ตำนานเหล็กไหล มีจริงหรือไม่ ตอนหนึ่ง
“ สิ้นจาก พระอาจารย์ ของข้าพเจ้าแล้ว เหล็กไหลจะเป็นเรื่องโกหกหลอกลวง ต้นตุ๋นกันไปวันหนึ่ง ๆ เท่านั้น เนื่องจากอนุชนรุ่นหลัง ไม่สามารถฝึกอภิญญาสมาบัติได้เท่าบรรพชนม์ “
ข้อเขียนนี้เมื่อลงมือเขียนขึ้นเมื่อใด แน่นอนว่าจะต้องมีผู้คัดค้านอย่างมากมาย แสดงความคิดเห็น ไม่เห็นด้วยบ้าง เห็นเป็นอย่างอื่นบ้าง ไม่รู้จริงมั่ว ๆ อาจจะเข้าใจว่าที่ตนรู้มานั้นถูกแล้ว หลับหูหลับตาทั้งที่รู้ว่าตัวไม่รู้ เหตุที่จะคัดค้านก็เพราะว่าเมื่อข้อความนี้เผยแพร่ออกไป จะมีผู้เสียประโยชน์ที่เขาเคยมีเคยได้ จากผู้ไม่รู้ที่เคยหลอกลวงได้ง่าย ๆ กลับเป็นหลอกลวงได้ยากขึ้น เหมือนตอนที่ข้าพเจ้าเคยเขียนเกี่ยวกับการไหว้ครูครอบว่า มีผู้เสียสติเป็นบ้า เนื่องจากเรียนวิชาอาคม โดยไม่ครอบครูก่อนในอีกเว็บหนึ่ง ซึ่งข้าพเจ้าจะเล่าให้ฟังในคราวต่อไป ในช่องการแสดงความคิดเห็น เขาลบข้อความของข้าพเจ้าจนหมด เพราะหากข้อความของข้าพเจ้าแพร่ออกไป จะไม่มีใครสามารถเรียนวิชาอาคมได้เลย แม้จะเป็นความจริงก็ตาม ข้อเขียนของเขาเรื่องคาถาอาคมต่าง ๆ ก็จะไร้ความหมายใช้การอะไรไม่ได้ ทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเขาก็คือ ลบความเห็นของข้าพเจ้าเป็นดีที่สุด ใครจะเป็นอะไรก็ไม่ใช่ธุระอะไรของเขา ขอเพียงได้ทำมาหากินต่อไปก็คงพอสำหรับเขาแล้ว เช่นนี้กระมัง น่าเสียดายก็แต่ข้อเขียนของข้าพเจ้ามีผู้อ่านน้อย เพราะหัวข้อดูแล้วไม่น่าสนุก ในที่สุดก็ช่วยอะไรได้ไม่มากนัก
มาว่ากันต่อเรื่องเหล็กไหล การสร้างเหล็กไหลนี้มีบันทึกไว้ในคัมภีร์ โสฬส กล่าวถึงตำราในการสร้างเหล็กไหลไว้ โดยผู้สร้างต้องนำมวลสารที่มีฤทธิ์ศักดิ์สิทธิรวมสิบสามชนิด หุงรวมกันบนยอดเขาสูง และ ผู้ที่จะสร้างเหล็กไหลนั้น จะต้องสำเร็จฌานสมาบัติลำดับที่แปด ทั้งต้องรอบรู้เจนจบในคัมภีร์โสฬส เมื่อเวลาที่เหล็กไหลหุงสุกจะปะทุพุ่งขึ้นไปในท้องฟ้าแล้วแตกกระจายไปในทิศทั้งแปด สีและชนิดของเหล็กไหลจะขึ้นอยู่กับว่าเหล็กไหลที่ปะทุขึ้นไปนั้นได้รับแสงของดวงอาทิตย์มากน้อยต่างกันอย่างไร เช่นหากเหล็กไหลหุงสุกสายแล้วดวงตะวันขึ้นสูงแล้วเหล็กไหลได้รับแสงพระอาทิตย์มากจะเป็นสีแดง หากว่าหุงสุกก่อนดวงอาทิตย์ยังไม่ขึ้นเหล็กไหลก็จะเป็นสีดำ หรือเขียว เป็นต้น จึงปรากฏว่าร้อยทั้งร้อยของผู้สร้างคือปู่ฤษี เหล็กไหลจะถูกชุบให้มีชีวิตเป็นอมตะ มีอานุภาพป้องกันตนเองจากภยันตรายนา ๆ ชนิด และป้องกันสิ่งต่าง ๆ รอบตัวในรัศมีของเหล็กไหลนั้น เป็นต้นว่าบ้านทั้งหลังถูกพายุพัด หรือไฟไหม้บ้านข้างเคียง เมื่อลามมาถึงบ้านที่มีเหล็กไหลประดิษฐานอยู่ก็จะหยุดไหม้ไม่ลามมาถึงบ้านได้ ก็จะไม่มีอันตรายไปด้วย จึงเห็นได้ว่าแท้จริงแล้ว เหล็กไหลมิได้ป้องกันผู้ที่พกเหล็กไหลโดยตรง แต่มุ่งที่จะป้องกันตนเองให้พ้นจากอันตราย จึงพลอยป้องกันผู้ที่พกเหล็กไหลให้พ้นจากอันตรายเพราะเหตุผลนี้ เหล็กไหลไม่มีวันตายเนื่องจากมีชีวิตเป็นอมตะ แต่จริง ๆ แล้วเหล็กไหลก็มีวันตายเหมือนกัน แต่นานมาก ยกตัวอย่างเหล็กไหลโกฏิปี คำว่าโกฏิแปลว่าสิบล้าน โกฏิปีก็แปลว่าสิบล้านปีนั่นคืออายุของเหล็กไหล จึงแสดงอาการของความมีชีวิตได้ เช่นเคลื่อนที่ได้ กินอาหารได้ ล่องหนและชำแรกผ่านหินผาได้ ขับถ่ายได้ คำว่าขับถ่ายได้ท่านอย่าได้ไปสับสนกันกับขี้เหล็กไหล เนื่องจากขี้หรือโคตเหล็กไหลเป็นเหล็กไหลอีกชนิดหนึ่งมิใช่สิ่งที่เหล็กไหลขับถ่ายออกมา การทิ้งของเสียของเหล็กไหล จะเกิดในเวลาแทบจะเดียวกับการกิน กล่าวคือ เหล็กไหลจะกินน้ำผึ้งเป็นอาหาร เมื่อกินแล้วน้ำผึ้งจะหมดไปจริง ๆ จัง ๆ จะเหลือเป็นผงสีขาวหม่นคล้ายผงแป้งนี้คือการขับถ่ายของเหล็กไหล หากท่านไปเจอผู้นำก้อนวัตถุแช่มาในน้ำผึ้ง มาให้ท่านดูจะมีฟองหรือไม่ก็ตาม แล้วยังมีน้ำผึ้งอยู่เหมือนที่ใส่ไว้ตอนแรกเท่าเดิม ก็แสดงว่านั่นคือก้อนหิน เป็นต้น ในเรื่องนี้ก่อนหน้าข้อเขียนนี้ไม่นาน ข้าพเจ้าได้ติดต่อให้ผู้ที่อ้างว่ามีเหล็กไหลอยู่ในครอบครองและจะขาย ให้นำมาให้ข้าพเจ้าดู เขาบอกว่ามีเหล็กไหลเพลิงอยู่หลายก้อน ข้าพเจ้าถามว่าเมื่อตอนเก็บไว้ได้ตั้งรวมกันหรือไม่ ได้คำตอบว่าเก็บไว้ในพานรวมกัน ข้าพเจ้าจึงถามว่าแล้วเหล็กไหลเกาะรวมติดกันหรือไม่เมื่อรวมกัน ได้รับคำตอบว่า ไม่ ข้าพเจ้าก็นึกอยู่แล้วว่าเสร็จแน่ แบบนี้ไม่เป็นก้อนหินก็ก้อนกรวดอย่างแน่นอน จะได้กล่าวต่อไปว่าทำไมจึงวินิจฉัยเช่นนั้นในตอนที่กล่าวถึงชนิดและประเภทของเหล็กไหล ท่านที่ได้อ่านข้อเขียนนี้ จะได้ทราบถึงวิธีพิจารณาว่าสิ่งที่ท่านเห็นอยู่นี้เป็นเหล็กไหลหรือไม่ เป็นเหล็กไหลชนิดใด มีข้อห้ามในการใช้อย่างไร สำหรับผู้ที่มีความรู้ในการดูพระเครื่องอยู่แล้วจะได้เปรียบอยู่บ้างในการดูสีของเหล็กไหล แต่ข้าพเจ้าจะบอกจนคนที่ไม่เคยเห็นเลยดูเหล็กไหลได้แบบเฉียบขาดไปเลย จะไม่โดนหลอก ง่าย ๆ อีกต่อไป นัดกับเขาได้ประมาณอาทิตย์นึง เขาก็มาในเวลาค่ำราวหนึ่งทุ่ม ญาติของข้าพเจ้าก็โทรตาม ข้าพเจ้าได้ไปดูตามที่นัดกันไว้ พอไปถึงเขาก็ถามข้าพเจ้าว่าจะซื้อเหล็กไหลแบบไหน ข้าพเจ้าพูดให้ฟังว่า แบบไหนก็ได้ให้มีลักษณะที่ถูกต้องและผ่านการทดสอบสามอย่าง คือ ผ่านไม้ขีดไฟจะขีดไม่ติดยี่สิบก้าน ทดสอบไฟฟ้าจะหรี่ดับ ชั่งน้ำหนักไม่ได้ ก็จะรับซื้อในราคาเลขแปดหลักขึ้นไป เขาก็พูดว่าสงสัยของเขาไม่ผ่าน แล้วก็คุยกันสักพักก็ลากลับ สอบถามญาติข้าพเจ้าภายหลังจึงทราบว่าก่อนหน้าที่ข้าพเจ้าเข้าไป เขาได้โชว์ให้ญาติข้าพเจ้าดูเป็นหลายก้อน บางก้อนแช่น้ำผึ้งมาเลยก็มี แต่พอเจอข้าพเจ้าเขากลับไม่กล้าให้ข้าพเจ้าดู และยังบอกว่าที่พระอาจารย์เขามีจะติดต่อให้ข้าพเจ้า แต่จนบัดนั้นถึงบัดนี้ก็นานแล้ว ดูท่าว่าจะหายไปกับกลีบเมฆเสียมากว่า อีกรายหนึ่งเป็นพระ อ้างตัวว่ามีเหล็กไหลหากินมานานเกินกว่าสิบปี ได้เงินไปเป็นหลายล้าน จากการหลอกขายเหล็กไหล โดยจะขอเลื่อนนัดไปเรื่อย ๆ คนซื้ออยากซื้อก็ต้องวางมัดจำก่อน ทดสอบผ่านไม่ผ่านก็ริบมัดจำ เคยให้ข้าพเจ้าดู เก็บอยู่ในกลักขี้ผึ้งปิดสนิท พอจะเปิดกลักก็ให้ปิดพัดลมก่อน อ้างว่าเดี๋ยวพัดลมจะเสีย เปิดให้ข้าพเจ้าดูเห็นเป็นก้อนยาวรียาวประมาณสองนิ้ว กว้างเกือบสองเซนติเมตร ปลายเรียวแหลมทั้งสองด้านคล้ายดินสอที่ถูกเหลา แต่มีมนตรงปลายเล็กน้อยไม่แหลมเปี๊ยบเหมือนดินสอเสียทีเดียวมีน้ำหนักพอควร สีออกเหมือนเงินผสมหม่น ๆ แต่ไม่ขาวเหมือนเงิน เหมือนพระชินเงินที่เป็นสนิมน้อย ๆ ข้าพเจ้าเห็นแล้วก็ไม่พูดอะไร คงคิดอยู่ในใจแล้วก็บอกว่าสวยแล้วส่งคืน ท่านก็ทำหน้าแปลก ๆ แล้วรับคืนไป ท่านที่อ่านมาถึงตรงนี้แล้วขอให้ทราบว่า เหล็กไหลที่ปลายเรียวแหลมนั้นไม่มี และเหล็กที่สีหม่น ๆ นั้นไม่ใช่เหล็กไหล อาจเป็นเหล็กทาบก็เป็นได้ เหล็กไหลที่แท้จริงจะต้องมีสี มีแววเลื่อมประภัสสรเป็นประกายเหมือนสะเก็ดดาว ไม่ใช่สีด้าน