กลโกงของธนาคารละเอียดยิบ ตั้งแต่ผู้บริหารยันไปถึง พนักงาน teller เตือนภัยถึงลูกค้าทุกท่าน โดยเฉพาะเจ้าของกิจการธุรกิจ

ไปอ่านเจอเรื่องนี้โดยบังเอิญ เห็นว่ามีประโยชน์ดี เลยอยากเอามาแชร์ให้อ่านกัน เขาเขียนไว้เมื่อต้นปีตามวันที่นะ



Posted by 4BANK    
หมวด : เศรษฐกิจ

ทำงานธนาคารมานาน เวลาได้ยินเรื่องคนโกงเงิน  หูผมมักจะกระดิกฟังเสมอว่า  เขาโกงเงินกันอย่างไร

ส่วนมากก็เป็น กรณีหน้ามืด หน้าโง่  ทำไปโดยหลักฐานมัดตัวเองแน่นหนา

แต่ก็มี กรณีศึกษา การโกงเงินหลักพันล้านบาท  ผมนี่งงเลย โกงยังไงนะ หลักพันล้านบาท  อยากรู้จริงๆ

เขาคงไม่ได้เอากระเป๋าเป้มา แล้วขนเงินสดเดินออกจากธนาคารหรอก  กระเป๋าเป้แบกหลัก  1 ใบ

ใส่เงินสดได้ไม่เกิน  10  ล้านบาท ถ้า 100  ล้านบาท ก็ต้องมี 10 ใบ

ถ้าหลัก  1000 ล้านบาท ก็ต้องขนเงินสดสัก 100 กระเป๋าเป้     จริง ๆ เขาไม่ได้ขนเงินสดออกจากธนาคารหรอกครับ  

เพราะระบบธนาคารมีการตรวจสอบเป็นอย่างดี ทุกวัน  ก่อนเปิดธนาคารสาขาก็ต้องนับเงินแล้วละ

เมื่อวานตอนเย็นมีเงินสดเท่าไหร่ ส่งไปเก็บเท่าไหร่  สิ้นวันทำการก็ต้องนับอีก ทำแบบนี้ทุกวัน  

ระหว่างวันก็จะมีการนับเงินสดอีก  หรือเบิกเงินสดฉุกเฉินอีก   แต่ละสาขามีเงินสดไม่ถึง 10  ล้านบาทหรอก

เพราะสมัยนี้สาขาธนาคารไม่ได้ใหญ่โต เหมือนสมัยก่อนที่มักไปสร้างเอง มีบันไดสูงๆ ให้ลูกค้าเดินขึ้นไปหา

สมัยนี้ธนาคารเปิดในห้างสรรพสินค้า ขนาดไม่แตกต่างจากร้านขายของสักเท่าไหร่นัก

ยอดเงินสดก็ต้องน้อยลงตามพื้นที่ห้องนิรภัย  ตู้เก็บเงินก็ไม่สามารถจะทำเป็นห้องเก็บเงิน ประตูเหล็กได้อีกต่อไป  

ยิ่งสมัยนี้มีระบบ Computer Online อีก ทำให้สำนักงานใหญ่สามารถมองรายการที่สาขาได้เลยละ

มีเงินเข้าเท่าไหร่ มีเงินโอนออกเท่าไห่   ระบบดีขนาดนี้ทำไมยังโกงเงินธนาคารได้หลักพันล้านบาท    

ผมเล่าให้ฟังทีละเรื่องดีกว่า เรื่องจริงทั้งนั้นครับ แต่บอกรายละเอียดมากไม่ได้นัก

แล้วผมจะเล่าไปทำไมละ  ก็เพราะอยากจะ Share ความรู้ ประสบการณ์ให้หลายๆ คนทราบว่า เขาทำกันอย่างไร

รับรองในตำราเรียนไม่มีหรอกครับ  และเรื่องแนวนี้ ธนาคารปกปิดกันเสมอ เพราะเสียชื่อ

ลูกค้าจะต่อว่าได้ ระบบไม่ดี จริงๆ นะระบบดีหมดครับ ธนาคารเขาวางระบบดีจริงๆ แต่คนครับ คนจะโกง ยังไงมันก็จะโกง

