เนื่องด้วยว่าผมไปอ่านกระทู้นี้มา
http://pantip.com/topic/34170803/comment5 เลยคิดว่าจะเขียนเกี่ยวกับเกรดสักหน่อย
ตามกระทู้นะครับผมไม่รู้ว่าน้องพู้หญิงที่เป็นแฟน จขกท. พูดเล่น หรือพูดจริงๆ แต่ในสังคมไทย ในสถาพบ้าเกรดแบบนี้ ผมคิดว่าอาจจะจริงอยู่ก็ได้
แต่เดิมเกรดหรือคะแนน เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการวัดและประเมินผล การวัดประเมินผลทางการศึกษาก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งของกระบวนการเรียนรู้ การวัดผลจะทำกันใน 3 ระดับคือ
1.ก่อนเรียน
2.ระหว่างเรียน
3.หลังเรียน
เมื่อวัดแล้วต้องมีการประเมิน การประเมินนี่แหล่ะทำให้เกิดคะแนนขึ้นมา การวัดก่อนเรียน เพื่อให้ครูรู้ว่าผู้เรียนมีพื้นฐานในเรื่องที่จะเรียนมากแค่ไหน จะสอนยังไง สอนความรู้ระดับนี้จะเข้าใจได้มั้ย ถ้าคะแนนผู้เรียนตรงนี้ต่ำ ครูก็ต้องลดระดับตัวเองลงเพื่อให้สอนนักเรียนได้ เข้าใจนักเรียนและนักเรียนเข้าใจ ถ้าคะแนนก่อนเรียนสูง ครูก็สามารถสอนในความรู้ที่ลึกซึ้งได้ โดยไม่ต้องกังวลว่านักเรียนจะเข้าใจมั้ย
ต่อมา วัดผลระหว่างเรียน เมื่อเรียนไปถึงช่วงระยะหนึ่งครูก็ต้องมีการวัดผลอีก เรียกว่าวัดผลระหว่างเรียนหรือที่เราเข้าใจกันว่า "สอบกลางภาค" เพื่อให้ครูผู้สอนเห็นพัฒนาการของผู้เรียนจากการวัดก่อนเรียน ว่านักเรียนพัฒนาไปมากน้อยแค่ไหน เข้าใจที่สอนผ่านมาหรือไม่ ถ้าคะแนนตรงนี้ต่ำ ครูก็ต้องพยายามปรับตัวเองพยายามสอนให้นักเรียนเข้าใจ ถ้าคะแนนตรงนี้สูงก็ถือว่าผลสัมฤทธิ์ดีนักเรียนมีพัฒนาการ และครูก็สามารถพัฒนาการสอนต่อไปได้
วัดผลหลังเรียน หลังจากที่เรียนจนจบภาคการศึกษาก็วัดผลอีกที่เรียกว่า "สอบปลายภาค" หรือ "มิดเทอม" เพื่อให้เห็นว่านักเรียนสามารถเรียนรู้ตามจุดประสงค์หรือไม่ ถ้าไม่แสดงว่าครูไร้ความสามารถ ไม่สามารถสอนให้ผู้เรียนเข้าใจได้ ไม่สอน หรือทำงานเช้าชามเย็นชาม ถ้าตรงจุดประสงค์คะแนนสูงก็ถือว่าผลสัมฤทธิ์ดี ครูมีความสามารถสอนนักเรียนได้
ดังนั้นเกรดที่ออกมาเป็นเพียงแค่ตัวชี้วัดว่าครูสอนตามจัดประสงค์หรือไม่ และไม่ใช่ความรู้นักเรียนจะเป็น 0 นักเรียนมีความรู้ แต่แาจไม่ตรงตามจุดประสงค์ที่ตั้งไว้ หรือมีความรู้ แต่ข้อสอบเป็นปรนัย (กากบาท) ไม่เปิดโอกาสให้แสดงความคิดเห็น หรืออาจจะเป็นอัตนัย (เขียนตอบ) แต่ไม่ตรงกับความคิดครูเลยได้เกรดต่ำ
