รอยเท้าใคร

กระทู้สนทนา
ไม่น่ากลัวเท่าไร แต่ถือว่าอ่านเพลินๆแล้วกันนะคะ เราเล่าไม่ค่อยเก่ง

เราอยู่หอพักที่หนึ่งในกรุงเทพฯ แรกๆที่เข้าพักก็ปกติดี ไม่มีอะไร เราเลือกอยู่ชั้น 4 เพราะจะได้ไม่ร้อนมาก มันเป็นหอที่กลายสภาพมาจากโรงแรมเก่าๆโรงแรมนึงซึ่งคงหมดยุครุ่งเรืองแล้ว เลยหันมาเอาดีทางด้านการเปิดหอให้เช่าแทน เป็นความโชคดีของทำเลอย่างมากที่อยู่ใกล้ๆห้างเลยทำให้มีคนเข้าพักอยู่เรื่อยๆ ไม่เคยขาด และทุกปีใหม่ที่หอจะมีการทำบุญใหญ่ทุกปี รถที่จอดไว้จะต้องย้ายที่จอด เพราะต้องนิมนต์พระมาคราวละหลายๆรูป และโต๊ะที่ตั้งของไหว้ก็มากมาย อลังการงานสร้าง ที่หอจะมีสองศาล ศาลหนึ่งคือศาลพระพรหมอยู่หน้าหอเลย และถ้าเราเดินเข้าไปลึกอีกสักหน่อยจะเป็นศาลไม้เล็กๆ มีรูปปั้นตายาย อันนั้นเราคิดว่าน่าจะเป็นศาลเจ้าที่ ทุกวันพระ หรือแม้แต่วันธรรมดาก็จะมีขวดน้ำแดง นม มะพร้าว พวงมาลัยวางที่ศาลอยู่เสมอๆ ทั้งสองศาลเลย เราอยู่หอนี้มาได้หลายปีแล้ว ปัจจุบันนี้กำลังจะย้ายออกค่ะ ไม่ใช่เพราะเจออะไรที่น่ากลัว แต่ย้ายเพราะต้องไปอยู่ที่อื่น

เรื่องราวมันอาจจะเริ่มต้นขึ้นหลังจากพ่อเราเสียไป เราจะฝันถึงพ่ออยู่เรื่อยๆ ไม่บ่อย แต่ก็ไม่หายไป ... มีอยู่ฝันนึงเราจำได้ชัดเจนจนวันนี้  เราฝันเห็นพ่อเรานั่งอยู่ที่เก้าอี้ไม้ริมน้ำ สภาพของพ่อเราเหมือนตอนที่กำลังป่วยอยู่ พ่อเราป่วยเป็นโรคตับแข็งระยะท้ายๆตัวจะดำ หน้าจะดำ ผอมๆ ในฝันเหมือนเรารู้แล้วว่าพ่อตายไปแล้ว  เราเดินเข้าไปนั่งข้างๆ แล้วถามพ่อว่า พ่อเป็นยังไงบ้าง ที่ลูกทำบุญไปให้พ่อได้บ้างหรือเปล่า พ่อเราน้ำตาคลอ ส่ายหน้าเล็กน้อย แล้วตอบเราว่า “ไม่ค่อยได้” … เราจึงถามต่อว่า พ่ออยากได้อะไรไหม .. พ่อยิ้มน้อยๆ ตอบว่า อยากกินแกงหน่อไม้ ซึ่งตอนพ่อยังมีชีวิตอยู่จะชอบกินแกงนี้มาก ในฝันตอนนั้นเราสงสารพ่อที่สุด และไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อถึงไม่ได้บุญที่เราทำส่งไปให้ เราร้องไห้ในฝันจนมันดังออกมาจริงๆและเสียง น้ำตามาเต็ม จนรู้สึกตัวว่าตื่นจากฝันแล้ว หลังจากนั้นเราก็พยายามหาทางที่จะทำบุญให้พ่อ ทำยังไงพ่อถึงจะได้บุญมากกว่านี้  เลยคิดจะสวดมนต์และนั่งสมาธิ ไปถวายสังฆทานตามสะดวก ช่วงนั้นสวดมนต์และนั่งสมาธิเรียกได้ว่าแทบจะทุกคืน อุทิศบุญให้พ่อเท่าที่จะทำได้