ๆ แบบนี้ ถ้าเป็นแบบนี้ไม่ก้อนหินก็เป็นโลหะอะไรสักอย่างที่ทำขึ้นมาหลอกคน ไหน ๆ ก็พูดถึงเหล็กทาบแล้วก็ขอบอกให้รู้ว่าเหล็กทาบทำแบบนี้ ให้หาเพรารถยนต์หรือเหล็กกล้าอื่นมากลึงขัดเป็นรูปคล้ายเหล็กไหลคือทรงกระบอกหัวท้ายมน มาขัดจนมันวาวนำไปเผาไฟจนแดงแล้ว ปล่อยให้เย็นจะเป็นสีดำมันวาว นำไปทาบติดกันกับเหล็กไหลที่แท้จริงทาบอยู่หนึ่งวันก็จะมีอานุภาพเช่นเดียวกับเหล็กไหลอยู่หนึ่งวันเช่นกัน แค่นี้ก็เพียงพอที่จะผ่านการทดสอบไปได้อย่างสบาย พอคนซื้อมาถึงบ้านมันก็เสื่อมแล้ว ตัวใครตัวมันจะคืนก็ไม่ได้ เพราะตกลงกันว่าทดสอบผ่านแล้ว เงินก็จ่ายไปแล้ว นี่แหละกลโกง ข้าพเจ้าเคยดูในรายการทีวี ออกรายการทดสอบการยิงเหล็กไหล ก็ลองดูเขาอยู่พักหนึ่ง ข้าพเจ้าสังเกตวัตถุธาตุที่เขาทดลองยิงไม่มีก้อนไหนเลยที่เป็นเหล็กไหล อาจจะไม่สนใจที่จะถามผู้รู้ก่อน หรือด้วยเหตุอันใดก็ไม่ทราบได้ จึงได้ทดสอบยิงก้อนหินไปเช่นนี้ แล้วมันจะไม่ลั่นได้ยังไง ลั่นทุกโป้ง จบกัน
เขียนมาถึงตอนนี้แล้วขอให้ท่านผู้อ่านติดตาม ลักษณะชนิดประเภทตลอดจนอานุภาพของเหล็กไหลได้ในตอนต่อ ๆ ไป
ตำนานเหล็กไหล มีจริงหรือไม่ ตอนหนึ่ง
“ สิ้นจาก พระอาจารย์ ของข้าพเจ้าแล้ว เหล็กไหลจะเป็นเรื่องโกหกหลอกลวง ต้นตุ๋นกันไปวันหนึ่ง ๆ เท่านั้น เนื่องจากอนุชนรุ่นหลัง ไม่สามารถฝึกอภิญญาสมาบัติได้เท่าบรรพชนม์ “
ข้อเขียนนี้เมื่อลงมือเขียนขึ้นเมื่อใด แน่นอนว่าจะต้องมีผู้คัดค้านอย่างมากมาย แสดงความคิดเห็น ไม่เห็นด้วยบ้าง เห็นเป็นอย่างอื่นบ้าง ไม่รู้จริงมั่ว ๆ อาจจะเข้าใจว่าที่ตนรู้มานั้นถูกแล้ว หลับหูหลับตาทั้งที่รู้ว่าตัวไม่รู้ เหตุที่จะคัดค้านก็เพราะว่าเมื่อข้อความนี้เผยแพร่ออกไป จะมีผู้เสียประโยชน์ที่เขาเคยมีเคยได้ จากผู้ไม่รู้ที่เคยหลอกลวงได้ง่าย ๆ กลับเป็นหลอกลวงได้ยากขึ้น เหมือนตอนที่ข้าพเจ้าเคยเขียนเกี่ยวกับการไหว้ครูครอบว่า มีผู้เสียสติเป็นบ้า เนื่องจากเรียนวิชาอาคม โดยไม่ครอบครูก่อนในอีกเว็บหนึ่ง ซึ่งข้าพเจ้าจะเล่าให้ฟังในคราวต่อไป ในช่องการแสดงความคิดเห็น เขาลบข้อความของข้าพเจ้าจนหมด เพราะหากข้อความของข้าพเจ้าแพร่ออกไป จะไม่มีใครสามารถเรียนวิชาอาคมได้เลย แม้จะเป็นความจริงก็ตาม ข้อเขียนของเขาเรื่องคาถาอาคมต่าง