สวัสดีครับ
วันนี้ผมจะขอนำเสนอหมวกกันน็อคใบใหม่ ที่ราคาค่อนข้างเป็นมิคร
ตัวไฟเบอร์ราคาอยู่ที่ 6,xxx บาท
ตัวคาร์บอนอยู่ที่ 8,xxx บาท
หมวกกันน็อค LS2 FF323 Arrow
สาเหตุที่ผมเลือกที่จำซื้อหมวกใบนี้เนื่องจากกำลังมองหาหมวกกันน็อคใบใหม่อยู่
และต้องอยู่ในงบประมาณไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท
ซึ่งก็มีอยู่หลายตัวเลือกด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น HJC FG-17 AGV K-3SV บลาๆๆๆๆๆ
แต่ก็มาต้องตาต้องใจกับสเป็คของเจ้า FF323 ใบนี้ตรงที่ มันมีเปลือกหมวก 3 ขนาด
เนื่องจากผมเป็นคนที่มีขนาดศรีษะเล็ก จึงต้องใส่หมวกไซส์ S
และการที่ใส่หมวกไซส์ S โดยที่มีเปลือกหมวกขนาดเท่ากับไซส์ XL มันจะเป็นอะไรที่......โต๊..โต
ผมจึงเลือกที่จะซื้อหมวกรุ่นนี้มาใช้งานครับ เพราะมันมีเปลือกหมวกเล็กพิเศษสำหรับคนหัวน้อยแบบผม อิอิ
ซึ่งในการ Review ของผมในครั้งนี้ จะขอใช้การเปรียบเทียบข้อมูลบางส่วน กับหมวกใบเดิมของผม นั่นก็คือ HJC R-PHA10 อดีตเรือธงของ HJC
ซึ่งผมได้มาช่วงลดราคา (ฮ่า) ทำให้ราคาของ R-PHA 10 ไม่ห่างจาก LS2 FF323 ครับ
เรามาเริ่มที่รูปร่างของหมวกกันก่อนเลยครับ
แกะกล่องมาจะเจอกับหมวกใบถุงผ้า (สีสันช่าง..........อิอิ)
นอกจากถุงผ้าแล้วในกล่องก็มีแค่เนี้ยแหละครับ
คู่มือ , สติ๊กเกอร์แบรนด์ , บัตรอะไรก็ไม่รู้ , ขนมไว้เคี้ยวเล่น(อย่าเอาเข้าปากจริงๆนะ)
ไม่มี Pinlock กันฝ้าแถมมาให้นะครับ
แม้ว่าข้างกล่องจะติดสติ๊กเกอร์ว่ามี Pinlcok แถมมาให้ก็ตาม เรื่องนี้ทางตัวแทนจำหน่ายได้ชี้แจงให้ทราบกันแล้วที่หน้าเพจ
ต่อมามาดูกันที่มิติของหมวกเมื่อเทียบกับหมวกไซส์ S ด้วยกันอย่าง HJC R-PHA 10
ถ้าเทียบขนาดแล้วจะไม่ต่างกันมากครับ HJC จะคางสั้นกว่า แต่ตัวหมวกจะอ้วนกว่านิดหน่อยครับ
สปอยเลอร์ด้านหลังหมวก LS2 ขนาดเล็กกว่าพอสมควร (คิดว่าคงออกแบบมาให้ได้ Feel ลูกธนูตามชื่อรุ่นล่ะมั้ง)
ส่วนที่ใช้ยึดชิลด์หมวกเป็นลายคาร์บอนสวยงามมาก มีประดับด้วยวัสดุโลหะเงา ทำให้สวยขึ้นไปอีก ชอบมากส่วนนี้
ช่องลมตรงคางด้านหน้ามีสองชั้น
ชั้นแรกจะเห็นชัดเจนตรงคางให้เลื่อนขึ้นเลื่อนลงตามที่เห็นทั่วไป
