การฝึกสมาธิจากประสบการณ์จริง ว่าด้วยตำนานเหล็กไหล มีจริงหรือ ตอนสี่
เมื่อตอนที่แล้ว ได้เล่าให้ฟังถึงวิธีพิจารณาเหล็กไหลเพลิง ที่มาของตำนานเหล็กไหล และค้างที่จะเล่าถึงคนห่มผ้าเหลืองหลอกลวงคนไว้ ในตอนนี้จะเล่าให้ฟังถึงวิธีการในการหลอกลวงของชายผู้นี้ต่อไป
ชายผู้นี้อ้างว่าตนสามารถเรียกเหล็กไหลได้ นุ่งห่มผ้าเหลือง ตอนเช้าออกบิณฑบาต ดูแล้วน่าเลื่อมใส เป็นชายมีอายุมากพอสมควร อาศัยอยู่ในวัดแห่งหนึ่งทางภาคใต้ ที่ข้าพเจ้าไม่ขอเรียกชายผู้นี้ว่าพระ ก็เนื่องจากการกระทำของเขา เป็นการโกหกหลอกลวงโดยจงใจ และมีการตระเตรียมการไว้ก่อนอย่างรอบคอบ แนบเนียน คนเหล่านี้มีความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์จนน่าทึ่ง แม้แต่ข้าพเจ้าเองก็รู้ไม่ถึง เพราะวิทยาศาสตร์ในปัจจุบันนั้นมีความก้าวหน้ามากจนเราตามไม่ทัน แต่คนพวกนี้เก่งช่างสรรหามาจนได้ มารู้อีกทีก็ตอนที่ลูกชายของข้าพเจ้า บอกว่าสิ่งที่เขาทำนี้ทางวิทยาศาสตร์เรียกว่าอะไร หลังจากข้าพเจ้าครุ่นคิดอยู่เป็นวัน ๆ ก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร
วิธีการของเขาจะนัดคนจำนวนมาก โดยอ้างว่าวันนั้น วันนี้ จะมีการเรียกเหล็กไหลจากในถ้ำที่เขาไปสำรวจไว้ก่อนแล้ว นัดคนครั้งละสามสิบกว่าคนถึงห้าสิบคนเพื่อเข้าดูการเรียกเหล็กไหลของเขา ก็มีทั้งข้าราชการ ทหาร เอกชน เข้าร่วมในการเรียกเหล็กไหลของเขา แต่ละครั้งเป็นจำนวนมาก เรียกว่าแต่ละครั้งของการเรียกของเขาถ้ำทั้งถ้ำแน่นขนัดกันเลยทีเดียว สำหรับจำนวนคนที่มากนี้มีความสำคัญดังข้าพเจ้าจะกล่าวต่อไป ข้าพเจ้าลองพิจารณาดูแล้วสำหรับถ้ำที่เขาเข้าไปเรียกเหล็กไหลนั้น น่าจะมีเหล็กไหลอยู่จริง ๆ เป็นแต่เขาเรียกไม่เป็น แต่เงินต้องใช้ทุกวัน จะฝึกฝนปัจจุบันก็หาอาจารย์ผู้สอนไม่ได้ สู้ใช้ทางลัดเอาแบบนี้ดีกว่าง่ายสะดวกเงินดี ไม่ต้องทนลำบากกับการฝึกฝนพระเวทย์ให้เหนื่อยแรง เมื่อนัดคนได้จำนวนมากตามต้องการของเขาแล้ว เขาก็จะเริ่มลงมือโดยจะเรียกเหล็กไหลในตอนกลางคืนภายในถ้ำที่นัดกันไว้ล่วงหน้า พอตกค่ำเวลาประมาณหนึ่งทุ่มก็จะเริ่มกรรมวิธีเรียกเหล็กไหล ในวงพิธีก็มีการล้อมสายสิญเพื่อให้ดูขลังน่าเชื่อถือเสียหน่อย มีของบูชาเต็มไปหมด สำหรับของบูชานี้ลองนึกดูก็แล้วกัน ท่านพระอาจารย์ผู้ทรงวิทยาคมที่เรียกเหล็กไหลได้ก็เป็นพระธุดงค์บ้าง อาจารย์ผู้แก่กล้าอาคมบ้าง