ตำนานเหล็กไหล มีจริงหรือไม่ ตอนหนึ่ง

กระทู้สนทนา
ตำนานเหล็กไหล  มีจริงหรือไม่ ตอนหนึ่ง

             “ สิ้นจาก  พระอาจารย์  ของข้าพเจ้าแล้ว  เหล็กไหลจะเป็นเรื่องโกหกหลอกลวง  ต้นตุ๋นกันไปวันหนึ่ง ๆ เท่านั้น  เนื่องจากอนุชนรุ่นหลัง  ไม่สามารถฝึกอภิญญาสมาบัติได้เท่าบรรพชนม์ “

      ข้อเขียนนี้เมื่อลงมือเขียนขึ้นเมื่อใด  แน่นอนว่าจะต้องมีผู้คัดค้านอย่างมากมาย  แสดงความคิดเห็น  ไม่เห็นด้วยบ้าง  เห็นเป็นอย่างอื่นบ้าง  ไม่รู้จริงมั่ว ๆ  อาจจะเข้าใจว่าที่ตนรู้มานั้นถูกแล้ว  หลับหูหลับตาทั้งที่รู้ว่าตัวไม่รู้  เหตุที่จะคัดค้านก็เพราะว่าเมื่อข้อความนี้เผยแพร่ออกไป  จะมีผู้เสียประโยชน์ที่เขาเคยมีเคยได้  จากผู้ไม่รู้ที่เคยหลอกลวงได้ง่าย ๆ  กลับเป็นหลอกลวงได้ยากขึ้น  เหมือนตอนที่ข้าพเจ้าเคยเขียนเกี่ยวกับการไหว้ครูครอบว่า  มีผู้เสียสติเป็นบ้า  เนื่องจากเรียนวิชาอาคม  โดยไม่ครอบครูก่อนในอีกเว็บหนึ่ง  ซึ่งข้าพเจ้าจะเล่าให้ฟังในคราวต่อไป  ในช่องการแสดงความคิดเห็น  เขาลบข้อความของข้าพเจ้าจนหมด  เพราะหากข้อความของข้าพเจ้าแพร่ออกไป  จะไม่มีใครสามารถเรียนวิชาอาคมได้เลย  แม้จะเป็นความจริงก็ตาม  ข้อเขียนของเขาเรื่องคาถาอาคมต่าง ๆ  ก็จะไร้ความหมายใช้การอะไรไม่ได้  ทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเขาก็คือ  ลบความเห็นของข้าพเจ้าเป็นดีที่สุด  ใครจะเป็นอะไรก็ไม่ใช่ธุระอะไรของเขา  ขอเพียงได้ทำมาหากินต่อไปก็คงพอสำหรับเขาแล้ว  เช่นนี้กระมัง  น่าเสียดายก็แต่ข้อเขียนของข้าพเจ้ามีผู้อ่านน้อย  เพราะหัวข้อดูแล้วไม่น่าสนุก  ในที่สุดก็ช่วยอะไรได้ไม่มากนัก

          มาว่ากันต่อเรื่องเหล็กไหล  การสร้างเหล็กไหลนี้มีบันทึกไว้ในคัมภีร์ โสฬส  กล่าวถึงตำราในการสร้างเหล็กไหลไว้  โดยผู้สร้างต้องนำมวลสารที่มีฤทธิ์ศักดิ์สิทธิรวมสิบสามชนิด  หุงรวมกันบนยอดเขาสูง  และ ผู้ที่จะสร้างเหล็กไหลนั้น  จะต้องสำเร็จฌานสมาบัติลำดับที่แปด  ทั้งต้องรอบรู้เจนจบในคัมภีร์โสฬส  