ชั้นที่สองจะอยู่ด้านใน แหกซอกนุ่มๆตรงแผ่นกันลมหวนออกจะพบกับติ่งเล็กๆที่สามารถเอานิ้วเขี่ยให้ขยับเปิดปิดช่องลมได้
ช่องลมด้านบนมีสองช่อง ใช้นิ้วดันเข้าดันออกเพื่อเปิดปิด อันนี้ไม่ซับซ้อนอะไร เห็นได้ตามหมวกทั่วไป
สายรัดคางเป็นแบบ DD-Ring
มีสาย Emergency Pull out ที่ใช้ถอดนวมทั้งยวงเวลาเกิดอุบัติเหตุ น่าใช้ไหมล่ะ ลองเอาไปใช้ดูได้นะครับ ผมขอบายไม่ใช้ดีกว่า
ตรงช่องขมับของนวมไม่ได้ติดกระดุมอะไรแถมเหมือนจะมีเว้าข้างในด้วยสามารถใส่แว่นตาได้โดยที่ไม่โดนกดทับ น่าจะถูกใจหลายๆคน
นวมในถอดออกมาที ถอดทั้งยวง ไม่ได้แยกชิ้นครับ(ยกเว้นกันลมหวนแยกออกมาได้) แถมมีลวดใส่ไว้น่าจะเพื่อความแข็งแรง
ชิ้นสุดท้ายผมไม่รู้ว่าจะถอดยังไง เลยไม่กล้าถอด หมวกใหม่ด้วย 55555
ระบบล็อกชิลด์หน้าเป็นแบบสลักล็อคปุ่มกด เมื่อต้องการเปิดชิลด์หน้าให้กดปุ่มสีเงินๆที่มีคำว่า LS2 ชิลด์ก็จะเด้งขึ้นเล็กน้อย
ปล.การเลื่อนชิลด์สมูทมากๆครับ
การถอดชิลด์หน้าไม่ต้องใช้เครื่องมือ เอานิ้วแหย่ๆดันๆตรงติ่งๆชิลด์จะหลุดออกมาเอง เดี๋ยวนี้เป็นแนวนี้กันเกือบหมด
ต่อมาด้านน้ำหนัก ผมขอนำมาเปรียบมวยกับ HJC R-PHA10 เหมือนเดิม
HJC ใช้วัสดุเปลือกหมวกแบบที่ใช้ชื่อว่า P.I.M. ส่วน LS2 ใช้ชื่อว่า Tri-Compisite
หลักๆก็คงเป็นไฟเบอร์ เคฟล่า คาร์บอน อะไรๆเทือกนี้
อุปกรณ์ที่ใช้ชั่งน้ำหนักครับ แหะๆ
น้ำหนักของ HJC ก่อน
หลังหมวกบอกว่า 1250+-50g พอชั่งจริงปรากฎว่า
1,240 กรัม เบามว้าก
ต่อมาเป็นน้ำหนักของ LS2
หลังหมวก
1390+-50 g พอชั่งจริงปรากฎว่า
137...เลยมานิด ตีเป็น 5 ละกัน 1,375 กรัม
สรุป
HJC R-PHA10 น้ำหนักอยู่ที่ 1,240กรัม
LS2 FF323 น้ำหนักอยู่ที่ 1,375กรัม
ทั้งสองใบเป็นหมวกไซส์ S ครับ
ต่อเป็นสิ่งที่ผมไม่สามารถจัดหาหลักฐานมายืนยันได้ นั่นคือ เรื่องของความรู้สึกล้วนๆ
จากที่ผมได้นำหมวก LS2 ใบนี้ไปทดสอบวิ่งระยะทางประมาณ 100 กิโลเมตร
ผลที่ได้คือ
1.ชิลด์หน้ามุมมองกว้างเวอร์ครับ
จัดว่าเป็นจุดขายของมันที่บอกว่าเป็น Racing Visor เลย นั่นคือการที่เปลือกหมวกไม่มาบดบังทัศนวิสัยเวลาเราก้มหมอบเพื่อทำความเร็วนั่นเอง