แต่ละท่านส่วนใหญ่ก็ธุดงค์อยู่แต่ในป่าเป็นหลาย ๆ ปี แล้วท่านจะไปหาของบูชามากมายมาจากไหน ลำพังเพียงแต่ท่านจะอยู่จะกินก็ยังยาก มีแต่ชาวบ้านไม่กี่คนที่คอยถวายอาหารให้กินให้ฉันท์ ไปวัน ๆ เท่านั้น เช่นนั้นเครื่องบูชาจึงต้องเป็นของที่หาได้ในป่า การจัดใหญ่โตก็เพื่อเรียกร้องค่าของบูชาให้มากมี จัดน้อยเรียกเงินมาก ๆ ก็ดูกระไร บางแห่งเห็นจัดใหญ่กว่าพิธีปลุกเสกพระเสียอีก เรียกค่าบูชาทีเป็นแสนบาทมันก็น่าทำอยู่เหมือนกัน มาว่ากันต่อเรื่องเรียกเหล็กไหลของเรา จัดแจงจุดธูปเทียนตามธรรมเนียมเสร็จแล้วก็ท่องคาถามั่ว ๆ ไปดัง ๆ ได้ยินกันทั่วทั้งถ้ำ จริง ๆ แล้วการเรียกเหล็กไหลแค่ภาวนาในใจก็พอ แล้วหยั่งจิตรกำหนดด้วยพลังสมาธิไปถึงเหล็กไหลโดยขอกำลังจากหลวงปู่ผู้สร้างเหล็กไหล คุณพระรัตนตรัย พ่อแม่ และครูบาอาจารย์ของเรา อัญเชิญให้ไหลย้อยลงมา แล้วจึงตัดตามวิธีที่กล่าวมาแล้วในตอนที่ผ่านมา ส่วนที่ข้าพเจ้าไปเรียกเหล็กไหลเพลิงตามที่เคยเล่าให้ฟังเมื่อตอนที่แล้ว จะได้กล่าวถึงความโดยละเอียดในตอนต่อ ๆ ไป สำหรับคาถาที่ใช้เรียกเหล็กไหลนี้จะใช้เป็นบทเต็ม หรือใช้คาถาหัวใจก็ใช้ได้เช่นเดียวกัน แต่สำหรับคาถาหัวใจที่มีสี่พระอักขระนั้น จะต้องถอดเป็นอนุโลมปฏิโลมก่อนจึงจะใช้ได้ หลักเกณฑ์ในการถอดนี้จะต้องถอดเป็นสิบหกพระอักขระก่อนแล้วจึงภาวนา ยกตัวอย่างพระคาถาหัวใจพระศีวลี นะ ชา ลิ ติ เราจะภาวนาว่า นะ ชา ลิ ติ ๆ แบบนี้ไม่ถูกต้อง ให้ยึดหลักในการถอดไว้แบบนี้ ให้ตั้งเป็น นะ ชา ลิ ติ เป็นเบื้องแรก ต่อไปให้ถอดเป็น ชา ลิ ติ นะ แล้วเป็น ลิ ติ นะ ชา และ ติ นะ ชา ลิ ครบสิบหกพระอักขระดังนี้ นะ ชา ลิ ติ ชา ลิ ติ นะ ลิ ติ นะ ชา ติ นะ ชา ลิ ให้ภาวนาเช่นนี้เป็นหลักสำหรับพระคาถาหัวใจที่มีสี่พระอักขระสำหรับทุกพระคาถาหัวใจ เพื่อสะดวกในการภาวนากำหนดเป็นคาบคาถา สำหรับพระคาถาหัวใจที่มีเกินกว่าสี่พระอักขระนั้น จะมีวิธีถอดเป็นอีกแบบหนึ่งต่างหาก หรือเก้าพระอักขระก็ถอดอีกแบบหนึ่ง ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการสะดวกในการกำหนดภาวนาเป็นคาบคาถาเท่านั้น สำหรับพระคาถาเรียกเหล็กไหลนี้ข้าพเจ้าอยากจะบอกอยู่เหมือนกัน แต่ขนาดไม่รู้ยังหลอกกันได้ถึงเพียงนี้ แล้วถ้ารู้พวกจะหลอกถึงเพียงไหน คนดีนั้นมีแน่ แต่คนชั่วมากกว่าจริง ๆ ในเรื่องถอดพระคาถาหัวใจนี้มีคนเคยมาลองภูมิกับข้าพเจ้าเมื่อตอนที่ข้าพเจ้าบวชอยู่ แล้วออกธุดงค์โดยอ้างกับพระอุปปัชชาว่าจะออกหาประสบการณ์ ดังได้กล่ามาแล้วในตอนเผชิญผีตายโหงที่ผ่านมา เขาเป็นคนรับตั้งศาลพระภูมิบ้านเรือน มีความรู้ทางด้านนี้จากพ่อเขาสอนไว้ เขามาที่พักสงฆ์ตอนที่ข้าพเจ้าพักอยู่ที่สำนักสงฆ์วังอด อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง ตอนนี้เปลี่ยนชื่อเป็นวังสมบูรณ์แล้ว ถามเรื่องการถอดคาถาหัวใจกับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงให้เขาถอดให้ดู เขาก็ถอดตามที่เขาคิด มั่วไปหมดไม่มีหลักเกณฑ์เลย ข้าพเจ้าจึงถามว่า ใครเป็นคนสอนเขาให้ถอดแบบนี้เขาบอกเขาคิดเอง ข้าพเจ้าจึงสอนให้เขารู้วิธีถอดที่ถูกต้องจะได้ใช้เป็นหลักในการถอดพระคาถาหัวใจในคราวต่อไป ดีที่ข้าพเจ้ามีความรู้อยู่บ้าง ไม่เช่นนั้นคงแย่ และการที่อยู่ที่วังอดนี้ข้าพเจ้าได้เผชิญกับภูตผีปีศาจ ที่สำคัญเจอกับหญิงผู้ถูกน้ำมันพราย ข้าพเจ้าจะได้เล่าให้ฟังในโอกาศหน้า
เมื่อคนนุ่งผ้าเหลืองอ่านคาถาได้พักหนึ่ง เขาก็เอื้อมมือไปจับหินงอกบนเพดานถ้ำที่เอ้อมถึงแล้วหักออก มืออีกข้างหนึ่งถือใบบอนอยู่ก็รีบยื่นไปรองรับใต้หินที่หักนั้นโดยเร็ว ปรากฏว่ามีของเหลวสีแดงจนเข้มสีคล้ายกับพลอยโกเมน ย้อยลงมาหนึ่งก้อน ขนาดประมาณเท่าหัวแม่มือคน หล่นลงมากลิ้งอยู่บนใบบอน เขาก็คลึงให้กลิ้งอยู่สักพักแล้วบอกว่าเหล็กไหลเพิ่งลงมายังไม่แข็งตัว แล้วก็เอาใส่ในขันน้ำมนต์มีน้ำอยู่เกือบเต็มขันที่เตรียมไว้ หลังจากนั้นก็เรียกผู้ที่เข้าร่วมในพิธีให้มาแบ่งเหล็กไหลไป คนที่มาร่วมในพิธีเห็นดังนั้นก็ให้อัศจรรย์ไปตาม ๆ กันเชื่อถือจนสนิทใจเพราะเห็นอยู่กับตาตรงหน้า ก็รีบแย่งกันขอแบ่งวัตถุเหลวที่อ้างว่าเป็นเหล็กไหลโดยถ้วนหน้า เขาขู่ว่าห้ามทดลองเพราะจะทำให้ผู้ลองต้อง

และเหล็กไหลชนิดนี้ห้ามฝังกับตัวเพราะจะไหลไปตามน้ำ พักพวกข้าพเจ้าได้มาสองก้อน ถวายไปสองพันบาท มีคนเข้าร่วมพิธีคราวนั้นสามสิบกว่าคน บางคนก็ให้สามพัน ห้าพัน ลองคิดดูว่ารวมกันแล้วเป็นเงินเท่าไหร่ แต่น่าแปลกอยู่อย่างหนึ่ง เหล็กไหลตอนลงมามีขนาดประมาณเท่าหัวแม่มือแต่แบ่งไปสามสิบกว่าคนเหล็กไหลก็ไม่หมด แน่จริง ๆ
ข้าพเจ้ากลับมาคิดอยู่หลายตลบว่าสิ่งนี้มันคืออะไร จนมารู้ก็ตอนที่ลูกชายบอกว่ามันคือแม่เหล็กเหลว เป็นของเล่นทางวิทยาศาสตร์ เมื่อเราเอาเหล็กล่อมันจะยืดยาวมาดูดติดกับเหล็กที่ล่อได้ดูแล้วคล้ายกับเหล็กไหล แต่จะมีสีด้าน ๆ ไม่แวววาวเหมือนเหล็กไหลของแท้ มีหลายสีเป็นตันว่าสีดำ น้ำตาล แดง เขียว น่ากลัวจริง ๆ