ๆ ก็จะไร้ความหมายใช้การอะไรไม่ได้ ทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเขาก็คือ ลบความเห็นของข้าพเจ้าเป็นดีที่สุด ใครจะเป็นอะไรก็ไม่ใช่ธุระอะไรของเขา ขอเพียงได้ทำมาหากินต่อไปก็คงพอสำหรับเขาแล้ว เช่นนี้กระมัง น่าเสียดายก็แต่ข้อเขียนของข้าพเจ้ามีผู้อ่านน้อย เพราะหัวข้อดูแล้วไม่น่าสนุก ในที่สุดก็ช่วยอะไรได้ไม่มากนัก
มาว่ากันต่อเรื่องเหล็กไหล การสร้างเหล็กไหลนี้มีบันทึกไว้ในคัมภีร์ โสฬส กล่าวถึงตำราในการสร้างเหล็กไหลไว้ โดยผู้สร้างต้องนำมวลสารที่มีฤทธิ์ศักดิ์สิทธิรวมสิบสามชนิด หุงรวมกันบนยอดเขาสูง และ ผู้ที่จะสร้างเหล็กไหลนั้น จะต้องสำเร็จฌานสมาบัติลำดับที่แปด ทั้งต้องรอบรู้เจนจบในคัมภีร์โสฬส เมื่อเวลาที่เหล็กไหลหุงสุกจะปะทุพุ่งขึ้นไปในท้องฟ้าแล้วแตกกระจายไปในทิศทั้งแปด สีและชนิดของเหล็กไหลจะขึ้นอยู่กับว่าเหล็กไหลที่ปะทุขึ้นไปนั้นได้รับแสงของดวงอาทิตย์มากน้อยต่างกันอย่างไร เช่นหากเหล็กไหลหุงสุกสายแล้วดวงตะวันขึ้นสูงแล้วเหล็กไหลได้รับแสงพระอาทิตย์มากจะเป็นสีแดง หากว่าหุงสุกก่อนดวงอาทิตย์ยังไม่ขึ้นเหล็กไหลก็จะเป็นสีดำ หรือเขียว เป็นต้น จึงปรากฏว่าร้อยทั้งร้อยของผู้สร้างคือปู่ฤษี เหล็กไหลจะถูกชุบให้มีชีวิตเป็นอมตะ มีอานุภาพป้องกันตนเองจากภยันตรายนา ๆ ชนิด และป้องกันสิ่งต่าง ๆ รอบตัวในรัศมีของเหล็กไหลนั้น เป็นต้นว่าบ้านทั้งหลังถูกพายุพัด หรือไฟไหม้บ้านข้างเคียง เมื่อลามมาถึงบ้านที่มีเหล็กไหลประดิษฐานอยู่ก็จะหยุดไหม้ไม่ลามมาถึงบ้านได้ ก็จะไม่มีอันตรายไปด้วย จึงเห็นได้ว่าแท้จริงแล้ว เหล็กไหลมิได้ป้องกันผู้ที่พกเหล็กไหลโดยตรง แต่มุ่งที่จะป้องกันตนเองให้พ้นจากอันตราย จึงพลอยป้องกันผู้ที่พกเหล็กไหลให้พ้นจากอันตรายเพราะเหตุผลนี้ เหล็กไหลไม่มีวันตายเนื่องจากมีชีวิตเป็นอมตะ แต่จริง ๆ แล้วเหล็กไหลก็มีวันตายเหมือนกัน แต่นานมาก ยกตัวอย่างเหล็กไหลโกฏิปี คำว่าโกฏิแปลว่าสิบล้าน โกฏิปีก็แปลว่าสิบล้านปีนั่นคืออายุของเหล็กไหล จึงแสดงอาการของความมีชีวิตได้ เช่นเคลื่อนที่ได้ กินอาหารได้ ล่องหนและชำแรกผ่านหินผาได้ ขับถ่ายได้ คำว่าขับถ่ายได้ท่านอย่าได้ไปสับสนกันกับขี้เหล็กไหล เนื่องจากขี้หรือโคตเหล็กไหลเป็นเหล็กไหลอีกชนิดหนึ่งมิใช่สิ่งที่เหล็กไหลขับถ่ายออกมา