ตอนที่ใส่นี่แทบไม่เห็นขอบเปลือกหมวกเลยครับ ชิลด์หน้ากว้างเอามากๆ
แต่ด้วยชิลด์ที่กว้างนี้เองก็มีข้อเสียเหมือนกัน..........ชิลด์ใสครับ โดนแดดร้อนฉ่าๆเลยทีเดียว = =; (หมอบหลบแดดได้บ้างนะ อิอิ)
2.ลู่ลมมากครับ ความเร็ว 140-150 km/h ไม่ส่ายนะครับ หันซ้ายหันขวาได้ปกติด้วย เวอร์กว่า HJC R-PHA10 อีก
ทั้งๆที่ชั่งน้ำหนักได้หนักกว่า HJC R-PHA10 แต่กลับไม่รู้สึกว่ามันหนักกว่าเลย ก็ด้วยความลู่ลมของตัวมันนี้เอง
3.นวมในถ้าเทียบกับ HJC R-PHA10 แล้วจัดว่าแข็งกว่าครับ ความ เนียน-นุ่ม-นิ่ม-ลื่น-เด้งดึ๋งดั๋งสู้มือ ยังเทียบ R-PHA10 ไม่ได้
แต่อย่างไรก็ตามก็ต้องลองใช้งานยาวๆดูก่อนเผื่อนวมจะยุบ หรือนุ่ม-นิ่มขึ้นมาบ้าง
4.เสียงลมตีหมวกดังพอสมควร ดังกว่า HJC R-PHA10 อีก แต่ไม่มีเสียงหวีดให้ได้ยินนะครับ
5.ตำแหน่งกระดุมของสายรัด DD-Ring อยู่สูงไปหน่อยนะ คลำหาแต้บกระดุมลำบากนิดหน่อย
6.กันลมหวนใต้คางทำหน้าที่ได้นะ แต่กันได้ไม่หมด หรือผมหัวเล็กไป
7.ระบบระบายอากาศตรงคางทำหน้าที่ได้ดีมากครับ ลมเข้าสบายเลย ตรงหัวนี่ลมเข้ามารู้สึกจั้กกะจี้นิดๆนะ (ลมมันเขี่ยผม อิอิ)
8.เหมือนจะเว้าด้านในไว้สำหรับหูนะครับ น่าจะใช้ได้ดี ยกเว้นคนหูกางและติ่งหูที่ยาวใหญ่และยานแบบผม เล่นซะของผมแดงเลย อิอิ
แต่ก็ต้องรอดูใช้ยาวๆกันก่อน นวมอาจจะยังไม่เข้าที่
เท่าที่ลองๆมาที่จับจุดได้ก็มีแค่นี้ครับ นอกนั้นจะเป็นเรื่องการเก็บรายละเอียดของชิ้นงาน
ซึ่งก็บอกได้เลยว่า การเก็บรายละเอียดชิ้นงานยังไม่ดีพอครับ
ยังมีการฝังตัวของเม็ดฝุ่นเม็ดสีในชั้นเคลือบสีต่างๆพอสมควร
ซึ่งส่วนนี้พวกเราซึ่งเป็นลูกค้าที่จะเลือกซื้อหมวกก็คงต้องดูดีๆให้ละเอียดๆก่อนจะจ่ายเงินครับ
แต่ถ้าสั่งซื้อส่งทางไปรษณีย์อย่างผมก็คงต้องทำใจครับ เราเลือกสินค้าหน้าร้านเองไม่ได้
ตรวจดูสินค้าให้ดีก่อนนำไปใช้งาน อย่าเพิ่งลอกกันรอยที่ชิลด์หน้าออก และอย่าเพิ่งลองสวมใส่ทันที
หากพบว่าสินค้าไม่สมบูรณ์ ให้รีบติดต่อเคลมกับร้านที่ซื้อมาทันทีครับ
ขอขอบคุณทุกท่านที่ยอมทนอ่าน Review รั่วๆครั้งนี้ของผมอีกครั้งนะครับ
ผิดพลาดประการใด ผมขออภัยไว้ล่วงหน้า ณ ที่นี้ครับ
ขอบคุณมากคร้าบบบบ
