แนะนำการสมัครเรียนต่อโทเอกที่สหรัฐอเมริกา

สวัสดีค่ะ ดิฉันเพิ่งเริ่มเรียนปริญญาเอกเทอมแรก ดังนั้นยังพอจำรายละเอียดการสมัครได้อยู่บ้าง จึงนำประสบการณ์มาแชร์ให้เพื่อนๆได้ทราบกันค่ะ

ก่อนอื่นเลย สิ่งที่ดิฉันเพิ่งค้นพบไม่นานคือ การเรียนปริญญาเอกที่อเมริกานั้น ส่วนใหญ่เขาจะให้ทุนเรียนค่ะ ไม่จำเป็นต้องเป็นพลเมืองสหรัฐ ขอแค่เขารับเข้าเรียน ก็มักได้ fellowship 4-5 ปี ทุนนี้รวมทุกอย่างทั้งค่าเทอม ค่าประกันสุขภาพ ค่าใช้จ่ายรายเดือน (ส่วนใหญ่จะให้ประมาณเดือนละ $2,000-2,500) โดยจะต้องทำงานเป็น TA/RA ด้วย  ทั้งนี้จำนวนทุนขึ้นอยู่กับแต่ละมหาวิทยาลัยค่ะ ถ้าเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนที่เงินเยอะ ก็มักให้ทุนนักเรียนป.เอกทุกคน แต่ถ้าเป็นมหาลัยรัฐทุนจะน้อยกว่า อาจจะต้องโปรไฟล์โดดเด่นเป็นพิเศษ

มาเริ่มพูดถึงขั้นตอนสมัครกันเลยค่ะ

1. ดูเว็บมหาวิทยาลัยที่เราสนใจ ส่งอีเมลหาโปรเฟซเซอร์ที่ทำด้านที่เราคิดจะทำวิจัย โดยควรเลือกคนที่มีตำแหน่ง associate professor ขึ้นไปค่ะ เพราะเขาได้ tenure แล้วมักไม่ค่อยย้ายไปไหน ถ้าใครยังเป็นแค่ assistant professor โอกาสที่เขาจะย้ายระหว่างที่เราเรียนอยู่มีสูงค่ะ ดังนั้นเสี่ยงว่าเรายังเรียนไม่จบเขาก็ต้องย้ายไปที่อื่นแล้ว

2. เลือกสมัครไปมหาวิทยาลัยที่โปรเฟซเซอร์ตอบอีเมลเรามาดี ดูสนใจเรา และควรอ่านงานของเขาไว้ด้วย บางโปรแกรมที่มีการสัมภาษณ์เขาอาจจะถามเราว่าเคยอ่านงานไหนมาบ้าง

3. SOP ส่วนนี้สำคัญที่สุดค่ะ เราต้องนำเสนอตัวเองให้แตกต่าง อย่าใช้ประโยคน่าเบื่อๆเช่น ฉันสนใจเรื่องนี้ตั้งแต่เด็กๆ (แอดไวเซอร์เราบอกว่าอ่านแบบนี้มาจนเบื่อ ใครเขียนแบบนี้มาไม่รับสักคน) หัวข้อวิจัยจะเป็นตัวกำหนดเลยว่าเราจะได้หรือเปล่า เพราะต่อให้โปรไฟล์ด้านอื่นๆเราดี แต่โปรเฟซเซอร์เขาไม่สนใจหัวข้อเรา เราก็อาจจะไม่ได้ค่ะ แม้ว่าการเรียนปริญญาเอกที่อเมริกาจะต้องเรียนคอร์สเวิร์คก่อน และยังไม่จำเป็นต้องมีไอเดียชัดเจน อีกทั้งหัวข้อก็เปลี่ยนแปลงได้หลังจากเข้าไปแล้ว แต่การแสดงให้คณะกรรมการเห็นว่าเรามีหัวข้อชัดเจน น่าสนใจ และเป็นไปได้ ก็ทำให้โอกาสที่เขาจะรับเรามากขึ้นค่ะ

4. recommendations
ส่วนนี้ก็สำคัญมากค่ะ ถ้าคิดเรียนต่อโทหรือเอก ตอนเรียนปริญญาตรีก็ควรตั้งใจเรียน เลือกขอให้อาจารย์ที่สนิทด้วยเขียนให้ เพราะอาจารย์ที่รู้จักเราดี เขาจะเขียนได้ดีกว่าคนที่เขียนให้ทุกคนเหมือนๆกัน (บางคนก็มีแบบฟอร์มเลย) ถ้าเป็นไปได้ก็ควรเลือกอาจารย์ที่มีผลงานวิชาการระดับนานาชาติ ไปคอนเฟอเร้นต่างประเทศบ่อยๆ เพราะจะน่าเชื่อถือกว่า

5. คะแนนภาษาอังกฤษ
- TOEFL ถ้าเป็นมหาลัยท็อป ควรได้ 100 ขึ้นไป หรืออย่างต่ำควรได้ 80 ค่ะ
- IELTS มหาลัยท็อป 7-7.5 อย่างต่ำ 6.0
IELTS ง่ายกว่า แต่ระบบการส่งคะแนนของ TOEFL สะดวกกว่า คะแนนภาษาอังกฤษนี้เอาแค่ให้ผ่าน requirement ก็พอค่ะ