ที่สำคัญ คนในโกง จะรู้ระบบดีมาก   ผมบอกว่าระบบป้องกันมันดีมาก แต่คนในยังโกงได้อีกหรือ  

มันเป็นแบบนี้ครับ ระบบคือระบบ คนก็คือคน   การทำงานต้องใช้ระบบและคนพร้อมๆ กัน  ระบบมักไม่พลาด

แต่คนคุมนะ พลาดเสมอ หลับตาพลาดบ้าง หรือไม่ก็ตามเด็กไม่ทัน  คนแก่ๆ มาคุมระบบส่วนมากก็จะคุ้นเคยกับระบบเก่า

ทำรายงาน ทำตัวเลข หลอกเจ้านายไปวันๆ ว่าฉันนี่นะ เซียน ใครจะโกงจับได้หมด

ผมฟังแล้วอยากจะท้าทายสักหน่อย  ลองดูไหมป้า   ผมอยากวัดฝีมือป้าเหมือนกัน เพราะผมเห็นป้าทำงานด้วยระบบเก่าๆ

บอกตามตรง  ฝีมือไม่เท่าไหร่หรอก  ราคาคุย   เวลาประชุมพวกป้า ๆ ก็มักจะอวดฉลาดเสมอ

เอากระดาษมาทำตารางสัก  3 แผ่น ให้กรอกตรงนี้นะ  แล้วก็จะวัดตัวเลข จับตัวเลข  จริงๆ ป้านะ

หางานกระดาษทำไปวันๆ ทำนั้น เพราะระบบตรวจสอบสมัยนี้ทำด้วย Digital กันหมดแล้ว  ตัวเลขมากมาย

จะนำเสนอรูปแบบไหนบอกมา สามารถ Run ได้เลย ป้าๆ คงใช้ไม่เป็นละซิ ถึงได้เอากระดาษมาตีตาราง

แล้วให้เด็ก ๆ ไปลอกใส่ Excel    

ผมเล่าทีละเรื่องดีกว่า จะได้ทราบเขาโกงกันอย่างไร


เรื่องแรก

เกิดขึ้นกับฝ่ายเงินฝากลูกค้ารายใหญ่ (สำนักงานใหญ่)    ใครจะฝากเงินตรงนี้ต้องมีเงินอย่างน้อย 10 ล้านบาท  

ส่วนมากจะซื้อพันธบัตร หรือพวกตั๋วต่างๆ   ลูกค้ามักไม่ค่อยมาฝากเองหรอก ต้องมีเจ้าหน้าที่สาวสวย บุคลิกดี

ดูแลไปรับเอกสารถึงบ้านถึงที่ทำงาน  ตั๋วฝากเงินทุกใบต้องมีเลข  ก็เหมือนตัวเลขในธนบัตรไงครับ มีเลขเสมอ

  ฝากถอนทีละ  10  ล้านบาท  ก็เริ่มมีคนอยากโกงขึ้นมาละ   เพราะว่า เธอสามารถทำหน้าที่ one stop service ได้เลย

คือไปหาลูกค้าที่บ้าน นำตั๋วไปให้  (ให้ลูกค้าเก็บไว้)  รับเช็คลูกค้าเข้ามา เพื่อเข้าบัญชีให้ธนาคาร  

ลูกค้าจ่ายเป็นเช็คแล้วทำไมโกงได้ละ  ไม่ใช่เงินสดสักหน่อย ไม่ยากครับ  เธอทำได้เสมอ

เพราะเงินของลูกค้าไม่ได้เข้าบัญชีธนาคารแน่ๆ   ลูกค้าได้ตั๋วปลอมไป  ระบบบัญชีของธนาคารไม่เคยลงบัญชีเงินของคุณนายเลย

