ตำนานเหล็กไหล มีจริงหรือไม่ ตอนสอง
เมื่อตอนที่แล้วได้กล่าวถึงวิธีและผู้สร้างเหล็กไหลไว้พอประมาณ ต่อนี้ไปจะได้กล่าวถึงชนิดและประเภทต่าง ๆ ของเหล็กไหล
เหล็กไหลแบ่งเป็นประเภทย่อย ๆ ได้ประมาณสองถึงสามร้อยชนิด แต่แบ่งเป็นประเภทใหญ่ ๆ ได้เจ็ดชนิดทั้งที่มีอานุภาพและไม่มีอานุภาพดังนี้
เหล็กไหลโกฏิปี เป็นเหล็กไหลที่พบน้อยหายากที่สุดในเหล็กไหลทุกชนิด มีสีเขียวปีกแมลงทับ คำว่าสีเขียวปีกแมลงทับนี้ขอให้ท่านเข้าใจว่าเหมือนปีกแมลงทับจริง ๆ ซึ่งเป็นสีเขียวอมฟ้ามีสีเป็นมันเลื่อมประภัสสร มีลักษณะสำคัญที่แบ่งแยกออกจากเหล็กไหลชนิดอื่น ๆ ด้วยสีและขนาด ด้วยมีขนาดใหญ่สุดเพียงเท่าท้องของผึ้งเท่านั้น เวลาเรียกลงมาจะมีขนาดเท่ากับเส้นเข็มเย็บผ้าหรือใหญ่กว่านี้เพียงเล็กน้อยเท่านั้นเอง แม้แต่เหล็กไหลที่พระอาจารย์มอบให้เสด็จท่านเก็บรักษาก็มีเหล็กไหลโกฏิปีเพียงสี่สิบกว่าก้อนเท่านั้น ในขณะที่เหล็กไหลอื่น ๆ มีเป็นร้อยก้อนหรือกว่านั้นขึ้นไป เวลาตัดย่อยเป็นก้อนจึงมีขนาดก้อนที่เล็กมาก หากมีขนาดที่ใหญ่กว่านี้ก็จะเป็นเหล็กไหลชนิดอื่น ๆ ไม่ใช่เหล็กไหลโกฏิปี พระฤษีกะไลยโกฏิเป็นผู้สร้าง เหตุที่มีจำนวนน้อยเพราะขณะที่สร้างนั้นหลวงปู่มีอายุมากแล้วจึงหุงได้ไม่มาก แต่ด้วยพระเมตตาก็สู้อุดส่าสร้างจนได้ เพื่อเป็นทานให้กุลบุตรหญิงชาย ได้ใช้พิทักษ์รักษาแผ่นดินในกาลต่อไปภายหน้า มีอานุภาพสูงมากในการป้องกันภยันตรายและศาตราวุธต่าง ๆ ตลอดจนสามารถเปลี่ยนจิตรใจคนได้ มีอานุภาพป้องกันอันตรายในน้ำ แม้เจ้าของตกลงไปในน้ำที่เชี่ยวกลาก ก็จะไม่จมน้ำและไม่ไหลไปตามน้ำให้เป็นอันตรายขึ้นได้ สามารถว่ายพยุงตัวกลับขึ้นฝั่งได้โดยปลอดภัย สำหรับข้อห้ามจะพูดรวม ๆ กันไปกับเหล็กไหลอื่น ๆ ด้วยว่าเหมือน ๆ กันในข้อนี้ สำหรับเหล็กไหลโกฏิปีนี้แทบไม่มีข้อห้ามเลยก็ว่าได้ ด้วยว่าผู้ถือเหล็กไหลจะต้องรักษาศีลห้าเป็นอย่างน้อยทุกชนิดอยู่แล้ว แต่สำหรับเหล็กไหลทุกชนิดหากจำเป็น ในการต่อสู้ ก็สามารถสังหารสัตรูได้ไม่ห้ามในข้อนี้ เหล็กไหลโกฏิปี เป็นเหล็กไหลที่ควรมีไว้ในครอบครองอย่างยิ่งถ้าเลือกได้ เพราะนอกจากมีอานุภาพสูงแล้วยังมีขนาดเล็ก ฝังไว้ในตัวแผลก็ไม่ใหญ่ไม่ต้องเจ็บมาก อย่าว่าแต่ศึกมนุษย์เลยแม้แต่ศึกเทวดาก็ไม่ต้องกลัว สำหรับคน ๆ หนึ่ง ถ้าจะให้สมบูรณ์จะต้องฝังสองก้อน ก้อนหนึ่งเป็นเหล็กไหลโกฏิปี ก้อนหนึ่งเป็นเหล็กไหลเพลิง ดังท่านอาจารย์เสด็จกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ท่านฝังเหล็กไหลโกฏิปีไว้ที่ท้องแขนซ้ายหนึ่งก้อน