6. GRE
อันนี้นับว่าโหดหินที่สุดสำหรับเรา ตอนเตรียมตัวท้อมากๆเลย
Verbal สายศิลป์ควรได้ 153 ขึ้นไป
Quantitative สายวิทย์ควรได้ 165 ขึ้นไป
Writing ควรได้ 3.0 ขึ้นไป แต่ถ้าเป็นมหาลัยท็อป อาจจะควรได้ 3.5+
อย่างไรก็ตาม แอดไวเซอร์เราบอกว่าเขาไม่สนใจ GRE เลยค่ะ อันนี้อาจจะแล้วแต่นโยบายของคณะนั้นๆ เราได้คะแนนน้อยค่ะ V151/Q160/W3.0

7. เกรดเฉลี่ย ควรได้ 3.5+ สำหรับมหาลัยท็อป หรืออย่างต่ำก็ควรได้ 3.00 ถ้าเกรดไม่ถึง 3.00  อาจจะต้องพยายามหาโปรไฟล์อย่างอื่นทดแทน เช่นประสบการณ์ทำงานเป็นผู้ช่วยวิจัยหลายปี มี publication ในวารสารระดับนานาชาติ หรือมีโปรเฟซเซอร์ชื่อดังในสาขานั้นเขียน recommendation ให้

8. การสมัครเข้าเรียนปริญญาเอก สามารถสมัครได้เลยตั้งแต่จบตรีค่ะ ดิฉันมีเพื่อนหลายคนที่สมัคร PhD โดยที่ไม่เคยเรียนปริญญาโทมาก่อน (มีทั้งสายวิทย์และศิลป์ค่ะ) แต่ถ้าใครจบโทก่อน (โดยเฉพาะจบในอเมริกา) โอกาสเข้ามหาลัยดังๆก็สูงขึ้นค่ะ แต่ถ้าโปรไฟล์ดีพอสมควร หรือได้รับทุนรัฐบาล ก็ไม่ได้จำเป็นต้องสมัครโทก่อนค่ะ หรือบางคนสมัครเอกไป แต่เขาออฟเฟอร์โทมาก็มีค่ะ เพราะเขาสนใจ แต่ยังไม่มั่นใจว่ามีความรู้ดีพอจะเรียนเอกไหม

9. การได้ทุนรัฐบาลไทย มีผลให้ได้เข้าเรียนง่ายขึ้นมากค่ะ เพราะแหล่งทุนมั่นคง มหาลัยไม่ต้องจ่ายเงินให้เรา แต่ก็แลกมากับข้อผูกมัดต้องทำงานใช้ทุน และเงินเดือนที่ได้รับระหว่างเรียนที่อเมริกาจะน้อยกว่าคนที่ได้ fellowship จากมหาลัย (ทุนรัฐบาลให้ $1,200-1,750 ขึ้นกับเมืองที่เราไปเรียน) ถ้าไม่อยากถูกผูกมัด หรือยังไม่แน่ใจว่าจะทำอาชีพนี้จริงๆหรือไม่ แนะนำว่าให้เรียนโทหลักสูตรอินเตอร์ในไทยก่อน แล้วค่อยสมัครเอกที่อเมริกาดีกว่าค่ะ มีหลายสถาบันให้ทุนสำหรับสายวิทย์ เช่น AIT

10. ดิฉันเน้นพูดถึงปริญญาเอก เพราะปริญญาโทมีทุนให้น้อยกว่า (ขั้นตอนการสมัครไม่ต่างกันเท่าไร) ทุนป.โทของสายศิลป์แทบไม่มีเลย อาจจะยกเว้นที่ Harvard เพราะเป็นมหาลัยที่รวยมาก แต่ก็ต้องดูข้อกำหนดอะไรต่างๆอีก ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้ทุน สายวิทย์อาจจะหาทุนป.โทง่ายกว่าหน่อย โดยการทำงานเป็น TA/RA ซึ่งบางทีมหาลัยไม่ดังมาก ก็ยังมีเงินให้

11. การเรียนปริญญาเอกที่อเมริกา ส่วนใหญ่เมื่อเรียนคอร์สเวิร์คครบกำหนด (ประมาณหนึ่งถึงสองปี) ก็มักจะให้ปริญญาโทเรามาเลยค่ะ เผื่อใครที่เรียนไปแล้วเปลี่ยนใจกลางคัน ก็ยังมีอะไรติดมือกลับมาบ้าง หรือบางคนที่สอบ Qualifying Exam หลายรอบไม่ผ่าน ก็ต้องออกจากโปรแกรม โดยได้วุฒิโทค่ะ

คร่าวๆก็มีเท่านี้นะคะ ถ้าดิฉันนึกอะไรเพิ่มเติมได้ จะมา edit ใหม่ค่ะ

ป.ล. ดิฉันได้ทุนรัฐบาลไทยค่ะ กระทู้นี้เขียนรวบรวมจากประสบการณ์ตัวเองและเพื่อนๆรอบตัว ทั้งคนที่ได้ทุนจากมหาลัยในอเมริกา และคนที่ได้ทุนรัฐบาลค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่