(หรือเคยลงแต่ไม่ครบจำนวนเต็ม)  อธิบายต่อครบ ถ้าคุณนายฝากเงินสัก  100 ล้านบาท

ฝากเป็นตั๋วใบละ  10 ล้านบาท ก็ต้องมีตั๋ว  10 ใบ   ปกติลูกค้าจะไม่ค่อยฝากเป็นก้อนใหญ่

มักจะแบ่งกระจายเป็น ทีละ  20 ล้าน  40 ล้าน เท่านั้น  ก็แปลว่าลูกค้าต้องได้ตั๋วในมือมากกว่า 1 ใบ ใช่ไหมครับ  

คนรวยก็ปวดหัวตอนนับเงินเสมอ  ฝากไว้  10 ล้านบาท ไว้ 3 เดือน อีก  20 ล้านบาท ฝากไว้  6 เดือน

อีก  10 ล้านหลังฝากไว้ 1 ปี  ครบกำหนดไม่ตรงกันสักที   เธอคนนี้ก็ต้องทำสมุดบันทึกว่า

ลูกค้าแต่ละรายถึงเงินฝากถึงกำหนดหรือยัง   ลูกค้าเธอมากมาย อย่างน้อยก็  20-30 คน

เธอมองเห็นการหมุนเวียนของลูกค้าแต่ละรายเสมอ  บางรายไม่เคยมาธนาคารเลย  ต้องให้เธอไปหาถึงบ้าน

ต้องซื้อขนมอร่อยไปฝาก ขู่จะถอนเงินไปฝากธนาคารอื่นบ้าง ถ้าดอกเบี้ยไม่ดี  ไม่เท่ากัน (เวลาต่างกัน)

สุดท้ายเธอก็ต้องยอมควักกระเป๋าเอง จ่ายส่วนต่าง เพื่อมัดลูกค้ารายนี้ให้อยู่กับธนาคารต่อไป  ส่วนต่างก็เยอะนะ

ส่วนมากก็ 0.25%  จากยอด 10 ล้านบาท ก็ตก  25000 บาท  เงินเดือนพนักงานระดับอาวุโสก็หลักหมื่น

ไม่ถึงแสนหรอกครับ   น่าสงสารเธอออก   ลูกค้าแต่ละคนก็เอาแต่ใจ  จะเอาดอกเบี้ยเท่านี้

ไม่ได้จะถอนทั้งหมดไปฝากที่อื่น   เขาไม่รู้หรือว่า เวลาต่างกันดอกเบี้ยก็ต่างกัน เขารู้แต่จะเอา  ทำไงได้ละ

ลูกค้าคนรวย   ชักเนื้อบ่อยๆ ก็ไม่ไหวนะ  พอดีมีลูกค้าเงินกู้กำลังหาสินเชื่อสัก  20-30 ล้านบาท

ฝ่ายสินเชื่อปฎิเสธไปแล้ว เพราะอะไรไม่รู้  สงสัยหลักประกันอ่อน   เข้าทางเลยจับ Demand  เจอกับ Supply

แต่ต้องทำอย่างไรละ  ถึงธนาคารไม่ทราบเรื่อง

ไม่ยากเลย ต้องเอาเงินจากลูกค้ามา แต่ไม่ต้องเข้าระบบธนาคาร   พูดง่ายแต่ทำยากนะนี่



จะยากอะไร ก็ทำเอกสารปลอมให้ลูกค้าไป  กระดาษแผ่นเดียวเอง เอาไป  Xerox สี  แล้วก็เอาเครื่องพิมพ์ดีด  ต๊อก

เพิ่มรายการเข้าไป  เช่น เลขที่บัญชี  102-564-100    ก็เติมเข้าไปว่า 102-564-100/1    ก็ได้ละ

นี่ค่ะ ดอกเบี้ยพิเศษเลยค่ะ แต่ต้อง /1  อย่าบอกใครนะค่ะ เดี๋ยวรายอื่นจะเอาตาม  ดิฉันขอเจ้านายมาให้แบบพิเศษเลย

รีบๆ คุย  แล้วคุยเรื่องอื่นๆ ต่อ  เพชรพลอย ของกินอร่อยๆ  นินทาไฮโซ ไปเรื่อยๆ   ลูกค้าดูแค่ ตัวเลขถูกต้องก็ YES

