เห็นหลาย ๆ คนผิดหวังกับหนังเรื่องนี้
เลยอยากจะมาแชร์ความคิดเห็นของเราหลังจากที่ได้ดูบ้าง
เพื่อจะบอกว่า นอกจากคนที่ไม่ชอบแล้วก็ยังมีคนที่ชอบนะ
(ไม่ได้เป็นหน้าม้านะ ตั๋วก็ไม่ฟรีด้วย ซื้อเอง 55)
ก่อนที่เราจะไปดูเราได้ยินเสียงบ่นจากหลายคนมาแล้วว่าหนังไม่เหมือนในตัวอย่าง
พอจะไปดูก็เลยไม่ได้คาดหวังว่ามันจะต้องเป็นหนัง Feel Good เหมือนเรื่องที่ผ่าน ๆ มาของ GTH
อาจจะด้วยเพราะเหตุนี้ที่ทำให้เราไม่ได้ผิดหวัง แต่ไม่ใช่เพราะเหตุนี้แน่ ๆ ที่ทำให้เราชอบหนังเรื่องนี้
เข้าไปในโรงก็เลยปล่อยให้หนังทำหน้าที่ของมันไป
คือเราก็ดูไปเรื่อย ๆ เลยว่าหนังจะเล่าเรื่องออกมายังไง
เพื่อที่จะไม่สปอยล์หนังอย่างที่ตั้งใจไว้ก็เลยจะขอพูดภาพรวม ๆ ว่า
สำหรับเราหนังเรื่องนี้ไม่ได้น่าเบื่อเลย
มุกที่มีในหนังเราขำทุกมุก แต่ไม่ได้ขำก๊าก
แต่ขำเพราะมันเสียดสีสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตจริง
คือเราเอาสิ่งที่หนังนำเสนอมาเทียบกับประสบการณ์ในชีวิตจริงของเรา มันเลยขำ
สิ่งที่ชัดเจนของเรื่องนี้คือความเรียล ทั้งบทพูด ฉาก การใช้ชีวิต จนเราต้องถามตัวเองว่าปกติหนังมันเรียลขนาดนี้เลยหรอ
(เราเข้าใจว่าปกติหนังก็เรียลกว่าละครอยู่แล้ว แต่เรื่องอื่น ๆ มันเรียลขนาดนี้เลยรึเปล่านะ?)
โดยเฉพาะลักษณะการพูดของหมอ เหมือนเวลาที่เราไปหาหมอจริง ๆ มาก ๆ
(ไม่มีความรู้ด้านการแพทย์นะคะ ก็เลยไม่รู้ว่าที่หมอพูดหรือทำในหนังมันถูกหลักมั้ย
แต่ในฝั่งคนไข้เราคิดว่าสมจริงดีค่ะ สิ่งที่เรารับรู้เวลาไปหาหมอกับสิ่งที่เห็นในหนังมันใกล้เคียงกันมาก)
นอกจากความจริงในหนังจะทำให้เราขำแล้วมันยังทำให้เราอิน
ถึงเราจะไม่ได้ทำอาชีพฟรีแลนซ์ แต่วิธีคิดและการตัดสินใจหลาย ๆ อย่างของเรากับตัวละครมันคล้ายกันมาก ๆ
ซึ่งเรื่องราวชีวิตของตัวละคร สิ่งที่ตัวละครได้เจอในเรื่องมันทำให้เรากลับมาย้อนตั้งคำถามกับตัวเราเอง
เกี่ยวกับเรื่องชีวิต สิ่งที่รัก การทำงาน
นี่เป็นประเด็นหลักที่ทำให้เราคิดว่าเราชอบหนังเรื่องนี้
เพราะพอออกจากโรงแล้ว กลับมีอะไรอยู่ในหัวให้คิด ไม่ใช่ดูจบแล้วก็จบไป
นอกจากนั้น พอลองไปหารีวิวของคนอื่น ๆ อ่าน
กลับทำให้เห็นประเด็นใหม่ ๆ ที่อยู่ในหนัง โดยที่แต่ละรีวิวก็มองหนังต่างประเด็นกันไปเลย
ทำให้สิ่งที่อยู่ในรีวิว ไม่ใช่สิ่งที่มีในหนังทั้งหมด ไม่ใช่ว่าเราดูหนังมาแล้วอย่าอ่านรีวิวเลย เสียเวลา
แต่กลับกลายเป็นว่าการอ่านรีวิวทำให้เราเห็นมุมมองใหม่ ๆ
เคยดูหนังของผู้กำกับคนนี้เรื่อง 36
เทียบกับเรื่องนี้แล้ว เราชอบเรื่อง Freelance มากกว่า
ถึงเราจะไปดูหนังมาแล้วชอบ แต่เราก็ไม่ได้จะบังคับให้คนอื่นต้องชอบเหมือนเรา
เข้าใจว่าคนเราชอบไม่เหมือนกัน
แค่อยากจะเล่าให้ฟังว่า หนังที่มีคนไม่ชอบ ก็มีคนที่ "ชอบจริง ๆ" อยู่จริง ๆ นะ