เมื่อเวลาที่เหล็กไหลหุงสุกจะปะทุพุ่งขึ้นไปในท้องฟ้าแล้วแตกกระจายไปในทิศทั้งแปด  สีและชนิดของเหล็กไหลจะขึ้นอยู่กับว่าเหล็กไหลที่ปะทุขึ้นไปนั้นได้รับแสงของดวงอาทิตย์มากน้อยต่างกันอย่างไร  เช่นหากเหล็กไหลหุงสุกสายแล้วดวงตะวันขึ้นสูงแล้วเหล็กไหลได้รับแสงพระอาทิตย์มากจะเป็นสีแดง   หากว่าหุงสุกก่อนดวงอาทิตย์ยังไม่ขึ้นเหล็กไหลก็จะเป็นสีดำ  หรือเขียว  เป็นต้น  จึงปรากฏว่าร้อยทั้งร้อยของผู้สร้างคือปู่ฤษี   เหล็กไหลจะถูกชุบให้มีชีวิตเป็นอมตะ  มีอานุภาพป้องกันตนเองจากภยันตรายนา ๆ  ชนิด  และป้องกันสิ่งต่าง ๆ  รอบตัวในรัศมีของเหล็กไหลนั้น  เป็นต้นว่าบ้านทั้งหลังถูกพายุพัด  หรือไฟไหม้บ้านข้างเคียง  เมื่อลามมาถึงบ้านที่มีเหล็กไหลประดิษฐานอยู่ก็จะหยุดไหม้ไม่ลามมาถึงบ้านได้  ก็จะไม่มีอันตรายไปด้วย  จึงเห็นได้ว่าแท้จริงแล้ว  เหล็กไหลมิได้ป้องกันผู้ที่พกเหล็กไหลโดยตรง  แต่มุ่งที่จะป้องกันตนเองให้พ้นจากอันตราย  จึงพลอยป้องกันผู้ที่พกเหล็กไหลให้พ้นจากอันตรายเพราะเหตุผลนี้   เหล็กไหลไม่มีวันตายเนื่องจากมีชีวิตเป็นอมตะ  แต่จริง ๆ แล้วเหล็กไหลก็มีวันตายเหมือนกัน  แต่นานมาก  ยกตัวอย่างเหล็กไหลโกฏิปี  คำว่าโกฏิแปลว่าสิบล้าน  โกฏิปีก็แปลว่าสิบล้านปีนั่นคืออายุของเหล็กไหล  จึงแสดงอาการของความมีชีวิตได้  เช่นเคลื่อนที่ได้  กินอาหารได้  ล่องหนและชำแรกผ่านหินผาได้  ขับถ่ายได้  คำว่าขับถ่ายได้ท่านอย่าได้ไปสับสนกันกับขี้เหล็กไหล  เนื่องจากขี้หรือโคตเหล็กไหลเป็นเหล็กไหลอีกชนิดหนึ่งมิใช่สิ่งที่เหล็กไหลขับถ่ายออกมา  การทิ้งของเสียของเหล็กไหล  จะเกิดในเวลาแทบจะเดียวกับการกิน  กล่าวคือ  เหล็กไหลจะกินน้ำผึ้งเป็นอาหาร  เมื่อกินแล้วน้ำผึ้งจะหมดไปจริง ๆ  จัง  ๆ  จะเหลือเป็นผงสีขาวหม่นคล้ายผงแป้งนี้คือการขับถ่ายของเหล็กไหล  หากท่านไปเจอผู้นำก้อนวัตถุแช่มาในน้ำผึ้ง  มาให้ท่านดูจะมีฟองหรือไม่ก็ตาม  แล้วยังมีน้ำผึ้งอยู่เหมือนที่ใส่ไว้ตอนแรกเท่าเดิม  ก็แสดงว่านั่นคือก้อนหิน  เป็นต้น   ในเรื่องนี้ก่อนหน้าข้อเขียนนี้ไม่นาน  