[CR] CR : LS2 FF323 ARROW R สดใหม่เปิดโลกแห่งการหมอบ
วันนี้ผมจะขอนำเสนอหมวกกันน็อคใบใหม่ ที่ราคาค่อนข้างเป็นมิคร
ตัวไฟเบอร์ราคาอยู่ที่ 6,xxx บาท
ตัวคาร์บอนอยู่ที่ 8,xxx บาท
หมวกกันน็อค LS2 FF323 Arrow
สาเหตุที่ผมเลือกที่จำซื้อหมวกใบนี้เนื่องจากกำลังมองหาหมวกกันน็อคใบใหม่อยู่
และต้องอยู่ในงบประมาณไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท
ซึ่งก็มีอยู่หลายตัวเลือกด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น HJC FG-17 AGV K-3SV บลาๆๆๆๆๆ
แต่ก็มาต้องตาต้องใจกับสเป็คของเจ้า FF323 ใบนี้ตรงที่ มันมีเปลือกหมวก 3 ขนาด
เนื่องจากผมเป็นคนที่มีขนาดศรีษะเล็ก จึงต้องใส่หมวกไซส์ S
และการที่ใส่หมวกไซส์ S โดยที่มีเปลือกหมวกขนาดเท่ากับไซส์ XL มันจะเป็นอะไรที่......โต๊..โต
ผมจึงเลือกที่จะซื้อหมวกรุ่นนี้มาใช้งานครับ เพราะมันมีเปลือกหมวกเล็กพิเศษสำหรับคนหัวน้อยแบบผม อิอิ
ซึ่งในการ Review ของผมในครั้งนี้ จะขอใช้การเปรียบเทียบข้อมูลบางส่วน กับหมวกใบเดิมของผม นั่นก็คือ HJC R-PHA10 อดีตเรือธงของ HJC
ซึ่งผมได้มาช่วงลดราคา (ฮ่า) ทำให้ราคาของ R-PHA 10 ไม่ห่างจาก LS2 FF323 ครับ
เรามาเริ่มที่รูปร่างของหมวกกันก่อนเลยครับ
แกะกล่องมาจะเจอกับหมวกใบถุงผ้า (สีสันช่าง..........อิอิ)
นอกจากถุงผ้าแล้วในกล่องก็มีแค่เนี้ยแหละครับ
คู่มือ , สติ๊กเกอร์แบรนด์ , บัตรอะไรก็ไม่รู้ , ขนมไว้เคี้ยวเล่น(อย่าเอาเข้าปากจริงๆนะ)
ไม่มี Pinlock กันฝ้าแถมมาให้นะครับ
แม้ว่าข้างกล่องจะติดสติ๊กเกอร์ว่ามี Pinlcok แถมมาให้ก็ตาม เรื่องนี้ทางตัวแทนจำหน่ายได้ชี้แจงให้ทราบกันแล้วที่หน้าเพจ
ต่อมามาดูกันที่มิติของหมวกเมื่อเทียบกับหมวกไซส์ S ด้วยกันอย่าง HJC R-PHA 10
ถ้าเทียบขนาดแล้วจะไม่ต่างกันมากครับ HJC จะคางสั้นกว่า แต่ตัวหมวกจะอ้วนกว่านิดหน่อยครับ
สปอยเลอร์ด้านหลังหมวก LS2 ขนาดเล็กกว่าพอสมควร (คิดว่าคงออกแบบมาให้ได้ Feel ลูกธนูตามชื่อรุ่นล่ะมั้ง)
ส่วนที่ใช้ยึดชิลด์หมวกเป็นลายคาร์บอนสวยงามมาก มีประดับด้วยวัสดุโลหะเงา ทำให้สวยขึ้นไปอีก ชอบมากส่วนนี้
ช่องลมตรงคางด้านหน้ามีสองชั้น
ชั้นแรกจะเห็นชัดเจนตรงคางให้เลื่อนขึ้นเลื่อนลงตามที่เห็นทั่วไป