เรื่องโอนเงิน พวกผมเดากันเองว่า เธอน่าจะทำเอกสารปลอมเยอะมาก เพราะเงินไม่ได้เข้ามาในระบบธนาคาเลยหลายร้อยล้านบาท

น่าจะเป็นเช็คที่ไม่ได้ระบุบัญชี  ตี "สด"    ลูกค้ากล้าหรือนี่ โอนเงินผ่านเช็ค "สด"  ไม่น่าจะใช่

หรือเธอให้ลูกค้าโอนเข้าบัญชีธนาคารก่อน รอครบกำหนดแล้วค่อยถอนออกมา

บอกธนาคารว่าลูกค้า ถอน  แต่ตัวเองไปบอกลูกค้าว่า ต่อไปอีก 3  เดือน  6 เดือน ก็ว่ากันไป

อย่างหลังน่าจะ เป็นไปได้สูงกว่า  พวกผมเดากันแบบนี้ครับ  เพราะเวลาครบกำหนด ธนาคารจะสั่งจ่ายชื่อลูกค้าไป

ได้เช็คมาก็เอาไปขายต่อ ขายลดเช็ค เรียกเก็บธนาคารก็ไม่ได้เอะใจ  ลูกค้าถือตั๋วปลอมไปแทน ???

ลูกค้าก็หลงเชื่อ เพราะติดต่อคุณเธอมานาน  เป็นพนักงานระดับสูงหน่อย  คงไม่กล้าโกง  

เธอทำแบบนี้ประจำ  สบายเลย รายการแรกผ่านไปได้ ก็ต้องหมุนไปเรื่อยๆ มี /1 แล้วก็มี /2  ตามด้วย /3

ระบบบัญชีธนาคารไม่เคยรับทราบเลย มีแต่รายการแรกเท่านั้นเอง   เรียบร้อยแค่นี้เธอก็หมุนเงินเล่นได้หลายปีเลย

จนกระทั่ง  ลูกค้าเงินกู้เธอ ไม่สามารถชำระหนี้ธนาคารได้ตามกำหนด  กู้ไปแล้ว รายได้ไม่เข้าเป้า  หรือปล่อยกู้ไปหลายราย

รายที่ทำให้มีปัญหาคือ คนสนิทแนวครอบครัวแบบกันเอง  อันนี้ผมไม่ได้สนใจฟังนัก

รู้แต่ว่า ชำระหนี้ไม่ได้  เธอก็เลยต้องหมุนตั๋วด้วยระบบของเธอเองไปอีกหลายวง   จาก  10 ล้านเป็น 100 ล้าน

หมุนไปเรื่อยๆ  เมื่อหมุนหลายวง โอกาสพลาดก็เกิดขึ้นได้

วันหนึ่งลูกค้ารายใหญ่ ดันมาธนาคารด้วยตัวเอง   มาเบิกเงินจะเอาไปใช้แบบเร่งด่วน  เธอเองก็ไม่ทราบ

เพราะสมัยโน้นไม่มีมือถือครับ   การสื่อสารผิดพลาด  เรื่องเลยแดง   เช็คไปเช็คมา

หัวหน้าเบอร์ 1 ของฝ่าย เดือดร้อน ควบคุมลูกน้องไม่ดี   ปล่อยให้ลูกน้องโกง  ก็รับกรรมไป  

นี่แค่เรื่องแรกครับ ผมมีอีกหลายเรื่องแนวนี้   วันหลังจะเล่าให้ฟังอีก  

เรื่องแบบนี้  ส่วนมากเขาปกปิดกัน  แต่ผมว่าน่าจะเป็นกรณีศึกษา เอาไว้ป้องกันเหตุในอนาคตได้ดี  

เพราะการโกงเงินธนาคารก็ยังคงมีมาอย่างสม่ำเสมอ  จริงไหมครับ

http://www.oknation.net/blog/bankbank/2015/01/12/entry-1

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่