การทิ้งของเสียของเหล็กไหล จะเกิดในเวลาแทบจะเดียวกับการกิน กล่าวคือ เหล็กไหลจะกินน้ำผึ้งเป็นอาหาร เมื่อกินแล้วน้ำผึ้งจะหมดไปจริง ๆ จัง ๆ จะเหลือเป็นผงสีขาวหม่นคล้ายผงแป้งนี้คือการขับถ่ายของเหล็กไหล หากท่านไปเจอผู้นำก้อนวัตถุแช่มาในน้ำผึ้ง มาให้ท่านดูจะมีฟองหรือไม่ก็ตาม แล้วยังมีน้ำผึ้งอยู่เหมือนที่ใส่ไว้ตอนแรกเท่าเดิม ก็แสดงว่านั่นคือก้อนหิน เป็นต้น ในเรื่องนี้ก่อนหน้าข้อเขียนนี้ไม่นาน ข้าพเจ้าได้ติดต่อให้ผู้ที่อ้างว่ามีเหล็กไหลอยู่ในครอบครองและจะขาย ให้นำมาให้ข้าพเจ้าดู เขาบอกว่ามีเหล็กไหลเพลิงอยู่หลายก้อน ข้าพเจ้าถามว่าเมื่อตอนเก็บไว้ได้ตั้งรวมกันหรือไม่ ได้คำตอบว่าเก็บไว้ในพานรวมกัน ข้าพเจ้าจึงถามว่าแล้วเหล็กไหลเกาะรวมติดกันหรือไม่เมื่อรวมกัน ได้รับคำตอบว่า ไม่ ข้าพเจ้าก็นึกอยู่แล้วว่าเสร็จแน่ แบบนี้ไม่เป็นก้อนหินก็ก้อนกรวดอย่างแน่นอน จะได้กล่าวต่อไปว่าทำไมจึงวินิจฉัยเช่นนั้นในตอนที่กล่าวถึงชนิดและประเภทของเหล็กไหล ท่านที่ได้อ่านข้อเขียนนี้ จะได้ทราบถึงวิธีพิจารณาว่าสิ่งที่ท่านเห็นอยู่นี้เป็นเหล็กไหลหรือไม่ เป็นเหล็กไหลชนิดใด มีข้อห้ามในการใช้อย่างไร สำหรับผู้ที่มีความรู้ในการดูพระเครื่องอยู่แล้วจะได้เปรียบอยู่บ้างในการดูสีของเหล็กไหล แต่ข้าพเจ้าจะบอกจนคนที่ไม่เคยเห็นเลยดูเหล็กไหลได้แบบเฉียบขาดไปเลย จะไม่โดนหลอก ง่าย ๆ อีกต่อไป นัดกับเขาได้ประมาณอาทิตย์นึง เขาก็มาในเวลาค่ำราวหนึ่งทุ่ม ญาติของข้าพเจ้าก็โทรตาม ข้าพเจ้าได้ไปดูตามที่นัดกันไว้ พอไปถึงเขาก็ถามข้าพเจ้าว่าจะซื้อเหล็กไหลแบบไหน ข้าพเจ้าพูดให้ฟังว่า แบบไหนก็ได้ให้มีลักษณะที่ถูกต้องและผ่านการทดสอบสามอย่าง คือ ผ่านไม้ขีดไฟจะขีดไม่ติดยี่สิบก้าน ทดสอบไฟฟ้าจะหรี่ดับ ชั่งน้ำหนักไม่ได้ ก็จะรับซื้อในราคาเลขแปดหลักขึ้นไป เขาก็พูดว่าสงสัยของเขาไม่ผ่าน แล้วก็คุยกันสักพักก็ลากลับ สอบถามญาติข้าพเจ้าภายหลังจึงทราบว่าก่อนหน้าที่ข้าพเจ้าเข้าไป เขาได้โชว์ให้ญาติข้าพเจ้าดูเป็นหลายก้อน บางก้อนแช่น้ำผึ้งมาเลยก็มี แต่พอเจอข้าพเจ้าเขากลับไม่กล้าให้ข้าพเจ้าดู และยังบอกว่าที่พระอาจารย์เขามีจะติดต่อให้ข้าพเจ้า แต่จนบัดนั้นถึงบัดนี้ก็นานแล้ว