สำหรับตอนต่อไปจะได้กล่าวถึงชนิดของเหล็กไหลที่เหลือ พบกันทุกวันอาทิตย์นะครับ
การฝึกสมาธิจากประสบการณ์จริง ว่าด้วยตำนานเหล็กไหล มีจริงหรือ ตอนสี่
เมื่อตอนที่แล้ว ได้เล่าให้ฟังถึงวิธีพิจารณาเหล็กไหลเพลิง ที่มาของตำนานเหล็กไหล และค้างที่จะเล่าถึงคนห่มผ้าเหลืองหลอกลวงคนไว้ ในตอนนี้จะเล่าให้ฟังถึงวิธีการในการหลอกลวงของชายผู้นี้ต่อไป
ชายผู้นี้อ้างว่าตนสามารถเรียกเหล็กไหลได้ นุ่งห่มผ้าเหลือง ตอนเช้าออกบิณฑบาต ดูแล้วน่าเลื่อมใส เป็นชายมีอายุมากพอสมควร อาศัยอยู่ในวัดแห่งหนึ่งทางภาคใต้ ที่ข้าพเจ้าไม่ขอเรียกชายผู้นี้ว่าพระ ก็เนื่องจากการกระทำของเขา เป็นการโกหกหลอกลวงโดยจงใจ และมีการตระเตรียมการไว้ก่อนอย่างรอบคอบ แนบเนียน คนเหล่านี้มีความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์จนน่าทึ่ง แม้แต่ข้าพเจ้าเองก็รู้ไม่ถึง เพราะวิทยาศาสตร์ในปัจจุบันนั้นมีความก้าวหน้ามากจนเราตามไม่ทัน แต่คนพวกนี้เก่งช่างสรรหามาจนได้ มารู้อีกทีก็ตอนที่ลูกชายของข้าพเจ้า บอกว่าสิ่งที่เขาทำนี้ทางวิทยาศาสตร์เรียกว่าอะไร หลังจากข้าพเจ้าครุ่นคิดอยู่เป็นวัน ๆ ก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร
วิธีการของเขาจะนัดคนจำนวนมาก โดยอ้างว่าวันนั้น วันนี้ จะมีการเรียกเหล็กไหลจากในถ้ำที่เขาไปสำรวจไว้ก่อนแล้ว นัดคนครั้งละสามสิบกว่าคนถึงห้าสิบคนเพื่อเข้าดูการเรียกเหล็กไหลของเขา ก็มีทั้งข้าราชการ ทหาร เอกชน เข้าร่วมในการเรียกเหล็กไหลของเขา แต่ละครั้งเป็นจำนวนมาก เรียกว่าแต่ละครั้งของการเรียกของเขาถ้ำทั้งถ้ำแน่นขนัดกันเลยทีเดียว สำหรับจำนวนคนที่มากนี้มีความสำคัญดังข้าพเจ้าจะกล่าวต่อไป ข้าพเจ้าลองพิจารณาดูแล้วสำหรับถ้ำที่เขาเข้าไปเรียกเหล็กไหลนั้น น่าจะมีเหล็กไหลอยู่จริง ๆ เป็นแต่เขาเรียกไม่เป็น แต่เงินต้องใช้ทุกวัน จะฝึกฝนปัจจุบันก็หาอาจารย์ผู้สอนไม่ได้ สู้ใช้ทางลัดเอาแบบนี้ดีกว่าง่ายสะดวกเงินดี ไม่ต้องทนลำบากกับการฝึกฝนพระเวทย์ให้เหนื่อยแรง เมื่อนัดคนได้จำนวนมากตามต้องการของเขาแล้ว เขาก็จะเริ่มลงมือโดยจะเรียกเหล็กไหลในตอนกลางคืนภายในถ้ำที่นัดกันไว้ล่วงหน้า พอตกค่ำเวลาประมาณหนึ่งทุ่มก็จะเริ่มกรรมวิธีเรียกเหล็กไหล ในวงพิธีก็มีการล้อมสายสิญเพื่อให้ดูขลังน่าเชื่อถือเสียหน่อย