ฝังเหล็กไหลเพลิงไว้ที่กลางอกหนึ่งก้อน ดังจะได้กล่าวต่อไป สำหรับเหล็กไหลโกฏิปีนี้เมื่อหลายวันก่อน หลานชายของข้าพเจ้าที่พักอยู่ที่เดียวกับที่เล่าตอนไปดูเหล็กไหลเมื่อคราวก่อน นำถุงพลาสติก ใส่วัตถุเป็นก้อนกลมมีขนาดเล็กมากเล็กกว่าหัวเข็มหมุด มีสีเขียวหม่น ๆ สีคล้ายหยกที่มีสีเขียวออกเทา สำหรับเหล็กไหลถือว่าลักษณะนี้ ไม่มีสีมีแววแต่อย่างใด นำมาให้ข้าพเจ้าดูแล้วถามว่านี่คืออะไร มาถึงตรงนี้ท่านทั้งหลายที่อ่านข้อเขียนของข้าพเจ้าคงพอจะรู้ว่าเจ้าก้อนกลมแบนนี้มันคืออะไร ถ้าคิดไม่ออกข้าพเจ้าจะบอกให้ว่ามันคือเหล็กไหลโกฏิปีของปลอม คนที่ปลอมมานี้ต้องมีความรู้เกี่ยวกับเหล็กไหลอยู่พอตัว มีความเข้าใจในสีสันและขนาดของเหล็กไหลเป็นอย่างดี ขอท่านทั้งหลายพึงทราบเถิดว่า เหล็กไหลจะต้องเป็นก้อนรีทรงกระบอกปลายมนทั้งสองด้านเท่านั้น ที่เป็นเช่นนี้เพราะเวลาเราตัดแบ่งย่อยจากสายของเหล็กไหลที่ย้อยลงมานั้นเหล็กไหลจะย้อยลงมาทีละน้อยจนเป็นสายยาวจนสุดแล้ว ให้ใช้น้ำมนต์ที่เตรียมไปประพรมเสียก่อน สำหรับพระคาถาที่ใช้ทำน้ำมนต์จะต้องเป็นคาถาที่ใช้กับเหล็กไหลโดยตรง ไม่ใช่ใช้พระคาถาอะไรก็ได้ เหตุที่ต้องใช้น้ำมนต์ประพรมก็เพื่อไม่ให้เหล็กไหลหนีกลับไปในถ้ำก่อนที่เราจะตัดได้ แล้วจึงใช้ไฟจากเทียนขี้ผึ้งแท้ลนบริเวณส่วนที่เหล็กไหลติดกับตาน้ำที่เราเรียกเหล็กไหลลงมา จนย้อยสุดเหลือใยเล็กที่สุดเพื่อสะดวกในการตัด แล้วใช้วัสดุตามที่กำหนดไว้ในคัมภีร์โสฬสตัด สำหรับสิ่งที่ใช้ตัดเหล็กไหลนี้เขาไม่ให้บอกกัน แต่จะตั้งเป็นปริศนาให้คิดซึ่งเป็นการหาเหล็กไหลด้วยในปริศนาข้อนี้เอง ข้าพเจ้าจะบอกในโอกาสต่อไป เหล็กไหลเมื่อย้อยลงมาจะเป็นเส้นเดียวจะยาวหรือสั้น หรือมีขนาดของเส้นใหญ่เล็กอย่างไรนั้น ขึ้นอยู่กับชนิดของเหล็กไหล ให้เราแบ่งย่อยเป็นก้อนเล็ก ๆ จะเป็นท่อนทรงกระบอกปลายตัด หลังจากตัดแบ่งย่อยแล้วเหล็กไหลจะเซ็ตตัวปลายที่ตัดทั้งสองจะเปลี่ยนเป็นทรงกลมด้วยเหตุนี้เหล็กไหลที่แท้จริงจึงมีเพียงสัณฐานเดียวเท่านั้น ในข้อนี้ขอให้ทราบว่าขณะเมื่อเหล็กไหลย้อยลงมานั้น จะทำอิทธิฤทธิ์เสียงสะเทือนเลื่อนลั่นราวกับว่าถ้ำทั้งถ้ำจะถล่มพังลงมา ที่ลงแบบนิ่ม ๆ เงียบ ๆ ขอให้เข้าใจว่าไม่มีและไม่ใช่อย่างแน่นอน จะอย่างไรเสียของปลอมมันก็ไม่เหมือนของจริงอยู่ดี ข้าพเจ้าจึงบอกไปว่า น่าจะเป็นเหล็กไหลแต่ก้อนนี้ไม่ใช่ เขาบอกว่าพระอาจารย์เขาให้มา ข้าพเจ้าจึงบอกว่าเหล็กไหลราคาก้อนหนึ่งเป็นสิบล้านเขาคงไม่ให้กันง่าย ๆ หลอก