                          เหตุการณ์มันเหมือนจะปกติ แต่ก็ไม่ ... เริ่มจากช่วงดึกๆเวลาเราหลับสนิท จะมีเสียงเหมือนคนมาเคาะประตู บางทีเราก็คิดว่าเป็นห้องตรงข้าม ห้องเยื้องๆ เพราะเขาจะชอบกลับห้องดึกๆอยู่แล้ว เราเลยไม่เคยใส่ใจกับเสียงเคาะประตูเลย จนดึกคืนนึง เสียงเคาะประตูดังมาก ดังจนคือมันไม่ใช่ห้องอื่นแล้ว มันห้องเรานี่แหละ!!! เราสะดุ้งลุกขึ้นนั่งเลย มองไปที่ประตู เห็นชัดเจนว่า... ประตูกำลังสั่นๆ เหมือนถูกเคาะแรงๆ ลูกบิดนี่สั่นจนได้ยินเสียงกึก กึก กึก ... มองนาฬิกา เฮ้ยยย ตีสองกว่าใครจะมาหาเรา มาเคาะ ไม่น่ามี เราก็ลุกจากเตียงไปเช็คดูให้มั่นใจว่าแบบไม่มีใครจริงๆ หรือว่ามี.. ลุกไปส่องที่ตาแมวอย่างรวดเร็ว ไม่มี ไม่เห็นใคร เงียบ... ก็เดินกลับมานอนต่อแบบงงๆ ว่าประตูสั่นขนาดนั้น คืออะไร???

                          หลังจากนั้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อเนื่องจากประตูสั่นวันนั้นจนทุกวันนี้ก็ยังคงเป็นอยู่ไม่เคยขาดหายไป คือ เสียง แป๊ก!!! หอเราจะมีระเบียงที่มีเหล็กดัด กับประตูเลื่อนที่เป็นประจก เอาไว้ปิดเวลาเปิดแอร์ ระเบียงเราจะติดกับโกดังเก็บของ ซึ่งมองจากชั้นเราลงไปก็จะเห็นหลังคาโกดัง ถัดจากโกดังก็เป็นบ้านคนเลย ทุกคืนเวลาไล่เลี่ยกัน จะมีเสียงเหมือนคนเอาก้อนหินก้อนเล็กๆ มาปาที่กระจกระเบียงห้องเรา ดัง แป๊ก!!! ทุกคืน มาเร็วบ้าง ช้าบ้าง แต่ต้องมาและต้องมาเวลาเราจะเคลิ้มหลับ บางคืนได้ยินเสียงหวึ่งๆหลังเสียงแป๊ก เหมือนกระจกสั่น ทั้งๆที่ระเบียงติดเหล็กดัด อยู่ชั้น4 ติดโกดัง ไม่มีใครจะมาปาหินแบบนี้ เวลานี้ได้ทุกคืน และทุกวันนี้ เสียงแป๊กนี้ก็ยังคงดังอยู่อย่างต่อเนื่องโดยตอบไม่ได้ว่าเพราะอะไร ในเวลาเดิมๆทุกคืน จนเราชิน บางคืนนอนเร็ว เราจะรอฟังเลย ดูเวลา ว่ามันจะดังไหม แต่ก็ไม่ มันต้องเป็นเวลาที่เราปิดไฟ นอน พอเคลิ้มๆ จะมาทันที ทำเอาเราสะดุ้งตลอด และหาสาเหตุไม่ได้ว่าเสียงนี้มีที่มาที่ไปยังไงจนทุกวันนี้

