม่อยากออกมาขายหอยมันจะไปพอกินยังไงกันหละคร๊าบบบบ(เอาความจริง ผมยังอยากมีชีวิตนักเรียนเหรออยู่บ้างอะ)
บอกตามตรงในตอนนั้นผมแทบยังไม่รู้จักอะไรบนโลกมากมายเลย ขอบอกห้างผมยังไม่เคยไปเหยียบเลยอะ ชีวิตผมมีแค่ บ้าน โรงเรียน ตลาด มีแค่นี้แหล่ะวนเวียนอยู่แบบนั้นอะ
ในที่สุดผมก็ตัดสินใจเลือกเรียนอาชีวะครับ เหตุผลของผมมีสองอย่างคือถ้าผมต้องจบแค่ ปวช. ผมก็จะมีงานทำครับในขณะที่เด็ก ม.ปลายจบมาก็ยังไม่สามารถทำงานได้นี่ไงข้อดี ส่วนเหตุผลที่สอง แม่ผมชอบอัดยาดม ขอย้ำอัดยาดม สองรูคาไว้อย่างงั้นแหล่ะ แม่ชอบมานั่งที่ขอบโอ่งราชบุรีใบสีขาว ยามแสงแดดช่วงเก้าโมงเช้า(แม่หันหลังให้แดด) สายตาแหงนมองไปที่ต้นมะขามเทศ ยาดมทวิลอุดอยู่ในรูจมูกทั้งสองข้าง ฝี๊ด ฝี๊ด อย่างต่อเนื่องทั้งเข้าออก ไม่มีทีท่าว่าจะเอาออกจากรูจมูกเลย ผมเห็นแล้วผมไม่มั่นใจเลยว่าแม่จะตายมั้ยเนี๊ยะ แต่แม่ไม่ได้หายใจหอบนะครับมันยังไง....ก็ติดยาดมนั้นแหล่ะครับ ไอ้ตอนนั้นผมไม่รู้อะคร๊าบบบบบ
แล้วผมเลือกเรียนอะไรหละ??? ต้องบอกว่ามันเป็นความโชคดีของผมครับที่ตอน ม.3มีเรียนวิชาเขียนแบบ ผมเรียนวิชานี้ได้ดีเลยหละครับ แต่แบบที่เรียนในตอนนั้นเป็นพื้นฐานของงานออกแบบ รึสถาปัตย์ก็ได้ครับ ตอนนั้นมีคิดเอาไว้ 4 สายครับ 1.ก่อสร้าง 2.ออกแบบ 3.วาดรูป 4.เขียนแบบเครื่องกลครับ
ต้องบอกก่อนว่าผมไม่รู้เรื่องการยกพวกตีกันหรอกนะครับ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสังคมในโรงเรียนเป็นกันยังไง ผมคิดแค่เพียงว่าไปเรียนเพื่อจบมาจะได้มีงานทำแค่นั้น
เอ้าแล้วเลือกอะไรหละ ผมไม่เลือกก่อสร้างอยู่แล้วครับ เพราะคงใช้เงินเยอะไม่ต่างจากเรียนสถาปัตย์ เลยตัดออกเป็นอย่างแรกเลย ส่วนออกแบบอันนี้ผมก็ไม่มั่นใจว่าจบมาแล้วจะทำงานอะไร บวกกับผมไม่ชอบการระบายสี แต่ผมชอบเปอร์สเปกทีฟ และดูแล้วว่าต้องใช้เงินอีกแหละ ก็ไม่เอาตัดออก ก็เหลือวาดรูป กับเขียนแบบเครื่องกล ตอน ม.3 ผมชอบวาดรูปการ์ตูน ช่วงนั้นการ์ตูนที่ชอบก็มี ไดตะลุยแดนเวทมนต์ เคนชินซามูไรพเนจร อีกเรื่องจำไม่ได้แฮะเกี่ยวกับเตะฟุตบอล