เขาก็เก็บกลับไป ข้าพเจ้าขอบอกให้รู้ว่าถ้าเป็นเหล็กไหลแท้จริงแล้วจะไม่สามารถใส่ถุงพกในกระเป๋าเสื้อได้เลย เพราะเหล็กไหลจะแสดงอานุภาพ เปิดไฟก็จะหรี่ดับ เปิดพัดลมก็ไม่ได้มันจะไม่หมุนแล้วจะพานไหม้เสียหาย สตาร์ทรถถ้าเราไม่ใช่คนขับก็จะไม่ติด เป็นอันว่าทำอะไรก็ไม่ได้ ถ้าจะพกไปมีทางเดียวคือใส่ไว้ในกลักขี้ผึ้งแท้ หรือฝังไว้ในตัวคน จึงจะไม่แสดงอานุภาพ อีกอย่างหนึ่งเหล็กไหลนี้ ท่านผู้สร้างได้ฝังอาถรรพ์กันขโมยเอาไว้ เพื่อป้องกันผู้อื่นที่ไม่ใช่เจ้าของจะนำพาไปใช้ได้ คำว่า ยักพาไปลิงพามานี้ ไม่มีทางสำหรับเหล็กไหลที่จะเป็นไปได้ ลืมบอกไปว่าที่บ้านของหลานข้าพเจ้าเป็นตำหนักทรงเจ้าแม่กวนอิม
ด้วยเหตุนี้เองทำให้ผู้ที่ครอบครองเหล็กไหลไม่สามารถขาย หรือให้เหล็กไหลแก่ผู้อื่นโดยไม่มีการอาราธนาขออนุญาตจากท่านผู้สร้างเหล็กไหลก่อน เพราะถ้าตั้งธงไว้ว่าเหล็กไหลเกิดเองตามธรรมชาติ หรือเป็นสิ่งมีชีวิตตามธรรมชาติแล้ว ก็เลยไม่คิดที่จะขออนุญาตใคร เหล็กไหลจะกลับมาที่เดิมทุกครั้งไม่ว่าจะใช้วิธีการใด ๆ ก็ไม่สามารถจะนำเหล็กไหลไปได้ ในเรื่องนี้มีผู้เขียนไว้หลายท่านแล้ว แต่ไม่ระบุเหตุผลว่าเป็นเพราะเหตุใด ในข้อเขียนของข้าพเจ้าจึงได้แจ้งไว้แล้วตามนี้ ในรายละเอียดจะไม่ขอพูดถึงอีกเพราะจะซ้ำกันและเป็นการสาธยายข้อเขียนของผู้อื่นเห็นว่าไม่สมควร
จะเล่าเรื่องพวกสิบแปดมงกุฎ ใช้วิธีการอันแยบยลในการหลอกลวงผู้คน ข้าพเจ้าเพิ่งรู้มาใหม่ พวกที่หลอกลวงไม่เว้นแม้แต่ผู้ห่มผ้าเหลือง เมื่อหลายปีก่อนมีคนห่มผ้าเหลืองคนหนึ่ง ใช้วิธีนี้ในการตัดเหล็กไหล ก่อนที่จะกล่าวต่อไปขอย้ำว่าการตัดเหล็กไหลจะต้องทำเหมือนที่ข้าพเจ้ากล่าวไว้แล้วเท่านั้น จะใช้วิธีอื่น ๆ ให้ได้มาซึ่งเหล็กไหลจากในถ้ำนั้น ไม่ได้และไม่ใช่โดยเด็ดขาด เป็นต้นว่าหล่นลงมา ไม่ว่าจะใช้อะไรรับ เป็นต้นว่าบางก้อนก็หล่นลงในผ้าบ้างหล่นนอกผ้าบ้างเพราะคนโยน ๆ มาแรงเกินไป ขอให้ทราบว่าเหล็กไหลเมื่อตกพื้นดินจะสูญหายทันที ออกมาเป็นก้อน มาแล้ว ๆ ไม่ต้องแบ่งย่อยอีก หรือใช้วิธีการอื่นในการแบ่งให้เป็นก้อนย่อย ๆ ก็ดี สิ่งนั้นไม่ใช่เหล็กไหลอย่างแน่นอน และคนที่เรียกเหล็กไหลเหล่านี้ จะพูดเป็นทำนองว่าห้ามทดสอบบ้าง ห้ามขายบ้างถ้าไม่เชื่อจะมีอันเป็นไป เพราะกลัวเขานำไปทดลองแล้วจะรู้ว่าเป็นของปลอม เหล็กไหลเป็นของวิเศษ ที่หลวงปู่ฤษีสร้างไว้ มีแต่คุณไม่มีโทษใด ๆ แก่ผู้ที่ครอบครอง เว้นแต่เหล็กไหลชนิดนี้คือเหล็กไหลที่ปักติดบนผนังถ้ำมีลักษณะเป็นดอกบัว มีรัศมีสีรุ้งครอบคลุมอยู่ เหล็กไหลชนิดนี้จะมีเทพชั้นสูงคุ้มครองอยู่ มนุษย์ไม่สามารถครอบครองเหล็กไหลชนิดนี้ได้ หากฝืนก็จะเสียชีวิตเสียเปล่า ๆ นอกจากเหล็กไหลชนิดนี้แล้ว ถ้าผู้ที่ครอบครองทำสิ่งที่ผิดต่อเหล็กไหล ก็จะไม่ให้โทษ ใด ๆ แก่ผู้ครอบครอง เหล็กไหลจะใช้วิธีสูญหายไปจากผู้ครอบครองแทน เรื่องนี้จะเล่าให้ฟังเป็นตัวอย่างจากประสบการณ์ของข้าพเจ้า เมื่อเกือบสามสิบปีก่อน ข้าพเจ้าไปฝึกทนายความอยู่ที่จังหวัดราชบุรี มีท่านผู้มีฐานะคนหนึ่งมีอิทธิพลพอควรเขามีฐานะดีและคงมีสัตรูอยู่มาก จึงซื้อเหล็กไหลมาได้ในราคาสิบล้านบาทตอนนั้น เขาได้ฝังไว้ในตัว ที่ท้องแขนซ้ายก้อนหนึ่ง ตลอดเวลาที่ผ่านไปของเขา ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น อยู่มาวันหนึ่งเขาไปบ้านเพื่อน ซึ่งอยู่ในบ้านนอกก็เป็นบ้านทั่ว ๆ ไปตามชนบท ขณะเดินเข้าไปในบริเวณบ้านได้ยินเสียงดังเพี้ยะที่ท้องแขนซ้าย เขาก็รีบใช้มือจับดูปรากฏว่าเหล็กไหลที่ฝังไว้ หายไปเสียแล้ว พอเขาแหงนหน้าขึ้นมองเหนือศีรษะ จึงทราบว่าเขาเดินลอดราวตากผ้า แต่ตอนนั้นมีผ้าอยู่ไม่กี่ผืนจึงไม่ทันได้สังเกตุเห็น เพราะมีแต่เส้นลวดเล็ก ๆ เรื่องนี้ข้าพเจ้ารู้มาด้วยตนเอง จึงเป็นข้อเตือนใจว่าผู้ที่จะครอบครองเหล็กไหลนั้นจะต้องรอบรู้คาถาอาคมพอสมควรไม่ใช่ใคร ๆ ก็จะฝังเหล็กไหลได้เพียงเพราะมีเงินซื้อเท่านั้น นอกจากนี้พวกร้านฟักแฟงที่ปลูกไว้ก็ห้ามลอด ผิดลูกเมียเขาหรือโสเภณีก็ห้าม เวลาเข้าส้วมก็ห้ามพูดว่าเหม็น สกปรกเหล่านี้ห้ามพูด ด่าพ่อด่าแม่ก็ห้ามด่า แท้จริงแล้วเหล็กไหลจะไม่ให้โทษอะไรกับผู้ครอบครองเหล็กไหล เป็นแต่เขาจะไม่อยู่ด้วยกับคนผู้นี้ ถ้าจำเป็นต้องฝ่าสิ่งที่ต้องห้ามเช่นต้องติดตามสัตรู ให้อันเชิญพระคาถาป้องกันคือ พระมนต์ทรง ให้ทำดังนี้ให้ว่านะโมสามจบ แล้วใช้มือกุมศีรษะไว้แล้วว่าคาถาดังนี้ นะทรงฟ้า โมทรงดิน พุทธทรงสายสิญจน์ ธาทรงสมุทร ยะยุดอากาศ เมื่อผ่านสิ่งที่ต้องห้ามไปแล้ว ให้ว่าพระคาถาถอยหลังเพื่อเรียกของกลับคืน แล้วเอามือออกจากศีรษะเป็นอันเสร็จการผ่านสิ่งต้องห้าม แต่จงจำไว้ว่าขณะเราใช้พระคาถานี้อยู่อาคมต่าง ๆ จะไม่คุ้มครองเราไปชั่วเวลานี้ด้วย ถ้าถูกยิงก็ต้องตาย จึงต้องใช้เมื่อจำเป็นจริง ๆ เท่านั้น อีกข้อสำคัญ ผู้ที่จะใช้พระเวทย์ทุกบท ต้องผ่านการครอบครูที่ถูกต้องมาแล้ว และยกครูทุกวิชาที่จะเรียนจึงจะใช้ได้เป็นประสิทธิ
เล่ามาถึงตอนนี้แล้ว ขอยกไปเล่าเรื่องคนนุ่งผ้าเหลืองเขาใช้กลเม็ดใดในการเรียกเหล็กไหลในตอนต่อไป อย่าลืมพบกันทุกวันอาทิตย์ครับ
