"สวิตเซอร์แลนด์" เมืองในฝันที่ใครๆก็คิดว่า ชีวิตนี้อยากไปสักครั้งนึง ต่อจากคราวที่เเล้ว

สวัสดีครับเพื่อนๆชาวพันทิป คือผมพูดไว้ในคราวที่เเล้วว่า"ถ้าผมมีเวลา ผมจะนำผลงานของผมมาเเชร์กับเพื่อนๆอีก" ก็คงไม่ต้องรอกันนานเเล้วนะครับ

   ต่อจากคราวที่เเล้ว เป็นภาพบางส่วนที่ผมได้ถ่ายเก็บไว้นานเเล้ว ลองมาชมภาพต่อจากนั้นกันเลยครับ



สองภาพนี้ผมลองใช้เเสงทไวไลค์ เป็นภาพพื้นหลังดู ก็ออกมาได้อย่างที่ผมตั้งใจไว้ เป็นภาพหลังจากที่พระอาทิตย์ตกดินเเล้วครับ


เป็นภาพของเรือที่จอดอยู่ใกล้กับชายฝั่งของทะเลสาบ Hallwilersee ภาพนี้ผมจะชอบเป็นพิเศษครับ มันเหมือนมีความเงียบสงบแฝงอยู่ในภาพนั้น


ภาพนี้เป็นภาพเเรกของผมที่ผมออกทริปทัวร์รอบสวิตเมื่อหน้าร้อนของปีที่เเล้วครับ เก็บหมอน ผ้าห่ม อุปกรณ์และสิ่งจำเป็นที่ผมต้องการจะใช้ใส่ในรถ ช่วงนั้นผมได้เดินทางไปในหลายๆที่ๆผมไม่เคยไป เเละอีกหลายๆที่ๆ ที่ผมเคยไปมาเเล้ว เพื่อกลับไปเยี่ยมชมสถานที่นั้นอีกครั้ง หลายครั้งนะครับที่คนเรามักจะชอบกลับไปที่ๆเดิมเพราะสิ่งบางอย่างที่มันเคยสวยงามอยู่ที่นั้น ถึงแม้วันนี้มันจะไม่มีอยู่เเล้ว สถานที่นั้นๆก็ยังเป็นที่ชื่นชอบของผมอยู่เสมอ


ภาพจากท่าเทียบเรือเเห่งนึงของทะเลสาบ Bodensee ที่เชื่อมต่อกับประเทศเยอรมันนี คุณเคยมีความรู้สึกไหมครับว่าคุณกำลังรออะไรบางอย่างอยู่?



เป็นภาพของน้ำตกที่อยู่ระหว่างทางที่ผมกำลังจะเดินทางจาก Davos ไปที่ St. Moritz แต่ก็ต้องประสบกับความล้มเหลวเนื่องจะเป็นทางขึ้นเขาเเละมีหิมะตกลงมามาก ซึ่งอาจจะทำให้รถไม่เกาะถนนเเละสามารถเกิดอุบัติเหตุได้




หลังจากที่ความพยายามของผมที่จะไปที่ St.Moritz นั้นไม่เป็นอันสำเร็จ ผมเลยเปลี่ยนเส้นทาง ขับรถประมาณ2 ชั่วโมงกว่าๆจาก Davos ดิ่งลงทางตอนใต้ของสวิตคือเมือง Lugano ซึ่งตั้งอยู่ติดกับประเทศอิตาลี มีทะเลสาบชื่อว่า Luganersee หรือ เรียกกันตามภาษาอิตาเลี่ยนก็คือ Lago di Lugano ภาพที่เห็นภูเขาอีกด้านนึงของทะเลสาบนั้นก็เป็นเขตประเทศอิตาลีเเล้วครับ




หลังจากที่ผมหาอะไรทานที่เมือง Lugano เรียบร้อยเเล้ว ผมก็ได้ขับรถขึ้นมาทางตอนเหนือของเมือง Lugano สักประมาณ30นาที จนมาถึงที่เมือง Locarno เเละได้มาพบกับหัวหน้าของผม ซึ่งที่นี่จะจัดเป็นสถานที่กางเต้นท์ริมทะเลสาบ เเละมีกิจกรรมหลายอย่างให้ได้ทำกัน อย่างเช่น สามารถเช่าเรือเเละขับไปเที่ยวทางฝั่งของประเทศอิตาลีได้ ปั่นจักรยาน และมีสนามกีฬาที่คุณสามารถไปแจมกับคนอื่นได้ ฯลฯ ผมเลยได้โอกาศนอนนอกรถไปอีก1คืนครับ