ข้าพเจ้าได้ติดต่อให้ผู้ที่อ้างว่ามีเหล็กไหลอยู่ในครอบครองและจะขาย  ให้นำมาให้ข้าพเจ้าดู  เขาบอกว่ามีเหล็กไหลเพลิงอยู่หลายก้อน  ข้าพเจ้าถามว่าเมื่อตอนเก็บไว้ได้ตั้งรวมกันหรือไม่  ได้คำตอบว่าเก็บไว้ในพานรวมกัน  ข้าพเจ้าจึงถามว่าแล้วเหล็กไหลเกาะรวมติดกันหรือไม่เมื่อรวมกัน  ได้รับคำตอบว่า  ไม่  ข้าพเจ้าก็นึกอยู่แล้วว่าเสร็จแน่  แบบนี้ไม่เป็นก้อนหินก็ก้อนกรวดอย่างแน่นอน  จะได้กล่าวต่อไปว่าทำไมจึงวินิจฉัยเช่นนั้นในตอนที่กล่าวถึงชนิดและประเภทของเหล็กไหล  ท่านที่ได้อ่านข้อเขียนนี้  จะได้ทราบถึงวิธีพิจารณาว่าสิ่งที่ท่านเห็นอยู่นี้เป็นเหล็กไหลหรือไม่  เป็นเหล็กไหลชนิดใด  มีข้อห้ามในการใช้อย่างไร  สำหรับผู้ที่มีความรู้ในการดูพระเครื่องอยู่แล้วจะได้เปรียบอยู่บ้างในการดูสีของเหล็กไหล  แต่ข้าพเจ้าจะบอกจนคนที่ไม่เคยเห็นเลยดูเหล็กไหลได้แบบเฉียบขาดไปเลย  จะไม่โดนหลอก ง่าย ๆ  อีกต่อไป  นัดกับเขาได้ประมาณอาทิตย์นึง  เขาก็มาในเวลาค่ำราวหนึ่งทุ่ม  ญาติของข้าพเจ้าก็โทรตาม  ข้าพเจ้าได้ไปดูตามที่นัดกันไว้  พอไปถึงเขาก็ถามข้าพเจ้าว่าจะซื้อเหล็กไหลแบบไหน  ข้าพเจ้าพูดให้ฟังว่า  แบบไหนก็ได้ให้มีลักษณะที่ถูกต้องและผ่านการทดสอบสามอย่าง  คือ  ผ่านไม้ขีดไฟจะขีดไม่ติดยี่สิบก้าน  ทดสอบไฟฟ้าจะหรี่ดับ  ชั่งน้ำหนักไม่ได้  ก็จะรับซื้อในราคาเลขแปดหลักขึ้นไป  เขาก็พูดว่าสงสัยของเขาไม่ผ่าน  แล้วก็คุยกันสักพักก็ลากลับ  สอบถามญาติข้าพเจ้าภายหลังจึงทราบว่าก่อนหน้าที่ข้าพเจ้าเข้าไป  เขาได้โชว์ให้ญาติข้าพเจ้าดูเป็นหลายก้อน  บางก้อนแช่น้ำผึ้งมาเลยก็มี  แต่พอเจอข้าพเจ้าเขากลับไม่กล้าให้ข้าพเจ้าดู  และยังบอกว่าที่พระอาจารย์เขามีจะติดต่อให้ข้าพเจ้า  แต่จนบัดนั้นถึงบัดนี้ก็นานแล้ว  ดูท่าว่าจะหายไปกับกลีบเมฆเสียมากว่า  อีกรายหนึ่งเป็นพระ  อ้างตัวว่ามีเหล็กไหลหากินมานานเกินกว่าสิบปี  ได้เงินไปเป็นหลายล้าน  จากการหลอกขายเหล็กไหล  โดยจะขอเลื่อนนัดไปเรื่อย ๆ  คนซื้ออยากซื้อก็ต้องวางมัดจำก่อน  ทดสอบผ่านไม่ผ่านก็ริบมัดจำ  เคยให้ข้าพเจ้าดู  เก็บอยู่ในกลักขี้ผึ้งปิดสนิท  