ตำนานเหล็กไหล มีจริงหรือไม่ ตอนสอง
เมื่อตอนที่แล้วได้กล่าวถึงวิธีและผู้สร้างเหล็กไหลไว้พอประมาณ ต่อนี้ไปจะได้กล่าวถึงชนิดและประเภทต่าง ๆ ของเหล็กไหล
เหล็กไหลแบ่งเป็นประเภทย่อย ๆ ได้ประมาณสองถึงสามร้อยชนิด แต่แบ่งเป็นประเภทใหญ่ ๆ ได้เจ็ดชนิดทั้งที่มีอานุภาพและไม่มีอานุภาพดังนี้
เหล็กไหลโกฏิปี เป็นเหล็กไหลที่พบน้อยหายากที่สุดในเหล็กไหลทุกชนิด มีสีเขียวปีกแมลงทับ คำว่าสีเขียวปีกแมลงทับนี้ขอให้ท่านเข้าใจว่าเหมือนปีกแมลงทับจริง ๆ ซึ่งเป็นสีเขียวอมฟ้ามีสีเป็นมันเลื่อมประภัสสร มีลักษณะสำคัญที่แบ่งแยกออกจากเหล็กไหลชนิดอื่น ๆ ด้วยสีและขนาด ด้วยมีขนาดใหญ่สุดเพียงเท่าท้องของผึ้งเท่านั้น เวลาเรียกลงมาจะมีขนาดเท่ากับเส้นเข็มเย็บผ้าหรือใหญ่กว่านี้เพียงเล็กน้อยเท่านั้นเอง แม้แต่เหล็กไหลที่พระอาจารย์มอบให้เสด็จท่านเก็บรักษาก็มีเหล็กไหลโกฏิปีเพียงสี่สิบกว่าก้อนเท่านั้น ในขณะที่เหล็กไหลอื่น ๆ มีเป็นร้อยก้อนหรือกว่านั้นขึ้นไป เวลาตัดย่อยเป็นก้อนจึงมีขนาดก้อนที่เล็กมาก หากมีขนาดที่ใหญ่กว่านี้ก็จะเป็นเหล็กไหลชนิดอื่น ๆ ไม่ใช่เหล็กไหลโกฏิปี พระฤษีกะไลยโกฏิเป็นผู้สร้าง เหตุที่มีจำนวนน้อยเพราะขณะที่สร้างนั้นหลวงปู่มีอายุมากแล้วจึงหุงได้ไม่มาก แต่ด้วยพระเมตตาก็สู้อุดส่าสร้างจนได้ เพื่อเป็นทานให้กุลบุตรหญิงชาย ได้ใช้พิทักษ์รักษาแผ่นดินในกาลต่อไปภายหน้า มีอานุภาพสูงมากในการป้องกันภยันตรายและศาตราวุธต่าง ๆ ตลอดจนสามารถเปลี่ยนจิตรใจคนได้ มีอานุภาพป้องกันอันตรายในน้ำ แม้เจ้าของตกลงไปในน้ำที่เชี่ยวกลาก ก็จะไม่จมน้ำและไม่ไหลไปตามน้ำให้เป็นอันตรายขึ้นได้ สามารถว่ายพยุงตัวกลับขึ้นฝั่งได้โดยปลอดภัย สำหรับข้อห้ามจะพูดรวม ๆ กันไปกับเหล็กไหลอื่น ๆ ด้วยว่าเหมือน ๆ กันในข้อนี้ สำหรับเหล็กไหลโกฏิปีนี้แทบไม่มีข้อห้ามเลยก็ว่าได้ ด้วยว่าผู้ถือเหล็กไหลจะต้องรักษาศีลห้าเป็นอย่างน้อยทุกชนิดอยู่แล้ว แต่สำหรับเหล็กไหลทุกชนิดหากจำเป็น ในการต่อสู้ ก็สามารถสังหารสัตรูได้ไม่ห้ามในข้อนี้ เหล็กไหลโกฏิปี เป็นเหล็กไหลที่ควรมีไว้ในครอบครองอย่างยิ่งถ้าเลือกได้ เพราะนอกจากมีอานุภาพสูงแล้วยังมีขนาดเล็ก ฝังไว้ในตัวแผลก็ไม่ใหญ่ไม่ต้องเจ็บมาก อย่าว่าแต่ศึกมนุษย์เลยแม้แต่ศึกเทวดาก็ไม่ต้องกลัว สำหรับคน ๆ หนึ่ง ถ้าจะให้สมบูรณ์จะต้องฝังสองก้อน ก้อนหนึ่งเป็นเหล็กไหลโกฏิปี ก้อนหนึ่งเป็นเหล็กไหลเพลิง ดังท่านอาจารย์เสด็จกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ท่านฝังเหล็กไหลโกฏิปีไว้ที่ท้องแขนซ้ายหนึ่งก้อน