โดยปกติการวัดแบบปรนัย (กากบาท) จะสามารถวัดผู้เรียนได้จากข้อที่ถูก - ผิด แต่ อัตนัย (เขียนตอบ) จะวัดการใช้เหตุผลสนับสนุนของผู้เรียน (ที่เขาจะใช้เขียนตอบกับสอบโอเน็ต เพราะอยากให้เด็กไทยรู้จักใช้เหตุผลมากขึ้น) ซึ่งนักเรียนอาจเขียนผิดบ้าง ถูกบ้าง เหตุผลสนับสนุนดีก็ถือว่าใช้ได้ แต่บังเอิญว่าครูไทยทั้งหลายมักเป็นพวก "ตามความคิดฉัน" เลยกลายเป็นว่าการเขียนอัตนัยก็ทำให้เกรดยิ่งแย่ลง
ดังนั้นเกรดใช้วัดผู้เรียนโดยตรงว่ามีคุณภาพหรือไม่ไม่ได้ จริงที่เกรดเป็นการวัดประเมินผู้เรียนแต่ก็เป็นการประเมินครูด้วย ดังนั้นนักเรียนที่เรียนดีในบางวิชา อาจจะไม่ดีในอีกบางวิชา อันเนื่องมาจากตัวครูสอนไม่เข้าใจ สอนไม่รู้เรื่องก็เป็นเหตุให้เกรดตกต่ำได้ นักเรียนที่เกรดดีบางคนอาจไม่มีความเข้าใจด้วยซ้ำก็มี เพียงแต่ท่องจำแนวข้อสอบมาเท่านั้น
ดังนั้นก็ฝากพ่อแม่ผู้ปกครอง และนักเรียนไทยทั้งหลายว่า "อย่าให้ความสำคัญกับเกรดจนลืมที่จะเรียนรู้" เกรดอาจทำให้ได้เกียจนิยม ได้ชื่อว่าเป็นนักเรียนดี แต่หลังจากนั้นละ หลังจากคุณเรียนจบ เกรดอาจจะช่วยคุณอีกหน่อยในการหางาน แต่เกรดก็บอกไม่ได้ว่าคุณจะทำงานเป็น ทำงานได้ เข้าสังคมได้ และเป็นคนดี
ปล.ตรรกในบทความนี้ใช้ไม่ได้กับเด็กที่โดดเรียน ติดเกมส์ เเชททั้งวันผ่านหน้าจอโทรศัพท์ ไม่สนว่าครู ว่าเพื่อน ว่าโลกจะเป็นยังไง
ปล2.และกฎหมายก็ห้ามที่จะดุด่า ตี เด็กเหล่านั้น ดังนั้นก็ กมฺมุนา วตฺติ โลโก สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม เอวํ
ว่าด้วย "เกรด"
ตามกระทู้นะครับผมไม่รู้ว่าน้องพู้หญิงที่เป็นแฟน จขกท. พูดเล่น หรือพูดจริงๆ แต่ในสังคมไทย ในสถาพบ้าเกรดแบบนี้ ผมคิดว่าอาจจะจริงอยู่ก็ได้
แต่เดิมเกรดหรือคะแนน เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการวัดและประเมินผล การวัดประเมินผลทางการศึกษาก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งของกระบวนการเรียนรู้ การวัดผลจะทำกันใน 3 ระดับคือ
1.ก่อนเรียน
2.ระหว่างเรียน
3.หลังเรียน
เมื่อวัดแล้วต้องมีการประเมิน การประเมินนี่แหล่ะทำให้เกิดคะแนนขึ้นมา การวัดก่อนเรียน เพื่อให้ครูรู้ว่าผู้เรียนมีพื้นฐานในเรื่องที่จะเรียนมากแค่ไหน จะสอนยังไง สอนความรู้ระดับนี้จะเข้าใจได้มั้ย ถ้าคะแนนผู้เรียนตรงนี้ต่ำ ครูก็ต้องลดระดับตัวเองลงเพื่อให้สอนนักเรียนได้ เข้าใจนักเรียนและนักเรียนเข้าใจ ถ้าคะแนนก่อนเรียนสูง ครูก็สามารถสอนในความรู้ที่ลึกซึ้งได้ โดยไม่ต้องกังวลว่านักเรียนจะเข้าใจมั้ย