ไปดู Freelance มาแล้ว ชอบจริง ๆ นะ
เลยอยากจะมาแชร์ความคิดเห็นของเราหลังจากที่ได้ดูบ้าง
เพื่อจะบอกว่า นอกจากคนที่ไม่ชอบแล้วก็ยังมีคนที่ชอบนะ
(ไม่ได้เป็นหน้าม้านะ ตั๋วก็ไม่ฟรีด้วย ซื้อเอง 55)
ก่อนที่เราจะไปดูเราได้ยินเสียงบ่นจากหลายคนมาแล้วว่าหนังไม่เหมือนในตัวอย่าง
พอจะไปดูก็เลยไม่ได้คาดหวังว่ามันจะต้องเป็นหนัง Feel Good เหมือนเรื่องที่ผ่าน ๆ มาของ GTH
อาจจะด้วยเพราะเหตุนี้ที่ทำให้เราไม่ได้ผิดหวัง แต่ไม่ใช่เพราะเหตุนี้แน่ ๆ ที่ทำให้เราชอบหนังเรื่องนี้
เข้าไปในโรงก็เลยปล่อยให้หนังทำหน้าที่ของมันไป
คือเราก็ดูไปเรื่อย ๆ เลยว่าหนังจะเล่าเรื่องออกมายังไง
เพื่อที่จะไม่สปอยล์หนังอย่างที่ตั้งใจไว้ก็เลยจะขอพูดภาพรวม ๆ ว่า
สำหรับเราหนังเรื่องนี้ไม่ได้น่าเบื่อเลย
มุกที่มีในหนังเราขำทุกมุก แต่ไม่ได้ขำก๊าก
แต่ขำเพราะมันเสียดสีสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตจริง
คือเราเอาสิ่งที่หนังนำเสนอมาเทียบกับประสบการณ์ในชีวิตจริงของเรา มันเลยขำ
สิ่งที่ชัดเจนของเรื่องนี้คือความเรียล ทั้งบทพูด ฉาก การใช้ชีวิต จนเราต้องถามตัวเองว่าปกติหนังมันเรียลขนาดนี้เลยหรอ
(เราเข้าใจว่าปกติหนังก็เรียลกว่าละครอยู่แล้ว แต่เรื่องอื่น ๆ มันเรียลขนาดนี้เลยรึเปล่านะ?)
โดยเฉพาะลักษณะการพูดของหมอ เหมือนเวลาที่เราไปหาหมอจริง ๆ มาก ๆ
(ไม่มีความรู้ด้านการแพทย์นะคะ ก็เลยไม่รู้ว่าที่หมอพูดหรือทำในหนังมันถูกหลักมั้ย
แต่ในฝั่งคนไข้เราคิดว่าสมจริงดีค่ะ สิ่งที่เรารับรู้เวลาไปหาหมอกับสิ่งที่เห็นในหนังมันใกล้เคียงกันมาก)
นอกจากความจริงในหนังจะทำให้เราขำแล้วมันยังทำให้เราอิน
ถึงเราจะไม่ได้ทำอาชีพฟรีแลนซ์ แต่วิธีคิดและการตัดสินใจหลาย ๆ อย่างของเรากับตัวละครมันคล้ายกันมาก ๆ
ซึ่งเรื่องราวชีวิตของตัวละคร สิ่งที่ตัวละครได้เจอในเรื่องมันทำให้เรากลับมาย้อนตั้งคำถามกับตัวเราเอง
เกี่ยวกับเรื่องชีวิต สิ่งที่รัก การทำงาน
นี่เป็นประเด็นหลักที่ทำให้เราคิดว่าเราชอบหนังเรื่องนี้
เพราะพอออกจากโรงแล้ว กลับมีอะไรอยู่ในหัวให้คิด ไม่ใช่ดูจบแล้วก็จบไป
นอกจากนั้น พอลองไปหารีวิวของคนอื่น ๆ อ่าน
กลับทำให้เห็นประเด็นใหม่ ๆ ที่อยู่ในหนัง โดยที่แต่ละรีวิวก็มองหนังต่างประเด็นกันไปเลย
ทำให้สิ่งที่อยู่ในรีวิว ไม่ใช่สิ่งที่มีในหนังทั้งหมด ไม่ใช่ว่าเราดูหนังมาแล้วอย่าอ่านรีวิวเลย เสียเวลา
แต่กลับกลายเป็นว่าการอ่านรีวิวทำให้เราเห็นมุมมองใหม่ ๆ
เคยดูหนังของผู้กำกับคนนี้เรื่อง 36
เทียบกับเรื่องนี้แล้ว เราชอบเรื่อง Freelance มากกว่า
ถึงเราจะไปดูหนังมาแล้วชอบ แต่เราก็ไม่ได้จะบังคับให้คนอื่นต้องชอบเหมือนเรา
เข้าใจว่าคนเราชอบไม่เหมือนกัน
แค่อยากจะเล่าให้ฟังว่า หนังที่มีคนไม่ชอบ ก็มีคนที่ "ชอบจริง ๆ" อยู่จริง ๆ นะ