ฝังเหล็กไหลเพลิงไว้ที่กลางอกหนึ่งก้อน ดังจะได้กล่าวต่อไป สำหรับเหล็กไหลโกฏิปีนี้เมื่อหลายวันก่อน หลานชายของข้าพเจ้าที่พักอยู่ที่เดียวกับที่เล่าตอนไปดูเหล็กไหลเมื่อคราวก่อน นำถุงพลาสติก ใส่วัตถุเป็นก้อนกลมมีขนาดเล็กมากเล็กกว่าหัวเข็มหมุด มีสีเขียวหม่น ๆ สีคล้ายหยกที่มีสีเขียวออกเทา สำหรับเหล็กไหลถือว่าลักษณะนี้ ไม่มีสีมีแววแต่อย่างใด นำมาให้ข้าพเจ้าดูแล้วถามว่านี่คืออะไร มาถึงตรงนี้ท่านทั้งหลายที่อ่านข้อเขียนของข้าพเจ้าคงพอจะรู้ว่าเจ้าก้อนกลมแบนนี้มันคืออะไร ถ้าคิดไม่ออกข้าพเจ้าจะบอกให้ว่ามันคือเหล็กไหลโกฏิปีของปลอม คนที่ปลอมมานี้ต้องมีความรู้เกี่ยวกับเหล็กไหลอยู่พอตัว มีความเข้าใจในสีสันและขนาดของเหล็กไหลเป็นอย่างดี ขอท่านทั้งหลายพึงทราบเถิดว่า เหล็กไหลจะต้องเป็นก้อนรีทรงกระบอกปลายมนทั้งสองด้านเท่านั้น ที่เป็นเช่นนี้เพราะเวลาเราตัดแบ่งย่อยจากสายของเหล็กไหลที่ย้อยลงมานั้นเหล็กไหลจะย้อยลงมาทีละน้อยจนเป็นสายยาวจนสุดแล้ว ให้ใช้น้ำมนต์ที่เตรียมไปประพรมเสียก่อน สำหรับพระคาถาที่ใช้ทำน้ำมนต์จะต้องเป็นคาถาที่ใช้กับเหล็กไหลโดยตรง ไม่ใช่ใช้พระคาถาอะไรก็ได้ เหตุที่ต้องใช้น้ำมนต์ประพรมก็เพื่อไม่ให้เหล็กไหลหนีกลับไปในถ้ำก่อนที่เราจะตัดได้ แล้วจึงใช้ไฟจากเทียนขี้ผึ้งแท้ลนบริเวณส่วนที่เหล็กไหลติดกับตาน้ำที่เราเรียกเหล็กไหลลงมา จนย้อยสุดเหลือใยเล็กที่สุดเพื่อสะดวกในการตัด แล้วใช้วัสดุตามที่กำหนดไว้ในคัมภีร์โสฬสตัด สำหรับสิ่งที่ใช้ตัดเหล็กไหลนี้เขาไม่ให้บอกกัน แต่จะตั้งเป็นปริศนาให้คิดซึ่งเป็นการหาเหล็กไหลด้วยในปริศนาข้อนี้เอง ข้าพเจ้าจะบอกในโอกาสต่อไป เหล็กไหลเมื่อย้อยลงมาจะเป็นเส้นเดียวจะยาวหรือสั้น หรือมีขนาดของเส้นใหญ่เล็กอย่างไรนั้น ขึ้นอยู่กับชนิดของเหล็กไหล ให้เราแบ่งย่อยเป็นก้อนเล็ก ๆ จะเป็นท่อนทรงกระบอกปลายตัด หลังจากตัดแบ่งย่อยแล้วเหล็กไหลจะเซ็ตตัวปลายที่ตัดทั้งสองจะเปลี่ยนเป็นทรงกลมด้วยเหตุนี้เหล็กไหลที่แท้จริงจึงมีเพียงสัณฐานเดียวเท่านั้น ในข้อนี้ขอให้ทราบว่าขณะเมื่อเหล็กไหลย้อยลงมานั้น จะทำอิทธิฤทธิ์เสียงสะเทือนเลื่อนลั่นราวกับว่าถ้ำทั้งถ้ำจะถล่มพังลงมา ที่ลงแบบนิ่ม ๆ เงียบ ๆ ขอให้เข้าใจว่าไม่มีและไม่ใช่อย่างแน่นอน จะอย่างไรเสียของปลอมมันก็ไม่เหมือนของจริงอยู่ดี ข้าพเจ้าจึงบอกไปว่า น่าจะเป็นเหล็กไหลแต่ก้อนนี้ไม่ใช่ เขาบอกว่าพระอาจารย์เขาให้มา ข้าพเจ้าจึงบอกว่าเหล็กไหลราคาก้อนหนึ่งเป็นสิบล้านเขาคงไม่ให้กันง่าย ๆ หลอก