ดูท่าว่าจะหายไปกับกลีบเมฆเสียมากว่า อีกรายหนึ่งเป็นพระ อ้างตัวว่ามีเหล็กไหลหากินมานานเกินกว่าสิบปี ได้เงินไปเป็นหลายล้าน จากการหลอกขายเหล็กไหล โดยจะขอเลื่อนนัดไปเรื่อย ๆ คนซื้ออยากซื้อก็ต้องวางมัดจำก่อน ทดสอบผ่านไม่ผ่านก็ริบมัดจำ เคยให้ข้าพเจ้าดู เก็บอยู่ในกลักขี้ผึ้งปิดสนิท พอจะเปิดกลักก็ให้ปิดพัดลมก่อน อ้างว่าเดี๋ยวพัดลมจะเสีย เปิดให้ข้าพเจ้าดูเห็นเป็นก้อนยาวรียาวประมาณสองนิ้ว กว้างเกือบสองเซนติเมตร ปลายเรียวแหลมทั้งสองด้านคล้ายดินสอที่ถูกเหลา แต่มีมนตรงปลายเล็กน้อยไม่แหลมเปี๊ยบเหมือนดินสอเสียทีเดียวมีน้ำหนักพอควร สีออกเหมือนเงินผสมหม่น ๆ แต่ไม่ขาวเหมือนเงิน เหมือนพระชินเงินที่เป็นสนิมน้อย ๆ ข้าพเจ้าเห็นแล้วก็ไม่พูดอะไร คงคิดอยู่ในใจแล้วก็บอกว่าสวยแล้วส่งคืน ท่านก็ทำหน้าแปลก ๆ แล้วรับคืนไป ท่านที่อ่านมาถึงตรงนี้แล้วขอให้ทราบว่า เหล็กไหลที่ปลายเรียวแหลมนั้นไม่มี และเหล็กที่สีหม่น ๆ นั้นไม่ใช่เหล็กไหล อาจเป็นเหล็กทาบก็เป็นได้ เหล็กไหลที่แท้จริงจะต้องมีสี มีแววเลื่อมประภัสสรเป็นประกายเหมือนสะเก็ดดาว ไม่ใช่สีด้าน ๆ แบบนี้ ถ้าเป็นแบบนี้ไม่ก้อนหินก็เป็นโลหะอะไรสักอย่างที่ทำขึ้นมาหลอกคน ไหน ๆ ก็พูดถึงเหล็กทาบแล้วก็ขอบอกให้รู้ว่าเหล็กทาบทำแบบนี้ ให้หาเพรารถยนต์หรือเหล็กกล้าอื่นมากลึงขัดเป็นรูปคล้ายเหล็กไหลคือทรงกระบอกหัวท้ายมน มาขัดจนมันวาวนำไปเผาไฟจนแดงแล้ว ปล่อยให้เย็นจะเป็นสีดำมันวาว นำไปทาบติดกันกับเหล็กไหลที่แท้จริงทาบอยู่หนึ่งวันก็จะมีอานุภาพเช่นเดียวกับเหล็กไหลอยู่หนึ่งวันเช่นกัน แค่นี้ก็เพียงพอที่จะผ่านการทดสอบไปได้อย่างสบาย พอคนซื้อมาถึงบ้านมันก็เสื่อมแล้ว ตัวใครตัวมันจะคืนก็ไม่ได้ เพราะตกลงกันว่าทดสอบผ่านแล้ว เงินก็จ่ายไปแล้ว นี่แหละกลโกง ข้าพเจ้าเคยดูในรายการทีวี ออกรายการทดสอบการยิงเหล็กไหล ก็ลองดูเขาอยู่พักหนึ่ง ข้าพเจ้าสังเกตวัตถุธาตุที่เขาทดลองยิงไม่มีก้อนไหนเลยที่เป็นเหล็กไหล อาจจะไม่สนใจที่จะถามผู้รู้ก่อน หรือด้วยเหตุอันใดก็ไม่ทราบได้ จึงได้ทดสอบยิงก้อนหินไปเช่นนี้ แล้วมันจะไม่ลั่นได้ยังไง ลั่นทุกโป้ง จบกัน
เขียนมาถึงตอนนี้แล้วขอให้ท่านผู้อ่านติดตาม ลักษณะชนิดประเภทตลอดจนอานุภาพของเหล็กไหลได้ในตอนต่อ ๆ ไป