ชั้นที่สองจะอยู่ด้านใน แหกซอกนุ่มๆตรงแผ่นกันลมหวนออกจะพบกับติ่งเล็กๆที่สามารถเอานิ้วเขี่ยให้ขยับเปิดปิดช่องลมได้
ช่องลมด้านบนมีสองช่อง ใช้นิ้วดันเข้าดันออกเพื่อเปิดปิด อันนี้ไม่ซับซ้อนอะไร เห็นได้ตามหมวกทั่วไป
สายรัดคางเป็นแบบ DD-Ring
มีสาย Emergency Pull out ที่ใช้ถอดนวมทั้งยวงเวลาเกิดอุบัติเหตุ น่าใช้ไหมล่ะ ลองเอาไปใช้ดูได้นะครับ ผมขอบายไม่ใช้ดีกว่า
ตรงช่องขมับของนวมไม่ได้ติดกระดุมอะไรแถมเหมือนจะมีเว้าข้างในด้วยสามารถใส่แว่นตาได้โดยที่ไม่โดนกดทับ น่าจะถูกใจหลายๆคน
นวมในถอดออกมาที ถอดทั้งยวง ไม่ได้แยกชิ้นครับ(ยกเว้นกันลมหวนแยกออกมาได้) แถมมีลวดใส่ไว้น่าจะเพื่อความแข็งแรง
ชิ้นสุดท้ายผมไม่รู้ว่าจะถอดยังไง เลยไม่กล้าถอด หมวกใหม่ด้วย 55555
ระบบล็อกชิลด์หน้าเป็นแบบสลักล็อคปุ่มกด เมื่อต้องการเปิดชิลด์หน้าให้กดปุ่มสีเงินๆที่มีคำว่า LS2 ชิลด์ก็จะเด้งขึ้นเล็กน้อย
ปล.การเลื่อนชิลด์สมูทมากๆครับ
การถอดชิลด์หน้าไม่ต้องใช้เครื่องมือ เอานิ้วแหย่ๆดันๆตรงติ่งๆชิลด์จะหลุดออกมาเอง เดี๋ยวนี้เป็นแนวนี้กันเกือบหมด
ต่อมาด้านน้ำหนัก ผมขอนำมาเปรียบมวยกับ HJC R-PHA10 เหมือนเดิม
HJC ใช้วัสดุเปลือกหมวกแบบที่ใช้ชื่อว่า P.I.M. ส่วน LS2 ใช้ชื่อว่า Tri-Compisite
หลักๆก็คงเป็นไฟเบอร์ เคฟล่า คาร์บอน อะไรๆเทือกนี้
อุปกรณ์ที่ใช้ชั่งน้ำหนักครับ แหะๆ
น้ำหนักของ HJC ก่อน
หลังหมวกบอกว่า 1250+-50g พอชั่งจริงปรากฎว่า
1,240 กรัม เบามว้าก
ต่อมาเป็นน้ำหนักของ LS2
หลังหมวก
1390+-50 g พอชั่งจริงปรากฎว่า
137...เลยมานิด ตีเป็น 5 ละกัน 1,375 กรัม
สรุป
HJC R-PHA10 น้ำหนักอยู่ที่ 1,240กรัม
LS2 FF323 น้ำหนักอยู่ที่ 1,375กรัม
ทั้งสองใบเป็นหมวกไซส์ S ครับ
ต่อเป็นสิ่งที่ผมไม่สามารถจัดหาหลักฐานมายืนยันได้ นั่นคือ เรื่องของความรู้สึกล้วนๆ
จากที่ผมได้นำหมวก LS2 ใบนี้ไปทดสอบวิ่งระยะทางประมาณ 100 กิโลเมตร
ผลที่ได้คือ
1.ชิลด์หน้ามุมมองกว้างเวอร์ครับ
จัดว่าเป็นจุดขายของมันที่บอกว่าเป็น Racing Visor เลย นั่นคือการที่เปลือกหมวกไม่มาบดบังทัศนวิสัยเวลาเราก้มหมอบเพื่อทำความเร็วนั่นเอง