เขาก็เก็บกลับไป ข้าพเจ้าขอบอกให้รู้ว่าถ้าเป็นเหล็กไหลแท้จริงแล้วจะไม่สามารถใส่ถุงพกในกระเป๋าเสื้อได้เลย เพราะเหล็กไหลจะแสดงอานุภาพ เปิดไฟก็จะหรี่ดับ เปิดพัดลมก็ไม่ได้มันจะไม่หมุนแล้วจะพานไหม้เสียหาย สตาร์ทรถถ้าเราไม่ใช่คนขับก็จะไม่ติด เป็นอันว่าทำอะไรก็ไม่ได้ ถ้าจะพกไปมีทางเดียวคือใส่ไว้ในกลักขี้ผึ้งแท้ หรือฝังไว้ในตัวคน จึงจะไม่แสดงอานุภาพ อีกอย่างหนึ่งเหล็กไหลนี้ ท่านผู้สร้างได้ฝังอาถรรพ์กันขโมยเอาไว้ เพื่อป้องกันผู้อื่นที่ไม่ใช่เจ้าของจะนำพาไปใช้ได้ คำว่า ยักพาไปลิงพามานี้ ไม่มีทางสำหรับเหล็กไหลที่จะเป็นไปได้ ลืมบอกไปว่าที่บ้านของหลานข้าพเจ้าเป็นตำหนักทรงเจ้าแม่กวนอิม
ด้วยเหตุนี้เองทำให้ผู้ที่ครอบครองเหล็กไหลไม่สามารถขาย หรือให้เหล็กไหลแก่ผู้อื่นโดยไม่มีการอาราธนาขออนุญาตจากท่านผู้สร้างเหล็กไหลก่อน เพราะถ้าตั้งธงไว้ว่าเหล็กไหลเกิดเองตามธรรมชาติ หรือเป็นสิ่งมีชีวิตตามธรรมชาติแล้ว ก็เลยไม่คิดที่จะขออนุญาตใคร เหล็กไหลจะกลับมาที่เดิมทุกครั้งไม่ว่าจะใช้วิธีการใด ๆ ก็ไม่สามารถจะนำเหล็กไหลไปได้ ในเรื่องนี้มีผู้เขียนไว้หลายท่านแล้ว แต่ไม่ระบุเหตุผลว่าเป็นเพราะเหตุใด ในข้อเขียนของข้าพเจ้าจึงได้แจ้งไว้แล้วตามนี้ ในรายละเอียดจะไม่ขอพูดถึงอีกเพราะจะซ้ำกันและเป็นการสาธยายข้อเขียนของผู้อื่นเห็นว่าไม่สมควร
จะเล่าเรื่องพวกสิบแปดมงกุฎ ใช้วิธีการอันแยบยลในการหลอกลวงผู้คน ข้าพเจ้าเพิ่งรู้มาใหม่ พวกที่หลอกลวงไม่เว้นแม้แต่ผู้ห่มผ้าเหลือง เมื่อหลายปีก่อนมีคนห่มผ้าเหลืองคนหนึ่ง ใช้วิธีนี้ในการตัดเหล็กไหล ก่อนที่จะกล่าวต่อไปขอย้ำว่าการตัดเหล็กไหลจะต้องทำเหมือนที่ข้าพเจ้ากล่าวไว้แล้วเท่านั้น จะใช้วิธีอื่น ๆ ให้ได้มาซึ่งเหล็กไหลจากในถ้ำนั้น ไม่ได้และไม่ใช่โดยเด็ดขาด เป็นต้นว่าหล่นลงมา ไม่ว่าจะใช้อะไรรับ เป็นต้นว่าบางก้อนก็หล่นลงในผ้าบ้างหล่นนอกผ้าบ้างเพราะคนโยน ๆ มาแรงเกินไป ขอให้ทราบว่าเหล็กไหลเมื่อตกพื้นดินจะสูญหายทันที ออกมาเป็นก้อน มาแล้ว ๆ ไม่ต้องแบ่งย่อยอีก หรือใช้วิธีการอื่นในการแบ่งให้เป็นก้อนย่อย ๆ ก็ดี สิ่งนั้นไม่ใช่เหล็กไหลอย่างแน่นอน และคนที่เรียกเหล็กไหลเหล่านี้ จะพูดเป็นทำนองว่าห้ามทดสอบบ้าง ห้ามขายบ้างถ้าไม่เชื่อจะมีอันเป็นไป เพราะกลัวเขานำไปทดลองแล้วจะรู้ว่าเป็นของปลอม เหล็กไหลเป็นของวิเศษ ที่หลวงปู่ฤษีสร้างไว้ มีแต่คุณไม่มีโทษใด ๆ แก่ผู้ที่ครอบครอง เว้นแต่เหล็กไหลชนิดนี้คือเหล็กไหลที่ปักติดบนผนังถ้ำมีลักษณะเป็นดอกบัว มีรัศมีสีรุ้งครอบคลุมอยู่ เหล็กไหลชนิดนี้จะมีเทพชั้นสูงคุ้มครองอยู่ มนุษย์ไม่สามารถครอบครองเหล็กไหลชนิดนี้ได้ หากฝืนก็จะเสียชีวิตเสียเปล่า ๆ นอกจากเหล็กไหลชนิดนี้แล้ว ถ้าผู้ที่ครอบครองทำสิ่งที่ผิดต่อเหล็กไหล ก็จะไม่ให้โทษ ใด ๆ แก่ผู้ครอบครอง เหล็กไหลจะใช้วิธีสูญหายไปจากผู้ครอบครองแทน เรื่องนี้จะเล่าให้ฟังเป็นตัวอย่างจากประสบการณ์ของข้าพเจ้า เมื่อเกือบสามสิบปีก่อน ข้าพเจ้าไปฝึกทนายความอยู่ที่จังหวัดราชบุรี มีท่านผู้มีฐานะคนหนึ่งมีอิทธิพลพอควรเขามีฐานะดีและคงมีสัตรูอยู่มาก จึงซื้อเหล็กไหลมาได้ในราคาสิบล้านบาทตอนนั้น เขาได้ฝังไว้ในตัว ที่ท้องแขนซ้ายก้อนหนึ่ง ตลอดเวลาที่ผ่านไปของเขา ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น อยู่มาวันหนึ่งเขาไปบ้านเพื่อน ซึ่งอยู่ในบ้านนอกก็เป็นบ้านทั่ว ๆ ไปตามชนบท ขณะเดินเข้าไปในบริเวณบ้านได้ยินเสียงดังเพี้ยะที่ท้องแขนซ้าย เขาก็รีบใช้มือจับดูปรากฏว่าเหล็กไหลที่ฝังไว้ หายไปเสียแล้ว พอเขาแหงนหน้าขึ้นมองเหนือศีรษะ จึงทราบว่าเขาเดินลอดราวตากผ้า แต่ตอนนั้นมีผ้าอยู่ไม่กี่ผืนจึงไม่ทันได้สังเกตุเห็น เพราะมีแต่เส้นลวดเล็ก ๆ เรื่องนี้ข้าพเจ้ารู้มาด้วยตนเอง จึงเป็นข้อเตือนใจว่าผู้ที่จะครอบครองเหล็กไหลนั้นจะต้องรอบรู้คาถาอาคมพอสมควรไม่ใช่ใคร ๆ ก็จะฝังเหล็กไหลได้เพียงเพราะมีเงินซื้อเท่านั้น นอกจากนี้พวกร้านฟักแฟงที่ปลูกไว้ก็ห้ามลอด ผิดลูกเมียเขาหรือโสเภณีก็ห้าม เวลาเข้าส้วมก็ห้ามพูดว่าเหม็น สกปรกเหล่านี้ห้ามพูด ด่าพ่อด่าแม่ก็ห้ามด่า แท้จริงแล้วเหล็กไหลจะไม่ให้โทษอะไรกับผู้ครอบครองเหล็กไหล เป็นแต่เขาจะไม่อยู่ด้วยกับคนผู้นี้ ถ้าจำเป็นต้องฝ่าสิ่งที่ต้องห้ามเช่นต้องติดตามสัตรู ให้อันเชิญพระคาถาป้องกันคือ พระมนต์ทรง ให้ทำดังนี้ให้ว่านะโมสามจบ แล้วใช้มือกุมศีรษะไว้แล้วว่าคาถาดังนี้ นะทรงฟ้า โมทรงดิน พุทธทรงสายสิญจน์ ธาทรงสมุทร ยะยุดอากาศ เมื่อผ่านสิ่งที่ต้องห้ามไปแล้ว ให้ว่าพระคาถาถอยหลังเพื่อเรียกของกลับคืน แล้วเอามือออกจากศีรษะเป็นอันเสร็จการผ่านสิ่งต้องห้าม แต่จงจำไว้ว่าขณะเราใช้พระคาถานี้อยู่อาคมต่าง ๆ จะไม่คุ้มครองเราไปชั่วเวลานี้ด้วย ถ้าถูกยิงก็ต้องตาย จึงต้องใช้เมื่อจำเป็นจริง ๆ เท่านั้น อีกข้อสำคัญ ผู้ที่จะใช้พระเวทย์ทุกบท ต้องผ่านการครอบครูที่ถูกต้องมาแล้ว และยกครูทุกวิชาที่จะเรียนจึงจะใช้ได้เป็นประสิทธิ
เล่ามาถึงตอนนี้แล้ว ขอยกไปเล่าเรื่องคนนุ่งผ้าเหลืองเขาใช้กลเม็ดใดในการเรียกเหล็กไหลในตอนต่อไป อย่าลืมพบกันทุกวันอาทิตย์ครับ