พอวันใหม่เริ่มก้าวมาถึง ผมก็เตรียมอุปกรณ์ที่จำเป็น เเล้วได้ขับรถเลาะตามเเม่น้ำ Verzasca ไปจนถึงต้นน้ำ เเต่ระหว่างทางนั้น ก็มีน้ำตกน้อยใหญ่พากันไหลลงมารวมกันที่เเม่น้ำเเห่งนี้ ซึ่งเเม่น้ำเส้นนี้ก็เป็นเเม่น้ำสายสำคัญเช่นเดียวกับ เเม่น้ำ Maggia และเเม่น้ำ Ticino ผมขับรถตามถนนเส้นเล็กๆไปเรื่อย ๆ เป็นระยะทางประมาณเกือบ40กิโลเมตร ระหว่างทางมีกำเเพงเขื่อนขนาดยักษ์ขวางกั้นเเม่น้ำอยู่ ที่นี่เคยใช้เป็นสถานที่ถ่ายภาพยนต์เรื่อง 007 James Bond Golden Eye ด้วยครับ เเละท่านที่ชอบความหวาดเสียว ที่นี่ก็ยังสามารถ กระโดด Bungy Jump ได้ด้วยนะครับ หลังจากขับไปจนสุดถนน ก็พบกับหมู่บ้าน Sonogno เเล้วก็ต้องเดินเท้าต่อเข้าไปอีกประมาณ30นาทีครับ เเล้วจะได้พบกับน้ำตกที่เป็นต้นสายของเเม่น้ำสายนี้





หลังจากที่ผมพักผ่อนอยู่ที่น้ำตกเเละเก็บภาพที่ผมต้องการอยู่เป็นเวลานานเกือบ3ชั่วโมง(เวลาผ่านไปไวมาก ไม่ได้กินอะไรเลย ถือไปแค่น้ำขวดเดียว แต่ความสวยงามของธรรมชาติ ทำให้ผมลืมเวลาและความหิวไปได้อย่างไม่น่าเชื่อ) ผมก็เดินทางกลับ เเต่ก็เเวะเก็บภาพข้างทางอยู่เป็นระยะๆ เเละที่สำคัญก็ไปเเวะที่สันกำแพงกั้นน้ำ เเละก็ไม่ลืมที่จะเก็บภาพสวยๆมาด้วยครับ


พอถึงที่พัก ผมก็เก็บของทุกอย่างใส่รถ แล้วก็ขับรถลัดออกมาทางประเทศอิตาลี เพื่อข้ามมาเข้าที่สวิตคือจังหวัด Wallis ใช้เวลาขับรถมาประมาณ3ชั่วโมง ก็มาถึงที่ยอดเขา Simplonpass และก็ได้ค้างคืนที่นั้นครับ



วันต่อมาผมก็ได้เดินทางไปที่หมู่บ้าน Zermatt เพื่อจะเดินทางขึ้นไปชมยอดเขา Matterhorn และกว่าจะไปถึงที่หมู่บ้านนั้นได้ ต้องขับรถไปประมาณ 1ชั่วโมงครึ่ง เเละก็ต้องนั่งรถไฟต่อขึ้นไปอีก พอลงที่สถานีรถไฟ Zermatt ผมก็ได้เห็นป้าย "ยินดีต้อนรับ" ทำให้ผมรู้สึกคิดถึงบ้านขึ้นมาในทันที เเต่เพราะสภาพอากาศที่ไม่เป็นใจ หิมะตกเเละอุณหภูมิอยู่ที่ -2องศา(ฤดูร้อนน่ะครับ ช่วงที่ผมไป) ผมเลยตัดสินใจไม่เดินทางขึ้นไปข้างบนนั้น เลยได้เเค่เก็บรูปจากเลนส์ซูมอยู่ข้างล่าง เเต่สักวันผมจะมาที่นี่อีก เเละจะเก็บรูปสวยๆไว้ให้ได้


จากนั้นผมก็ขับรถกลับออกมา ขับมาจนถึงเมือง Lötschberg ที่นี่คุณสามารถซื้อตั๋วเพื่อน้ำรถของคุณขึ้นบนรถไฟเเล้วจากนั้น รถไฟจะพาคุณลอดผ่านอุโมงค์ที่เชื่อมต่อระหว่างจังหวัด Wallis เเละ Bern ซึ่ง2จังหวัดนี้ ถูกปิดกั้นจากเทือกเขา Alpen ที่มีความสูงสุดยอดอยู่ที่ราวๆ 4200 เมตรจากน้ำทะเล ซึ่งทำให้ผมสามารถประหยัดเวลาในการเดินทางได้ประมาณ 2-3ชั่วโมงเลยทีเดียว หลังจากที่นั่งบนรถไฟไปในอุโมงค์มืดๆราว20นาที ผมก็ได้เดินทางออกจากที่นั้นเพื่อที่จะไปจังหวัด Luzern ระหว่างทางก็มีทะเลสาบอยู่เรื่อย ทะเลสาบข้างบนนี้ชื่อว่า Lungerer See ที่เเห่งนี้เปิดให้คุณสามารถทำกิจกรรมยามว่างได้เช่น ตกปลา  