ต่อมา วัดผลระหว่างเรียน เมื่อเรียนไปถึงช่วงระยะหนึ่งครูก็ต้องมีการวัดผลอีก เรียกว่าวัดผลระหว่างเรียนหรือที่เราเข้าใจกันว่า "สอบกลางภาค" เพื่อให้ครูผู้สอนเห็นพัฒนาการของผู้เรียนจากการวัดก่อนเรียน ว่านักเรียนพัฒนาไปมากน้อยแค่ไหน เข้าใจที่สอนผ่านมาหรือไม่ ถ้าคะแนนตรงนี้ต่ำ ครูก็ต้องพยายามปรับตัวเองพยายามสอนให้นักเรียนเข้าใจ ถ้าคะแนนตรงนี้สูงก็ถือว่าผลสัมฤทธิ์ดีนักเรียนมีพัฒนาการ และครูก็สามารถพัฒนาการสอนต่อไปได้
วัดผลหลังเรียน หลังจากที่เรียนจนจบภาคการศึกษาก็วัดผลอีกที่เรียกว่า "สอบปลายภาค" หรือ "มิดเทอม" เพื่อให้เห็นว่านักเรียนสามารถเรียนรู้ตามจุดประสงค์หรือไม่ ถ้าไม่แสดงว่าครูไร้ความสามารถ ไม่สามารถสอนให้ผู้เรียนเข้าใจได้ ไม่สอน หรือทำงานเช้าชามเย็นชาม ถ้าตรงจุดประสงค์คะแนนสูงก็ถือว่าผลสัมฤทธิ์ดี ครูมีความสามารถสอนนักเรียนได้
ดังนั้นเกรดที่ออกมาเป็นเพียงแค่ตัวชี้วัดว่าครูสอนตามจัดประสงค์หรือไม่ และไม่ใช่ความรู้นักเรียนจะเป็น 0 นักเรียนมีความรู้ แต่แาจไม่ตรงตามจุดประสงค์ที่ตั้งไว้ หรือมีความรู้ แต่ข้อสอบเป็นปรนัย (กากบาท) ไม่เปิดโอกาสให้แสดงความคิดเห็น หรืออาจจะเป็นอัตนัย (เขียนตอบ) แต่ไม่ตรงกับความคิดครูเลยได้เกรดต่ำ
โดยปกติการวัดแบบปรนัย (กากบาท) จะสามารถวัดผู้เรียนได้จากข้อที่ถูก - ผิด แต่ อัตนัย (เขียนตอบ) จะวัดการใช้เหตุผลสนับสนุนของผู้เรียน (ที่เขาจะใช้เขียนตอบกับสอบโอเน็ต เพราะอยากให้เด็กไทยรู้จักใช้เหตุผลมากขึ้น) ซึ่งนักเรียนอาจเขียนผิดบ้าง ถูกบ้าง เหตุผลสนับสนุนดีก็ถือว่าใช้ได้ แต่บังเอิญว่าครูไทยทั้งหลายมักเป็นพวก "ตามความคิดฉัน" เลยกลายเป็นว่าการเขียนอัตนัยก็ทำให้เกรดยิ่งแย่ลง
ดังนั้นเกรดใช้วัดผู้เรียนโดยตรงว่ามีคุณภาพหรือไม่ไม่ได้ จริงที่เกรดเป็นการวัดประเมินผู้เรียนแต่ก็เป็นการประเมินครูด้วย ดังนั้นนักเรียนที่เรียนดีในบางวิชา อาจจะไม่ดีในอีกบางวิชา อันเนื่องมาจากตัวครูสอนไม่เข้าใจ สอนไม่รู้เรื่องก็เป็นเหตุให้เกรดตกต่ำได้ นักเรียนที่เกรดดีบางคนอาจไม่มีความเข้าใจด้วยซ้ำก็มี เพียงแต่ท่องจำแนวข้อสอบมาเท่านั้น
ดังนั้นก็ฝากพ่อแม่ผู้ปกครอง และนักเรียนไทยทั้งหลายว่า "อย่าให้ความสำคัญกับเกรดจนลืมที่จะเรียนรู้" เกรดอาจทำให้ได้เกียจนิยม ได้ชื่อว่าเป็นนักเรียนดี แต่หลังจากนั้นละ หลังจากคุณเรียนจบ เกรดอาจจะช่วยคุณอีกหน่อยในการหางาน แต่เกรดก็บอกไม่ได้ว่าคุณจะทำงานเป็น ทำงานได้ เข้าสังคมได้ และเป็นคนดี
ปล.ตรรกในบทความนี้ใช้ไม่ได้กับเด็กที่โดดเรียน ติดเกมส์ เเชททั้งวันผ่านหน้าจอโทรศัพท์ ไม่สนว่าครู ว่าเพื่อน ว่าโลกจะเป็นยังไง
ปล2.และกฎหมายก็ห้ามที่จะดุด่า ตี เด็กเหล่านั้น ดังนั้นก็ กมฺมุนา วตฺติ โลโก สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม เอวํ