ตอนที่ใส่นี่แทบไม่เห็นขอบเปลือกหมวกเลยครับ ชิลด์หน้ากว้างเอามากๆ
แต่ด้วยชิลด์ที่กว้างนี้เองก็มีข้อเสียเหมือนกัน..........ชิลด์ใสครับ โดนแดดร้อนฉ่าๆเลยทีเดียว = =; (หมอบหลบแดดได้บ้างนะ อิอิ)
2.ลู่ลมมากครับ ความเร็ว 140-150 km/h ไม่ส่ายนะครับ หันซ้ายหันขวาได้ปกติด้วย เวอร์กว่า HJC R-PHA10 อีก
ทั้งๆที่ชั่งน้ำหนักได้หนักกว่า HJC R-PHA10 แต่กลับไม่รู้สึกว่ามันหนักกว่าเลย ก็ด้วยความลู่ลมของตัวมันนี้เอง
3.นวมในถ้าเทียบกับ HJC R-PHA10 แล้วจัดว่าแข็งกว่าครับ ความ เนียน-นุ่ม-นิ่ม-ลื่น-เด้งดึ๋งดั๋งสู้มือ ยังเทียบ R-PHA10 ไม่ได้
แต่อย่างไรก็ตามก็ต้องลองใช้งานยาวๆดูก่อนเผื่อนวมจะยุบ หรือนุ่ม-นิ่มขึ้นมาบ้าง
4.เสียงลมตีหมวกดังพอสมควร ดังกว่า HJC R-PHA10 อีก แต่ไม่มีเสียงหวีดให้ได้ยินนะครับ
5.ตำแหน่งกระดุมของสายรัด DD-Ring อยู่สูงไปหน่อยนะ คลำหาแต้บกระดุมลำบากนิดหน่อย
6.กันลมหวนใต้คางทำหน้าที่ได้นะ แต่กันได้ไม่หมด หรือผมหัวเล็กไป
7.ระบบระบายอากาศตรงคางทำหน้าที่ได้ดีมากครับ ลมเข้าสบายเลย ตรงหัวนี่ลมเข้ามารู้สึกจั้กกะจี้นิดๆนะ (ลมมันเขี่ยผม อิอิ)
8.เหมือนจะเว้าด้านในไว้สำหรับหูนะครับ น่าจะใช้ได้ดี ยกเว้นคนหูกางและติ่งหูที่ยาวใหญ่และยานแบบผม เล่นซะของผมแดงเลย อิอิ
แต่ก็ต้องรอดูใช้ยาวๆกันก่อน นวมอาจจะยังไม่เข้าที่
เท่าที่ลองๆมาที่จับจุดได้ก็มีแค่นี้ครับ นอกนั้นจะเป็นเรื่องการเก็บรายละเอียดของชิ้นงาน
ซึ่งก็บอกได้เลยว่า การเก็บรายละเอียดชิ้นงานยังไม่ดีพอครับ
ยังมีการฝังตัวของเม็ดฝุ่นเม็ดสีในชั้นเคลือบสีต่างๆพอสมควร
ซึ่งส่วนนี้พวกเราซึ่งเป็นลูกค้าที่จะเลือกซื้อหมวกก็คงต้องดูดีๆให้ละเอียดๆก่อนจะจ่ายเงินครับ
แต่ถ้าสั่งซื้อส่งทางไปรษณีย์อย่างผมก็คงต้องทำใจครับ เราเลือกสินค้าหน้าร้านเองไม่ได้
ตรวจดูสินค้าให้ดีก่อนนำไปใช้งาน อย่าเพิ่งลอกกันรอยที่ชิลด์หน้าออก และอย่าเพิ่งลองสวมใส่ทันที
หากพบว่าสินค้าไม่สมบูรณ์ ให้รีบติดต่อเคลมกับร้านที่ซื้อมาทันทีครับ
ขอขอบคุณทุกท่านที่ยอมทนอ่าน Review รั่วๆครั้งนี้ของผมอีกครั้งนะครับ
ผิดพลาดประการใด ผมขออภัยไว้ล่วงหน้า ณ ที่นี้ครับ
ขอบคุณมากคร้าบบบบ