ประเด็นมันเกิดตรงที่ว่า ตอนนั้นฮุลเคล ตัวละครตัวหนึ่งสู้จนตาย เขานอนพิงตายอยู่ข้างกำแพงผมเห็นสวยดี เลยวาดออกมาบนกระดาษบรูฟ ขนาดเกือบเท่า A2 ได้ แม่มาเห็นตอนวาดเสร็จแล้วตอนแรกก็บอกว่าสวยดี แล้วถามต่อไปเรื่อยว่านอนอยู่เหรอ ผมก็บอกตามตรงว่านอนตาย แค่นั้นแหล่ะ อารมย์ขึ้นแล้วฉีกทิ้งไม่มีเหลือแล้วยังกำชับอีกว่า “อย่าวาดอีกนะ รูปคนตายมันเป็นอัปมงคล” มันขนาดนั้นเลยเหรอ ผมหยิบภาพที่ถูกฉีกเป็นชิ้นขึ้นมาแล้วก็ได้แต่ร้องไห้ผมเสียใจมาก จนคิดไปว่า ถ้าผมเลือกเรียนวาดรูปจะต้องมีเรื่องลำบากใจเกิดขึ้นอีกแน่ สุดท้ายผมเลยเหลือตัวเลือกเดียว เขียนแบบเครื่องกล...แต่แม่ครับสุดท้าย ฮุลเคล มันก็ฟื้นขึ้นมานะครับมันไม่ตายยยยยย แต่ผมสิเสียใจไปแล้วว...ฮือ ฮืออออออ
หลังจากเลือกสาขาที่จะเรียนได้แล้ว แม่ผมก็พาผมไปห้าง เป็นครั้งแรก (ตอนอายุ15) ไปหาซื้อหนังสือมาอ่านเอง (ไม่ได้รู้เรื่องเล้ยว่าเขามีตัวอย่างข้อสอบขายหน้าโรงเรียน..5555) ห้างมันใหญ่มาก แอร์ก็เย็นอะ ถึงปากแม่จะบอกว่าให้เลิกเรียนมาขายหอย แต่แม่ก็ยังไปดั้นด้นถามคนอื่นมานะว่าจะหาซื้อหนังสือได้ที่ไหน แต่หนังสืออะไรอะ ไม่รู้หรอก...อิอิอิ ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน..555 เพราะไม่รู้เลยว่าเขียนแบบนี่วันๆมันเรียนอะไร ก็เลือกๆมาได้เล่มเดียวดูโอเคสุดแล้ว
ก็เอามาอ่านแล้วก็ซื้อหนังสือความถนัดทางช่างมาอ่านด้วย วันสมัครสอบคุณครูถามว่าเธอมาสมัครเรียนเขียนแบบทำไม เอ้ามาถามเอากับเราแบบนี้อีก คนมาสมัครก็ดีอยู่แล้ว เลยตอบไปว่า “ผมชอบเขียนแบบครับ” ครูจะรู้มั้ยว่าไอ้ที่เราชอบอะ มันของตอน ม.3 แฮะๆๆๆ
พอสอบเข้ามาได้ก็รู้สึกดีที่ได้เข้ามาเรียนเพราะจบ ปวช. ก็ยังหางานทำได้แน่นอนขอแค่เรียนให้จบแค่นั้นแหล่ะ พอได้เริ่มเรียนเขียนแบบเครื่องกลแล้วถึงได้รู้ว่าไอ้ที่เราเรียนตอน ม.3 มา มันตรงกันข้ามกันหมด ก็เลยต้องปรับใหม่ทั้งหมด ทำไงได้ ตอนเรียน ม.3 มันระบบอเมริกา ตอนนี้มันระบบเยอรมัน อะคร๊าบบบบบ นี่กรูคิดผิดรึเปล่าวะเนี๊ยะ แล้วไอ้ที่คิดเอาไว้มันจะเป็นอย่างที่คิดมั้ย
ในระหว่างที่เป็นอยู่ผมก็ออกไปขายของกับแม่ตลอดแต่ ช่วงนั้นแม่ก็ยังเป็นหนี้อยู่ คราวนี้เป็นหนี้พี่สาวตัวเองซะแล้ว ผมก็มานั่งคิดว่าทำไงถึงจะช่วยแม่หาเงินเพิ่มได้ เพราะการช่วยแม่ไม่ใช่การหารายได้เข้าบ้าน แล้วระบบที่ผมเรียนรู้มาจากแม่ผมมันก็รู้หมดแล้ว ซาปั๊ว มันก็ทำขายกันแค่นี้เอง แล้วไอ้ระบบยี้ปั๊วหละมันเป็นยังไง ผมเองก็สงสัยเหมือนกันว่าป้าผมเขาต้องทำอะไรบ้าง เลยเอาความคิดไปเสนอแม่ โดยยื่นข้อเสนอว่าถ้าเทอมแรกเกรดได้เกิน 2.00 ผมจะขอไปทำงานเป็นลูกจ้างป้าผม แม่จะว่ายังไง แม่ก็บอกว่าถ้าได้ค่อยมาว่ากัน....