                           เรื่องแปลกสุดท้ายที่เห็นด้วยตาตัวเองชัดๆ พร้อมพยานคือเพื่อนสนิทเรา เย็นวันนึงเรานัดเจอกับเพื่อนห้างใกล้ๆแต่ให้มาแวะหาที่ห้องเราก่อน ก่อนเพื่อนจะมาหา เราก็ขึ้นลิฟ ปกติ ออกจากลิฟเลี้ยวไปกำลังจะไขกุญแจเข้าห้อง เราตกใจมาก เพราะมีรอยเท้าเหมือนเหยียบโคลนมาแต่เหยียบมาแบบพอดีที่จะประทับรอยให้เห็นได้ในลักษณะก้าวสามก้าวแล้วหายไปที่หน้าประตูห้องเรา เหมือนเดินเข้าไปในห้องทั้งๆที่มันล็อคอยู่ และไม่ใช่รอยรองเท้านะคะ รอยเท้าเลย รอยเท้าคนมีนิ้วครบ แต่เป็นรอยที่ใหญ่มาก รอยเท้าเหมือนเท้าผู้ชายแต่จะต้องเป็นผู้ชายที่ตัวใหญ่โคตรๆ คือเอาเท้าเราไปเทียบนี่ได้แค่ครึ่งนึงเท่านั้นเอง และปกติคนเหยียบโคลนรอยมันจะต้องขาดๆหายๆ นี่คือยังกับเอาเท้าไปเหยียบหมึกสีโคลนแล้วมาประทับรอย รอยสมบูรณ์ไม่มีเลอะเปรอะเลย นาทีนั้นใจเราวูบไม่ได้คิดถึงเรื่องอื่นนอกจาก เอาแล้ว... เราโดนงัดห้องแน่ๆ รีบไขกุญแจเข้าห้องเลย ในใจคิดในห้องมีโน๊ตบุ๊ค ทีวี  กระป๋องตังค์ ไม่เหลือแน่ๆ จะเอาอะไรของเราไปบ้าง พอไขเสร็จเปิดคว้างเข้าไป ภาพที่เห็นคือ ทุกอย่างปกติ ของอยู่ครบ อะไรที่วางตรงไหนก็อยู่ตรงนั้น ไม่มีอะไรขยับเขยื้อนหรือถูกรื้อค้นเลย เรายืนงงอยู่นาน และรอยเท้ามันก็หายไปแค่เขตหน้าห้องเท่านั้น ในห้องไม่มี เหมือนเดินทะลุประตูห้องเข้าไป แล้วก็หายไปเลย ทิ้งรอยไว้แค่หน้าห้องเท่านั้น ... เราเริ่มคิดหนัก ว่าคืออะไร โทรตามเพื่อนให้มาไวๆ พอมาถึง เพื่อนก็มายืนดู แล้วก็คิดกันว่าแปลกนะ คนหอเราไม่ถอดรองเท้าเดินกันตามทางเดินอยู่แล้ว และถ้าเท้าเปื้อนโคลนมาเดินจริงๆ มันต้องมีรอยโคลนเลอะๆมาก่อนจากทางหน้าลิฟ หรือทางบันได แต่ก็ไม่มี มันมาปรากฎอยู่แค่สามรอยหน้าห้องเราอย่างไม่มีที่มาที่ไป เหมือนเกิดขึ้นเองเฉยๆ ... จนวันนี้เราก็ยังหาคำตอบให้กับรอยเท้านี้ไม่ได้ว่าคือรอยเท้าใคร และเกิดขึ้นได้ยังไง เราไม่ได้ถ่ายรูปเอาไว้ ยังเสียดายจนวันนี้ แต่คืนนั้นทุกอย่างก็ปกติ ไม่มีอะไร เสียงแป๊กก็ยังคงดังปกติตามเคย ... เช้ามาแม่บ้านก็มาทำความสะอาด รอยโคลนนั้นก็หายไปด้วย และเราก็ไม่เคยเห็นรอยเท้าแบบนั้นอีกเลย

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ ... ทุกวันนี้เราก็ยังคงนั่งสมาธิและสวดมนต์บ้างเรื่อยๆตามสะดวกค่ะ เรื่องแปลกก็มีบ้างแต่มันไม่ชัดเหมือนรอยเท้าและเสียงแป๊กนี้ที่พอจะเล่าให้จับต้องได้ค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่