พอจะเปิดกลักก็ให้ปิดพัดลมก่อน  อ้างว่าเดี๋ยวพัดลมจะเสีย  เปิดให้ข้าพเจ้าดูเห็นเป็นก้อนยาวรียาวประมาณสองนิ้ว  กว้างเกือบสองเซนติเมตร  ปลายเรียวแหลมทั้งสองด้านคล้ายดินสอที่ถูกเหลา  แต่มีมนตรงปลายเล็กน้อยไม่แหลมเปี๊ยบเหมือนดินสอเสียทีเดียวมีน้ำหนักพอควร  สีออกเหมือนเงินผสมหม่น ๆ  แต่ไม่ขาวเหมือนเงิน  เหมือนพระชินเงินที่เป็นสนิมน้อย ๆ  ข้าพเจ้าเห็นแล้วก็ไม่พูดอะไร  คงคิดอยู่ในใจแล้วก็บอกว่าสวยแล้วส่งคืน   ท่านก็ทำหน้าแปลก  ๆ  แล้วรับคืนไป  ท่านที่อ่านมาถึงตรงนี้แล้วขอให้ทราบว่า  เหล็กไหลที่ปลายเรียวแหลมนั้นไม่มี  และเหล็กที่สีหม่น ๆ  นั้นไม่ใช่เหล็กไหล  อาจเป็นเหล็กทาบก็เป็นได้  เหล็กไหลที่แท้จริงจะต้องมีสี  มีแววเลื่อมประภัสสรเป็นประกายเหมือนสะเก็ดดาว  ไม่ใช่สีด้าน ๆ  แบบนี้ ถ้าเป็นแบบนี้ไม่ก้อนหินก็เป็นโลหะอะไรสักอย่างที่ทำขึ้นมาหลอกคน  ไหน  ๆ  ก็พูดถึงเหล็กทาบแล้วก็ขอบอกให้รู้ว่าเหล็กทาบทำแบบนี้  ให้หาเพรารถยนต์หรือเหล็กกล้าอื่นมากลึงขัดเป็นรูปคล้ายเหล็กไหลคือทรงกระบอกหัวท้ายมน  มาขัดจนมันวาวนำไปเผาไฟจนแดงแล้ว  ปล่อยให้เย็นจะเป็นสีดำมันวาว  นำไปทาบติดกันกับเหล็กไหลที่แท้จริงทาบอยู่หนึ่งวันก็จะมีอานุภาพเช่นเดียวกับเหล็กไหลอยู่หนึ่งวันเช่นกัน  แค่นี้ก็เพียงพอที่จะผ่านการทดสอบไปได้อย่างสบาย  พอคนซื้อมาถึงบ้านมันก็เสื่อมแล้ว  ตัวใครตัวมันจะคืนก็ไม่ได้  เพราะตกลงกันว่าทดสอบผ่านแล้ว  เงินก็จ่ายไปแล้ว  นี่แหละกลโกง  ข้าพเจ้าเคยดูในรายการทีวี  ออกรายการทดสอบการยิงเหล็กไหล  ก็ลองดูเขาอยู่พักหนึ่ง  ข้าพเจ้าสังเกตวัตถุธาตุที่เขาทดลองยิงไม่มีก้อนไหนเลยที่เป็นเหล็กไหล  อาจจะไม่สนใจที่จะถามผู้รู้ก่อน  หรือด้วยเหตุอันใดก็ไม่ทราบได้  จึงได้ทดสอบยิงก้อนหินไปเช่นนี้   แล้วมันจะไม่ลั่นได้ยังไง  ลั่นทุกโป้ง  จบกัน

              เขียนมาถึงตอนนี้แล้วขอให้ท่านผู้อ่านติดตาม  ลักษณะชนิดประเภทตลอดจนอานุภาพของเหล็กไหลได้ในตอนต่อ ๆ  ไป
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่