มีของบูชาเต็มไปหมด สำหรับของบูชานี้ลองนึกดูก็แล้วกัน ท่านพระอาจารย์ผู้ทรงวิทยาคมที่เรียกเหล็กไหลได้ก็เป็นพระธุดงค์บ้าง อาจารย์ผู้แก่กล้าอาคมบ้าง แต่ละท่านส่วนใหญ่ก็ธุดงค์อยู่แต่ในป่าเป็นหลาย ๆ ปี แล้วท่านจะไปหาของบูชามากมายมาจากไหน ลำพังเพียงแต่ท่านจะอยู่จะกินก็ยังยาก มีแต่ชาวบ้านไม่กี่คนที่คอยถวายอาหารให้กินให้ฉันท์ ไปวัน ๆ เท่านั้น เช่นนั้นเครื่องบูชาจึงต้องเป็นของที่หาได้ในป่า การจัดใหญ่โตก็เพื่อเรียกร้องค่าของบูชาให้มากมี จัดน้อยเรียกเงินมาก ๆ ก็ดูกระไร บางแห่งเห็นจัดใหญ่กว่าพิธีปลุกเสกพระเสียอีก เรียกค่าบูชาทีเป็นแสนบาทมันก็น่าทำอยู่เหมือนกัน มาว่ากันต่อเรื่องเรียกเหล็กไหลของเรา จัดแจงจุดธูปเทียนตามธรรมเนียมเสร็จแล้วก็ท่องคาถามั่ว ๆ ไปดัง ๆ ได้ยินกันทั่วทั้งถ้ำ จริง ๆ แล้วการเรียกเหล็กไหลแค่ภาวนาในใจก็พอ แล้วหยั่งจิตรกำหนดด้วยพลังสมาธิไปถึงเหล็กไหลโดยขอกำลังจากหลวงปู่ผู้สร้างเหล็กไหล คุณพระรัตนตรัย พ่อแม่ และครูบาอาจารย์ของเรา อัญเชิญให้ไหลย้อยลงมา แล้วจึงตัดตามวิธีที่กล่าวมาแล้วในตอนที่ผ่านมา ส่วนที่ข้าพเจ้าไปเรียกเหล็กไหลเพลิงตามที่เคยเล่าให้ฟังเมื่อตอนที่แล้ว จะได้กล่าวถึงความโดยละเอียดในตอนต่อ ๆ ไป สำหรับคาถาที่ใช้เรียกเหล็กไหลนี้จะใช้เป็นบทเต็ม หรือใช้คาถาหัวใจก็ใช้ได้เช่นเดียวกัน แต่สำหรับคาถาหัวใจที่มีสี่พระอักขระนั้น จะต้องถอดเป็นอนุโลมปฏิโลมก่อนจึงจะใช้ได้ หลักเกณฑ์ในการถอดนี้จะต้องถอดเป็นสิบหกพระอักขระก่อนแล้วจึงภาวนา ยกตัวอย่างพระคาถาหัวใจพระศีวลี นะ ชา ลิ ติ เราจะภาวนาว่า นะ ชา ลิ ติ ๆ แบบนี้ไม่ถูกต้อง ให้ยึดหลักในการถอดไว้แบบนี้ ให้ตั้งเป็น นะ ชา ลิ ติ เป็นเบื้องแรก ต่อไปให้ถอดเป็น ชา ลิ ติ นะ แล้วเป็น ลิ ติ นะ ชา และ ติ นะ ชา ลิ ครบสิบหกพระอักขระดังนี้ นะ ชา ลิ ติ ชา ลิ ติ นะ ลิ ติ นะ ชา ติ นะ ชา ลิ ให้ภาวนาเช่นนี้เป็นหลักสำหรับพระคาถาหัวใจที่มีสี่พระอักขระสำหรับทุกพระคาถาหัวใจ เพื่อสะดวกในการภาวนากำหนดเป็นคาบคาถา สำหรับพระคาถาหัวใจที่มีเกินกว่าสี่พระอักขระนั้น จะมีวิธีถอดเป็นอีกแบบหนึ่งต่างหาก หรือเก้าพระอักขระก็ถอดอีกแบบหนึ่ง ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการสะดวกในการกำหนดภาวนาเป็นคาบคาถาเท่านั้น สำหรับพระคาถาเรียกเหล็กไหลนี้ข้าพเจ้าอยากจะบอกอยู่เหมือนกัน แต่ขนาดไม่รู้ยังหลอกกันได้ถึงเพียงนี้ แล้วถ้ารู้พวกจะหลอกถึงเพียงไหน คนดีนั้นมีแน่ แต่คนชั่วมากกว่าจริง ๆ ในเรื่องถอดพระคาถาหัวใจนี้มีคนเคยมาลองภูมิกับข้าพเจ้าเมื่อตอนที่ข้าพเจ้าบวชอยู่ แล้วออกธุดงค์โดยอ้างกับพระอุปปัชชาว่าจะออกหาประสบการณ์ ดังได้กล่ามาแล้วในตอนเผชิญผีตายโหงที่ผ่านมา เขาเป็นคนรับตั้งศาลพระภูมิบ้านเรือน มีความรู้ทางด้านนี้จากพ่อเขาสอนไว้ เขามาที่พักสงฆ์ตอนที่ข้าพเจ้าพักอยู่ที่สำนักสงฆ์วังอด อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง ตอนนี้เปลี่ยนชื่อเป็นวังสมบูรณ์แล้ว ถามเรื่องการถอดคาถาหัวใจกับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงให้เขาถอดให้ดู เขาก็ถอดตามที่เขาคิด มั่วไปหมดไม่มีหลักเกณฑ์เลย ข้าพเจ้าจึงถามว่า ใครเป็นคนสอนเขาให้ถอดแบบนี้เขาบอกเขาคิดเอง ข้าพเจ้าจึงสอนให้เขารู้วิธีถอดที่ถูกต้องจะได้ใช้เป็นหลักในการถอดพระคาถาหัวใจในคราวต่อไป ดีที่ข้าพเจ้ามีความรู้อยู่บ้าง ไม่เช่นนั้นคงแย่ และการที่อยู่ที่วังอดนี้ข้าพเจ้าได้เผชิญกับภูตผีปีศาจ ที่สำคัญเจอกับหญิงผู้ถูกน้ำมันพราย ข้าพเจ้าจะได้เล่าให้ฟังในโอกาศหน้า
เมื่อคนนุ่งผ้าเหลืองอ่านคาถาได้พักหนึ่ง เขาก็เอื้อมมือไปจับหินงอกบนเพดานถ้ำที่เอ้อมถึงแล้วหักออก มืออีกข้างหนึ่งถือใบบอนอยู่ก็รีบยื่นไปรองรับใต้หินที่หักนั้นโดยเร็ว ปรากฏว่ามีของเหลวสีแดงจนเข้มสีคล้ายกับพลอยโกเมน ย้อยลงมาหนึ่งก้อน ขนาดประมาณเท่าหัวแม่มือคน หล่นลงมากลิ้งอยู่บนใบบอน เขาก็คลึงให้กลิ้งอยู่สักพักแล้วบอกว่าเหล็กไหลเพิ่งลงมายังไม่แข็งตัว แล้วก็เอาใส่ในขันน้ำมนต์มีน้ำอยู่เกือบเต็มขันที่เตรียมไว้ หลังจากนั้นก็เรียกผู้ที่เข้าร่วมในพิธีให้มาแบ่งเหล็กไหลไป คนที่มาร่วมในพิธีเห็นดังนั้นก็ให้อัศจรรย์ไปตาม ๆ กันเชื่อถือจนสนิทใจเพราะเห็นอยู่กับตาตรงหน้า ก็รีบแย่งกันขอแบ่งวัตถุเหลวที่อ้างว่าเป็นเหล็กไหลโดยถ้วนหน้า เขาขู่ว่าห้ามทดลองเพราะจะทำให้ผู้ลองต้อง
ข้าพเจ้ากลับมาคิดอยู่หลายตลบว่าสิ่งนี้มันคืออะไร จนมารู้ก็ตอนที่ลูกชายบอกว่ามันคือแม่เหล็กเหลว เป็นของเล่นทางวิทยาศาสตร์ เมื่อเราเอาเหล็กล่อมันจะยืดยาวมาดูดติดกับเหล็กที่ล่อได้ดูแล้วคล้ายกับเหล็กไหล แต่จะมีสีด้าน ๆ ไม่แวววาวเหมือนเหล็กไหลของแท้ มีหลายสีเป็นตันว่าสีดำ น้ำตาล แดง เขียว น่ากลัวจริง ๆ
สำหรับตอนต่อไปจะได้กล่าวถึงชนิดของเหล็กไหลที่เหลือ พบกันทุกวันอาทิตย์นะครับ