วันต่อมาผมก็ได้เดินทางย้อนกลับมาที่จังหวัด Bern อีกครั้ง ตลอดทางผมก็จอดเก็บภาพของทะเลสาบที่น่าจะสวยกว่านี้มาด้วย หลังจากที่ผมมาถึงที่เมือง Interlaken เป็นเรียบร้อย ก็พักหาอะไรใส่ท้องนิดหน่อย เเล้วขับรถมุ่งหน้าไปในเส้นทางที่จะนำไปสู่เมือง Thun เส้นทางนี้จำกัดความเร็วตลอดเส้นทางอยู่ที่ 60กิโลเมตร/ชั่วโมง เพราะเป็นเส้นทางขนาดเล็กที่มีโค้งอันตรายอยู่หลายๆโค้งที่สามารถทำให้ตกลงไปในทะเลสาบได้ และบวกกับอุโมงค์เล็กๆที่เจาะจากเชิงเขาที่รถไม่สามารถขับสวนกันได้ หรือบางช่วงที่เป็นหว่างเขา เราก็จะมองเห็นทะเลสาบ Thunersee ติดอยู่กับถนนเลย ตลอดเส้นทางนี้สวยมากครับ ขับไปได้สักพัก ผมก็เเวะที่น้ำตก St. Beatus-Höhlen ที่นี่จะเป็นถ้ำที่มีน้ำไหลออกมา เเละมีพิพิธภัณฑ์ของมนุษย์ถ้ำ พร้อมผู้บรรยายความเป็นมาของที่นี่ให้คุณได้รับทราบด้วยครับ

หลังจากที่เที่ยวจนอิ่มใจเเล้ว ผมก็ขับรถไปที่วัดศรีนครินทรวราราม ซึ่งเป็นวัดไทยในสวิตเซอร์เเลนด์ ตั้งอยู่ที่เมือง Gretzenbach จังหวัด Solothurn เพื่อที่จะช่วยงานวัดในงานบุญเข้าพรรษาด้วยครับ (ลืมบอกไปว่าผมก็เป็นเด็กวัดด้วย)
เสร็จสิ้นจากงานวัด ผมก็เดินทางกลับบ้านด้วยความเมื่ยล้า 7วันเต็มๆครับที่ผมออกไปท่องเที่ยวรอบๆของประเทศสวิตเซอร์เเลนด์ ได้พบเจอหลายๆสิ่งที่ผมยังไม่เคยได้พบ ได้ไปในที่หลายๆที่ที่ผมคิดว่าจะไปนานเเล้ว ได้เรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ๆมากมาย เเละก็ได้พบกับมิตรภาพที่สวยงามจนถึงทุกวันนี้ เป็น7วันที่ทั้งเหนื่อย ทั้งสนุก เเละสวยงามของผม ถ้าผมหาโอกาศได้อีก ผมจะออกทริปอย่างนี้อีกอย่างเเน่นนอน

สำหรับใครที่สนใจท่องเที่ยวแบบธรรมชาติ ผมขอเเนะนำได้เลยว่าคุณจะไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน เเต่ถ้ามากับทัวร์ เค้าก็จะพาไปในเมืองและสถาที่สำคัญๆของสวิตเท่านั้น ถ้าอยากจะมาสัมผัสธรรมชาติ ผมขอแนะนำให้มาในช่วงประมาณปลายเดือนเมษายน-ต้นเดือนตุลาคมดีกว่าตรับ เพราะคุณจะได้มาสัมผัสธรรมชาติที่นี่ในฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อนและฤดูใบไม้ล่วงครับ ส่วนฤดูหนาวนั้น ผมคิดว่าถ้าอุณหภูมิข้างนอกอยู่ที่ราวๆ 3องศา ถึง -5องศา ก็คงไม่น่าจะเที่ยวสนุกนะครับผมว่า

เอาเป็นว่า ไว้เจอกันใหม่คราวหน้าเเล้วกันนะครับ ขอบคุณทุกท่านที่รับชมผลงานของผม ท่านใดที่มีคำถามในเเต่ละสถาที่นั้นก็สามารถ ถามได้เลยครับ เเละใครที่อยากติดตามชมผมงานของผมอีกนั้น ก็สามารถเข้าไปชมได้ใน Facebook ชื่อ Picture by Pj ครับ ส่วนผู้ใดที่ยังไม่ได้อ่านเรื่องราวก่อนหน้านี้ก็สามารถ รับชมกันได้ที่นี่ครับ http://pantip.com/topic/34169513

สำหรับคราวนี้ ขอบคุณเพื่อนๆชาวพันทิปทุกคนครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่