ผมเรียนปีแรกเป็นเด็กรอบบ่ายครับเช้าว่างแต่ตอนกลางคืนยังไปช่วยแม่เหมือนเดิม ก็ตั้งใจเรียนไป บอกตามตรงสนุกกว่าที่คิดนะ แถมผมยังรับงานเขียนจากเพื่อนมาเขียนอีก ได้สองเด้งเลย ได้ฝึกเขียนมือซ้ำๆหลายรอบ(เพราะมีหลายใบ..555) แล้วยังได้ตังค์ไปซื้อการ์ตูนอ่าน (นี่คือแหล่งความบันเทิงของผมเลยอะครับ) ผมใช้วิธีนี้แหล่ะหาเงินมาซื้อการ์ตูน ผมไม่อยากไปขอเงินจากแม่ในเรื่องไร้สาระแบบนี้ ผมว่าผมคิดถูกนะที่พยายามพึงพาตัวเองอะ
ผลการเรียนเทอมนั้นออกมาสวยกว่าที่หวังไว้เป็นอย่างยิ่ง สรุปผมก็ได้ไปทำงานกับป้าซึ่งจริงๆผมยังไม่ได้บอกป้าด้วยซ้ำ แม่ก็บอกว่าก่อนไปทำงานกับป้าต้องช่วยขึ้นร้านให้เสร็จก่อน วันแรกที่ต้องไปทำงานกะคนอื่นที่ไม่ใช่แม่ ต้องทำอะไรบ้างวะ....
สรุปก็ตื่นเที่ยงคืน ปั่นจักรยานไปตลาด แม่ซื้อของกับป้า ผมเข็นแผงออกมารอ ของมาถึงก็เทขึ้นแผงและตักใส่ถุง เอาหละจบแล้วกะแม่ แล้วกรูจะทำไงอะจะเดินเข้าไปยังไง ไม่มีความกล้าเลย เก้ๆกังๆ ไป ไม่ไป ไป ไม่ไป ก็ฮึบๆไปก็ได้หวะอย่างมากก็แค่กลับบ้านนอนเหมือนเดิม พอไปยืนหน้าป้า ผมก็เล่าให้ฟังว่ามาทำไม.......สรุปป้าผมก็ตกลงให้ทำ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไง โชคดีมาก (ถ้าคุณยังจำกันได้ พี่ๆที่ผมเคยเล่นด้วยตอน ป.1 ที่ร้านขายของชำ) พี่ๆที่เคยเล่นด้วยก็มาทำงานกับป้าผม งานเลยเริ่มสนุก งานเริ่มต้นก็ง่ายๆดีครับจัดของใส่ถุง ถุงละสิบโล เอฟังดูเหมือนที่ทำกับแม่เลยนะ ของแม่เต็มที่ผมเตรียมได้ 15 ถุงเท่านั้นแหล่ะของก็หมดแล้ว แต่กับป้าผมไม่นึกว่าจะมีให้โกยใส่ถุงทั้งครึ่งคืนที่เหลือยันเช้า...ผมกำลังหาเรื่องใส่ตัวรึเปล่าเนี๊ยะ
ของที่ต้องเตรียมตรงนี้ก็ไม่มีอะไรมาก เราแบ่งหน้าที่กันครับ และก็ผลัดเวียนตำแหน่งกัน แรกๆนี่อย่างสนุกเพราะกำลังยังดีอยู่ เริ่มต้นด้วยการเอาหอยมาเทครับ ถ่ายของลงมาจากรถสิบล้อที่วิ่งมาจากปักษ์ใต้ครับ ตอนนั้นวิ่งขึ้นมาคืนละสองคัน อันนี้ผมพูดถึงหอยแครงนะครับ แครงหลักๆที่ขายมีสามแบบครับ แครงจากสุราษฏ์ตัวจะเล็กผิวออกแดงดำครับ แครงจากมาเลย์ตัวเล็กเหมือนกันผิวออกขาวเขียว ส่วนแครงบ้านแครงขี้โคลนตัวใหญ่กว่า(อันนี้ไม่ต้องล้างน้ำนะครับ) เมื่อเทกองไปซักรอบๆละห้ากระสอบ ก็ตักน้ำมาล้างสามถึงสี่ถัง รอน้ำไหลออกพอควร และก็มาถึงมือโกยครับตำแหน่งนี้ใช้พลั่วครับ ถัดมาตำแหน่งถือถุงครับตัวสำคัญอันดับหนึ่ง เพราะจะทำให้คนโกยๆได้ง่ายถ้าอ้าถุงเป็น ตำแหน่งถัดไปตวงวัดครับ ตำแหน่งนี้มือต้องแม่นครับตักออกแค่ไหนให้ใกล้เคียงสิบโลที่สุด ถ้าเอาขึ้นชั่งแล้วได้สิบเป๊ะต้องหันมองอะ(
ตกลงกี่ตำแหน่งอะครับ งานแค่นี้ใช้คนเจ็ดคนครับให้ทาย ในคืนแรกผมทำตำแหน่งไหน........ติกตอกๆ.......ติกตอกๆ........เดาๆมา..........มัดถุงครับ คืนแรกของผม หมดไปกลับการมัดถุง หลังนี้ยอกปวดไปหมดเลย คือ พี่เขาโกยเร็ว ตวงก็เร็ว แป๊ปเดียวของกองรอบตัวผมเลยอะ นี่กรูตัวถ่วงเหรอวะเนี๊ยะ....ก็พยายามเร่งตัวเองอะ พี่ที่รอเรียงก็มาช่วยมัดด้วยอีกแรง ไม่งั้นไม่ทันรอบต่อไป หอยแมลงภู่ก็โกยเหมือนเดิม ของมาจากสองที่คือบางละมุง ชลบุรีกับเพชรบุรี ทำอยู่อย่างนี้ทั้งคืนจนเสร็จ ไม่ใช่จนหมดนะครับ ที่เหลือเอาไประบายที่สะพานปลา งานเลิกตอนเจ็ดโมงเช้าได้ครับ ตอนนี้จะเริ่มเห็นเด็กนักเรียนทยอยไปขึ้นรถสองแถวกันแล้ว
ก่อนกลับบ้านก็ไปล้างตัวกันครับ ง่ายกันจริงๆผลัดกันราดน้ำให้ ล้างแค่ครึ่งบนนะครับ วันแรกจบไปเหนื่อยชิบเป้งเลยกรูคิดถูกคิดผิดรึเปล่าวะเนี๊ยะ วันแรกทำงานจบ ผมไม่ได้ตังค์นะครับกลับบ้านมือเปล่า ลืมบอกไปผมอายุน้อยสุดในร้านแล้ว (16ปี)
เจ็ดโมงกว่าถึงบ้านนอนเลยครับ ตื่นอีกทีเที่ยง แม่ตะโกนมา เอก ไม่ไปเรียนเหรอเดี๋ยวสายหรอก.....เที่ยงสี่สิบ สะดุ้งตื่นรีบไปอาบน้ำ ข้าวไม่กินแล้วเดี๋ยวไปเรียนไม่ทัน โรงเรียนกะบ้านก็ห่างมากอะครับ หลายสิบโลเลยอะ...คิดในใจว่า พรุ่งนี้ต้องวางแผนใหม่หวะ วันนี้ไม่เวิร์คเลย